วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 12:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 40 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2015, 07:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
การเราดูหนัง X หลายคนก็บอกว่าไม่บาป เพราะไม่ได้ล่วงละเมิดศีล ถ้าเราตัดสินว่า
ไม่บาปเสียแล้ว ในสิ่งนั้นก็ต้องเป็นบุญจริงไหม? เพราะเราจะเสพได้เพียงบุญกับบาปเท่านั้น
คือ พ้นจากบุญกับบาปเราไปสามารถที่จะเสพได้ เพราะเรายังไม่ได้อยู่เหนือบุญเหนือบาป จริงไหม?

แต่ทุกคนจะพูดเหมือนกันหมดว่าเป็นสื่อลามก แต่คำว่าลามกก็หมายความว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรเสพ
ไม่ว่าจะเป็น ทางหู ทางตา เป็นต้น ซึ่งเป็นช่องทางเป็นที่มาของกิเลสตัณหา เมื่อใครได้ยินได้เห็น
จะมีสักกิ่คน ที่ไม่เกิดมีอารมณ์ร่วม เมื่อตัณหาเกิดขึ้นแล้วที่ใจจะบอกได้ไหมว่าเป็น กุศล หรือ อกุศล

พระองค์ตรัสไว้อย่างชัดเจน ว่า ตัณหา คือตัว สมุทัย เป็นสิ่งที่ต้อง ละ เป็นตัวก่อ ทุกข์
ทั้งในภพนี้และภพหน้า พระองค์ยังตรัสอีกว่าเมื่อตัณหาเกิดขึ้นที่ไหนก็ให้ละที่นั่น เมื่อเกิดขึ้นตา
ก็ให้ละที่ตา เมื่อเกิดขึ้นที่หูก็ให้ละที่หู เหล่านี้ เป็นต้น เราจะต้องพิจารณาในหลายๆ ที่ ว่า
พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ตรงไหนบ้างเอามาประกอบกัน จะเอาแต่เรื่องศีลมาเป็นตัวตัดสินว่าบาปหรือไม่บาปคงไม่ได้


ใช่ครับ....จะเอาแต่เรื่องศีลมาตัดสินว่าเป็นบุญหรือบาป...อย่างเดียว...ยังไม่ได้

ดูหนัง x เข้าขั้นอบายมุก...ส่งเสริมกำหนัดตรงๆ....หยาบกว่าศีล 5 ธรรมดา ๆ...ซะอีก

ผมเข้าใจว่า
..อบายมุก..นี้...เป็นวัตรปฏิบัติปกติของอบายภูมิ
..ศีล 5 เป็นวัตรธรรมดา ๆ ของมนุษย์ภูมิ...

ท่านเองต่างหากพยามเอาศิลมาเป็นตัววัด ธรรมะเขาวัดที่เจตนาครับ. กริยาที่ทำเขาไม่ได้วัด. ถ้าท่านบอกว่าอริยต้องศิลห้า. แล้วข้อ1ห้าฆ่าสัตว์. ถ้าอาการคือการทำให้สัตว์ตายนั้นคือการฆ่าสัตว์พระจักขุบาล ไม่ล่วงศิลห้าเหรอครับเหยียบสัตว์ตายเป็นพันๆตัว. นี่ไงครับ. ยิ่งเรื่องสุราแล้วที่บอกว่าไม่ล่วงอกุศลกรรม ไม่เป็นอบาย.ตั้งสองบริบท. แต่ท่านยึดเพียงศิลห้า. น่าขำจัง. ธรรมะแบบติดดีนี้ไปไม่ถึงไหนหรอก. เพราะมันเป็นวัตรเพื่อการรังเกียจ. ที่เขากินเพราะเหลี่ยงไม่ได้ในบริบทนั้น. แต่จิตไม่ได้นึกอยากเสพเลยของที่มันมีโทษไรคุณค่าสาระ. แค่อาการภายนอกแค่นี้ยังไม่เข้าใจ พอเข้าใจนะกบ. มีอะไรไม่เข้าใจถามผมได้. ผมให้ความรู้ท่านได้

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แก้ไขล่าสุดโดย bigtoo เมื่อ 16 มิ.ย. 2015, 10:37, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2015, 07:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
มันไม่บาปหรอกครับถ้าเราเป็นเพศฆราวาสหรือพูดว่าถ้าไม่ได้บวช.ศึกษาธรรมะไปดูหนังที่ว่านั้นไปก็ไม่ผิดหรอกครับ ศึกษาพุทธวจนนะครัย ทุกอย่างจะถูกจัดสรรไปเอง ไม่ต้องกังวลมากครับ. สิ่งที่เราเป็นฆราวาสสมควรทำเป็นประประจำคือ การทำทาน รักษาศิล ภาวนอย่าให้ขาด ธรรมะจะจัดสรรทุกอย่างเอง :b8:


ที่ว่าไม่บาป..นะ..ก็บอกด้วยซิ...บาปเป็นยังงัย..

:b32:
ผมแนะนำศึษาพุทธวจนแล้ว. นั้นแหล่ะจะรอบรู้ทุกอย่าง


แนะนำให้ศึกษาพุทธวจน...แล้วไฉนจึงตอบใครต่อใครด้วยวิสุทธิมรรค์..หน่อ!!!!
s006
:b34: :b34:
:b13: :b13: :b13:

เอางัย..แน่... :b32:

รึ..แค่...พุทธวจนแค่ทำเท่...แต่จริงๆ..ตนก็ไม่ได้อะไรมากนักหรอก


หลักๆก็พุทธวจนนั้นแหล่ะครับ. ถ้าไม่เข้าใจอะไรใครจะช่วยได้ ก็ต้องอาจารย์ผู้ทรงความรู้ต่างๆ. หรือว่าท่านกบฟังคำพระพุทธเจ้าแทงตลอดได้ทุกคำ. ขนาดอบายมุขยังเข้าใจกันผิดคิดว่า. อะไรนิดหน่อยก็เป็นอบายมุข6 ผิดถนัด. บางท่านเอาไปจัดลงศิลห้าซะงั้น. ก็ต้องอาศัยความรู้บริบทอื่นด้วย.


มีหลักๆ..มีรองๆ...ด้วย

แล้วที่บอกว่าละนั้น..ละนี้..เป็นโสดา...ไม่มีละสุรา..นั้นนะ...เอามาจากไหน..มิทราบ?
:b32:
viewtopic.php?f=1&t=47660&start=195
อ้างคำพูด:
การที่จะเป็นโสดาบันได้นั้นจะต้องละ อปายคมนิยธรรม(กรรมที่พาไปอบาย)ปฏิบัติถึงขั้นโสดาปัตติมัคคญาณเป็นต้น จนถึง อรหัตตมัคคญาณ จึงจะละอกุศลกรรมบถเหล่านี้ได้ โดยเด็ดขาด ดังมีหลักฐานในวิสุทธิมรรค ภาค ๓ หน้า ๓๓๘ รับรองไว้ว่า

กมฺมปเถสุ ปาณาติปาโต อทินฺนาทานํ กาเมสุ มิจฉาจาโร มุสาวาโท มิจฺฉาทิฏฐีติ อิเม ปฐมญาณวชฺฌา

บรรดากรรมบถทั้ง ๑๐ นั้น ปาณาติบาต ๑ อทินนาทาน ๑ กาเมสุมิจฉาจาร ๑ มุสาวาท ๑ มิจฉาทิฏฐิ ๑

อกุศลกรรม ทั้ง ๕ ข้อนี้ ละได้โดยเด็ดขาด ด้วยอำนาจ โสดาปัตติมัคคญาณ. (สุราไม่เห็นมี)



ปิสุณาวาจา ผรุสวาจา พฺยาปาโทติ ตโย ตติยญาณวชฺฌา

ปิสุณาวาจา ๑ ผรุสวาจา ๑ พยาบาท ๑

อกุศลกรรมบถทั้ง ๓ นี้ ละได้โดยเด็ดขาดด้วยอำนาจ อนาคามิมัคคญาณ


สมฺผปฺปลาปาภิชฌา จตุตฺถญาณวชฺฌา สัมผัปปลาปะ ๑ อภิชฌา ๑

อกุศลกรรมบถทั้ง ๒ ข้อนี้ ละได้โดยเด็ดขาด ด้วยอำนาจอรหัตตมัคคญาณ ดังนี้.

[/quote :b7:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แก้ไขล่าสุดโดย bigtoo เมื่อ 16 มิ.ย. 2015, 07:27, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2015, 07:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
มันไม่บาปหรอกครับถ้าเราเป็นเพศฆราวาสหรือพูดว่าถ้าไม่ได้บวช.ศึกษาธรรมะไปดูหนังที่ว่านั้นไปก็ไม่ผิดหรอกครับ ศึกษาพุทธวจนนะครัย ทุกอย่างจะถูกจัดสรรไปเอง ไม่ต้องกังวลมากครับ. สิ่งที่เราเป็นฆราวาสสมควรทำเป็นประประจำคือ การทำทาน รักษาศิล ภาวนอย่าให้ขาด ธรรมะจะจัดสรรทุกอย่างเอง :b8:


ที่ว่าไม่บาป..นะ..ก็บอกด้วยซิ...บาปเป็นยังงัย..

:b32:
ผมแนะนำศึษาพุทธวจนแล้ว. นั้นแหล่ะจะรอบรู้ทุกอย่าง


แนะนำให้ศึกษาพุทธวจน...แล้วไฉนจึงตอบใครต่อใครด้วยวิสุทธิมรรค์..หน่อ!!!!
s006
:b34: :b34:
:b13: :b13: :b13:

เอางัย..แน่... :b32:

รึ..แค่...พุทธวจนแค่ทำเท่...แต่จริงๆ..ตนก็ไม่ได้อะไรมากนักหรอก


หลักๆก็พุทธวจนนั้นแหล่ะครับ. ถ้าไม่เข้าใจอะไรใครจะช่วยได้ ก็ต้องอาจารย์ผู้ทรงความรู้ต่างๆ. หรือว่าท่านกบฟังคำพระพุทธเจ้าแทงตลอดได้ทุกคำ. ขนาดอบายมุขยังเข้าใจกันผิดคิดว่า. อะไรนิดหน่อยก็เป็นอบายมุข6 ผิดถนัด. บางท่านเอาไปจัดลงศิลห้าซะงั้น. ก็ต้องอาศัยความรู้บริบทอื่นด้วย.


มีหลักๆ..มีรองๆ...ด้วย

แล้วที่บอกว่าละนั้น..ละนี้..เป็นโสดา...ไม่มีละสุรา..นั้นนะ...เอามาจากไหน..มิทราบ?
:b32:
viewtopic.php?f=1&t=47660&start=195
อ้างคำพูด:
การที่จะเป็นโสดาบันได้นั้นจะต้องละ อปายคมนิยธรรม(กรรมที่พาไปอบาย)ปฏิบัติถึงขั้นโสดาปัตติมัคคญาณเป็นต้น จนถึง อรหัตตมัคคญาณ จึงจะละอกุศลกรรมบถเหล่านี้ได้ โดยเด็ดขาด ดังมีหลักฐานในวิสุทธิมรรค ภาค ๓ หน้า ๓๓๘ รับรองไว้ว่า

กมฺมปเถสุ ปาณาติปาโต อทินฺนาทานํ กาเมสุ มิจฉาจาโร มุสาวาโท มิจฺฉาทิฏฐีติ อิเม ปฐมญาณวชฺฌา

บรรดากรรมบถทั้ง ๑๐ นั้น ปาณาติบาต ๑ อทินนาทาน ๑ กาเมสุมิจฉาจาร ๑ มุสาวาท ๑ มิจฉาทิฏฐิ ๑

อกุศลกรรม ทั้ง ๕ ข้อนี้ ละได้โดยเด็ดขาด ด้วยอำนาจ โสดาปัตติมัคคญาณ. (สุราไม่เห็นมี)



ปิสุณาวาจา ผรุสวาจา พฺยาปาโทติ ตโย ตติยญาณวชฺฌา

ปิสุณาวาจา ๑ ผรุสวาจา ๑ พยาบาท ๑

อกุศลกรรมบถทั้ง ๓ นี้ ละได้โดยเด็ดขาดด้วยอำนาจ อนาคามิมัคคญาณ


สมฺผปฺปลาปาภิชฌา จตุตฺถญาณวชฺฌา สัมผัปปลาปะ ๑ อภิชฌา ๑

อกุศลกรรมบถทั้ง ๒ ข้อนี้ ละได้โดยเด็ดขาด ด้วยอำนาจอรหัตตมัคคญาณ ดังนี้.

อ้าวคุยกันตั้งนานยังไม่รู้อีกเหรอว่า. อริยะไม่เสพทางเสื่อม6เป็นอย่างไร. ? ตำตอบพระองค์ก็ตอบแล้ว ว่าอริยะไม่ประกอบเนื่องๆ. อกุศลกรรมบทกรรมที่พาไปอบายก็ไม่มี.แล้วคำที่ท่านกล่าวว่าเจตนาเป็นกรรม. ศิลเป็นอาการที่หยาบทางกายเท่านั้นแค่บ่งบอกอาการภายนอก. แต่เรื่องของจิตท่านจึงให้ดูที่เจตนภายในา. คนที่ไม่มีเจตนาเขาถึงทำลักษณะภายนอกได้บางครั้ง. ส่วนเรื่องที่ท่านยากรู้ว่าอะไรๆเอามาจากไหนท่านลองไปหาอ่านเอาว่าพระท่านเอามาจากไหน. ผมเอาแค่บางอย่างเรื่องโสดาบันที่ท่านไม่เข้าใจเพื่อจะเข้าใจบ้างว่าระดับอย่างพระธรรมโฆษาจารย์ท่านก็วิเคราะห็ธรรมตามพุทธวจนในหลายๆพระสูตรว่า ฐานะไหนสมควรจะเลิกอะไรได้จริงๆ. แต่ท่านมีสิทธิ์ที่จะไม่เชื่อก็ได้. ผมเองศึกษาพุทธวจนเป็นหลัก. แต่ก็ไม่ได้ปฎิเสธคำพระสาวกเพราะอย่างไรก็ต้องตรวจว่าตรงกับที่พระองค์แสดงไว้ครับ.

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2015, 07:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:
มันไม่บาปหรอกครับถ้าเราเป็นเพศฆราวาสหรือพูดว่าถ้าไม่ได้บวช.ศึกษาธรรมะไปดูหนังที่ว่านั้นไปก็ไม่ผิดหรอกครับ ศึกษาพุทธวจนนะครัย ทุกอย่างจะถูกจัดสรรไปเอง ไม่ต้องกังวลมากครับ. สิ่งที่เราเป็นฆราวาสสมควรทำเป็นประประจำคือ การทำทาน รักษาศิล ภาวนอย่าให้ขาด ธรรมะจะจัดสรรทุกอย่างเอง :b8:


ที่ว่าไม่บาป..นะ..ก็บอกด้วยซิ...บาปเป็นยังงัย..

:b32:
ผมแนะนำศึษาพุทธวจนแล้ว. นั้นแหล่ะจะรอบรู้ทุกอย่าง


แนะนำให้ศึกษาพุทธวจน...แล้วไฉนจึงตอบใครต่อใครด้วยวิสุทธิมรรค์..หน่อ!!!!
s006
:b34: :b34:
:b13: :b13: :b13:

เอางัย..แน่... :b32:

รึ..แค่...พุทธวจนแค่ทำเท่...แต่จริงๆ..ตนก็ไม่ได้อะไรมากนักหรอก

ท่านนี้ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่พระองค์กล่าวเลยจริงๆ พวกปรัชญามากจะเป็นแบบนี้แหล่ะ. พระองค์กล่าวว่าให้ฟังแต่คำพระองค์ (ท่านคิดว่าอย่างไร). คำพระองค์นั้นคือจะออกจากปากสาวกก็ได้พระพระองค์ไม่อยู่แล้ว (แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นคำพระองค์ เราก็ต้องตรวจสอบใช่ป่าว). แล้วทำไมผมจะไปฟังพระธรรมโฆษาจารย์ไม่ได้ นั้นก็เป็นคำพระองค์ ก็ตรงกันนี่. ส่วนอันไหนไมตรงไม่มีวางเฉยหรือทิ้งไปก็เท่านั้น. หรือกบจะไม่เขื่อพระองค์ว่าสิ่งที่ท่านกล่าวว่าให้ฟังแต่ พุทธวจน(คำที่ท่านกล่าว). ส่วนทุกวันนี้มันไม่ใช่อย่างนั้นฟังแล้วไม่ตรวจสอบกัเลยเชื่อไปหมดนี่นะซิ. จึงมีพิธีรดน้ำมนต์. เครื่องรางของขังมากมายผิดหลักการไปเลยนะซิ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2015, 10:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


การให้ธรรมทานผู้อื่นต้องให้ด้วยความเมตตา..แสดงธรรมให้ตรงกับจริตผู้นั้น..เพื่อให้ผู้นั้นได้นำไปประพฤติได้จริง..โดยอยู่ในขอบเขต..มิใช่แสดงธรรมเพราะว่าเห็นว่าดีเพราะมีทิฐฐิของตนว่าต้องเป็นเช่นนั้น..การจะให้ธรรมทานเนไวยสัตว์ ไม่ใช่รู้แค่ศีลแล้วจะอบรมบ่มนิสัยเขาได้..เราตองมีปัญญาประกอบเมตตา..ทำให้ผู้นั้นพิจารณาได้โดยไม่มีความสงสัยขัดแย้งต่อธรรมที่เราแสดง..

ปุถุชนย่อมเสพกามเป็นปกติ..แม้พระโสดาบันก็ยังเสพกามอยู่..เจตนาคือกรรม..การเสพกามทางตาเพื่อให้มีความกำหนัด..หรือจะเสพกามทางกายเพราะมีความกำหนัด..ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก..แค่คนละบริบท..ถ้าการเสพกามเป็นอกุศล
าคงปฏิเสธไม่ได้ว่า..ตอนเสพกามกับภรรยา..ก็เป็นความกำหนัด ความใคร่เหมือนกัน..ยังละสมุทัยไม่ได้เช่นกัน..เพราะยังสร้างภพภาวะนั้นให้เกิดอยู่

อย่าได้กล่าวเยี่ยงนั่นเลยว่า..คนเสพกามทางตาเป็นบาป..ถ้าเขายังมิได้ละเมิดศีลข้อ กามเมสุมิจฉา..แล้วอย่าได้กล่าวเลยว่า ผู้ที่เสพกามกับภรรยาเป็นบาป จิตอกุศล..ในเมื่อยังเป็นมนุษย์ที่มีกิเลศอยู่ ก็รู้ว่ามี..ทุกคนก็กระทำตามความอยากของตน..แต่ความอยากที่ไม่ทำร้ายหรือเบียดเบีบนใคร..ก็ไม่ถือว่าเป็นบาป..เป็นกรรมมานั่งทุกข์ใจที่ตนมึกิเลศตนเอากิเลศออกไม่ได้..อันนี้ก็ไม่ใช่..

ตอบจากจินตมยปัญญาที่ผุดรู้..มิได้กล่าวโดยอาศัยตำรา..คือความรู้เฉพาะตน..อย่างไรก็ขอให้พิจารณากันตามภูมิจิตภูมิธรรมของแต่ละคน..
แต่คุนน้องมาให้ธรรมทาน จขกท..เห็นว่าน้องเขายังเป็นผู้เยาว์อยู่..ควรจะรู้ศีลธรรมขั้นพื้นฐาน..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2015, 10:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
การให้ธรรมทานผู้อื่นต้องให้ด้วยความเมตตา..แสดงธรรมให้ตรงกับจริตผู้นั้น..เพื่อให้ผู้นั้นได้นำไปประพฤติได้จริง..โดยอยู่ในขอบเขต..มิใช่แสดงธรรมเพราะว่าเห็นว่าดีเพราะมีทิฐฐิของตนว่าต้องเป็นเช่นนั้น..การจะให้ธรรมทานเนไวยสัตว์ ไม่ใช่รู้แค่ศีลแล้วจะอบรมบ่มนิสัยเขาได้..เราตองมีปัญญาประกอบเมตตา..ทำให้ผู้นั้นพิจารณาได้โดยไม่มีความสงสัยขัดแย้งต่อธรรมที่เราแสดง..

ปุถุชนย่อมเสพกามเป็นปกติ..แม้พระโสดาบันก็ยังเสพกามอยู่..เจตนาคือกรรม..การเสพกามทางตาเพื่อให้มีความกำหนัด..หรือจะเสพกามทางกายเพราะมีความกำหนัด..ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก..แค่คนละบริบท..ถ้าการเสพกามเป็นอกุศล
าคงปฏิเสธไม่ได้ว่า..ตอนเสพกามกับภรรยา..ก็เป็นความกำหนัด ความใคร่เหมือนกัน..ยังละสมุทัยไม่ได้เช่นกัน..เพราะยังสร้างภพภาวะนั้นให้เกิดอยู่

อย่าได้กล่าวเยี่ยงนั่นเลยว่า..คนเสพกามทางตาเป็นบาป..ถ้าเขายังมิได้ละเมิดศีลข้อ กามเมสุมิจฉา..แล้วอย่าได้กล่าวเลยว่า ผู้ที่เสพกามกับภรรยาเป็นบาป จิตอกุศล..ในเมื่อยังเป็นมนุษย์ที่มีกิเลศอยู่ ก็รู้ว่ามี..ทุกคนก็กระทำตามความอยากของตน..แต่ความอยากที่ไม่ทำร้ายหรือเบียดเบีบนใคร..ก็ไม่ถือว่าเป็นบาป..เป็นกรรมมานั่งทุกข์ใจที่ตนมึกิเลศตนเอากิเลศออกไม่ได้..อันนี้ก็ไม่ใช่..

ตอบจากจินตมยปัญญาที่ผุดรู้..มิได้กล่าวโดยอาศัยตำรา..คือความรู้เฉพาะตน..อย่างไรก็ขอให้พิจารณากันตามภูมิจิตภูมิธรรมของแต่ละคน..
แต่คุนน้องมาให้ธรรมทาน จขกท..เห็นว่าน้องเขายังเป็นผู้เยาว์อยู่..ควรจะรู้ศีลธรรมขั้นพื้นฐาน..
คุณน้องคิดว่าจินตาญานนั้นผลุดขึ้นมาเองเหรอ. คุณน้องเข้าใจผิดแล้วจริงๆ. ในยุคของสาวกนั้นไม่มีใครที่จะมีญานความีรู้ผลุดขึ้นมาเองได้หรอกครับ จินตามยปัญญาที่เกิดขึ้นมานั้นคือการที่เราได้สะสมสุดตะมามากพอสมควร. เมื่อได้สะสมสุตตะมามากนั้นเมื่อเราเลือกที่จะคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง สุตตะที่เราได้สะสมมานั้นมันจะเขื่อมโยงใยกันมาเป็นสายหาเหตุผลมารองรับจนเรามั่นใจว่าสิ่งนั้นเที่ยงตรงต่อพระสัจธรรมเราจึงยอมรับได้ว่า แต่ความรู้นั้นก็ยังไม่ใช่วามรู้ของเรานั้นเทียว

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2015, 11:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
การให้ธรรมทานผู้อื่นต้องให้ด้วยความเมตตา..แสดงธรรมให้ตรงกับจริตผู้นั้น..เพื่อให้ผู้นั้นได้นำไปประพฤติได้จริง..โดยอยู่ในขอบเขต..มิใช่แสดงธรรมเพราะว่าเห็นว่าดีเพราะมีทิฐฐิของตนว่าต้องเป็นเช่นนั้น..การจะให้ธรรมทานเนไวยสัตว์ ไม่ใช่รู้แค่ศีลแล้วจะอบรมบ่มนิสัยเขาได้..เราตองมีปัญญาประกอบเมตตา..ทำให้ผู้นั้นพิจารณาได้โดยไม่มีความสงสัยขัดแย้งต่อธรรมที่เราแสดง..

ปุถุชนย่อมเสพกามเป็นปกติ..แม้พระโสดาบันก็ยังเสพกามอยู่..เจตนาคือกรรม..การเสพกามทางตาเพื่อให้มีความกำหนัด..หรือจะเสพกามทางกายเพราะมีความกำหนัด..ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก..แค่คนละบริบท..ถ้าการเสพกามเป็นอกุศล
าคงปฏิเสธไม่ได้ว่า..ตอนเสพกามกับภรรยา..ก็เป็นความกำหนัด ความใคร่เหมือนกัน..ยังละสมุทัยไม่ได้เช่นกัน..เพราะยังสร้างภพภาวะนั้นให้เกิดอยู่

อย่าได้กล่าวเยี่ยงนั่นเลยว่า..คนเสพกามทางตาเป็นบาป..ถ้าเขายังมิได้ละเมิดศีลข้อ กามเมสุมิจฉา..แล้วอย่าได้กล่าวเลยว่า ผู้ที่เสพกามกับภรรยาเป็นบาป จิตอกุศล..ในเมื่อยังเป็นมนุษย์ที่มีกิเลศอยู่ ก็รู้ว่ามี..ทุกคนก็กระทำตามความอยากของตน..แต่ความอยากที่ไม่ทำร้ายหรือเบียดเบีบนใคร..ก็ไม่ถือว่าเป็นบาป..เป็นกรรมมานั่งทุกข์ใจที่ตนมึกิเลศตนเอากิเลศออกไม่ได้..อันนี้ก็ไม่ใช่..

ตอบจากจินตมยปัญญาที่ผุดรู้..มิได้กล่าวโดยอาศัยตำรา..คือความรู้เฉพาะตน..อย่างไรก็ขอให้พิจารณากันตามภูมิจิตภูมิธรรมของแต่ละคน..
แต่คุนน้องมาให้ธรรมทาน จขกท..เห็นว่าน้องเขายังเป็นผู้เยาว์อยู่..ควรจะรู้ศีลธรรมขั้นพื้นฐาน..
คุณน้องคิดว่าจินตาญานนั้นผลุดขึ้นมาเองเหรอ. คุณน้องเข้าใจผิดแล้วจริงๆ. ในยุคของสาวกนั้นไม่มีใครที่จะมีญานความีรู้ผลุดขึ้นมาเองได้หรอกครับ จินตามยปัญญาที่เกิดขึ้นมานั้นคือการที่เราได้สะสมสุดตะมามากพอสมควร. เมื่อได้สะสมสุตตะมามากนั้นเมื่อเราเลือกที่จะคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง สุตตะที่เราได้สะสมมานั้นมันจะเขื่อมโยงใยกันมาเป็นสายหาเหตุผลมารองรับจนเรามั่นใจว่าสิ่งนั้นเที่ยงตรงต่อพระสัจธรรมเราจึงยอมรับได้ว่า แต่ความรู้นั้นก็ยังไม่ใช่วามรู้ของเรา ยังเป็นของพระศาสดาอยู่นั้นเทียว

แล้วทำไมถึงไม่เชื่อว่าความรู้คุนน้องจะมีความเห็นตรงต่อพระศาสดาล่ะ..เห็นบิ๊กทู่ถามคุนน้องเกิดปัญญามาได้ยังไง..คุนน้องเคยบอกไปแล้วนิ..เพราะน้อมจิตไปในสิ่งที่เราศรัทราแล้วปัญญาเกิด..คุนน้องไม่เคยบอกว่าเป็นปัญญาตน..คุนน้องบอกเสมอว่าพระพุทธองค์สั่งสอนคุนน้องในจิต..ไม่เคยอวดว่ารู้เกินพระศาสดา..ยังไงคุนน้องก็เป็นเด็กฝากของพระองค์..ถึงแม้จะไม่ใช่สาวกที่ตรัสรู้ตามในยุคพระองค์..แต่พระพุทธองค์เปรียบเสมือนครูบาอาจารย์..ผู้ให้ความรู้.ให้ปัญญา.คุนน้องกำลังเรียนคอสพิเศษจากพระพุทธองค์เจ้าค่ะ..และยังมีอีกหลายคอสที่ต้องลงทะเบียนเรียน :b32:
จะว่าไปแล้วอุปมาคล้ายเรียนเลข..ความเป็นเหตุเป็นผล..ครูคนเดียวกัน..สอนเหมือนกัน..แต่มีคนนึงแก้สมการได้..อีกคนนึงกลับแก้สมการไม่ได้..ไม่เข้าใจความเป็นเหตุเป็นผล..ต่อให้นั่งเรียนหลักสูตรเดียวกัน..แต่ความเข้าใจอาจไม่ตรงกัน..เพราะเช่นนั้นคนที่เข้าใจความเป็นเหตุผลคือคนที่เก่งเลข..แต่คนที่ไม่เข้าใจความเป็นเหตุผล..ย่อมอ่อนเลข..หรือวิชาคณิตศาสตร์ :b32:

ปล.ลืมมันไปนะค่ะ..ถ้าไม่เข้าใจในสิ่งที่คุนน้องจะสื่อ :b9:


แก้ไขล่าสุดโดย nongkong เมื่อ 16 มิ.ย. 2015, 11:20, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2015, 11:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:

ท่านเองต่างหากพยามเอาศิลมาเป็นตัววัด ธรรมะเขาวัดที่เจตนาครับ. กริยาที่ทำเขาไม่ได้วัด. ถ้าท่านบอกว่าอริยต้องศิลห้า. แล้วข้อ1ห้าฆ่าสัตว์. ถ้าอาการคือการทำให้สัตว์ตายนั้นคือการฆ่าสัตว์พระจักขุบาล ไม่ล่วงศิลห้าเหรอครับเหยียบสัตว์ตายเป็นพันๆตัว. นี่ไงครับ. ยิ่งเรื่องสุราแล้วที่บอกว่าไม่ล่วงอกุศลกรรม ไม่เป็นอบาย.ตั้งสองบริบท. แต่ท่านยึดเพียงศิลห้า. น่าขำจัง. ธรรมะแบบติดดีนี้ไปไม่ถึงไหนหรอก. เพราะมันเป็นวัตรเพื่อการรังเกียจ. ที่เขากินเพราะเหลี่ยงไม่ได้ในบริบทนั้น. แต่จิตไม่ได้นึกอยากเสพเลยของที่มันมีโทษไรคุณค่าสาระ. แค่อาการภายนอกแค่นี้ยังไม่เข้าใจ พอเข้าใจนะกบ. มีอะไรไม่เข้าใจถามผมได้. ผมให้ความรู้ท่านได้


ผู้มีทิฏฐิว่า..อริยะสาวก...กินเหล้าได้บางครั้ง...เที่ยวที่อโคจรได้บ้าง..เล่นพนันได้บ้าง...ดูมหรสพอันเป็นข้าศึกต่อ

พรหมจรรย์ได้บ้าง...ฯ..มิจฉาทิฏฐิเยี่ยงนี้..เกรงว่าจะสอนผมไม่ได้หรอกครับ..

:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2015, 11:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
bigtoo เขียน:
nongkong เขียน:
การให้ธรรมทานผู้อื่นต้องให้ด้วยความเมตตา..แสดงธรรมให้ตรงกับจริตผู้นั้น..เพื่อให้ผู้นั้นได้นำไปประพฤติได้จริง..โดยอยู่ในขอบเขต..มิใช่แสดงธรรมเพราะว่าเห็นว่าดีเพราะมีทิฐฐิของตนว่าต้องเป็นเช่นนั้น..การจะให้ธรรมทานเนไวยสัตว์ ไม่ใช่รู้แค่ศีลแล้วจะอบรมบ่มนิสัยเขาได้..เราตองมีปัญญาประกอบเมตตา..ทำให้ผู้นั้นพิจารณาได้โดยไม่มีความสงสัยขัดแย้งต่อธรรมที่เราแสดง..

ปุถุชนย่อมเสพกามเป็นปกติ..แม้พระโสดาบันก็ยังเสพกามอยู่..เจตนาคือกรรม..การเสพกามทางตาเพื่อให้มีความกำหนัด..หรือจะเสพกามทางกายเพราะมีความกำหนัด..ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก..แค่คนละบริบท..ถ้าการเสพกามเป็นอกุศล
าคงปฏิเสธไม่ได้ว่า..ตอนเสพกามกับภรรยา..ก็เป็นความกำหนัด ความใคร่เหมือนกัน..ยังละสมุทัยไม่ได้เช่นกัน..เพราะยังสร้างภพภาวะนั้นให้เกิดอยู่

อย่าได้กล่าวเยี่ยงนั่นเลยว่า..คนเสพกามทางตาเป็นบาป..ถ้าเขายังมิได้ละเมิดศีลข้อ กามเมสุมิจฉา..แล้วอย่าได้กล่าวเลยว่า ผู้ที่เสพกามกับภรรยาเป็นบาป จิตอกุศล..ในเมื่อยังเป็นมนุษย์ที่มีกิเลศอยู่ ก็รู้ว่ามี..ทุกคนก็กระทำตามความอยากของตน..แต่ความอยากที่ไม่ทำร้ายหรือเบียดเบีบนใคร..ก็ไม่ถือว่าเป็นบาป..เป็นกรรมมานั่งทุกข์ใจที่ตนมึกิเลศตนเอากิเลศออกไม่ได้..อันนี้ก็ไม่ใช่..

ตอบจากจินตมยปัญญาที่ผุดรู้..มิได้กล่าวโดยอาศัยตำรา..คือความรู้เฉพาะตน..อย่างไรก็ขอให้พิจารณากันตามภูมิจิตภูมิธรรมของแต่ละคน..
แต่คุนน้องมาให้ธรรมทาน จขกท..เห็นว่าน้องเขายังเป็นผู้เยาว์อยู่..ควรจะรู้ศีลธรรมขั้นพื้นฐาน..
คุณน้องคิดว่าจินตาญานนั้นผลุดขึ้นมาเองเหรอ. คุณน้องเข้าใจผิดแล้วจริงๆ. ในยุคของสาวกนั้นไม่มีใครที่จะมีญานความีรู้ผลุดขึ้นมาเองได้หรอกครับ จินตามยปัญญาที่เกิดขึ้นมานั้นคือการที่เราได้สะสมสุดตะมามากพอสมควร. เมื่อได้สะสมสุตตะมามากนั้นเมื่อเราเลือกที่จะคิดเรื่องใดเรื่องหนึ่ง สุตตะที่เราได้สะสมมานั้นมันจะเขื่อมโยงใยกันมาเป็นสายหาเหตุผลมารองรับจนเรามั่นใจว่าสิ่งนั้นเที่ยงตรงต่อพระสัจธรรมเราจึงยอมรับได้ว่า แต่ความรู้นั้นก็ยังไม่ใช่วามรู้ของเรา ยังเป็นของพระศาสดาอยู่นั้นเทียว

แล้วทำไมถึงไม่เชื่อว่าความรู้คุนน้องจะมีความเห็นตรงต่อพระศาสดาล่ะ..เห็นบิ๊กทู่ถามคุนน้องเกิดปัญญามาได้ยังไง..คุนน้องเคยบอกไปแล้วนิ..เพราะน้อมจิตไปในสิ่งที่เราศรัทราแล้วปัญญาเกิด..คุนน้องไม่เคยบอกว่าเป็นปัญญาตน..คุนน้องบอกเสมอว่าพระพุทธองค์สั่งสอนคุนน้องในจิต..ไม่เคยอวดว่ารู้เกินพระศาสดา..ยังไงคุนน้องก็เป็นเด็กฝากของพระองค์..ถึงแม้จะไม่ใช่สาวกที่ตรัสรู้ตามในยุคพระองค์..แต่พระพุทธองค์เปรียบเสมือนครูบาอาจารย์..ผู้ให้ความรู้.ให้ปัญญา.คุนน้องกำลังเรียนคอสพิเศษจากพระพุทธองค์เจ้าค่ะ..และยังมีอีกหลายคอสที่ต้องลงทะเบียนเรียน :b32:
จะว่าไปแล้วอุปมาคล้ายเรียนเลข..ความเป็นเหตุเป็นผล..ครูคนเดียวกัน..สอนเหมือนกัน..แต่มีคนนึงแก้สมการได้..อีกคนนึงกลับแก้สมการไม่ได้..ไม่เข้าใจความเป็นเหตุเป็นผล..ต่อให้นั่งเรียนหลักสูตรเดียวกัน..แต่ความเข้าใจอาจไม่ตรงกัน..เพราะเช่นนั้นคนที่เข้าใจความเป็นเหตุผลคือคนที่เก่งเลข..แต่คนที่ไม่เข้าใจความเป็นเหตุผล..ย่อมอ่อนเลข..หรือวิชาคณิตศาสตร์ :b32:

ปล.ลืมมันไปนะค่ะ..ถ้าไม่เข้าใจในสิ่งที่คุนน้องจะสื่อ :b9:
ผมเพียงเห็นคุณน้องกล่าวอยู่บ่อยๆว่าผลุดรู้โดยไม่ได้อ่านจากตำรา ผมก็เพียงแต่กลัวคุณน้องจะเข้าใจประเด็นผิดเรื่องจินตาญาณนั้นเองเพราะเรายังมีอีกปัญญาหนึ่งคือภาวนามยปัญญาที่นั่นแหล่ะคือปัญญาที่จะต้องเกิดขึ้นในจิตเราเองหมดความสงสัย รู้ตรงตามพระพุทธองค์

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2015, 11:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
bigtoo เขียน:

ท่านเองต่างหากพยามเอาศิลมาเป็นตัววัด ธรรมะเขาวัดที่เจตนาครับ. กริยาที่ทำเขาไม่ได้วัด. ถ้าท่านบอกว่าอริยต้องศิลห้า. แล้วข้อ1ห้าฆ่าสัตว์. ถ้าอาการคือการทำให้สัตว์ตายนั้นคือการฆ่าสัตว์พระจักขุบาล ไม่ล่วงศิลห้าเหรอครับเหยียบสัตว์ตายเป็นพันๆตัว. นี่ไงครับ. ยิ่งเรื่องสุราแล้วที่บอกว่าไม่ล่วงอกุศลกรรม ไม่เป็นอบาย.ตั้งสองบริบท. แต่ท่านยึดเพียงศิลห้า. น่าขำจัง. ธรรมะแบบติดดีนี้ไปไม่ถึงไหนหรอก. เพราะมันเป็นวัตรเพื่อการรังเกียจ. ที่เขากินเพราะเหลี่ยงไม่ได้ในบริบทนั้น. แต่จิตไม่ได้นึกอยากเสพเลยของที่มันมีโทษไรคุณค่าสาระ. แค่อาการภายนอกแค่นี้ยังไม่เข้าใจ พอเข้าใจนะกบ. มีอะไรไม่เข้าใจถามผมได้. ผมให้ความรู้ท่านได้


ผู้มีทิฏฐิว่า..อริยะสาวก...กินเหล้าได้บางครั้ง...เที่ยวที่อโคจรได้บ้าง..เล่นพนันได้บ้าง...ดูมหรสพอันเป็นข้าศึกต่อ

พรหมจรรย์ได้บ้าง...ฯ..มิจฉาทิฏฐิเยี่ยงนี้..เกรงว่าจะสอนผมไม่ได้หรอกครับ..

