วันเวลาปัจจุบัน 04 ต.ค. 2024, 18:47  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2016, 16:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2016, 19:48
โพสต์: 12

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตั้งแต่ที่ข้าพเจ้าสนใจและเริ่มจริงจังกับการสวดมนต์ ตามหนังสือของหลวงพ่อจรัญ ตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าก็ประสบพบเจอแต่เรื่องราวแปลกๆ ตั้งแต่คนที่รักกันมาตั้งนานพบคนใหม่และได้บอกเลิกข้าพเจ้าไปโดยที่ข้าพเจ้าไม่ทันตั้งตัวทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าก็ยังสวดมนต์ภาวนาให้เขาทุกวัน จากนั้นหน้าที่การงานก็ถูกโยกย้ายอย่างตั้งตัวไม่ทัน ไปอยู่ในที่ที่ต้องทำงานหนักมากขึ้น มีเวลานอนน้อยขึ้น แต่ข้าพเจ้าก็ยังตั้งใจสวดมนต์และศึกษากับมันมากขึ้น ต้องอดทนทำงานหลายๆ อย่างมากขึ้น เสาร์อาทิตย์ก็ต้องทำงาน ทั้งยังไม่สบายบ่อยครั้ง จนเป็นหวัดเรื้อรัง บางทียังไม่ทันจะหายดีก็เป็นใหม่ซ้ำรอบสอง จึงทำให้กลายเป็นหวัดต่อเนื่องยาวนาน และยังถูกคนที่ไว้ใจทำร้ายตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้แต่คิดเพียงว่า นี่คงเป็นบาปกรรมที่เราเคยทำกับเขาไว้

ในวันที่ข้าพเจ้าอ่อนแอที่สุด ข้าพเจ้าเคยคิดว่า ทำไมข้าพเจ้าถึงต้องประสบพบเจอแต่เรื่องร้ายๆ ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าก็ทุ่มเททำด้วยความเต็มใจ และจริงใจกับคนรอบข้าง

และข้าพเจ้าก็สงสัยว่าผลจากการสวดมนต์ ทั้งพาหุงมหากา ทั้งชินบัญชร และแผ่เมตตาของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าเริ่มสวดมนต์จริงๆ จังๆ นั้นช่วยส่งผลให้ข้าพเจ้าชดใช้เวรกรรมได้อย่างเร็วขึ้นใช่หรือไม่ ??

ขอความกรุณาท่านผู้มีจิตเมตตา กรุณาให้คำแนะนำ และให้ความกระจ่างแก่ข้าพเจ้าด้วยนะคะ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2016, 19:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนัตตกาล เขียน:
ตั้งแต่ที่ข้าพเจ้าสนใจและเริ่มจริงจังกับการสวดมนต์ ตามหนังสือของหลวงพ่อจรัญ ตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าก็ประสบพบเจอแต่เรื่องราวแปลกๆ ตั้งแต่คนที่รักกันมาตั้งนานพบคนใหม่และได้บอกเลิกข้าพเจ้าไปโดยที่ข้าพเจ้าไม่ทันตั้งตัวทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าก็ยังสวดมนต์ภาวนาให้เขาทุกวัน จากนั้นหน้าที่การงานก็ถูกโยกย้ายอย่างตั้งตัวไม่ทัน ไปอยู่ในที่ที่ต้องทำงานหนักมากขึ้น มีเวลานอนน้อยขึ้น แต่ข้าพเจ้าก็ยังตั้งใจสวดมนต์และศึกษากับมันมากขึ้น ต้องอดทนทำงานหลายๆ อย่างมากขึ้น เสาร์อาทิตย์ก็ต้องทำงาน ทั้งยังไม่สบายบ่อยครั้ง จนเป็นหวัดเรื้อรัง บางทียังไม่ทันจะหายดีก็เป็นใหม่ซ้ำรอบสอง จึงทำให้กลายเป็นหวัดต่อเนื่องยาวนาน และยังถูกคนที่ไว้ใจทำร้ายตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้แต่คิดเพียงว่า นี่คงเป็นบาปกรรมที่เราเคยทำกับเขาไว้

ในวันที่ข้าพเจ้าอ่อนแอที่สุด ข้าพเจ้าเคยคิดว่า ทำไมข้าพเจ้าถึงต้องประสบพบเจอแต่เรื่องร้ายๆ ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าก็ทุ่มเททำด้วยความเต็มใจ และจริงใจกับคนรอบข้าง

และข้าพเจ้าก็สงสัยว่าผลจากการสวดมนต์ ทั้งพาหุงมหากา ทั้งชินบัญชร และแผ่เมตตาของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าเริ่มสวดมนต์จริงๆ จังๆ นั้นช่วยส่งผลให้ข้าพเจ้าชดใช้เวรกรรมได้อย่างเร็วขึ้นใช่หรือไม่ ??

ขอความกรุณาท่านผู้มีจิตเมตตา กรุณาให้คำแนะนำ และให้ความกระจ่างแก่ข้าพเจ้าด้วยนะคะ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ


ถ้าคุณผู้ใช้ชื่ออนัตตกาล :b8: :b20: คิดปลงใจอย่างว่านั้น พึงอดทนทำอย่างเคยทำต่อไปเถอะครับ (มารบ่มีบารมีบ่กล้า) แล้วเมื่อเราผ่านอุปสรรคนั้นๆ ได้แล้ว จิตใจเราจะมั่นคงเข้มแข็งอย่างมหัศจรรย์ก็จะประสบสิ่งดีงามเป็นผลตอบแทน

เพื่อเป็นกำลังใจขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น สมเด็จพ่อทางธรรมของเรา คือ พระพุทธเจ้า กว่าจิตใจพระองค์จะเข้มแข็งในคุณธรรมระดับเหนือโลก (โลกุตรธรรม) ได้ ต้องประสบกับอุปสรรค คือ ถูกทดสอบจากมารนับวิธีไม่ถ้วน แต่พระองค์ไม่ท้อ กลับมีจิตใจมุ่งมั่นฟันฝ่าไปให้จงได้....เมื่อผ่านพ้นอุปสรรคจากมารได้ (ตรัสรู้) ถ้านับเวลาจากวันนั้นถึงวันนี้ ได้ 2603 (2558 +45) ปีแล้ว แม้พระองค์จะปรินิพพานไปแล้ว แต่ได้ทิ้งมรดกคือธรรมะ (ธรรมะ แปลว่า ความจริง, ความถูกต้อง, ดีงาม) ไว้ให้เราชาวพุทธได้รับอานิสงส์จากการตรัสรู้ของพระองค์ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อดำเนินตามรอยพระบาทของพระองค์ต่อไปตราบชีวิตจะหาไม่

สู้เถอะครับแม้ไม่ง่ายนัก แต่ผลที่ได้คุ้มค่าที่เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2016, 19:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฝากตัวอย่างเพื่ออ่านเป็นกำลังใจ อ่านให้จบค่อยๆ อ่านครับ

เริ่มจาก...ดิฉันสมัครสอบเข้าทำงานราชการในกระทรวงหนึ่ง ซึ่งมันเป็นตำแหน่งที่ดิฉันอยากสอบได้มากๆๆๆ เพราะเงินเดือนน่าพอใจ ที่สำคัญถ้าสอบได้ดิฉันจะได้ทำงานใกล้บ้าน ดิฉันก็ทำทุกวิถีทางเลยค่ะเพื่อให้สอบได้ ทั้งอ่านหนังสืออย่างเยอะ หาข้อสอบเก่าๆมาทำ นอกจากนั้นดิฉันยังคิดจะติดสินบนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าจะบนเจ้าแม่ หรือเจ้าพ่อที่ไหนดี บนด้วยอะไรดี ก็หาข้อมูลใหญ่เลยค่ะ แล้วก็มาได้ข้อสรุปว่า เอาวะ!!...บนด้วยการถือศีล 5 แล้วกัน เพราะการถือศีล 5 ได้บุญ สิ่งศักดิ์สิทธิ์อาจจะชอบบุญมากกว่าหมูเห็ดเป็ดไก่ ไข่ต้ม หรือว่าพวงมาลัย...

พอคิดได้ก็เริ่มเลยค่ะ สวดมนต์ สมาทานศีล 5 นั่งสมาธิ แผ่เมตตาทุกคืนก่อนนอน แรกๆอึดอัดมากค่ะ จะทำอะไรก็กลัวผิดศีลไปหมด แล้วก็ชอบเผลอชอบลืมอยู่บ่อยๆ กว่าจะผ่านแต่ละวันไปได้โดยไม่พูดโกหก ไม่ตบยุง 2 อย่างนี้ยากมากๆกว่าจะหมดวันๆนึง..

ดิฉันก็เลยเริ่มรู้สึกว่าถ้าเรายังรู้สึก อึดอัดแบบนี้ต่อไปเราคงถือศีลได้ไม่กี่วันแน่ๆ เราต้องศึกษาจากคนอื่นบ้างแล้วว่ามีหลักในการถือศีลอย่างไร คนที่นึกถึงตอนแรกเลยก็คือ พระค่ะ...ดิฉันจึงไปโหลดเสียงธรรมของหลวงพ่อหลายองค์มาฟังเกี่ยวกับหลักในการปฏิบัติ ศีล 5 ยอมรับค่ะว่าเรื่องการฟังเทศน์มันแล้วแต่จริตคนจริงๆ ว่าจะถูกจริตกับคำสอนของพระองค์ไหน

ดิฉันฟังหลายหลวงพ่อแต่ก็ไม่รู้สึกถูกจริตเป็นพิเศษ จนได้มาฟังเสียงธรรมของหลวงพ่อองค์หนึ่งที่พอฟังปุ๊บ จิตมันหยุดนิ่งไม่อยากละจากเสียงไปไหนเลย เป็นเสียงที่ฟังง่าย คำพูดฟังง่ายๆ แต่ฟังแล้วคิดตามได้แล้วเห็นภาพ ดิฉันก็เปิดฟังเกือบทั้งวันเลยค่ะ ตั้งแต่ตื่น ระหว่างวัน จนถึงก่อนจะนอนเรียกว่าหลับไปกับเสียงธรรมของท่านเลย คำสอนของท่านก้องอยู่ในหัวตลอด ว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบอกว่า ศีลนั้นน่ะ มันอยู่ที่เจตนา...พอเริ่มฟังมากๆ ปัญญาก็เริ่มเกิดเริ่มใช้ชีวิตง่ายขึ้น

ผ่านไประยะหนึ่ง... จากที่ตอนแรกดิฉันรักษาศีล ดิฉันก็ค้นพบว่าไปๆ มาๆ ศีลต่างหากที่รักษาดิฉัน ชีวิตมันง่ายจังชีวิตมันดีจังที่มันใช้ชีวิตโดยมีศีลเป็นกรอบ

พอมีศีลก็มีสติ เพราะต้องมีสติไว้พิจารณาว่าสิ่งที่เรากำลังคิดจะพูดจะทำนั้น มันผิดในหลักของศีลไหม ถ้าผิดเราจะไม่พูด ไม่ทำ....พอมีสติบ่อยๆ มันก็กลายเป็นมีสติรู้ตัวทั้งวัน พอรู้ตัวทั้งวันเวลาที่พูดหรือคุยกับใครมันกลายเป็นมองข้าม ผิวพรรณ หน้าตา ทรงผม ความจน ความรวยหรือแม้แต่ยศฐาบรรดาศักดิ์ของคนคนนั้นไปเลยค่ะ น่าทึ่งมาก มันเห็นเลยว่า คนที่เราพูดคุยด้วยอยู่นี้คำที่พูดออกมามีแต่วาจาน่ารักน่าฟัง หรือวาจาเต็มไปด้วยคำโม้โอ้อวด หรือวาจาเต็มไปด้วยโทสะคำหยาบๆคายๆ หรือพูดแต่เรื่องของคนอื่น ขี้นินทาอิจฉาคนอื่นไหม น่าคบหรือไม่น่าคบ...

พอได้ยินคำพูด มันก็บ่งบอกจิตใจของคนพูดหรือแม้แต่บ่งบอกได้เหมือนกันว่าคนที่เราพูดคุย ด้วยอยู่นั้นมีสติไตร่ตรองในคำพูดของตัวเองแค่ไหน..สติยังทำให้ดิฉันเห็นถึง พัฒนาการของจิตตัวเองเวลาที่มันมีอะไรมากระทบ เวลามีคนมาทำให้โกรธ จะด้วยคำพูดหรือการกระทำก็ตาม ดิฉันสังเกตเห็นว่าจิตมันเฉยๆ มันไม่รู้สึกโกรธตอบ ทำไมมันเฉยอย่างนั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันคงร้อนรนอยากจะเอาคืน แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ไม่สำคัญเท่ากับว่า ที่ดิฉันเล่ามาทั้งหมดนี้เพียงเพราะอยากบอกเล่าถึงความมหัศจรรย์ของศีล ศีลนำมาซึ่งสติ สตินำมาซึ่งความสงบสุขในชีวิตจริงๆค่ะ โดยเฉพาะในโลกที่มันวิ่งวนวุ่นวายใบนี้..

ดิฉันยังเคยนั่งนึกเลยว่าเมื่อก่อน นี้เราอยู่มาได้ยังไงนะ โดยไม่มีสติมาเป็นเครื่องนำทางในชีวิต เมื่อก่อนเวลาเราจะตัดสินใจพูดหรือทำอะไรเรายึดหลักอะไรล่ะ...คำตอบที่ได้ คือ อารมณ์ล้วนๆ ค่ะ เกือบทุกเรื่องดิฉันยังไม่ทันได้คิดไตร่ตรองด้วยซ้ำ อารมณ์มันพาให้พูดให้ทำไปก่อน น่ากลัวจริงๆค่ะที่เคยมีชีวิตแบบนั้น...

ทั้งนี้ทั้งนั้นตอนนี้ดิฉันได้พบทาง สายเอกแล้ว ทางสายที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ ชีวิตก็ไม่ต้องการอะไรแล้วค่ะ ทุกสิ่งล้วนต้องทิ้งไว้ในโลก แต่ก็โชคดีที่ดิฉันสอบได้งานตามที่ตั้งใจหวังไว้จริงๆ จะด้วยการบนบานนั้นสำเร็จหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ยังไงดิฉันคงขอเดินบนทางสายนี้ไปจนกว่าเวลาของดิฉันในโลกใบนี้จะหมดไป

หากหมดเวลา ดิฉันขอเอาไปแค่จิตที่บริสุทธิ์ดวงเดียวก็พอ ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การบอกเล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านที่กำลัง เริ่มคิดจะถือศีล กำลังเริ่มถือศีล หรือเพียงแต่กำลังคิดจะหยุดทำผิดศีลก็ตาม อยากบอกว่าคุณเดินมาถูกทางแล้วค่ะ^^

สุดท้ายนี้...หนูต้องกราบขอบคุณพ่อแม่ ที่ทำให้หนูมีโอกาสเกิดมาพบศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบขอบคุณครูบาอาจารย์ที่สอนให้หนูอ่านออกเขียนได้ ทำใหัหนูได้อ่านพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์....สุดท้าย ดวงจิตดวงนี้ ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น ที่ทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยพระองค์เอง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มี.ค. 2016, 22:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


อนัตตกาล เขียน:
ตั้งแต่ที่ข้าพเจ้าสนใจและเริ่มจริงจังกับการสวดมนต์ ตามหนังสือของหลวงพ่อจรัญ ตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าก็ประสบพบเจอแต่เรื่องราวแปลกๆ ตั้งแต่คนที่รักกันมาตั้งนานพบคนใหม่และได้บอกเลิกข้าพเจ้าไปโดยที่ข้าพเจ้าไม่ทันตั้งตัวทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าก็ยังสวดมนต์ภาวนาให้เขาทุกวัน จากนั้นหน้าที่การงานก็ถูกโยกย้ายอย่างตั้งตัวไม่ทัน ไปอยู่ในที่ที่ต้องทำงานหนักมากขึ้น มีเวลานอนน้อยขึ้น แต่ข้าพเจ้าก็ยังตั้งใจสวดมนต์และศึกษากับมันมากขึ้น ต้องอดทนทำงานหลายๆ อย่างมากขึ้น เสาร์อาทิตย์ก็ต้องทำงาน ทั้งยังไม่สบายบ่อยครั้ง จนเป็นหวัดเรื้อรัง บางทียังไม่ทันจะหายดีก็เป็นใหม่ซ้ำรอบสอง จึงทำให้กลายเป็นหวัดต่อเนื่องยาวนาน และยังถูกคนที่ไว้ใจทำร้ายตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้แต่คิดเพียงว่า นี่คงเป็นบาปกรรมที่เราเคยทำกับเขาไว้

ในวันที่ข้าพเจ้าอ่อนแอที่สุด ข้าพเจ้าเคยคิดว่า ทำไมข้าพเจ้าถึงต้องประสบพบเจอแต่เรื่องร้ายๆ ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าก็ทุ่มเททำด้วยความเต็มใจ และจริงใจกับคนรอบข้าง

และข้าพเจ้าก็สงสัยว่าผลจากการสวดมนต์ ทั้งพาหุงมหากา ทั้งชินบัญชร และแผ่เมตตาของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าเริ่มสวดมนต์จริงๆ จังๆ นั้นช่วยส่งผลให้ข้าพเจ้าชดใช้เวรกรรมได้อย่างเร็วขึ้นใช่หรือไม่ ??

ขอความกรุณาท่านผู้มีจิตเมตตา กรุณาให้คำแนะนำ และให้ความกระจ่างแก่ข้าพเจ้าด้วยนะคะ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ


การสวดมนต์เป็นการน้อมเอาพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง

ความประสบทุกข์ทั้งหลาย ต้องน้อมเอาทุกข์มาพิจารณา

ว่า เราเป็นแค่ผู้เดินทางผ่าน ย่อมต้องผ่านทางที่ เป็นหลุมบ้าง

คดเคี้ยวบ้าง เมื่อเห็นหลุม เราควรจะเกยียบเข้าไปในหลุม หรือ ก้าวข้ามหลุมไป

เมื่อถึงทางคดเคี้ยว เราควรจะอ้อนวอนถนนให้บีบทางให้ตรง

หรือเราควรยอมรับสภาพ แล้วเดินต่อไปให้ผ่านถนนเส้นนี้

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2016, 05:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7505

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนัตตกาล เขียน:
ตั้งแต่ที่ข้าพเจ้าสนใจและเริ่มจริงจังกับการสวดมนต์ ตามหนังสือของหลวงพ่อจรัญ ตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าก็ประสบพบเจอแต่เรื่องราวแปลกๆ ตั้งแต่คนที่รักกันมาตั้งนานพบคนใหม่และได้บอกเลิกข้าพเจ้าไปโดยที่ข้าพเจ้าไม่ทันตั้งตัวทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าก็ยังสวดมนต์ภาวนาให้เขาทุกวัน จากนั้นหน้าที่การงานก็ถูกโยกย้ายอย่างตั้งตัวไม่ทัน ไปอยู่ในที่ที่ต้องทำงานหนักมากขึ้น มีเวลานอนน้อยขึ้น แต่ข้าพเจ้าก็ยังตั้งใจสวดมนต์และศึกษากับมันมากขึ้น ต้องอดทนทำงานหลายๆ อย่างมากขึ้น เสาร์อาทิตย์ก็ต้องทำงาน ทั้งยังไม่สบายบ่อยครั้ง จนเป็นหวัดเรื้อรัง บางทียังไม่ทันจะหายดีก็เป็นใหม่ซ้ำรอบสอง จึงทำให้กลายเป็นหวัดต่อเนื่องยาวนาน และยังถูกคนที่ไว้ใจทำร้ายตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้แต่คิดเพียงว่า นี่คงเป็นบาปกรรมที่เราเคยทำกับเขาไว้

ในวันที่ข้าพเจ้าอ่อนแอที่สุด ข้าพเจ้าเคยคิดว่า ทำไมข้าพเจ้าถึงต้องประสบพบเจอแต่เรื่องร้ายๆ ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าก็ทุ่มเททำด้วยความเต็มใจ และจริงใจกับคนรอบข้าง

และข้าพเจ้าก็สงสัยว่าผลจากการสวดมนต์ ทั้งพาหุงมหากา ทั้งชินบัญชร และแผ่เมตตาของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าเริ่มสวดมนต์จริงๆ จังๆ นั้นช่วยส่งผลให้ข้าพเจ้าชดใช้เวรกรรมได้อย่างเร็วขึ้นใช่หรือไม่ ??

ขอความกรุณาท่านผู้มีจิตเมตตา กรุณาให้คำแนะนำ และให้ความกระจ่างแก่ข้าพเจ้าด้วยนะคะ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ

Kiss
คลายทุกข์คือการละคลายสิ่งที่กำลังมี
อวิชชาทำให้เกิดมาหลงโลกมีเพราะคิดนึก
ความเข้าใจว่ามีชีวิตคืออะไรสำคัญที่สุดค่ะ
หมั่นศึกษาว่าความจริงคืออะไรสุขอะไรทุกช์
เปลี่ยนชีวิตคือเปลี่ยนความคิดไปในทางกุศลค่ะ
https://m.youtube.com/watch?v=g3TLepPnbXs
:b4: :b4:
:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2016, 10:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7505

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
อนัตตกาล เขียน:
ตั้งแต่ที่ข้าพเจ้าสนใจและเริ่มจริงจังกับการสวดมนต์ ตามหนังสือของหลวงพ่อจรัญ ตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าก็ประสบพบเจอแต่เรื่องราวแปลกๆ ตั้งแต่คนที่รักกันมาตั้งนานพบคนใหม่และได้บอกเลิกข้าพเจ้าไปโดยที่ข้าพเจ้าไม่ทันตั้งตัวทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าก็ยังสวดมนต์ภาวนาให้เขาทุกวัน จากนั้นหน้าที่การงานก็ถูกโยกย้ายอย่างตั้งตัวไม่ทัน ไปอยู่ในที่ที่ต้องทำงานหนักมากขึ้น มีเวลานอนน้อยขึ้น แต่ข้าพเจ้าก็ยังตั้งใจสวดมนต์และศึกษากับมันมากขึ้น ต้องอดทนทำงานหลายๆ อย่างมากขึ้น เสาร์อาทิตย์ก็ต้องทำงาน ทั้งยังไม่สบายบ่อยครั้ง จนเป็นหวัดเรื้อรัง บางทียังไม่ทันจะหายดีก็เป็นใหม่ซ้ำรอบสอง จึงทำให้กลายเป็นหวัดต่อเนื่องยาวนาน และยังถูกคนที่ไว้ใจทำร้ายตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้แต่คิดเพียงว่า นี่คงเป็นบาปกรรมที่เราเคยทำกับเขาไว้

ในวันที่ข้าพเจ้าอ่อนแอที่สุด ข้าพเจ้าเคยคิดว่า ทำไมข้าพเจ้าถึงต้องประสบพบเจอแต่เรื่องร้ายๆ ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าก็ทุ่มเททำด้วยความเต็มใจ และจริงใจกับคนรอบข้าง

และข้าพเจ้าก็สงสัยว่าผลจากการสวดมนต์ ทั้งพาหุงมหากา ทั้งชินบัญชร และแผ่เมตตาของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าเริ่มสวดมนต์จริงๆ จังๆ นั้นช่วยส่งผลให้ข้าพเจ้าชดใช้เวรกรรมได้อย่างเร็วขึ้นใช่หรือไม่ ??

ขอความกรุณาท่านผู้มีจิตเมตตา กรุณาให้คำแนะนำ และให้ความกระจ่างแก่ข้าพเจ้าด้วยนะคะ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ

Kiss
คลายทุกข์คือการละคลายสิ่งที่กำลังมี
อวิชชาทำให้เกิดมาหลงโลกมีเพราะคิดนึก
ความเข้าใจว่ามีชีวิตคืออะไรสำคัญที่สุดค่ะ
หมั่นศึกษาว่าความจริงคืออะไรสุขอะไรทุกช์
เปลี่ยนชีวิตคือเปลี่ยนความคิดไปในทางกุศลค่ะ
https://m.youtube.com/watch?v=g3TLepPnbXs
:b4: :b4:
:b12:

พระพุทธเจ้าทรงสรรเสริญผู้ที่บรรลุอรหัตตผลเท่านั้นว่าดีแล้วค่ะ
ขอขยายความให้เข้าใจที่มีตัวตนทำสวดมนต์ไม่เข้าใจคำสอน
หรือจะเป็นการนั่งสมาธิตามๆกันไปโดยไม่ได้ศึกษาคำที่ตรัสรู้
เป็นการทำกรรมใหม่ด้วยความไม่รู้สะสมแต่กิเลสวัฏอันใหม่ค่ะ
ที่มีการเห็นและรับรู้สิ่งต่างๆเป็นผลของกรรมในอดีตชาติทำให้
จุติจิตจากชาติก่อนมาปฏิสนธิใหม่ในชาตินี้โดยเลือกภพไม่ได้
เพราะเป็นโลภะมูลจิตคือการกระทำสิ่งต่างๆเพราะคิดว่าเป็นบุญ
ชาตินี้เป็นผลของกุศลกรรมจึงได้เป็นมนุษย์หยุดความเกิดไม่ได้
ความไม่รู้มีมากแม้คิดว่าเป็นชาวพุทธที่ไม่เข้าใจคำสอนก็คือไม่ดี
ความสงสัยที่คุณอนันตกาลสงสัยเป็นความคิดด้วยความไม่รู้ค่ะ
แม้เดี๋ยวนี้เองก็สะสมกิเลสความไม่รู้ตลอดเวลาจึงจำเป็นต้องฟัง
เพื่อทำเหตุปัจจัยอันใหม่ให้เพิ่มกุศลความรู้ความเข้าใจคำสอนก่อน
เราเปลี่ยนผลของกรรมคือวิบากกรรมไม่ได้แค่ตามรู้สิ่งที่มีแล้วในจิตตน
เพราะสิ่งที่สะสมเป็นกรรมที่รอให้ผลแล้วการเกิดอีกหมายถึงยังไม่รู้ทั้งหมด
ดังนั้นการรู้ว่าจิตตนกำลังสะสมอะไรเป็นความรู้จากคำสอนเพื่อละความไม่รู้ค่ะ
onion onion onion


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 30 มี.ค. 2016, 08:43, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2016, 21:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


อนัตตกาล เขียน:
ตั้งแต่ที่ข้าพเจ้าสนใจและเริ่มจริงจังกับการสวดมนต์ ตามหนังสือของหลวงพ่อจรัญ ตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าก็ประสบพบเจอแต่เรื่องราวแปลกๆ ตั้งแต่คนที่รักกันมาตั้งนานพบคนใหม่และได้บอกเลิกข้าพเจ้าไปโดยที่ข้าพเจ้าไม่ทันตั้งตัวทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าก็ยังสวดมนต์ภาวนาให้เขาทุกวัน จากนั้นหน้าที่การงานก็ถูกโยกย้ายอย่างตั้งตัวไม่ทัน ไปอยู่ในที่ที่ต้องทำงานหนักมากขึ้น มีเวลานอนน้อยขึ้น แต่ข้าพเจ้าก็ยังตั้งใจสวดมนต์และศึกษากับมันมากขึ้น ต้องอดทนทำงานหลายๆ อย่างมากขึ้น เสาร์อาทิตย์ก็ต้องทำงาน ทั้งยังไม่สบายบ่อยครั้ง จนเป็นหวัดเรื้อรัง บางทียังไม่ทันจะหายดีก็เป็นใหม่ซ้ำรอบสอง จึงทำให้กลายเป็นหวัดต่อเนื่องยาวนาน และยังถูกคนที่ไว้ใจทำร้ายตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้แต่คิดเพียงว่า นี่คงเป็นบาปกรรมที่เราเคยทำกับเขาไว้

ในวันที่ข้าพเจ้าอ่อนแอที่สุด ข้าพเจ้าเคยคิดว่า ทำไมข้าพเจ้าถึงต้องประสบพบเจอแต่เรื่องร้ายๆ ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าก็ทุ่มเททำด้วยความเต็มใจ และจริงใจกับคนรอบข้าง

และข้าพเจ้าก็สงสัยว่าผลจากการสวดมนต์ ทั้งพาหุงมหากา ทั้งชินบัญชร และแผ่เมตตาของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าเริ่มสวดมนต์จริงๆ จังๆ นั้นช่วยส่งผลให้ข้าพเจ้าชดใช้เวรกรรมได้อย่างเร็วขึ้นใช่หรือไม่ ??

ขอความกรุณาท่านผู้มีจิตเมตตา กรุณาให้คำแนะนำ และให้ความกระจ่างแก่ข้าพเจ้าด้วยนะคะ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ


สวัสดีค่ะคุณอนัตตกาล

ท่านพุทธทาสท่านสอนว่า ทำดีก็ดีแล้ว ขอให้หนูรู้สึกดีกับความดีที่กำลังทำอยู่ค่ะ
ทุกคนมีเวรกรรมที่ติดตัวมามาก เหมือนมีไฟกองใหญ่ไล่ตามจี้หลังอยู่ตลอดเวลา จังหวะไหนพร้อม เป็นถูกไฟจี้ทันที เห็นอย่างนี้แล้วว่าทุกวันนี้หนูทุกข์มาก ไม่อยากทุกข์ก็ไม่ได้ เรายิ่งต้องมีกำลังใจทำความดี เพราะถ้าเราไม่ทำกุศล เราจะต้องทุกข์มากกว่านี้ค่ะ

เรื่องร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับหนูนั้น มันเป็นผลของการกระทำในอดีตของเราทั้งสิ้น เรามีกรรมเป็นของๆ เรา ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว เราต้องรับทั้งความสุขและความทุกข์อย่างหนีไม่ได้ ถ้าเราอยากได้รับความสุข ก็ทำกรรมดีไว้ให้มากๆ ค่ะ เราจะรับความสุขอย่างเดียวไม่ได้ มีความทุกข์ให้ได้รับด้วย เพราะอดีตชาติที่ผ่านมา เราได้ทำทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว ซึ่งเราหนีไม่พ้นที่ต้องรับทั้งสองอย่างค่ะ ถ้าทำกุศลให้มาก ก็จะดีเอง เพราะกุศลให้ผลเป็นความสุขค่ะ

เราได้รับความทุกข์ในวันนี้ ทำให้เราต้องพึ่งสังวรณ์แล้วว่า เราต้องทำกุศลไว้อย่าให้ขาด ทำอะไรที่ดีได้ ทำค่ะ เพราะกุศลเท่านั้นที่เป็นที่พึ่งสำหรับเราได้

ที่เราทำกุศลในปัจจุบัน เช่นที่หนูสวดมนต์นั้น ยังไม่เห็นผลของกุศลในปัจจุบันได้ทันทีง่ายๆ หรอกค่ะ แต่กุศลที่กำลังทำในปัจจุบันนี้เป็นชาติเดียวกันกับกุศลที่เคยทำไว้ในอดีตชาติ สามารถช่วยให้กุศลที่เคยทำไว้ในอดีตชาติ มาส่งผลให้หนูได้ง่ายขึ้นค่ะ

สวดมนต์ต่อไปค่ะ ดีแล้ว สวดด้วยความศรัทธาแม้จะแปลไม่ได้ไม่เข้าใจ ก็ไม่เป็นไร ดูอย่างสัตว์เดรัจฉานอย่างค้างคาว พอใจในเสียงสาธยายมนต์ ก็ยังได้รับผลถึงไปเกิดเป็นเทวดาได้ ศรัทธาที่จะสวดมนต์แม้จะไม่เข้าใจ ก็ดีกว่าไม่สวดนะคะ แต่ถ้าแปลได้เข้าใจได้ ยิ่งดีค่ะ
และก็ทำกุศลอื่นๆ ด้วย ทำอย่าให้ขาดนะคะ ขอให้หนูได้รับความสุขจากความดีที่ทำ กุศลเกิดอยู่ที่ใจค่ะ ขอให้ใจมีความสุขเมื่อนึกถึงกุศลต่างๆ ที่ได้ทำนะคะ เข้มแข็งและมีความสุขกับกุศลที่ทำค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มี.ค. 2016, 22:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
นั้นช่วยส่งผลให้ข้าพเจ้าชดใช้เวรกรรมได้อย่างเร็วขึ้นใช่หรือไม่ ??

ถูกต้องตามนั้นเลยครับ ใช้กรรมตอนนี้ ดีกว่า กว่าไปใช้ในอนาคตนะ ว่ากันว่า เพราะทำบุญเหมือนมีกำไร
ให้เจ้ากรรมเขาหัก เขาทวงคืน ก้คือทำให้เราเจ็บป่วยง่าย ทำงานหนักขึ้น แต่ว่าคงไม่นาน เด่วก้กลับมาเป็นปกติครับ "บุญย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม" รวมถึงอำนาจพระรัตนตรัย ย่อมรักษาผู้ที่สวดมนต์ภาวนาเป็นนิจ

สวดมนต์ที่พูดมาแต่ละบทนั้นดีมากแล้ว แต่ผมแนะให้สวดโพชฌงค์ฯ(1ในบทสวด12ตำนาน-->ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ)หรือธรรมจักรฯด้วยก้ดียิ่งขึ้น และบวกกับทำทาน เช่นบริจาคจตุปัจจัยให้กับทางวัด หรือใส่บาตรยามเช้า ในวันที่สะดวกจริงๆ

สวดมนต์เป็นยาทา แต่ภาวนาเป็นยากิน กินแล้วเข้าเส้นเลือดทันที อย่าไปท้อในแรงกรรมที่ทำให้เราลำบาก
จงพักผ่อนและปล่อยวางให้จิตเราผ่อนคลาย พร้อมกลับมาลุยกับมันใหม่ :b40:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2016, 04:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 16:34
โพสต์: 1050

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ให้กำลังใจ ขอเป็น กำลังใจ ให้ ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ปฏิบัติตรง ทีทำมา เดินทางมาถูกต้องแล้ว อย่า ท้อ..ภาวนา ต่อไปครับ มันจะส่งผลดีในอนาคต แน่นอน
เจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2016, 23:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


อนัตตกาล เขียน:
ตั้งแต่ที่ข้าพเจ้าสนใจและเริ่มจริงจังกับการสวดมนต์ ตามหนังสือของหลวงพ่อจรัญ ตั้งแต่นั้นมาข้าพเจ้าก็ประสบพบเจอแต่เรื่องราวแปลกๆ ตั้งแต่คนที่รักกันมาตั้งนานพบคนใหม่และได้บอกเลิกข้าพเจ้าไปโดยที่ข้าพเจ้าไม่ทันตั้งตัวทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าก็ยังสวดมนต์ภาวนาให้เขาทุกวัน จากนั้นหน้าที่การงานก็ถูกโยกย้ายอย่างตั้งตัวไม่ทัน ไปอยู่ในที่ที่ต้องทำงานหนักมากขึ้น มีเวลานอนน้อยขึ้น แต่ข้าพเจ้าก็ยังตั้งใจสวดมนต์และศึกษากับมันมากขึ้น ต้องอดทนทำงานหลายๆ อย่างมากขึ้น เสาร์อาทิตย์ก็ต้องทำงาน ทั้งยังไม่สบายบ่อยครั้ง จนเป็นหวัดเรื้อรัง บางทียังไม่ทันจะหายดีก็เป็นใหม่ซ้ำรอบสอง จึงทำให้กลายเป็นหวัดต่อเนื่องยาวนาน และยังถูกคนที่ไว้ใจทำร้ายตัวข้าพเจ้า ข้าพเจ้าก็ได้แต่คิดเพียงว่า นี่คงเป็นบาปกรรมที่เราเคยทำกับเขาไว้

ในวันที่ข้าพเจ้าอ่อนแอที่สุด ข้าพเจ้าเคยคิดว่า ทำไมข้าพเจ้าถึงต้องประสบพบเจอแต่เรื่องร้ายๆ ทั้งๆ ที่ข้าพเจ้าก็ทุ่มเททำด้วยความเต็มใจ และจริงใจกับคนรอบข้าง

และข้าพเจ้าก็สงสัยว่าผลจากการสวดมนต์ ทั้งพาหุงมหากา ทั้งชินบัญชร และแผ่เมตตาของข้าพเจ้า ที่ข้าพเจ้าเริ่มสวดมนต์จริงๆ จังๆ นั้นช่วยส่งผลให้ข้าพเจ้าชดใช้เวรกรรมได้อย่างเร็วขึ้นใช่หรือไม่ ??

ขอความกรุณาท่านผู้มีจิตเมตตา กรุณาให้คำแนะนำ และให้ความกระจ่างแก่ข้าพเจ้าด้วยนะคะ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ


กิเลส ส่งผลให้เกิด กรรม
และกรรมเป็นเหตุ มีวิบากเป็นผล

กรรมดี ย่อมได้รับผลดี
กรรมชั่ว ก็ได้รับผลที่ไม่ดี

สิ่งที่ไม่ดีที่ได้รับทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย นี่เป็นผลของอกุศลกรรมทั้งนั้น
ท่านจึงสอนให้สร้างกรรมที่ดี เพราะมีผลเป็นสุข

อดีตแกไขอะไรไม่ได้ แต่ปัจจุบันสามารถสร้างเหตุที่ดีได้ ให้ผลเป็นสุขได้ทั้งในปัจจุบันและจะส่งผลต่อไปในอนาคต

บุญกิริยาวัตถุมีสาม คือ ทาน ศีล ภาวนา

แต่สิ่งที่หลายคนข้ามไม่พ้นคือการทำบุญหวังผล ข้างความโลภไม่พ้น เช่นหวังให้รวย สวย หล่อ มีลาภยศ สรรเสริญ อย่างงั้นอย่างนี้ คือโดยเหตุและผลแล้ว บุญนั้นส่งผลอยู่แล้วท่านจะหวังหรือไม่หวังเนี่ยบุญก็ส่งผล แต่ถ้าทำบุญแล้วหวังผลเป็นกิเลสครับ ซึ่งต้องข้ามให้พ้น แล้วบุญยิ่งจะเพิ่มพูน

การสวดมนตร์นั้น เมื่อก่อนผมก็สวดมากสวดยาว หลังจากนั้นก็อธิษฐานขอนั่นนี่ซะยืดยาว ทุกวันนี้ไม่ได้สวดยาวอะไรเลย ก่อนนอน ถ้าสวดก็สวดสั้นๆ สวดบทที่รู้ความหมายและมักสวดในใจ มีการสมาทานศีล เจริญอานาปานสติ แผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศลแด่สรรพสัตว์ แล้วก็พักผ่อน

บุญไม่ได้มีแค่การสาธยายมนตร์อย่างเดียว ยังมีอีกมากมาย มีจาคะ การสละวัตถุต่างๆเป็นทาน การสละความชั่วจากใจ การงดเว้นจากบาปเวรทั้งหลาย การฟังพระธรรม การทำความเห็นให้ตรง การบูชาบุคคลผู้ควรบูชา การช่วยเหลือคนที่มีทุกข์ให้พ้นทุกข์ เป็นต้น เป็นบุญทั้งนั้น

ฝากไว้ให้ จขทก พิจารณา ชีวิตที่เกิดมามีทุกข์ด้วยกันทั้งนั้น ต้องเรียนรู้ทุกข์และอยู่กับมันให้ได้ ไม่มีอะไรเป็นไปตามอำนาจบังคับบัญชาของเรา เป็นเพียงสิ่งที่เกิดตามเหตุ แล้วก็ดับ ถ้าปัญญาเกิดก็จะเข้าใจได้ แต่ก็ต้องได้ศึกษาพระธรรมพอควรจึงจะพอเห็นความจริงได้มากขึ้นครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ค. 2016, 16:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7505

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


cool
คุณอนัตตกาลเงียบหายไปเลยนะคะ
เข้าใจนะคะว่าชีวิตมีอุปสรรคมาก
ปัญหารุมเร้าทำให้คิดมากค่ะ
ถ้ามีเวลาก็เข้ามาสนทนา
จริงแล้วการสวดมนต์
เป็นกุศลจิตนะคะ
:b20:
อย่าเก็บเอาทุกอย่างมาคิดต้องเปลี่ยนอารมณ์ให้เร็ว
เพราะการสวดมนต์เป็นการทำสมาธิอย่างหนึ่งค่ะ
การสวดต้องมีสติจดจ่อทั้งตาดูหูฟังคิดตาม
บทสวดเป็นพลังงานที่ดีเป็นพุทธคุณค่ะ
แต่ถ้าเราไม่สวดด้วยความเคารพ พลังงานที่ไม่ดีก็จะถูกดึงมาหา คิดสิ่งใดสิ่งนั้นก็ไหลมา
ถ้าสวดตอนจิตขุ่นมัวบุญก็ไม่เข้าสู่จิตใจเลยค่ะ จึงเกิดแต่ปัญหาสุมหัวเพราะคิดมาก
จึงไม่เกิดปัญญาในการคิดแก้ปัญหา คุณอนัตตกาลคงเครียด เปลี่ยนวิธีสวดดีไหม
หลังเลิกงานรับประทานอาหารเข้านอนแต่หัวค่ำให้ร่างกายได้พักผ่อนให้หายเพลีย
ตั้งนาฬิกาปลุกตื่นขึ้นมาสวดมนต์ตอนดึกสักห้าทุ่มก็ได้ค่ะจะได้สงบใจลองดูนะคะ
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2016, 19:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ทำไมต้องย้ายกะทู้..ก็ไม่รู้เน๊าะ.. :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2016, 19:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้าว....กลับมาแล้ว..

:b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2016, 19:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7505

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อ้าว....กลับมาแล้ว..

:b9: :b9:

:b32: มีทั้งสองแห่งสงสัยทำไมสมัครใหม่ซ้ำชื่อเดิมได้คะ :b13:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 14 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 43 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร