วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 02:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2016, 04:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


" ผู้ที่สำเร็จคุณธรรมเป็นพระอริยบุคคลไม่
ว่าชั้นใดก็ตาม ท่านจะอยู่ร่วมครองเรือนกับ
ฆราวาสทั่วไปลำบาก การอยู่ครองเรือน
ย่อมจะมีกระทบกระทั่งกันทางอารมณ์ ผู้ที่
มีภูมิธรรมท่านจะรู้จักละปลงปล่อยวางเป็น
แต่ปุถุชนคนธรรมดาจะละวางไม่เป็น เมื่อมี
เหตุกระทบกันจะทำให้เป็นบาปกรรมได้

ด้วยวิสัยของท่านผู้มีภูมิธรรม ท่านจะ
พิจารณาถึงอนาคตข้างหน้าของตนเอง
หากท่านมีวาสนาทางเนกขัมมะบารมีท่าน
ก็จะออกบวชเพื่ออยู่โปรดสัตว์โลก หาก
ท่านพิจารณาเห็นตนเองไม่มีวาสนาบารมี
ในทางนี้ ท่านก็จะพิจารณาปลงสังขารละ
ขันธ์ไปในที่สุด "

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม







" ปัญญากับสติให้รู้เท่าทันกัน
พิจารณากาย จิต ความไม่เที่ยงของสังขาร
เป็นธรรมะสื่อให้เห็นเรื่อย ๆ
ทำความรู้ในนั้น เห็นในนั้น ๆ
มหาสติเรียนกายจิตให้มาก ๆ
ให้เห็นจริง ธรรมะจริง สมมุติ
อย่าหลงรูป เสียง กลิ่น รส
ของอันนี้เต็มโลกอยู่เช่นนั้นฯ "

หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต




" ผู้ที่จะปฏิบัติธรรม เพื่อให้ได้สมาธิที่ถูกต้อง
เป็น "สัมมาสมาธิ" ให้ได้ปัญญาเป็น
"สัมมาทิฏฐิ" ต้องอาศัย"ศีล"
เป็นมูลฐาน ศีลที่เรารักษาบริสุทธิ์
บริบูรณ์ดีแล้วนั้นแหละ จะประคับประคองจิตใจ
ให้มีความสงบ ลงสู่ความเป็นสมาธิ
อย่างถูกต้อง เมื่อสมาธิอาศัย
อำนาจแห่งศีลเป็น เครื่องอบรม "ปัญญา"
คือ ความรู้ที่เกิดขึ้นมา ย่อมเป็น "สัมมาทิฏฐิ" "
(โอวาทธรรม หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)






ธรรมะก่อนนิทรา : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
คืนที่ ๙๕๘ ธรรมานุปัสสนา ๔ ชั้น : บทนำ (๔)

โดยตรง ก็หมายถึงกายใจ อันเป็นสังขารคือ สิ่งผสมปรุงแต่ง ซึ่งเป็นวิบากขันธ์ ขันธ์ที่เป็นวิบากของกรรมเก่า นับแต่ชนกกรรม กรรมที่ให้เกิดมาเป็นรูปเป็นนาม อันเป็นที่ตั้งแห่งสมมติบัญญัติว่าเป็นบุคคล ตัวตนเราเขานี้ ซึ่งเป็นวิบากขันธ์
และก็หมายถึงปฏิบัติขันธ์ คือขันธ์ที่ใช้ปฏิบัติ ว่าถึงการปฏิบัติธรรมะ ก็การปฏิบัติอบรมสติอบรมปัญญา หรือปฏิบัติสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน ดังที่ปฏิบัติกันอยู่ ซึ่งก็เป็นตัวสติตัวปัญญาที่ปฏิบัติให้มีขึ้น แม้สติปัญญาที่เป็นธรรมปฏิบัตินี้ ก็เป็นปฏิบัติขันธ์ กองปฏิบัติ ก็รวมเข้าเป็นรูปเป็นนามในฝ่ายปฏิบัติ
ฉะนั้น แม้สติปัญญาก็เป็นรูปเป็นนาม ตัวรูปนามนี่เป็นวิบาก ขันธ์เองก็เป็นรูปเป็นนาม เพราะฉะนั้นก็จับพิจารณารูปธรรมนามธรรม เอารูปธรรมนามธรรมที่เป็นตัววิบากขันธ์ก่อน สติปัญญานั้นก็รวมอยู่ในรูปธรรมนามธรรมนั้นแหละ แต่ว่าจับเอาตัววิบากขันธ์ขึ้นก่อน.






ตามความเป็นจริงแล้ว โลกที่เราอยู่นี้ไม่มีอะไรทำไมใครเลย
ไม่มีอะไรจะเป็นที่วิตกวิจารย์เลย
ไม่มีอะไรที่น่าจะร้องไห้หรือหัวเราะ
เพราะมันเป็นเรื่องอย่างนั้นธรรมดาๆ
แต่เราพูดธรรมดาได้ แต่มองไม่เห็นธรรมดา
แต่ถ้าเรารู้ธรรมะสม่ำเสมอ
ไม่มีอะไรเป็นอะไรแล้ว
มันเกิดมันดับของมันอยู่อย่างนั้น
เราก็สงบ

พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 60 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร