วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 15:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 69 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2015, 17:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




aviary_1435572007202.jpg
aviary_1435572007202.jpg [ 96.94 KiB | เปิดดู 2540 ครั้ง ]
:b34: :b34: :b34:

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2015, 20:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2011, 23:47
โพสต์: 298


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ idea เคยมีแรงแพนบ้างหรือเปล่าครับ แรงแพนผมหมายถึงสมมติแอบสังเกตสามีแอบติดตามพฤติกรรมสืบเสาะว่ามีพิรุธอะไรหรือเปล่า ผมไม่ได้ว่าเป็นจริงๆ เพียงแต่อยากสอบถามเคยมีแรงแพนบ้างหรือเปล่า คือ อาการหึงหวงแล้วแอบติดตามพฤติกรรม อะไรทำนองนี้ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2015, 20:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คุณ idea เคยมีแรงแพนบ้างหรือเปล่าครับ แรงแพนผมหมายถึงสมมติแอบสังเกตสามีแอบติดตามพฤติกรรมสืบเสาะว่ามีพิรุธอะไรหรือเปล่า ผมไม่ได้ว่าเป็นจริงๆ เพียงแต่อยากสอบถามเคยมีแรงแพนบ้างหรือเปล่า คือ อาการหึงหวงแล้วแอบติดตามพฤติกรรม อะไรทำนองนี้ครับ



:b32: :b32: :b32:
เคยมีค่ะ :b12:
อย่างเยอะ...อย่างเวอร์
แต่ไม่ใช่เพราะหึงหวงเป็นหลัก :b9: :b9:
แต่เพราะไม่ยอมแพ้ จะเอาชนะให้ได้ :b14:
:b32: :b32: :b32:
:b29:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2015, 21:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2011, 23:47
โพสต์: 298


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ idea เชื่อเรื่องบูมพระเจ้าไหม แบบว่าน้องร้องทิวถูกสวมเขา จนได้เป็นพระพุทธเจ้ากันทุกๆชาว

แบบว่าคนที่หน้าตาหล่อสวยเหมือนการ์ตูนกันทุกชาวทั้งโครงสร้างทั้งสรีระแข็งแกร่งกระดูกเป็นแร่ธรรม
ที่อยู่แดนพุทธเกษตรโลกในฝันหรืออภิชาติโลก

แบบว่าลูกชายผมคนโตชื่อทิวคนเล็กชื่อฮิม ทิวถูกสวมเขาจนร้องฮู้โต๋วด้วยความปลื้มปิติ จากบูมพระเจ้าจักรพรรดิ ทุกๆคนอนาคตได้เป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน เพียงแต่อดทนเผ็ดนิดหน่อย คือรสซาก

เหมือนกับเวบนี้รายชื่อพระพุทธเจ้าที่ทยอยตามมาอีก108องค์ คือเรื่องจริง ถ้าโพสต์ในสิ่งไม่จริง
ใจเรา(พระยายม)เป็นผู้ฟ้องร้องว่าไม่จริง คือแต่ละชาวทยอยกลักตัวกันตามมา คือเป็นอรหันต์ไปก่อนแล้วค่อยทยอยกลักตัว
http://www.shivabudd.com/p/108.html


แก้ไขล่าสุดโดย yoottapong เมื่อ 29 มิ.ย. 2015, 21:38, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2015, 21:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คุณ idea เชื่อเรื่องบูมพระเจ้าไหม แบบว่าน้องร้องทิวถูกสวมเขา จนได้เป็นพระพุทธเจ้ากันทุกๆชาว

แบบว่าคนที่หน้าตาหล่อสวยเหมือนการ์ตูนกันทุกชาวทั้งโครงสร้างทั้งสรีระแข็งแกร่งกระดูกเป็นแร่ธรรม
ที่อยู่แดนพุทธเกษตรโลกในฝันหรืออภิชาติโลก

แบบว่าลูกชายผมคนโตชื่อทิวคนเล็กชื่อฮิม ทิวถูกสวมเขาจนร้องฮู้โต๋วด้วยความปลื้มปิติ จากบูมพระเจ้าจักรพรรดิ ทุกๆคนอนาคตได้เป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน เพียงแต่อดทนเผ็ดนิดหน่อย คือรสซาก



:b34: :b34: :b34:
smiley
wink ไอเดีย..เลือกได้ใหม
ไม่ขอเป็น..พระพุทธเจ้านะ :b8:
:b24: :b24:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2015, 21:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2011, 23:47
โพสต์: 298


 ข้อมูลส่วนตัว


ในข่ายญานของผมคุณกบน่าจะเป็น
4. พระมิตรเจกะพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าลำดับที่ 67) จะมาตรัสรู้ใต้ต้นจามจุรี อายุมนุษย์ 30,000 ปี อายุศาสดา 35,000 ปี อายุศาสนา 30,000 ปี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2015, 21:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


yoottapong เขียน:


แบบว่าลูกชายผมคนโตชื่อทิวคนเล็กชื่อฮิม ทิวถูกสวมเขาจนร้องฮู้โต๋วด้วยความปลื้มปิติ จากบูมพระเจ้าจักรพรรดิ ทุกๆคนอนาคตได้เป็นพระพุทธเจ้าแน่นอน เพียงแต่อดทนเผ็ดนิดหน่อย คือรสซาก



เอาฮู้โต้ว...ไปทิ้งเสียแล้ว..รึ? :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2015, 21:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


yoottapong เขียน:
ในข่ายญานของผมคุณกบน่าจะเป็น
4. พระมิตรเจกะพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าลำดับที่ 67) จะมาตรัสรู้ใต้ต้นจามจุรี อายุมนุษย์ 30,000 ปี อายุศาสดา 35,000 ปี อายุศาสนา 30,000 ปี


เปิดแหน่บตั้งกะชาตินี้แล้ว..จะมีชาติไหนอีก... :b28: :b28:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2015, 21:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: ...

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 มิ.ย. 2015, 22:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2011, 23:47
โพสต์: 298


 ข้อมูลส่วนตัว


ตรวจสอบอดีตชาติได้จากทะเบียนรถ

ขออธิบาย

รส กับ รถ ความรู้สึกคล้ายกัน

หรือ รสชาติ กับ รถ

ก่อนจะมาเป็นรถของเรา คือ รสชาติในอดีตของเรา

สี ยีห้อ อักษร เลขทะเบียน

ผมขออธิบายรถมอไซค์ของผม

สีน้ำเงิน ทะเบียน กพต 92

อาจจะคิดได้อีกแง่ คือ กะพรต หมายถึงเคยเป็นนักบวชมาก่อน
คิดอีกแง่คือ กพ หรือ กุมภา อาจจะเคยมีราหูอมดำมาก่อน เป็นนักรบ หรืออาจหมายถึงกรรมดำ
เลข92คือติดจากมโนวิญญานมา2ภพ

สีน้ำเงิน คือ เลือดเข้ม หรือเลือดขัตติยะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2015, 07:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2011, 23:47
โพสต์: 298


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ idea ทราบหรือเปล่าครับว่าวันไหน
ที่คนทั้งชาติเผาผลานความรู้สึกหรือความรู้สึกเป็นอานนาน

แต่ว่าคนไทยติดอันดับความเครียดที่3ของโลก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2015, 08:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ธ.ค. 2011, 23:47
โพสต์: 298


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอถามคุณ idea หน่อยครับ ว่าคนแบบไหนไอร้ายที่สุด ในทัศนะของคุณ idea


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2015, 09:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


idea เขียน:

ขอถามนะคะ
คือ อาการที่รู้ชัด ทุกกิริยา เช่นยิ้ม ก็รู้ชัด ตั้งแต่เริ่มจนสุด
รู้ชัดในทุกกิริยา อิริยาบท แบบต่อเนื่อง
นี่จะเรียกว่าสังขารุเปกขาญาน ได้รึยังคะ



ก่อนตอบคำถาม ขอเล่าอาการนึกยิ้มของตัวเองให้ฟังก่อน :b12: เพราะไม่รู้ว่าคุณไอเดียยิ้มๆ เกี่ยวกับอะไร อารมณ์ไหน หลังจากฟังแล้วอาจได้คำถามเลยก็ได้

คือว่า เมื่อครั้งตนเองปฏิบัติกัมมัฏฐานใหม่ๆโน่น ก็เคยยิ้มเหยาะความง่วง ที่เราเคยแพ้ราบคาบบ่อยครั้งครับท่าน และปรับแก้มานาน .... จนเมื่อชั่วโมงหนึ่ง ขณะหนึ่ง แลเห็นอารมณ์ง่วงสีดำทะมึน (ดำๆเหมือนเมฆใหญ่ก่อตัวตอนฝนใกล้ตกฉะนั้น) เคลื่อนมาจะครอบความรู้สึกเรา รู้ตัวตัว วิบ (ชั่วเสี้ยววินาที) ว่าในใจ “ง่วงหนอ” กำหนดแค่ครั้งเดียว เงาทะมึนนั้นสลายวูบ ความรู้สึกสว่างจ้าโล่งเบา อาการซึมๆสะลึมสะลือหายไป ....นึกยิ้มในใจ มองหาความง่วงว่าอยู่ไหน ๆวะ มาอีกซิมามา...

ถามว่า เป็นสังขารุเปกขาญาณไหม เป็นการวางเฉยต่อสังขารหรือยัง ? ตอบว่า ยังไม่เป็น แต่เป็นอาการของสติ เป็นต้นที่ทำหน้าได้ไวทำงานได้ดีระดับหนึ่ง

ตอบคำถาม


อ้างคำพูด:
ขอถามนะคะ
คือ อาการที่รู้ชัด ทุกกิริยา เช่น ยิ้ม ก็รู้ชัด ตั้งแต่เริ่มจนสุด
รู้ชัดในทุกกิริยา อิริยาบถแบบต่อเนื่อง
นี่จะเรียกว่าสังขารุเปกขาญาน ได้รึยังคะ


คือหมายถึงสติสัมปชัญญะทำหน้าที่ต่อเนื่อง กำหนดอารมณ์ได้ชัด เช่น เมื่อเกิดอารมณ์ที่ทำให้ต้องยิ้มๆก็รู้ก็เห็น ขณะต่อมาเกิดการยิ้มก็รู้ก็เห็น เห็นตั้งแค่เริ่มจนจบ (รู้ทัน) ซึ่งหมายถึงขณะนั้นสติดีตามดูทันอารมณ์ที่กระทบ .... ถ้าถามว่า เป็นสังขารุเปกขาญาณหรือยัง? ตอบว่า ยังไม่ถึงขั้นวางเฉยต่อสังขาร

คุณไอเดียพึงสังเกตความรู้สึกขณะต่อนั้นสิ คือ ขณะที่รู้เห็นอารมณ์ (อารมณ์ที่ทำให้เกิดการยิ้ม) แล้วนะว่า มีความรู้สึกหนึ่งแฝงอยู่ไหม เช่น เมื่อสติชัดจะกำหนดอารมณ์ได้ดีไม่หลง กิเลสก็เข้าแทรกไม่ได้ อะไรกระทบรู้ทันกันไว้ได้หมด จึงทำให้ใจกระหยิ่มยิ้มย่อง (ประมาณ...ไม่กลัวนึกยิ้มๆ นี่ประเด็นหนึ่ง หรือ เมื่อประสบอารมณ์ที่โดนความรู้สึกตนก็นึกยิ้มๆอยู่ภายใน ดังนั้น จึง ให้สังเกตอีกขณะหนึ่ง ว่ารู้สึกยังไง)

คุณไอเดียสังเกต ข้อ ๒-๙ (ปีติ-อุเบกขา) เราว่าดีแล้วนะ แต่นั่นมันเป็นธรรมชาติธรรมดาของมัน ได้เหตุปัจจัยที่พอเหมาะพอดีก็เกิด แต่ขณะใดเราหลงยินดีกับมัน แสดงว่า จิตใจไม่เป็นกลาง คือ ไม่เป็นสังขารุเปกขาแล้ว แต่จะพลัดเข้าไปสู่ข้อ ๑๐

ทำความเข้าใจนะครับ

(ธัมมุทธัจจ์ - ความฟุ้งซ่านธรรม) หรือ วิปัสสนูปกิเลส อุปกิเลสของวิปัสสนา, สภาวะที่ทำให้วิปัสสนามัวหมองข้องขัด, สภาพน่าชื่นชม ซึ่งเกิดแก่ผู้เจริญวิปัสสนาในขั้นที่เป็นวิปัสสนาอย่างอ่อน (ตรุณวิปัสสนา) แต่กลายเป็นโทษเครื่องเศร้าหมองแห่งวิปัสสนา โดยทำให้เข้าใจผิดว่าตนบรรลุมรรคผลแล้ว จึงชะงักหยุดเสีย ไม่ดำเนินก้าวหน้าต่อไปในวิปัสสนา มี ๑๐ อย่าง คือ

๑. โอภาส แสงสว่าง ซึ่งรู้สึกงามเจิดจ้าแผ่ซ่านไปสว่างไสวอย่างไม่เคยมีมาก่อน
๒. ปีติ ความเอิบอิ่มใจ รู้สึกเต็มเปี่ยมไปทั่วทั้งตัว
๓. ญาณ ความหยั่งรู้ที่เฉียบแหลมคมกล้า รู้สึกเหมือนว่าจะพิจารณาอะไรเป็นไปไม่มีติดขัด
๔. ปัสสัทธิ ความสงบเย็น เกิดความรู้สึกว่าทั้งกายและใจสงบสนิท เบา นุ่มนวล คล่องแคล่ว แจ่มใสเหลือเกิน ไม่มีความกระวนกระวาย ความกระด้าง หนัก ความไม่สบาย หรือความรำคาญขัดขืนใดๆเลย
๕. สุข มีความสุขที่ประณีตละเอียดอ่อนลึกซึ้งอย่างยิ่งแผ่ไปทั่วทั้งตัว
๖. อธิโมกข์ เกิดศรัทธาอย่างแรงกล้าประกอบเข้ากับวิปัสสนา ทำให้จิตใจมีความผ่องใสอย่างเหลือเกิน
๗. ปัคคาหะ ความเพียรที่ประกอบกับวิปัสสนา ซึ่งพอเหมาะพอดี เดินเรียบ ไม่หย่อนไม่ตึง
๘. อุปัฏฐาน สติที่กำกับชัด มั่นคง ไม่สั่นไหว จะนึกถึงอะไร ก็รู้สึกว่าระลึกได้คล่องแคล่วชัดเจน เหมือนดังแล่นไหลไปถึงหมด
๙. อุเบกขา ภาวะจิตที่ราบเรียบ เที่ยง เป็นกลางในสังขารทั้งปวง
๑๐. นิกันติ ความพอใจติดใจที่สร้างความอาลัยในวิปัสสนา มีอาการสงบ สุขุม ซึ่งความจริงเป็นตัณหาที่ละเอียด แต่ผู้ปฏิบัติไม่สามารถกำหนดจับได้ว่าเป็นกิเลส

ธรรมทั้งหมดนี้ (เว้นแต่นิกันติ ซึ่งเป็นตัณหาอย่างสุขุม) โดยตัวมันเอง มิใช่เป็นสิ่งเสียหาย มิใช่เป็นอกุศล แต่เพราะเป็นประสบการณ์ประณีตล้ำเลิศที่ไม่เคยเกิดมีแก่ตนมาก่อน จึงเกิดโทษเนื่องจากผู้ปฏิบัติไปหลงสำคัญผิดเสียเองว่าเป็นการบรรลุมรรคผล

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2015, 09:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปลีกวิเวก เขียน:
กรัชกาย เขียน:
มนุษย์เป็นสัตว์พิเศษ มีจิตใจ มีความรู้สึกนึกคิดรู้สึกผิดชอบชั่วดี มีรักโลภโกรธหลง....
เราฝึกจิตฝึกตนด้วยวิธีเจริญสติสัมปชัญญะแบบนี้(จะเรียกในชื่ออื่นๆก็ตาม)ก็เพื่อให้รู้เข้าใจชีวิตคือทั้งร่างกายและจิตใจนี่ตามเป็นจริง หรือตามที่มันเป็นของมัน


คุณไอเดีย ลองพิจารณาประโยคนี้ให้แยบคาย อาจทำให้เข้าใจถึงสาระของการปฏิบัติได้ดีขึ้น
อย่าติดอยู่ที่รูปแบบและสมาธิ..พยายามทำความเข้าใจไปให้ถึงเนื้อหาสาระของการปฏิบัติให้ได้
สติและสมาธิใช้เกื้อหนุนต่อปัญญา...

รูปนามนี้แสดงความจริงให้เราเห็นอยู่ทุกขณะจิต แต่เราไม่รู้ตามความเป็นจริงของเขาได้เพราะ
เราไม่เคยพิจารณาโดยแยบคาย เรามักอยู่กับอดีต หรืออนาคต ในหัวมีแต่ความมายา
ของความคิดอยู่ตลอดเวลา การฝึกสติและสมาธิก็เพื่อให้เท่าทันรูปนาม (ร่างกายและจิตใจ) และระลึกหรือรู้สึกตัวอยู่กับปัจจุบันขณะ...เมื่อคุณเห็นความเป็นไปของรูปนามบ่อยๆเข้า คุณจะเข้าใจธรรมชาติ
ของร่างกายนี้...และสามารถถอดถอนความเห็นผิดว่า ร่างกายนี้เป็นเราเป็นของเราออกเสียได้
...



มี ตย.ประกอบความเข้าใจ

ขอบคุณค่ะ
รู้กาย รู้เวทนา รู้จิต รู้ธรรมนี่ได้ยินเขาสอนหมด เสียดายจำไม่ได้ ตอนฝึกก็ทำไม่เป็น

ตอนดิฉันเดินจงกรม ช่วงนาที่ที่เห็นเป็นกายมันเดินเอง ร้องให้เลย ตอนั้นรู้สึกว่าแม้ร่างกายมันยัง
ไม่ใช่ของเราจะมีอะไรเป็นของเราบ้างหนอ
(แบบนี้มันเกิดปัญญาใช่ไหม แต่มันแบบไม่ถึงที่สุด ปัญญาแค่เสี่ยว ต่อมาก็เลยหลงจนเพี้ยน)

เป็นคำสารภาพของผู้ปฏิบัติท่านหนึ่ง มีทั้งเห็นสัจธรรม และความหลงอารมณ์จนเกิดวิปลาส (ข้อความในวงเล็บ)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 มิ.ย. 2015, 09:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ สำคัญทั้งเพ ถ้าเข้าใจถูกต้อง

ความหมายศรัทธา กับ ปัญญา

ศรัทธา คือ ความเชื่อ ความซาบซึ้ง ไม่ใช่ความรู้ แต่อาจเป็นทางเชื่อมไปสู่ความรู้ได้ เพราะศรัทธามีลักษณะเป็นการยอมรับความรู้ของผู้อื่น ฝากความไว้วางใจในปัญญาของผู้อื่น ยอมพึ่ง และอาศัยความรู้ของผู้อื่นหรือแหล่งแห่งความรู้นั้นเป็นเครื่องชี้นำแก่ตน ถ้าผู้มีศรัทธารู้จักคิดรู้จักใช้ปัญญาของตนเป็นทุนประกอบไป ศรัทธานั้น ก็สามารถนำไปสู่ความเจริญปัญญา และการรู้ความจริงได้ เฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อผู้อื่นนั้นหรือแหล่งความรู้นั้นมีความรู้แท้จริง และมีกัลยาณมิตรช่วยชี้แนะให้รู้จักใช้ปัญญา แต่ถ้าเชื่ออย่างงมงายคือไม่รู้จักคิด ไม่ใช้ปัญญาของตนเลย และผู้อื่นหรือแหล่งแห่งความรู้นั้นไม่มีความรู้จริง ทั้งไม่มีกัลยาณมิตรที่จะช่วยชี้แนะ หรือมีปาปมิตร ผลอาจกลับตรงข้าม นำไปสู่ความหลงผิด ห่างไกลจากความรู้ยิ่งขึ้น

ปัญญา * แปลกันว่า ความรอบรู้ คือว่า ความรู้ทั่ว ความรู้ชัด คือรู้ทั่วถึงความจริงหรือรู้ตรงตามความเป็นจริง ท่านอธิบายขยายความกันออกไปต่างๆ เช่นว่า รู้เหตุรู้ผล รู้ดีรู้ชั่ว รู้ถูกรู้ผิด รู้ควรไม่ควร รู้คุณรู้โทษ รู้ประโยชน์มิใช่ประโยชน์ รู้เท่าทันสังขาร รู้องค์ประกอบ รู้เหตุปัจจัย รู้ที่ไปที่มา รู้ความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งทั้งหลาย รู้ตามความเป็นจริง รู้ถ่องแท้ เข้าใจถ่องแท้ รู้เข้าใจสภาวะ รู้คิด รู้พินิจพิจารณา รู้วินิจฉัย รู้ที่จะจัดแจงจัดการหรือดำเนินการอย่างไรๆ

แปลกันอย่างง่ายๆ พื้นๆ ปัญญา คือความเข้าใจ (หมายถึงเข้าใจถูก เข้าใจชัด หรือเข้าใจถ่องแท้) เป็นการมองทะลุสภาวะหรือมองทะลุปัญหา ปัญญาช่วยเสริมสัญญาและวิญญาณ ช่วยขยายขอบเขตของวิญญาณให้กว้างขวางออกไปและลึกซึ้งยิ่งขึ้น ส่องทางให้สัญญามีสิ่งกำหนดหมายรวมเก็บได้มากขึ้น เพราะเมื่อเข้าใจเพียงใด ก็รับรู้และกำหนดหมายในวิสัยแห่งความเข้าใจเพียงนั้น เหมือนคิดโจทย์เลขคณิตข้อหนึ่ง เมื่อยังคิดไม่ออก ก็ไม่มีอะไรให้รับรู้และกำหนดหมายต่อไปได้ ต่อเมื่อเข้าใจ คิดแก้ปัญหาได้แล้ว ก็มีเรื่องให้รับรู้ และกำหนดหมายต่อไปอีก

……………

ที่อ้างอิง *

* ปัญญา มักแปลกันว่า wisdom หรือ understanding

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 69 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 119 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron