มานะ ๙ อย่างละ

ตื่นๆๆ ใครหลับอยู่ ตื่นได้แล้วอีก ๒.๐๐๐ กว่าปี
พระสัทธรรมก็จะอันตรธานไปจากโลกนี้แล้ว

จะบ้าหรอ....ผมไม่ใช่อรหันต์..นี้คับ..555



แต่ก่อน...คุยกันในวงคนไปวัดด้วยกัน...

หลายคนจะกระต่ายตื่นตูม...พูดยังงี้เป็นมานะบ้าง..พูดอย่างนั้นเป็นโอมานะบ้าง

กระผมจะเวียนเฮดกับคนอย่างนี้มาก...ผมมักจะบอกว่า.." นี้คุณ...แม้ไม่พูด..คุณหรือผม..ก็มีอยู่ดี...ผู้ไม่มีแล้วนั้นนะ..อรหัตผลเชียวนะ"

แต่ตอนนี้...คิดว่า..ถึงเราจะมีอยู่...ก็ไม่ควรที่จะให้มานะทั้ง9 นี้..แสดงออกมาทางกายกรรม..วจีกรรม

คำถาม...แล้วจะพูดอะไรไม่ได้เลยนิ?

ผมคิดว่า..พูดได้

เจ้ามานะทั้ง 9 ก็มาจากจุดเดียวกันคือ...อยากให้ตัวดีจึงเปรียบเทียบ...

..เพื่อเช็คว่า..ตัวเองอยู่ในสถานะ..ดี..แล้วรึยัง..จิตจึงส่งออก..ไปรอบข้างเมื่อผัสสะ..เพื่อการเปรียบเทียบ

คนอยากรวย...เจอใครก็นึกแต่ว่า...ความรวยของตัวนี้นะ...เมื่อเทียบกับคนที่พบแล้วนั้น..เรารวยกว่า..รึ..เรากับเขารวยเท่ากัน..รึว่าเขารวยกว่าเรา

คนอยากใหญ่...เจอใครก็นึกแต่ว่า...ตำแหน่งหน้าที่ของตัวนี้นะ...เมื่อเทียบกับคนที่พบแล้วนั้น..เราใหญ่กว่า..รึ..เรากับเขาใหญ่เท่าๆกัน..รึว่าเขาใหญ่กว่าเรา

พอมาเป็นคนปฏิบัติธรรม...เจอใครก็นึกแต่ว่า...ธรรมที่ตัวมีตัวรู้นี้นะ...เมื่อเทียบกับคนที่พบแล้วนั้น..เราไปไกลกว่า..รึ..เรากับเขามาไกลเท่าๆกัน..รึว่าเขาไปไกลกว่าเรา...

ความหยาบ..ความน่าเกลียด...การแสดงออกของการเปรียบเทียบ..นี้ก็แตกต่างกันไป...

ในปุถุชน..ในโสดาบัน..ในสกทาคามี..อนาคามี..และ..อรหัตมรรค....กิเลสมานะเช่นเดียวกัน..แต่ความน่าเกลียด..หยาบละเอียด...แตกต่างกัน

จะเห็นว่า...นอกจากอรหัตผลแล้ว...มานะกิเลสมีทุกคน

แต่ก็ใช่ว่าเราจะปล่อยให้มันมาวิ่งเพ่นพ่านไปทั่ว...

แล้วเราจะทำอย่างไร?

ก่อนจะพูด..จะทำอะไรออกมา...ก็มีสติรู้ว่า..ที่กำลังจะพูด..จะทำ..นั้น...มาจากจิตเปรียบเทียบ..มั้ย?.

อารัมภบทมาตั้งยาว...ก็เพื่อจะตอบคำถามลุงหมาน...





กิเลสมานะ..นะมีในตัว...
แต่ที่พูด..ไม่ได้พูดจากจิตเปรียบเทียบ...
คำว่า.แม่นพอตัว..นั้นนะ..ไม่ได้หมายถึงตัวผม..นะคับ...หมายถึง..คนที่เขารู้...(ดูโพสต์ก่อนตอบ)

คงไม่เสียหายมั้ง เป็นการยกตัวอย่างให้กันดู เพื่อสังเกตุว่าใครเป็นพระอรหันต์บ้าง
เมื่อใครยังยกเปรียบโดยนัย ๙ อย่างที่กล่าวไว้นั้น ย่อมไม่ใช่พระอรหันต์เด็ดขาด
ฉะนั้นท่านที่คุยว่าได้เป็นพระอรหันต์นั้น ให้รู้เถิดว่าไม่ใช่ เพราะว่าพระอรหันต์ท่านละไปแล้ว
จะเอากิเลสที่เป็นมานะ ตรงไหนมาคุยให้ฟังได้อีก

ใช่ครับ...
พระอรหันต์...ไม่อยากบอกใครว่าเป็นอรหันต์..เพราะไม่รู้จะบอกไปทำไม...บอกไปคนฟังก็ไม่รู้เรื่องด้วย..และถ้าคนฟังรู้ได้เข้าใจได้...ก็ไม่ต้องไปบอกอีก..ก็คนฟังรู้แล้วนี้.(ก็อรหันต์เหมือนกัน)..

อริยะในชั้นอื่นๆ..ก็จะเหมือนๆกัน..อย่างนี้แหละ..

ส่วนคนที่เที่ยวบอกเขาไปทั่ว..นี้...ก็เดาได้ไม่ยาก...อิอิ

ผิดแล้วล่ะกบ แค่นี้ท่านก็วิเคราะห์ธรรมผิด พระพุทธเจ้าท่านก็บอกว่าท่านสำเร็จธรรมเป็นอรหันต์ถ้าท่านไม่บอกแล้วใครจะรู้แล้วจะสอนใครได้. ท่านนี้ตื้นเกินไปจริงๆ ที่พระองค์ท่านไม่ให้พระอรหันต์บอกตนเองกับฆราวาสต่างหากเพราะมันเป็นเรื่องของเอกลาภปัจจัยต่างหากและอาจจะมีคนที่ยังไม่ได้เป็นอรหันต์ไปหลอกว่าเป็นอรหันต์แล้วทำตัวไม่สมฐานะเป็นอันที่จะเสียชื่อเสียง.ไม่เกี่ยวกับว่าหมดกิเลสแช้วไม่อยากพูดอไม่เกี่ยวเลย และที่บอกผู้รู้ไม่พูด ผู้พูดไม่รู้ นี่ก็ไม่ใช่สัจจะความจริง ถ้าผู้รู้ไม่พูดซิแย่นะ แล้วใครจะรู้ตามในสิ่งที่ควรรู้ล่ะ

อิอิ...บิ๊กทู..นี้ก็ยังพูดจาขัดกันเอง..ไม่เปลี่ยน..เลยนิ..อิอิ

คำแรก..ก็ว่า...ที่ห้าม..เขาห้ามพูดกับฆราวาส...
แต่มาปิดท้ายว่า...
ถ้าผู้รู้ไม่พูดซิแย่นะ แล้วใครจะรู้ตามในสิ่งที่ควรรู้ล่ะ[/quote]


ตกลง....ชีวิตเอางัยแน่..คับ

ตกลง....ชีวิตเอางัยแน่..คับ [/quote]กบนี้ต้องคิดใหม่ทำใหม่นะ อรหันต์เขาห้ามกล่าวกับฆราวาส ส่วนคำว่าผู้รู้ไม่พูดผู้พูดไม่รู้ นี่ไม่เกี่ยวกับอรหันต์เลยที่ยกมาให้อ่านนะ มักจะมีคนกล่าวว่าผู้รู้ไม่พูด ผู้พูดไม่รู้ ตรงนี้เกี่ยวกับความรู้ครับ ถ้าผู้รู้ไม่พูดมันคงแปลกดีนะมันไม่ใช่ตรรกะเลย ไม่เป็นสัทธรรมอะไรเลย