วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 21:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 57 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2016, 09:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
wink
อ้างคำพูด:
มนุษย์ คน ปุถุชน อริยบุคคล ใครเกิดก่อนกัน

ทุกคนเลยค่ะไม่เว้นเลยสัก1คนต้องเกิดเป็นปุถุชนก่อนทั้งหมด


ไม่เกิดเป็นคนก่อนหรือครับ

Kiss
:b32:
ไม่ค่ะ...ต้องเกิดในภพภูมิมนุษย์ก่อนถึงจะเป็น...คน
เพราะชาตินี้ที่รู้ว่าเป็นคนมีตัวตนก่อนไหมจึงเป็นปุถุชนก่อนไง
:b12:
ถึงได้เข้ามาศึกษาธัมมะว่าไม่มีตัวคน
มีแต่สิ่งที่มีจริงที่ปรากฏให้รู้ได้
ว่ามีแต่ธัมมะที่เป็นอนัตตา
มีให้รู้ทีละขณะเดียวจริง
ที่ละเอียดเป็นจิตเกิดดับ
สืบต่อไม่ขาดสายเลย
ทุกขณะที่มีสติรู้ตื่น
รู้ชัดรู้เบิกบาน
ด้วยธรรมน๊า
:b16:
เป็นปัญญารู้ไม่ใช่ตัวตนที่รู้ว่า
เกิดเป็นปุถุชนก่อนเป็นอริยบุคคล
ถ้าไม่รู้ตัวว่ายังเป็นปุถุชนตายแน่ๆ
ผลของกรรม1คือ1ขณะจิตสุดท้าย
ของชาตินี้ที่เรียกว่าจุติจิตเคลื่อนคือ
ต้องเป็นผลของกรรมหนึ่งที่ทำให้สิ้นสุด
ความเป็นคนๆนี้เคลื่อนไปปฏิสนธิคือเกิด
ในภพภูมิใหม่ตามกรรมไม่ใช่เลือกได้ว่าภพไหน
ไปแบบไม่มีความรู้สึกณขณะจิตสุดท้ายกรรมดีรึเปล่า
:b32: :b32:

tongue
ที่แน่ๆที่กำลังเห็นแล้วก็รู้ว่าเป็นคนเกิดแล้วในภพภูมิมนุษย์แสดงว่าจิตสุดท้ายของชาติที่แล้วเป็นกรรมดี
ผลก็คือจิตสุดท้ายชาติที่แล้วที่ดับไปเป็นเหตุให้จิตขณะใหม่คือปฏิสนธิจิตเกิดสืบต่อทันทีกลายเป็นคนนี้
:b17:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2016, 09:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
อ้างคำพูด:
อ้อๆ ต้องเกิดในท้องคนถึงเป็นคน (ทำนองเกิดในท้องแมว ก็เป็นแมว) เกิดในท้องมนุษย์ก็เป็นมนุษย์ ถูกไหมครับ

เป็นไปได้มั้ยที่เกิดสลับกัน เช่น มนุษย์เกิดในท้องคน คนเกิดในท้องมนุษย์ ปุถุชนเกิดในท้องคน :b10: คุณโรสว่าเป็นไปได้มั้ยขอรับ :b10: :b14:

:b32:
แค่สมมุติบัญญัติของตนยังแยกไม่ออก
อยู่ภพภูมิไหนคะแสดงว่าไม่เข้าใจคำสอน
ควรขยันฟังพระพุทธพจน์ในเสียงอ.สุจินต์
https://m.youtube.com/watch?v=4Oxr_U3-GcY



คุณโรสตอบเองเถอะครับ

คุณโรส เป็นคน เป็นมนุษย์ เป็นปุถุชน

เป็นอะไรครับปัจจุบัน

Kiss
:b12:
ถามแบบคุณกรัชกายที่ไม่รู้จักตนเรียกว่าถามไม่ได้สาระ
ตอบไปแล้วยังถามแบบคนไม่รู้ตัวไม่เข้าใจสิ่งที่ตนเป็นอ่ะ
ข้าพเจ้าเป็นพุทธศาสนิกชนที่รู้อะไรมีประโยชน์ที่จะตอบ
แค่ประโยชน์ตนคุณยังไม่รู้ประโยชน์ท่านคงไม่ต้องพูดถึงเลย
รู้จักตนจึงรู้จักผู้อื่น/ตนเป็นอะไรยังคิดไม่ได้ก็หยุดถามดีกว่านะ
:b32: :b32:


ที่ถามนี่แหละพื้นฐานการเข้าใจสารธรรม :b1:

คุณโรส เป็น คน หรือเป็นมนุษย์

:b32:
การที่สื่อสารพูดคุยเขียนภาษาไทยก็เป็นคนไทยหรือคุณกรัชกายเป็นมนุษย์ต่างดาวรึต่างด้าวกันนะ
แล้วการที่จะรู้ว่าเป็นอะไรภพภูมิไหนรูปร่างกลางตัวเป็นอะไรรู้ได้จากอะไรไม่ใช่จากจิตรู้หรออออ
:b11:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2016, 09:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ลองฟังอีกสักตั้งว่ารู้รึยังปัจจุบันขณะ
https://m.youtube.com/watch?v=bhv1vlrPbg4
:b12:
:b4: :b4:


ป้าสุจินต์แกมั่วไปเรื่อย เอาพุทธพจน์มาละเลงตามใจชอบ
ไม่ไหวจะเคลียร์

:b32:
ป้าพูดความจริงนะหลานแต่อวิชชาของตัวหลานเองที่ปกปิดความไม่รู้นะจ๊ะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2016, 09:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
อ้างคำพูด:
อ้อๆ ต้องเกิดในท้องคนถึงเป็นคน (ทำนองเกิดในท้องแมว ก็เป็นแมว) เกิดในท้องมนุษย์ก็เป็นมนุษย์ ถูกไหมครับ

เป็นไปได้มั้ยที่เกิดสลับกัน เช่น มนุษย์เกิดในท้องคน คนเกิดในท้องมนุษย์ ปุถุชนเกิดในท้องคน :b10: คุณโรสว่าเป็นไปได้มั้ยขอรับ :b10: :b14:

:b32:
แค่สมมุติบัญญัติของตนยังแยกไม่ออก
อยู่ภพภูมิไหนคะแสดงว่าไม่เข้าใจคำสอน
ควรขยันฟังพระพุทธพจน์ในเสียงอ.สุจินต์
https://m.youtube.com/watch?v=4Oxr_U3-GcY



คุณโรสตอบเองเถอะครับ

คุณโรส เป็นคน เป็นมนุษย์ เป็นปุถุชน

เป็นอะไรครับปัจจุบัน

Kiss
:b12:
ถามแบบคุณกรัชกายที่ไม่รู้จักตนเรียกว่าถามไม่ได้สาระ
ตอบไปแล้วยังถามแบบคนไม่รู้ตัวไม่เข้าใจสิ่งที่ตนเป็นอ่ะ
ข้าพเจ้าเป็นพุทธศาสนิกชนที่รู้อะไรมีประโยชน์ที่จะตอบ
แค่ประโยชน์ตนคุณยังไม่รู้ประโยชน์ท่านคงไม่ต้องพูดถึงเลย
รู้จักตนจึงรู้จักผู้อื่น/ตนเป็นอะไรยังคิดไม่ได้ก็หยุดถามดีกว่านะ
:b32: :b32:


ที่ถามนี่แหละพื้นฐานการเข้าใจสารธรรม :b1:

คุณโรส เป็น คน หรือเป็นมนุษย์

:b32:
การที่สื่อสารพูดคุยเขียนภาษาไทยก็เป็นคนไทยหรือคุณกรัชกายเป็นมนุษย์ต่างดาวรึต่างด้าวกันนะ
แล้วการที่จะรู้ว่าเป็นอะไรภพภูมิไหนรูปร่างกลางตัวเป็นอะไรรู้ได้จากอะไรไม่ใช่จากจิตรู้หรออออ


:b1: ดูสิน่า ถามตรงๆแท้ๆ คุณโรส ยังขาดความมั่นใจสถานะตนเองตอนนี้เลย ว่าเป็นคน หรือเป็นมนุษย์ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2016, 09:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกายพูดแล้วมีตัวอย่างประกอบความเข้าใจเสมอ

ตย.จงกรมแล้ว

อ้างคำพูด:
เดินจงกรมซักพัก แว้บนึงก้มไปมองที่เท้า เห็นว่าเท้าที่เดินอยู่ไม่ใช่ตัวเรา ความรู้สึกเหมือนเรามองศพคนอื่น แต่ว่าพอเห็นเช่นนั้นความกลัวผุดขึ้น จิตมันก็เลยถอยออกมาจากความรู้สึกนั้น

ที่เห็นเช่นนี้ ปฏิบัติถูกต้องไหมครับ?
ถ้าผิด/ถูก ควรทำอย่างไรต่อไป?


ผู้เริ่มปฏิบัติทางจิต นี่ไม่แปลกเลย เพราะการกำหนดรู้ ในการก้าวเดินไปแต่ละขณะๆยังไม่ชัด

แล้วเขาก็ตกจากขณะปัจจุบันแล้วด้วย ขณะเดิน เห็นเป็นยังงั้นปุ๊บ ต้องกำหนดปั๊บ เห็นหนอ เดิน ซ้าย ย่าง หนอ เป็นต้นต่อไป รู้สึกกลัว ปุ๊บ กำหนดกลัวหนอปั๊ป เดิน ซ้าย ย่าง หนอ เป็นต้นต่อไป


คุณโรสพอเข้าใจมั้ยขอรับ :b1: :b10:


เอาความมั่วมาถามคนอื่น(คุณโรส)ว่าเข้าใจมั้ย....กรัชกายนี่มันตลกดี
ทั้งตัวอย่างที่ยกมาและทั้งคนอธิบายความมันมั่วพอกัน

คำว่า"จงกรม" มันเป็นโวหารของคนที่ไม่รู้ธรรมเอามาใช้เพื่อเพิ่มความขลัง คนจะได้หลงเชื่อ
คือไอ้วิธีการ(จงกรม) มันเอามาใช้นอกลู่นอกทาง......ผิดหลักคำสอนที่มีบัญญัติไว้ในหลักแห่ง"มหาสติปัฏฐาน"

แท้จริงแล้วไอ้คำที่เรียกว่า"จงกรม"และวิธีการเดินจงกรมนั้น โดยหลักที่ถูกต้องท่านเรียกว่า...กายคตาสติ
"กายคตาสติ" เป็นลักษณะของ สมถสติปัฏฐาน ซึ่งสมถสติปัฏฐานเป็นบรรพหนึ่งของ ธัมมานุปัสสนาสติปักฐาน
หลักการและเนื้อหาของสมถสติปัฏฐานคือ......เจริญเพื่อละนิวรณ์

:b12:
อันนี้ก็มั่วปนกันไปหมดเลยนะ
กาย เวทนา จิต ธรรม
แยกขาดจากกัน
รู้ได้ทีละ1ขณะ
ไม่ปนกันน๊า
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2016, 09:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกายพูดแล้วมีตัวอย่างประกอบความเข้าใจเสมอ

ตย.จงกรมแล้ว

อ้างคำพูด:
เดินจงกรมซักพัก แว้บนึงก้มไปมองที่เท้า เห็นว่าเท้าที่เดินอยู่ไม่ใช่ตัวเรา ความรู้สึกเหมือนเรามองศพคนอื่น แต่ว่าพอเห็นเช่นนั้นความกลัวผุดขึ้น จิตมันก็เลยถอยออกมาจากความรู้สึกนั้น

ที่เห็นเช่นนี้ ปฏิบัติถูกต้องไหมครับ?
ถ้าผิด/ถูก ควรทำอย่างไรต่อไป?


ผู้เริ่มปฏิบัติทางจิต นี่ไม่แปลกเลย เพราะการกำหนดรู้ ในการก้าวเดินไปแต่ละขณะๆยังไม่ชัด

แล้วเขาก็ตกจากขณะปัจจุบันแล้วด้วย ขณะเดิน เห็นเป็นยังงั้นปุ๊บ ต้องกำหนดปั๊บ เห็นหนอ เดิน ซ้าย ย่าง หนอ เป็นต้นต่อไป รู้สึกกลัว ปุ๊บ กำหนดกลัวหนอปั๊ป เดิน ซ้าย ย่าง หนอ เป็นต้นต่อไป


คุณโรสพอเข้าใจมั้ยขอรับ :b1: :b10:

Kiss
:b32:
คนบ้าแล้วล่ะที่มองเท้าตนไม่เป็นเหตุปัจจัยของตนไม่มีตนเป็นที่พึ่งเพราะไม่รู้ค่ะ
แสดงความเห็นผิดว่ามีตัวตนเป็นเท้าเป็นข้างซ้ายข้างขวาตรงตามคำสอนไหมคะ
:b12:
ทุกอย่างเป็นธัมมะไม่ใช่สัตว์บุคคลตัวตนเราเขาเป็นสภาพธรรมเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยจริงๆ
ถ้าเป็นเราไปกำหนดการเดินการยืนการนั่งการนอนเพื่อที่จะรู้ความจริงยังไงก็รู้ไม่ได้เป็นอกุศลจิต
:b1:
หนทางที่เป็นทางตรงที่สุดคือสร้างเหตุปัจจัยที่เป็นปัญญาก่อนให้มีความเห็นถูกเข้าใจถูกในคำสอน
ขณะที่ปัญญาเกิดไม่มีตัวตนเลยนั่นแหละปัญญานั้นเองจะปฏิบัติกิจของปัญญาตามกำลังโดยรู้เพื่อละ
ละความไม่รู้ก่อนอันดับแรกโดยการสะสมการฟังให้เกิดปัญญาต่อเนื่องทุกวันเพื่อให้สัญญาจำสิ่งที่ถูก
:b20: :b16:
onion onion onion


ถามจริงเป็นหุ่นยนต์หรือเปล่า เมื่อไรจะพูดจาประสาชาวบ้านครับ
พูดมาไม่ได้เนื้อได้น้ำ ใครเขาพูดอะไรก็ลอกเลียนเขามาพูด ถูกผิดก็ไม่รู้
ไม่รู้ว่าที่พูดตัวเองจะเข้าใจหรือเปล่า :b32:

tongue
ตรงๆ...รู้คือรู้...ไม่รู้คือไม่รู้...ไม่มีขณะไหนปนกัน...กุศลคือกุศล...อกุศลคืออกุศล...
เข้าใจเป็นกุศลจิตที่มีปัญญาเป็นวิชชาเป็นญาณ...ไม่เข้าใจเป็นอกุศลที่เป็นกิเลสไม่รู้เป็นอวิชชา
คำของพระพุทธเจ้ามีมาตรฐานเดียวผิดคือผิดไม่มีว่าก็ได้มั๊งถ้าปนกันแสดงว่าเดาก็นะคิดผิดแล้วน๊า
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2016, 10:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
asoka เขียน:
การปฏิบัติธรรมกับปัจจุบันนั้น ท่านไม่ได้ให้เอาสติปัญญาไปกำหนดรู้อยู่ที่ปัจจุบันขณะ ท่านให้กำหนดรู้ที่ "ปัจจุบันอารมณ์" มันจึงจะทันปัจจุบันและเป็น หนึ่งเดียว


สิ่งที่กรัชกายสื่อกับคำที่อโสกะเอารมาแย้ง โดยแท้จริงแล้วมันก้เป็นอย่างเดียวกัน
เพียงแต่คำที่กรัชกายใช้โดยลักษณะของธรรมแล้วหมายถึง.......ตัวองค์ธรรมที่เป็นองค์ประกอบ(มรรค)ที่ทำให้เกิดเป็นอารมณ์

.....คำว่าอารมณ์เป็นบัญญัติที่เป็นความหมายรวมของสภาวธรรมที่เกิดขึ้นในกายใจของบุคคล
ซึ่งแล้วแต่เหตุปัจจัย อารมณ์ที่เกิดอาจประกอบด้วย โลภะ โทสะ โมหะหรือแม้แต่สติ ปัญญา
เหล่านี้รวมเรียกว่า องค์มรรคหรือองค์ธรรมประกอบอารมณ์


asoka เขียน:
ปัจจุบันขณะมันมีสภาวธรรมเกิดขึ้นพร้อมกันตั้งหลายอย่างสังเกตดูให้ดีๆสิ


ไม่ใช่!! ปัจจุบันขณะท่านนับเอาเฉพาะ วิญญานไปเกิดที่ทวารใด
ท่านก็นับเอาว่า นั้นคือปัจจุบันขณะ ......วิญญาน ไม่สามารถเกิดพร้อมกันได้ เพราะวิญญานเป็นอนัตตา
เกิดได้ที่ละขณะ......ฉะนั้นการที่อโสกะบอกว่า "ปัจจุบันขณะมันมีสภาวธรรมเกิดขึ้นพร้อมกันตั้งหลายอย่าง"
จึงเป็นคำพูดที่มั่วมากครับ

asoka เขียน:
ตาก็เห็นรูป หูก็ได้ยินเสียงอีก 4 ทวารที่เหลือก็กำลังรับสัมผัสตามหน้าที่ของตน
ทั้งหมดเป็นในเวลาปัจจุบันขณะเดียวกัน


ผิดแล้วครับ!! ในขณะที่ตาเห็นรูป หูจะไม่ได้ยิน
ที่อโสกะเข้าใจผิดเช่นนี้ก็เพราะ อโสกะไม่รู้จักความเป็น สันตติ
สันตติคือการสืบต่อของสภาพธรรมที่ต่อเนื่องรวดเร็วดดยไม่ขาดสาย
เป็นเช่นนี้จึงทำให้เข้าใจผิดว่า ทวารทุกทวารสามารถรับสัมผัสได้พร้อมกัน
ก็ตามที่บอกไว้ก่อนหน้าว่า สัมผัสจะเกิดได้ต้องอาศัย วิญญานไปรับรู้ตัวสัมผัสนั้น
และลักษณะของวิญญานเกิดได้ที่ละขณะและที่ละทวาร ไม่สามารถเกิดได้หลายๆทวารพร้อมๆกัน

asoka เขียน:
แต่ธรรมชาติของจิตจะรับรู้อารมณ์ได้ครั้งละอย่างเดียว ไม่ใช่ 6 อย่างพร้อมกัน
ดังนั้นการปฏิบัติธรรมปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาต้องกำหนดพิจรณาที่อารมณ์เดียวคือปัจจุบันอารมณ์


ธรรมชาติที่รู้อารมณ์ท่านเรียกว่า วิญญาน
จิตหมายถึงกระบวนการที่วิญญานไปรับรู้สิ่งที่มากระทบปสาท(ทวาร) จนจบกระบวนการที่มโนทวาร...นี่คือจิต
ส่วนอารมณ์คือ สภาพธรรมที่เกิดตามหลังการกระทบ(สัมผัส) ท่านเรียกว่า อาการของจิต(เจตสิก)
อาการที่ว่าอาทิเช่น โทสะ โมหะและโลภะ

asoka เขียน:
ปัจจุบันอารมณ์คืออารมณ์ที่จิตกำลังเสวยหรือ รู้อยู่ขณะนั้น

กำปั่นทุบดิน!! ปัจจุบันอารมณ์ก็คือ อาการของจิต(เจตสิก)
เช่นเกิดสภาพธรรมที่เป็นไปในลักษณะของความไม่อยาก....นี่เรียกว่า โทสะ
ถ้าเป็นสภาพของความอยาก... นี่คือ โลภะ
หรือไม่เป็นทั้งอยากและไม่อยาก ท่านเรียก โมหะ
ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือ.......อารมณ์

asoka เขียน:

ถ้ายังไม่ปรากฏขึ้นให้รู้ที่จิต เรียกว่า "อนาคต"
ถ้ากำลังปรากฏรู้อยู่ที่จิต เรียกว่า "ปัจจุบัน" หรือ "ปัจจุบันอารมณ์"
ถ้าดับไปจากการรับรู้ของจิต เรียกว่า "อดีตอารมณ์"

การปฏิบัติธรรมต้องปฏิบัติที่ปัจจุบันอารมณ์ เพราะ ปัจจุบันอารมณ์แก้ไขได้
อดีตอนาคตแก้ไขไม่ได้


มั่วมากครับ! อโสกะไม่รู้จักธรรมที่เป็นพุทธพจน์ จึงได้พูดจาส่งเดช
คำพุทธพจน์ที่เราจะต้องนำมาเป็นหลักนำในประเด็นนี้ก็คือ.....

เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา
เยสํ เหตุํ ตถาคโต อาห
เตสญฺจ โย นิโรโธ จ
เอวํ วาที มหาสมโณติ ฯ

ธรรมทั้งหลายเหล่าใดเกิดแต่เหตุ
พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น
และความดับแห่งธรรมทั้งหลายเหล่านั้น
พระมหาสมณะเจ้า ทรงสังสอนอย่างนี้


ทุกสิ่งอย่างเราต้องเอาความเป็นเหตุปัจจัยเป็นหลัก ไม่ใช่เอาความเป็น อดีตหรืออนาคต
การยึดถืออดีตและอนาคต...เป็นมิจฉาทิฐิ ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น
asoka เขียน:
เพราะฉนั้นการใช้สมมุติบัญญัติตามตำราต้องมีความละเอียดละออพอสมควรนะท่านนักวิชาการใหญ่ทั้งหลายมิฉนั้นจะทำผิดจากสภาวธรรมจริงๆ ผลก็จะได้เป็นผลปลอม


ผมว่าคุณอโสกะก้พอๆกับกรัชกายนั้นแหล่ะ เป็นประเภท"ไปไหนมาสามวาสองสอก" สั้นๆว่า มั่วทั้งคู่
ไอ้สิ่งที่กรัชกายเอามาโพส เขาไม่เรียก สมมุติบัญญัติ
แต่เขาเรียกบทความความ ในทางธรรมท่านเรียกว่า.....โวหาร

ไม่ไหวจะเคลียร์สองคนนี้ :b6:

:b1:
ต้องรู้ไว้อย่างนึงชาติที่แล้วไม่บรรลุถึงอรหันต์น๊่าชาตินี้ถึงเกิดมาคิดดีๆ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2016, 10:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
ที่เขียนๆกันว่ากำหนดรู้น่ะค่ะเข้าใจหรือเปล่าว่าไม่ใช่ตัวตนไปกำหนดอะไรได้
เพราะเป็นปัญญาเกิดรู้และระลึกได้ตรงตามคำสอนตรงความจริงสิ่งที่ตนมีน๊า
:b16:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2016, 10:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
อ้างคำพูด:
อ้อๆ ต้องเกิดในท้องคนถึงเป็นคน (ทำนองเกิดในท้องแมว ก็เป็นแมว) เกิดในท้องมนุษย์ก็เป็นมนุษย์ ถูกไหมครับ

เป็นไปได้มั้ยที่เกิดสลับกัน เช่น มนุษย์เกิดในท้องคน คนเกิดในท้องมนุษย์ ปุถุชนเกิดในท้องคน :b10: คุณโรสว่าเป็นไปได้มั้ยขอรับ :b10: :b14:

:b32:
แค่สมมุติบัญญัติของตนยังแยกไม่ออก
อยู่ภพภูมิไหนคะแสดงว่าไม่เข้าใจคำสอน
ควรขยันฟังพระพุทธพจน์ในเสียงอ.สุจินต์
https://m.youtube.com/watch?v=4Oxr_U3-GcY



คุณโรสตอบเองเถอะครับ

คุณโรส เป็นคน เป็นมนุษย์ เป็นปุถุชน

เป็นอะไรครับปัจจุบัน

Kiss
:b12:
ถามแบบคุณกรัชกายที่ไม่รู้จักตนเรียกว่าถามไม่ได้สาระ
ตอบไปแล้วยังถามแบบคนไม่รู้ตัวไม่เข้าใจสิ่งที่ตนเป็นอ่ะ
ข้าพเจ้าเป็นพุทธศาสนิกชนที่รู้อะไรมีประโยชน์ที่จะตอบ
แค่ประโยชน์ตนคุณยังไม่รู้ประโยชน์ท่านคงไม่ต้องพูดถึงเลย
รู้จักตนจึงรู้จักผู้อื่น/ตนเป็นอะไรยังคิดไม่ได้ก็หยุดถามดีกว่านะ
:b32: :b32:


ที่ถามนี่แหละพื้นฐานการเข้าใจสารธรรม :b1:

คุณโรส เป็น คน หรือเป็นมนุษย์

:b32:
การที่สื่อสารพูดคุยเขียนภาษาไทยก็เป็นคนไทยหรือคุณกรัชกายเป็นมนุษย์ต่างดาวรึต่างด้าวกันนะ
แล้วการที่จะรู้ว่าเป็นอะไรภพภูมิไหนรูปร่างกลางตัวเป็นอะไรรู้ได้จากอะไรไม่ใช่จากจิตรู้หรออออ


:b1: ดูสิน่า ถามตรงๆแท้ๆ คุณโรส ยังขาดความมั่นใจสถานะตนเองตอนนี้เลย ว่าเป็นคน หรือเป็นมนุษย์ :b32:

:b32:
ตัวเองตอบไปแล้วยังจะถามอีกทำไมเป็นโรคความจำเสื่อมถอยจริงๆดูอีกทีนะคำตอบ
http://www.dhammajak.net/forums/posting.php?mode=quote&f=1&p=392918

กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
:b1:
อ้างคำพูด:
อนึ่ง มนุษย์,คน,ปุถุชน ทางธรรมเรียกว่า สัตว์ คำเดียว เป็นอันรู้กัน (แต่ภาษาไทยใช้เป็นคำด่ากัน)

:b32: ผิดกระทู้ไหมเนี่ย :b32:



ก็คุณโรส เดินก้มหน้านี่ขอรับ เงยขึ้นนิดก็จะเห็น ที่ความหมายโลกธรรม คือ ธรรมที่ครอบงำสัตว์โลก ซึ่งก็ที่เขาเรียกกันว่า มนุษย์ คน ปุถุชน ทางธรรมใช้คำเดียวว่าสัตว์โลก :b1: :b13:

:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2016, 13:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
เข้าใจความจริงของสิ่งที่มีในจิตตนตอนกำลังฟัง
การพึ่งพระรัตนตรัยคือพึ่งคำจริงของพระพุทธเจ้า
ยังเป็นสาวกมีทางเดียวคือฟังเพื่อรู้ตามไม่คิดเอง
ทุกคำจริงเป็นวาจาสัจจะคำตรงจริงๆไม่เปลี่ยนไป
ทุกครั้งที่เข้าใจรู้ได้ว่าจิตกำลังสะสมกุศลหรืออกุศล
พระสารีบุตรอัครสาวกผู้เลิศด้วยปัญญาฟังนานเกิน1อสงไขยยังปุถุชนนะคะ
เป็นผู้มีกตัญญูกตเวทีสูงสุดบรรลุโสดาบันเมื่อฟังพระพุทธพจน์จากพระอัสชิค่ะ
https://www.youtube.com/watch?v=NHalcavI_jo
:b4: :b4:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 13 มิ.ย. 2016, 13:44, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2016, 13:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโรสเหมือนคนตากแดดไม่ร้อน ฝนตกไม่หลบฝน ฟ้าผ่าไม่ได้ยิน ยุงกัดไม่เจ็บ :b1: :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มิ.ย. 2016, 13:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คุณโรสเหมือนคนตากแดดไม่ร้อน ฝนตกไม่หลบฝน ฟ้าผ่าไม่ได้ยิน ยุงกัดไม่เจ็บ :b1: :b32:

Kiss
เห็นงูไม่วิ่งหนีก็ตามใจฉลาดรู้น๊า
รู้ทั้งโลกียธรรมและโลกุตรธรรม
:b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 57 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 30 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร