วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 06:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มี.ค. 2016, 05:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


เดรัจฉานวิชา

ผู้ใดไปเล่นเสน่ห์นี่..บาป ทำมาหากินไม่ขึ้น มันแพ้ตัวเอง คาถาอาคมนี่ สวดอิติปิโสบทเดียว อย่าไปเอาอย่างอื่น จบแล้ว.. สวากขาโต.. สุปะฏิปันโน.. อะหัง สุขิโต โหมิ.. สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ นั่นแหละมนต์ดีที่สุดในโลก เหนือกว่าทุกสิ่งทุกอย่าง
นี่เราไปเที่ยวเชื่อคาถาอาคม ทีนี้ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย ท่านเห็นพวกเราเชื่อ ท่านก็ไปหาเรียนมา มาแล้วก็มาหลอกลวงพวกเรา บางทีไปบางสำนักแจกสีผึ้งให้คนละตลับๆๆ ตลับละสี่ซ้าห้าร้อย เสร็จแล้วเอาไปสีปาก สีแล้วเป็นไง มันจะรวยๆ พระท่านไม่ได้โกหกหรอก เราเอาของท่านไป เราให้เงินท่าน ท่านเองรวย แต่เราไปสีจนสีปากมันด้านมันก็ไม่รวย เพราะฉะนั้น เลิกเชื่อพระเสียเถอะ ต่อไปนี้ให้เชื่อแต่พระที่สอนให้รู้จักคุณพ่อคุณแม่ปู่ย่าตายาย รู้จักบุญคุณ รู้จักกตัญญูกตเวที รู้จักให้สร้างแต่ความรัก ความเมตตาปรานีต่อกัน ถ้าใครมาสอน ให้เชื่อเครื่องรางของขลังละก็.. อย่าไปไหว้ เลิกไหว้ เหรียญไม่มี ไม่แจกทั้งนั้น แจกแต่ธรรมะ ของดีนี่ให้เลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ ถ้ามีปู่ย่าตายาย เลี้ยงปู่ย่าตายาย มีครอบครัวเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียให้ดี เมตตาสงสารกันให้มากๆ มันอยู่ที่นี่.. ของดี ถ้าผัวเมียทะเลาะกัน ครุฑอยู่ในกระเป๋ามันตีปีกปุ๊บ ๆ ๆ ๆ มันจะบินหนี
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย



อานิสงส์การถวายสังฆทาน...
คำว่าสังฆทานพระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นทานที่สูงสุดของฝ่ายวัตถุไม่มีวัตถุทานใดสูงกว่าสังฆทานการถวายทานแก่คณะสงฆ์ที่เป็นหมู่ตั้งแต่4รูปขึ้นไปโดยไม่เจาะจงภิกษุรูปใดรูปหนึ่งการถวายสังฆทานขึ้นอยู่กับเจตนาทึ่บริสุทธิ์ตัองมีเจตนาให้ครบ3กาลจะได้บุญสูงสุด
กาล1ใหัตั้งจิตของเราว่าเราจะถวายสังฆทานโดยเราจะไม่เจาะจงพระภิกษ์รูปใดรูปหนึ่ง
กาล2ต้องไม่มีความยินดียินร้ายแก่พระภิกษ์ทึ่มารับสังฆทานไม่ว่าจะเป็นพระปฎิบัติธรรมดีพรรษามากหรือเป็นพระภิกษ์พึงบวชใหม่
กาล3หลังถวายทำจิตให้บริสุทธิ์ตั้งใจให้สังฆทานเป็นของสงฆ์พระพุทธเจ้าตรัสว่าถวายทานแก่พระพุทธเจ้า100ครั้งมีผลไม่เท่ากับถวายสังฆทาน1ครั้งผลของสังฆทานนจะดลบันดาลให้แก่บุคคลมี่ถวายเกิดมาอีกกี่ชาติแสนชาติก็ตามอานิสงส์นั้นไม่หมดอานิสงส์การถวายสังฆทาน...
คำว่าสังฆทานพระพุทธเจ้าตรัสว่าเป็นทานที่สูงสุดของฝ่ายวัตถุไม่มีวัตถุทานใดสูงกว่าสังฆทานการถวายทานแก่คณะสงฆ์ที่เป็นหมู่ตั้งแต่4รูปขึ้นไปโดยไม่เจาะจงภิกษุรูปใดรูปหนึ่งการถวายสังฆทานขึ้นอยู่กับเจตนาทึ่บริสุทธิ์ตัองมีเจตนาให้ครบ3กาลจะได้บุญสูงสุด
กาล1ใหัตั้งจิตของเราว่าเราจะถวายสังฆทานโดยเราจะไม่เจาะจงพระภิกษ์รูปใดรูปหนึ่ง
กาล2ต้องไม่มีความยินดียินร้ายแก่พระภิกษ์ทึ่มารับสังฆทานไม่ว่าจะเป็นพระปฎิบัติธรรมดีพรรษามากหรือเป็นพระภิกษ์พึงบวชใหม่
กาล3หลังถวายทำจิตให้บริสุทธิ์ตั้งใจให้สังฆทานเป็นของสงฆ์พระพุทธเจ้าตรัสว่าถวายทานแก่พระพุทธเจ้า100ครั้งมีผลไม่เท่ากับถวายสังฆทาน1ครั้งผลของสังฆทานนี้จะดลบันดาลให้แก่บุคคลที่ถวายเกิดมากี่แสนชาติก็ตามอานิสงส์นี้ไม่หมด..
เทศนาโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์(โตพฺรหฺมรํสี)





...ทุกข์ด้วยความเพียร ไม่เป็นไร
ดีกว่าทุกข์ ที่บีบคั้นหัวใจด้วยกิเลส
ทุกข์.. เพื่อพ้นจากทุกข์
เป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงสรรเสริญ

{หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน}





ผู้ใดมีสติอยู่ทุกเวลา
ผู้นั้นก็ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา
เพราะว่า เมื่อตามองเห็นรูป ก็เป็นธรรมะ
...
หูได้ฟังเสียง ก็เป็นธรรมะ
จมูกได้กลิ่น ก็เป็นธรรมะ
ลิ้นได้รสก็เป็นธรรมะ
ธรรมารมณ์ที่เกิดขึ้นกับใจ
นึกขึ้นได้เมื่อใดเป็นธรรมะเมื่อนั้น

ฉะนั้นผู้มีสติจึงได้ฟังธรรมะของพระพุทธเจ้าอยู่ตลอดเวลา
ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน มันมีอยู่ทุกเวลา
เพราะอะไร ?

เพราะเรามีความรู้อยู่
พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)
วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี





“...คนไม่มีศีล ๕ แต่ไปให้ศีล ๕ คนอื่น
อย่างนี้ ย่อมไม่มีอำนาจ ไม่ศักดิ์สิทธิ์

แนะนำคนอื่นให้ทำดี แต่ตัวเองไม่ทำดี
อย่างนี้ คนถูกสอนก็อ่อนใจ
หมดกำลังใจ หมดศรัทธา...”

โอวาทธรรม...
หลวงพ่อลี ธัมมธโร





"ใครทำบุญให้ทานมากน้อย นี่ละคือเบิกทางเข้ามา จะดึงตัวเองออกจากขอบวัฏจักร แต่กิเลสมันไม่ยอมนะ คำนี้จำให้ดี พอเราจะแย็บทางความดีที่ไหน กิเลสจะกั้นปุ๊บ ๆ เพราะเราทำความดีคือเราจะออกจากอำนาจของมัน มันไม่ยอมให้ออก ก็คิดดูซิอย่างพระโคธิกะ เราพูดย่อ ๆ เลย พอท่านตรัสรู้ปึ๋งท่านก็นิพพาน พญามารมาคุ้ยเขี่ยขุดค้นหาจิตวิญญาณของพระโคธิกะ จนมืดฟ้ามัวดิน ไม่ทราบว่าควันอะไรต่ออะไรมืดไปหมดเลย พระพุทธเจ้าตวาดลงมา พญามาร ถ้าเป็นภาษาของหลวงตาบัว แต่นี้เขาแยกออกมาพูดเฉย ๆ พระพุทธเจ้าเป็นศาสดาทำไมจะพูดอย่างหลวงตาบัวไม่ได้ ดีไม่ดียิ่งกว่านี้อีก

หลวงตาบัวพูดว่ายังไง พญามาร เธอจะมาหาค้นคว้าอะไรเพียงเธอคนเดียว ให้ไปยกโคตรของเธอมาค้นก็ไม่เห็นวิญญาณของพระโคธิกะซึ่งเป็นลูกตถาคต ท่านว่าอย่างนั้นนะ พระโคธิกะนิพพานไปแล้ว สิ้นกิเลสเรียบร้อยแล้ว ไม่อยู่ใต้อำนาจของเธอแล้ว เธอจะค้นเท่าไร ไปเอาโคตรเอาแซ่มาค้นก็ไม่พบ ตายจมไปเหมือนเก่านั้นแหละ ความหมายก็ว่างั้น นี่เห็นไหมล่ะ อันนี้พญามาร อำนาจแห่งกิเลสตัณหาเป็นหัวหน้าพญามารคุ้ยเขี่ยขุดค้นหาจิตวิญญาณของพระโคธิกะไม่พบ นั่นเห็นไหมล่ะ เวลาออกแล้ว นี่ละมันกุมอำนาจไว้เข้าใจไหม ค้นหาให้อยู่ในอำนาจของมัน นี่จิตพอพ้นปึ๋งออกไปแล้วก็แบบเดียวกัน"

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส ณ วัดป่าบ้านตาด
เมื่อวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๕






ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ทุกขอริยสัจเป็นไฉน

แม้ชาติ ก็เป็นทุกข์
แม้ชรา ก็เป็นทุกข์
แม้มรณะ ก็เป็นทุกข์
แม้โสกะ ปริเทวะ ทุกข์โทมนัสอุปายาส ก็เป็นทุกข์
แม้ความประจวบกับสิ่งไม่เป็นที่รัก ก็เป็นทุกข์
แม้ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ก็เป็นทุกข์
ปรารถนาสิ่งใด ไม่ได้แม้อันนั้น ก็เป็นทุกข์

โดยย่อ อุปาทานขันธ์ทั้ง ๕ เป็นทุกข์ ฯ





"สัญญา กับปัญญาไม่เหมือนกัน"

" .. สัญญาเป็นความจำ ปัญญาเป็นความรู้เท่าทัน
มันไม่เหมือนกันมันต่างกัน บางคนจำสัญญาเป็นปัญญา
ถ้าปัญญาแล้ว ไม่สุขกับใคร ไม่ทุกข์กับใคร
ไม่เดือดร้อนกับใคร ไม่เป็นทุกข์
เป็นร้อนกับจิตที่มันสงบหรือไม่สงบ

ถ้าสัญญา ไม่ใช่อย่างนั้นนะ มันเกิดความยึดมั่นถือมั่น
เป็นทุกข์เป็นร้อนไปตามอารมณ์ทั้งหลายเหล่านั้น .. "

หลวงปู่ชา สุภัทโท





"พิจารณาให้เห็นความทุกข์"

ความแก่ ความทรุดโทรมของร่างกายนี่มันก็ทำให้ลำบากลำบน จิตใจที่มันอาศัยอยู่ในร่างกายอันนี้เมื่อมันทรุดโทรมไปแล้วนี่นะแล้วก็บางทีก็เผชิญหน้ากับโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียนเอาก็ต้องเป็นทุกข์ ทนทรมาน อย่างนี้แหละที่ว่า ตกอยู่ในห้วงแห่งกองทุกข์น่ะ

นอกจากความทุกข์อันธรรมชาติอย่างนี้แล้ว มันก็ทุกข์จากกิเลสมันแผดเผาเอา ราคะ โทสะ โมหะ มันแผดมันเผาเอา ก็เดือดร้อนกันไป ผู้ใดไม่เพียรพยายามละกิเลสมันใจมันสร้างมาแต่ก่อนนู้นก็มี มาสร้างเอาใหม่มันก็มี สมทบกันเข้ามันก็มีกำลัง เผาจิตใจนี้ให้เร่าร้อน มันเป็นอย่างนั้น

นี่แหละความทุกข์ ต้องให้รู้ ไม่ใช่ว่าอยู่ทุกวันนี้ไม่มีความทุกข์อะไร เพราะมันขาดปัญญา เมื่อขาดปัญญามันก็ไม่รู้จักว่ามันเป็นทุกข์อย่างไรแหละ ถ้าใช้สมาธิอบรมจิตให้เป็นสมาธิแล้วก็มาเพ่งพิจารณาดูแล้วก็เห็นแหละ เห็นความทุกข์ จะไม่ทุกข์อย่างไรเล่า เอ้าพอตื่นนอนมา เอ๊..วันนี้จะเอาอะไรมากินหนอ กับข้าวมีหรือไม่หนอ จะไปหาเงินยังไงสำหรับผู้ครองเรือนน่ะ เป็นนักบวชก็เอา ตื่นนอนมา ก็ต้องทำกิจวัตรต่างๆเสร็จแล้วก็บิณฑบาต เออ อย่างนี้แหละ ถ้าไม่ไปบิณฑบาตก็ไม่ได้ฉัน อันหมู่นี้มันก็ล้วนตั้งแต่ความทุกข์ทั้งนั้นแหละ มันความทนอยู่ไม่ได้ถ้าไม่หาอะไรมาปรนปรือมัน มันก็อยู่ไม่ได้ร่างกายอันนี้นะ นี่มันก็ทรุดโทรมไป มันเป็นอย่างนั้น

"พระอาจารย์เหรียญ วรลาโภ"
วัดอรัญญบรรพต
อ.ศรีเชียงใหม่ จ.หนองคาย
ส่วนหนึ่งจากพระธรรมเทศนาหัวข้อ
"ความทุกข์ในชีวิตมีมากมาย"




เชิญร่วมบุญสร้างหอระฆังวัด และ ซื้อระฆัง ณ วัดบ้านงิ้ว
ต.โนนชัยศรี อฺโพนทอง จ.ร้อยเอ็ด กำหนดเฉลิมเฉลอง หอ+ระฆัง
วันที่12-เมษายน-2559
โทร :096-639-5454




ขอเชิญท่านผู้ใจบุญ ร่วมทำบุญเลี้ยงพระและผู้ปฏิบัติธรรม ณ วัดป่าเจดีย์เทวธรรม จ.ร้อยเอ็ด และ บ้านลานเสียงธรรม ลาดพร้าว 71 กทม."
https://www.facebook.com/15026038766858 ... 69/?type=3





พระมหา ดร.เรืองฤทธิ์ สุธีโร วัดป่าละหานทราย อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ จากรายการเสียงธรรมจากวัดป่าละหานทราย แจ้งข่าวรายการงานบุญในรายการดังนี้
1. เจ้าภาพขุดสระน้ำ เพื่อนำดินมาถมบริเวณพระพุทธมหาเจดีย์ เพื่อสร้างเป็นลานปฏิบัติธรรม จำนวน 200 ทุน ทุนละ 1,000 บาท
ร่วมเป็นเจ้าภาพงานบุญกับ พระมหา ดร. เรืองฤทธิ์ สุธีโร
โทร 081-363-7029


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 64 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร