Kiss
คิดแบบอยู่กับปัจจุบันจริงๆที่กำลังมีคือมีแต่ธัมมะ
ไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนมีแต่จิต+เจสิก+รูปเกิดดับ
แต่ละดวงมี1ขณะจิตที่ไม่เหมือนกันไม่ซ้ำกันเลย
ไม่มีใครบัญชาการสั่งให้จิตเกิดหรือดับเป็นไปเอง
เดี๋ยวนี้เองค่ะทุกอย่างที่มีแล้วดับไปหมดแล้วด้วย
เป็นจิตแต่ละ1ขณะปัจจุบันธรรมที่ไม่กลับมาให้รู้
เกิดขณะใหม่สืบต่อไปเรื่อยๆหยุดจำคำและเรื่อง
ให้ดูจิตตนที่กระเพื่อมไปตามเหตุปัจจัยที่กำลังมี
โกรธก็ให้รู้ว่าโกรธเป็นธัมมะเป็นอกุศลกรรมแล้ว
เปลี่ยนกรรมคือจิตที่ดับไปแต่ละ1ขณะนั้นได้เลย

ดับไปหมดแล้วด้วย

ที่ว่า "ดับ" ดับไปหมดแล้ว หมายถึงอะไร ยังไงขอรับ ดับ

เวลาไม่ถอยหลังกลับ สิ่งที่ดับไปแล้วไม่ย้อนมาเกิดอีกเลย
เป็นการเกิดสืบต่อของจิตขณะใหม่ตามเหตุตามปัจจัยที่มี
จนกว่าจะสิ้นสุดผลของกรรมแต่ละชาติ แม้ชาตินี้ที่กำลังมี
ไม่ใช่จิตขณะแรกของชาตินี้ คือปฏิสนธิจิตดับไปแล้ว แต่มี
จิตแต่ละขณะที่สืบต่อตามภพภูมิ คือ ทารก-เด็ก-ผู้ใหญ่-ชรา
จิตขณะสุดท้ายคือจุติจิตจะให้ผลตอนไหนไม่มีใครรู้ได้เลย
เพราะเป็นเพียง1ขณะจิตเท่านั้นที่ให้ผลสืบต่อไปไม่มีหยุด
ถ้าไม่หยุดฟังคำสอนให้เข้าใจความจริงที่จิตตนกำลังมีจริงๆ
จิตแต่ละ1ขณะที่เกิดดับสืบต่อไม่ซ้ำกันเป็นขณะใหม่ในสังสารวัฏค่ะ

เวลาไม่ถอยหลังกลับ สิ่งที่ดับไปแล้วไม่ย้อนมาเกิดอีกเลย

นั่นๆ นั่นสิ เราถึงพูดกันไม่รู้เรื่อง กรัชกายพูดอยู่ในโลกมนุษย์ คูรโรงพูดอยู่บนดาวอังคาร

ลองถามดูหน่อย




อกุศลจิต เกิดแล้ว ดับไปแล้ว กลับมาเกิดอีกได้มั้ยขอรับ

เข้าใจรึเปล่าว่าจิตที่เกิดดับแต่ละ1ขณะทำหน้าที่เฉพาะกิจทุกขณะเป็นขณะใหม่ไม่ซ้ำเดิม
ลักษณะของการเกิด-ดับแต่ละ1ขณะมีอากาศธาตุแทรกคั่นมีเกิดขึ้น-ตั้งอยู่ชั่วคราว-ดับไป
........ต่อเนื่องแบบจุดเลยเป็น6ทวารที่ต่างอันต่างทำหน้าที่ขนานกันเกิดดับสืบต่อไม่หยุด
ให้เข้าใจจากการฟังจนรอบรู้ว่าแค่คิด1คำที่รู้ตรงคำเช่นร้อนทั้ง6ทวารก็ดับไม่เหลืออะไรเลย
จึงมีคำพูดเจาะจงให้ทราบให้เข้าใจไงว่าเกิดดับแต่ละทางที่รู้ร้อนดับหมดตับไตหัวใจปอดไง
จากการสืบต่ออันเป็นวิบากกรรมที่มีทำให้เกิดเป็นคนนี้ยังไม่ถึงจุติจิตจึงยังมีการสืบต่อภพเดิม
ทุกขณะจิตที่ไม่รู้ว่าเป็นสภาพธรรมที่กำลังปรากฏก็ไม่รู้ไปเรื่อยๆก็สะสมอกุศลเป็นกิเลสเพิ่มขึ้น
กิเลสแปลว่าความไม่รู้ความไม่เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีจริงๆต้องฟังเพื่อรู้เป็นการละความไม่รู้