:b32: :b32:
กบอย่าลืมซิคุณเคย ขอให้ผมเป็น อาจารย์ และผมก็ปฎิเสธไป จำได้หรือป่าว

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2015, 11:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


บิ๊กทูละเมอเพ้อพก...เพราะนอนมาก... grin

รึไม่ก็..กินยาผิดซอง.... :b32:

ผมนี้ขี้ลืมก็จริง....แต่คนที่พูดว่า..ธรรมดับไปต่อหน้าต่อตา..นี้...ผมเกิดอาการรู้แปลกๆขึ้นมาทันที..อิอิ

มีก็แต่..อโสกะที่ออกมารับรองวิทยฐานะ..ทันทีแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ...อิอิ
ลืมไปแล้วว่าผ่านมากี่ปีแล้ว..

s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2015, 12:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
บิ๊กทูละเมอเพ้อพก...เพราะนอนมาก... grin

รึไม่ก็..กินยาผิดซอง.... :b32:

ผมนี้ขี้ลืมก็จริง....แต่คนที่พูดว่า..ธรรมดับไปต่อหน้าต่อตา..นี้...ผมเกิดอาการรู้แปลกๆขึ้นมาทันที..อิอิ

มีก็แต่..อโสกะที่ออกมารับรองวิทยฐานะ..ทันทีแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ...อิอิ
ลืมไปแล้วว่าผ่านมากี่ปีแล้ว..

s006
เอาเถอะ ไม่ว่ากันพราะไม่อยากเป็นอาจารย์ใครหรอก. ส่วนเรื่องธรรมดับไปต่อหน้าต่อตา. กบเองยังไม่เคย ก็ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นอย่างไรว่าการดับสังขารมันคืออะไร. ก็ต้องพยามต่อไป นึกเอาไม่ได้หรอก

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แก้ไขล่าสุดโดย bigtoo เมื่อ 16 มิ.ย. 2015, 13:01, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2015, 12:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


แต่ก็ต้องขอบคุณ..อยู่เหมือนกัน..ทำให้ผมมั่นใจ...ความรู้สึก...ของตัวเอง..มากขึ้น

ก็แม่น..เหมือนกัน..นะ

อิอิ... :b16: :b16:
:b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2015, 12:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
บิ๊กทูละเมอเพ้อพก...เพราะนอนมาก... grin

รึไม่ก็..กินยาผิดซอง.... :b32:

ผมนี้ขี้ลืมก็จริง....แต่คนที่พูดว่า..ธรรมดับไปต่อหน้าต่อตา..นี้...ผมเกิดอาการรู้แปลกๆขึ้นมาทันที..อิอิ

มีก็แต่..อโสกะที่ออกมารับรองวิทยฐานะ..ทันทีแบบไม่ดูตาม้าตาเรือ...อิอิ
ลืมไปแล้วว่าผ่านมากี่ปีแล้ว..

s006
เอาเถอะ ไม่ว่ากันพราะไม่อยากเป็นอาจารย์ใครหรอก. ส่วนเรื่องธรรมดับไปต่อหน้าต่อตา. กบเองยังไม่เคย ก็ไม่รู้หรอก่ามันเป็นอย่างไรว่าการดับสังขารมันคืออะไร. ก็ต้องพยามต่อไป นึกเอาไม่ได้หรอก

โป๊ะแตก :b32: บิ๊กทู่ดับสังขาร..ดับธรรมไปต่อหน้า..สอนวิธีดับหน่อย..บังเอิญคุนน้องกับบิ๊กทู่น่าจะคนละสาย..เพราะสายคุนน้องไม่ชี้โพลงว่าพระอริยะก้าวล่วงอกุศลกรรม..แบบเนืองๆได้ไม่ผิดศีล :b14: ..พระพุทธองค์ทรงไม่สรรเสริญ..จริงๆนะบิ๊กทู่ประกาศธรรมไปแบบนั้น..
เข้าเรื่อง..ดับสังขารใครๆก็ดับได้ แค่มีพื้นฐานทางสมถะ..แต่ดับอวิชานี่ดับยังไง..สอนหน่อย..แบบว่ายังมี รัก โลภ โกรธ หลง อยู่เลย..ซึ่งไม่ใช่ตัวสังขารเจ้าความคิด..แต่มันเป็นเจ้าตัวที่แอบซ่อนในจิต..มันหลบในหลืบ..ดับไม่ได้ซะที..อยากนั่นอยากนี่ไปหมด..สอนวิธีดับตัณหาราคะคุนน้องหน่อยจิ...ดับความโลภด้วย..หุหุ.. :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2015, 12:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


พูดถึงอโสกะ..แล้ว...ก็นึกเห็นใจอโสกะอยู่เหมือนกัน...แกไม่โผล่ไปกระทู้โน้น..เลย...แกคงเสียว..อริยะกิน..เที่ยว..เล่น...ฯ..ได้...คงเสียความรู้สึกแย่เลย...ผลั้งรับรองไปแล้วนี้...

จงจาร..จัง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 40 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 41 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร