วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 11:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2016, 08:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 มี.ค. 2016, 06:12
โพสต์: 9

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รบกวนท่านผู้แตกฉานในพระวินัย ช่วยแนะนำหน่อย เรื่องการฉันเนื้อสัตว์ กล่าวคือ วัดที่ผมอยู่ติดอ่างเก็บน้ำ ชาวบ้านประกอบอาชีพประมงเป็นอาชีพหลักและอาชีพเสริม...ในการบิณฑบาตจะได้อาหารที่มีสัตว์น้ำมาด้วยทุกวัน พระที่อาวุโสกว่าท่านบอกว่าเราไม่ควรฉันเพราะจะต้องอาบัติ เพราะเราย่อมรู้ว่าปลามาจากอ่างเก็บน้ำ แต่อีกรูปแย้งว่าถ้าวัดที่อยู่ติดทะเลชาวบ้านเป็นชาวประมงก็ฉันอาหารชาวบ้านไม่ได้สิ เพราะปลาที่ใส่บาตรต้องมาจากทะเลนี้แน่นอน......จึงอยากทราบว่าที่ถูกต้องควรปฏิบัติอย่างไรจึงถูกต้อง (ท่านอาวุโสไม่ฉันส่วนเนื้อแต่ฉันน้ำ จะเป็นเกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงหรือเปล่าครับ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2016, 08:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เราไปสั่งให้เขาจับ เขาฆ่ามาเพื่อตนหรือเปล่าล่ะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2016, 08:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 มี.ค. 2016, 06:12
โพสต์: 9

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ข้อนี้ได้มีการพิจารณา กันแล้วว่า เราไม่ได้ใช้ไม่ได้สั่งให้เขาจับเพื่อเรา, แต่อาวุโสแย้งว่าบ้างครั้งเราก็ได้ยิน ที่เขาชักชวน สอบถามเรื่องการจับสัตว์น้ำกัน ก็ย่อมรู้ว่าอาหารนี้มาจากการฆ่านั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2016, 14:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



พระพุทธเจ้าทรงห้ามภิกษุฉันเนื้อ ๑๐ อย่าง คือ

๑ เนื้อมนุษย์
๒ เนื้อช้าง
๓ เนื้อม้า
๔ เนื้อเสือเหลือง
๕ เนื้อเสือโคร่ง
๖ เนื้อเสือดาว
๗ เนื้องู
๘ เนื้อราชสีห
๙ เนื้อหมี
๑๐ เนื้อสุนัข

- ภิกษุฉันเนื้อ ๑๐ อย่างที่ทรงห้าม ผิดพระวินัยต้องอาบัติถุลลัจจัย หรือทุกกฏ
- ฉันเนื้อชนิดอื่น ถ้าเขาเจาะจงฆ่ามาถวาย กล่าวคือภิกษุรู้เห็น ได้ยินหรือนึกรังเกียจว่า
เขาฆ่าเพื่อตน แล้วยังฉันต้องอาบัติทุกกฏ


- ภิกษุฉันเนื้อชนิดอื่น ถ้าเป็นการฉันโดยไม่พิจารณาก่อน ต้องอาบัติทุกฏ
- ภิกษุฉันเนื้อชนิดอื่น เป็นเนื้อที่บริสุทธิ์โดยเงื่อนไข ๓ อย่าง คือไม่ได้เห็น ไม่ได้ยิน
ไม่นึกรังเกียจและฉันโดยพิจารณาก่อน ไม่ต้องอาบัติ
..

:b1:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2016, 21:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


นัตถิ เขียน:
รบกวนท่านผู้แตกฉานในพระวินัย ช่วยแนะนำหน่อย เรื่องการฉันเนื้อสัตว์ กล่าวคือ วัดที่ผมอยู่ติดอ่างเก็บน้ำ ชาวบ้านประกอบอาชีพประมงเป็นอาชีพหลักและอาชีพเสริม...ในการบิณฑบาตจะได้อาหารที่มีสัตว์น้ำมาด้วยทุกวัน พระที่อาวุโสกว่าท่านบอกว่าเราไม่ควรฉันเพราะจะต้องอาบัติ เพราะเราย่อมรู้ว่าปลามาจากอ่างเก็บน้ำ แต่อีกรูปแย้งว่าถ้าวัดที่อยู่ติดทะเลชาวบ้านเป็นชาวประมงก็ฉันอาหารชาวบ้านไม่ได้สิ เพราะปลาที่ใส่บาตรต้องมาจากทะเลนี้แน่นอน......จึงอยากทราบว่าที่ถูกต้องควรปฏิบัติอย่างไรจึงถูกต้อง (ท่านอาวุโสไม่ฉันส่วนเนื้อแต่ฉันน้ำ จะเป็นเกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงหรือเปล่าครับ)


ท่านอาวุโส...ทำถูกแล้ว...ไม่ฉันเพราะนึกรังเกียจ..ถ้าฝืนฉัน..จะอาบัติได้

ส่วน...ท่านที่ไม่ได้รังเกียจ..อีกทั้งไม่ได้เห็น(กับตา)..ได้ยิน(กับหู)..ว่าเขากำลังฆ่าปลาตัวนั้นๆเพื่อตน..ก็ฉันได้..ไม่อาบัติ..ครับ

สรุป...ทำถูกหมดทุกท่าน..ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2016, 10:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นัตถิ เขียน:
รบกวนท่านผู้แตกฉานในพระวินัย ช่วยแนะนำหน่อย เรื่องการฉันเนื้อสัตว์ กล่าวคือ วัดที่ผมอยู่ติดอ่างเก็บน้ำ ชาวบ้านประกอบอาชีพประมงเป็นอาชีพหลักและอาชีพเสริม...ในการบิณฑบาตจะได้อาหารที่มีสัตว์น้ำมาด้วยทุกวัน พระที่อาวุโสกว่าท่านบอกว่าเราไม่ควรฉันเพราะจะต้องอาบัติ เพราะเราย่อมรู้ว่าปลามาจากอ่างเก็บน้ำ แต่อีกรูปแย้งว่าถ้าวัดที่อยู่ติดทะเลชาวบ้านเป็นชาวประมงก็ฉันอาหารชาวบ้านไม่ได้สิ เพราะปลาที่ใส่บาตรต้องมาจากทะเลนี้แน่นอน......จึงอยากทราบว่าที่ถูกต้องควรปฏิบัติอย่างไรจึงถูกต้อง (ท่านอาวุโสไม่ฉันส่วนเนื้อแต่ฉันน้ำ จะเป็นเกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงหรือเปล่าครับ)


วินัยที่ว่าด้วยการห้ามฆ่าสัตว์และการประพฤติปฏิบัติตนของภิกษุเถรวาท......มันผิดเพี้ยนและขัดแย้งกันเอง
ถ้าเถรวาทจะเอาเรื่องการห้ามฆ่าสัตว์มาเป็นหลัก ตัวผู้ปฏิบัติจะต้องไม่กินเนื้อสัตว์ด้วยประการทั้งปวง
ไม่ใช่มาแถว่า ตัวเองไม่ได้ฆ่าเอง....พูดจาแบบนี้มันเลอะเทอะไม่สมควรเป็นภิกษุผู้ถือสัจจะ

ศาสนาพุทธเน้นเรื่องความเป็นเหตุเป็นผล อย่างเช่นภิกษุในมหายานท่านไม่ฆ่าสัตว์เหตุนี้ท่านจึงไม่กินเนื้อสัตว์ด้วย
ไม่เหมือนภิกษุศรีทนนชัยแบบไทย ปากก็บอกว่าเถรวาทเคร่งกว่านิกายใดๆ แต่ล่อสเต็กเต็มปากแล้วบอกว่า
อาตมาไม่ได้ฆ่าเอง โยมฆ่าแล้วแล้วโยมก็ซื้อมาถวาย......แถสุดๆ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2016, 06:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 มี.ค. 2016, 06:12
โพสต์: 9

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโฮฮับ...ภิกขุอยู่ด้วยกานอนุเคราะห์จากผู้อื่น ต้องเป็นคนเลี้ยงง่าย บิณฑบาตรขอทานเขาไปจะเลือกไม่ได้แม้เขาใส่ของโสโครกมายังต้องรับ...แต่พระองค์ให้ภิกขุพิจารณาว่าควรฉันหรือไม่ การฉันเนื้อหรือไม่ฉันเนื้อพระองค์ให้อิสระแก่สาวก แต่พระองค์ก็มีกรอบไว้ดังความเห็นก่อนหน้านี้....ถ้าคุณพอมีเวลาลองศึกษาในบทที่พระเทวทัต มาทูลขอให้พระองค์บัญญัติให้ ภิกขุอยู่ป่า,ไม่กินเนื้อสัตว์.....การทำตามพระธรรมนิวัยของตถาคตไม่ถือว่าเป็นการแถนะครับท่าน และการถกเถียงสอบถามกับเรื่องพระวินัย ก็เพื่อได้ขอยุติในธรรมเพื่อการประพฤติปฏิบัติไม่ด่างพ้อย เพื่อความเจริญในเพศพรหมจรรย์ และเพื่อมรรคผลนิพพานต่อไปครับ....ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2016, 07:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


นัตถิ เขียน:
รบกวนท่านผู้แตกฉานในพระวินัย ช่วยแนะนำหน่อย เรื่องการฉันเนื้อสัตว์ กล่าวคือ วัดที่ผมอยู่ติดอ่างเก็บน้ำ ชาวบ้านประกอบอาชีพประมงเป็นอาชีพหลักและอาชีพเสริม...ในการบิณฑบาตจะได้อาหารที่มีสัตว์น้ำมาด้วยทุกวัน พระที่อาวุโสกว่าท่านบอกว่าเราไม่ควรฉันเพราะจะต้องอาบัติ เพราะเราย่อมรู้ว่าปลามาจากอ่างเก็บน้ำ แต่อีกรูปแย้งว่าถ้าวัดที่อยู่ติดทะเลชาวบ้านเป็นชาวประมงก็ฉันอาหารชาวบ้านไม่ได้สิ เพราะปลาที่ใส่บาตรต้องมาจากทะเลนี้แน่นอน......จึงอยากทราบว่าที่ถูกต้องควรปฏิบัติอย่างไรจึงถูกต้อง (ท่านอาวุโสไม่ฉันส่วนเนื้อแต่ฉันน้ำ จะเป็นเกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกงหรือเปล่าครับ)


ที่ถูกต้องคือปฎิบัติตามพระธรรมวินัยครับ

ไม่ใช่ความเห็นตนเอง

คือผู้บวชไม่ต้องสงสัยหรือตั้งคำถามจนลึกซึ้งว่าปลามาจากไหน

เช่น รู้ได้อย่างไรว่าปลามาจากแอ่งน้ำ หรือคิดว่าอ่างเก็บน้ำอยู่แถวนี้เลยสรุปว่าปลามาจากแอ่งเก็บน้ำ

หรือเช่น ชาวบ้านถวายหมู ก็ต้องหาต้นกำเนิดที่มาของหมูด้วยใช่ไหมครับ

นั่นคือ การถือศีลเรื่องการกิน ต้องตามพระธรรมวินัยเท่านั้นครับ ชาวบ้านก็รู้ว่าถวายปลาไม่ผิดศีลอยู่แล้ว
จึงนำมาถวาย คืออย่าพึ่งคิดว่า ชาวบ้านจะเป็นตัวการทำให้ตนเองผิดศีล

ความเห็นตนเองจะลงที่การพิจารณาการ"กิน"ครับ

ว่า มาจากการกักขัง ต้องทนทุกข์ทนมานในกรงแคบๆ

ถูกทำร้ายถูกฆ่าตายนำมาทำอาหาร

ถือเป็นการพิจารณาเพื่อให้เกิดความปล่อยวาง ไม่ยึดถือว่า น่ากิน น่าลิ้มรส

เป็นต้น

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2016, 10:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นัตถิ เขียน:
คุณโฮฮับ...ภิกขุอยู่ด้วยกานอนุเคราะห์จากผู้อื่น ต้องเป็นคนเลี้ยงง่าย บิณฑบาตรขอทานเขาไปจะเลือกไม่ได้แม้เขาใส่ของโสโครกมายังต้องรับ...แต่พระองค์ให้ภิกขุพิจารณาว่าควรฉันหรือไม่ การฉันเนื้อหรือไม่ฉันเนื้อพระองค์ให้อิสระแก่สาวก แต่พระองค์ก็มีกรอบไว้ดังความเห็นก่อนหน้านี้....ถ้าคุณพอมีเวลาลองศึกษาในบทที่พระเทวทัต มาทูลขอให้พระองค์บัญญัติให้ ภิกขุอยู่ป่า,ไม่กินเนื้อสัตว์.....การทำตามพระธรรมนิวัยของตถาคตไม่ถือว่าเป็นการแถนะครับท่าน และการถกเถียงสอบถามกับเรื่องพระวินัย ก็เพื่อได้ขอยุติในธรรมเพื่อการประพฤติปฏิบัติไม่ด่างพ้อย เพื่อความเจริญในเพศพรหมจรรย์ และเพื่อมรรคผลนิพพานต่อไปครับ....ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นนะครับ


ความเห็นคุณมันก็แถซ้อนแถนั้นแหล่ะ

บอกว่าภิกษุห้ามปฏิเสธ ถ้ามีโยมเอาเหล้ามาถวายจะรับหรือไม่!!
หรือแม้แต่โยมเอาลูกสาวมาช่วยปัดกวาดกุฏิ จะรับมั้ย
กฎเขากล่าวไว้ทนโท่ว่า "ห้ามฆ่าสัตว์และสัตว์ถูกฆ่ามาถวาย"......ยังกล้าแถ



ประเด็นที่ผมกำลังเน้นสอนคุณ ก็คือพระวินัยที่คุณยึดถือเอามาเป็นหลัก
สิ่งที่คุณจะต้องพิจารณาเป็นอันดับแรกก็คือ.... เป็นวินัยที่พระพุทธองค์บัญญัติขึ้นจริงหรือไม่
...คุณต้องพิจารณาประเด็นนี้ให้แจ้งชัดเสียก่อน ไม่ใช่ใครเขาบอกว่า วินัยนี้เป็นคำสอนของพุทธองค์
คุรก็เชื่อตะพรึดตะพรือ....เชื่อทั้งๆที่คนสอนกับการปฏิบัติของเขาขัดแย้งกัน


ก็บอกแล้วศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งเหตุและผล มีหลักเกณท์เชื่อถือได้
ฉะนั้นเรื่อง ห้ามฆ่าสัตว์แต่กินเนื้อสัตว์ได้นี่มันไร้เหตุผลสิ้นดี....พิจารณาให้ดีก็รู้ว่า มันเป็นการอุปโหลกวินัยข้อนี้ขึ้นมา เพื่อความขลังของลัทธิตนเองหรือเปล่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2016, 10:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อยากจะสอนจขกทว่า ประเด็นหัวกระทู้ที่บอกว่า....การฉันเนื้อสัตว์ ที่เป็นอาบัติทุกกฎ
แท้จริงแล้ว โดยแก่นของพระธรรมวินัยมีเช่นนี้คือ....ภิกษุรูปใดยึดมั่นเอาเรื่องการฉันเนื้อสัตว์ได้หรือไม่ได้มาเป็นอัตตา......
ถือว่าเป็นอาบัติทุกกฎ


ความหมายของคำว่า"อาบัติทุกกฎฯ" นั้นก็คือภิกษุหาได้มีปัญญาเข้าใจในพระธรรมวินัยไม่
คืออาบัติเพราะไม่เข้าใจในพระธรรมวินัย

เรื่องของการฉันอาหาร มันไม่เกี่ยวกับฉันเนื้อสัตว์ได้หรือไม่ พระพุทะองค์บัญญัติเรื่องอาหารไว้ว่า
ควรฉันอาหารให้เป็น...กาลเทศะ
ส่วนเรื่องการฆ่าสัตว์พระพุทะองคืก้ไม่ได้บัญญัติว่าห้ามฆ่าสัตว์ แต่ทรงสอนให้ภิกษุมีใจเมตตาต่อสัตว์


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 132 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร