ในบริบทที่สนทนากันอยู่นี้ ท่านยังไม่เห็นตัว "มานะ" กันบ้างหรือ
ที่เป็นอกุศลอันละเอียดยิ่ง ถ้าให้มองแบบธรรมดาๆ ก็เอากิเลสมาอวดกันว่า
ของใครดีกว่ากัน มันไม่ใช่การลดกิเลสว่า ของใครจะผุดผ่องกว่ากัน
แต่เป็นการพอกให้หนาขึ้นแล้วก็เอามาอวดกันว่าของใครหนากว่ากัน

พูดเหมือนผมจะอวดตนนะ. ถ้าผมไม่พูดในบริบทนี้ก็จะไม่มีใครรู้ว่า มันมีสิ่งอื่นที่ยิ่งกว่า. ไม่งั้นก็จะสาระวนติดดีกันอยู่. ข้ามให้ได้กบ

น่านไปน่านเลย. หรือจะเลยไปเชียงใหม่เลยนี่. มาชี้ตัวมานะขึ้นหัวเขาไปเลยอีก. อย่าพึ่งชี้กันตอนนี้เลยมานะมันตัดกันไม่ได้หรอก แลไม่เห็นมานะตนเองซะแล้ว. ที่คุยเขาไม่ได้อวดดีมั้งครับ. เขาชี้ทางต่างที่เป็นจริงมีจริง

จะไปขึ้นเหนือล่องใต้ เชื่อเถอะกิเลสมันดักทางคุณถูกหมดแหละ
สุดท้ายก็หลงเคลิบเคลิ้มไปกับมัน เพราะสมุนของอวิชชาแข็งแกร่ง ดูแค่นี้ก็ไปแล้ว

คุณลุงสมานเขียน



เหตุผลอะไรเหรอค่ะที่ทำ ให้คุณลุงสมานมอง
ว่าเป็นการเอากิเลส มาอวดกัน
คือดิฉันมอง มองยังไงก้อไม่เห็นจุด ตรงที่คุณลุงสมานเห็นค่ะ

กิเลสมันอาจไปเหยียบถึงพรหมโลกนะ. แต่ไม่เหยียบใจผู้ที่เรียนอริยสัจ. และมีสติบ้างไม่ได้ตลอดหรอกครับ อ้อและความรู้ที่แสดงอยู่ก็ไม่ใช่ความรู้ผมหรอกนะครับ. เป็นความรู้ของพระองค์ที่ทรงตรัสรู้มา ผมเพียงตำๆมาเล่าสู่กันฟัง

ต้องให้พูด..มาก .มาก..ครับลุงหมาน...เดียว...ก็ได้เห็นอะไร..ดีดี...ขึ้นมาเองแหละ..อิอิ

มี..ได้ยินพระพุทธเจ้าคุยกับพระอานนท์ด้วย..แต่อย่าไปคุ้ยนะครับ....เห็น..แล้วรู้...รู้แล้วก็ผ่าน..อิอิ...

นัยยะพวกนี้กบมักจะไม่เข้าใจ จับประเด็นผิด. ที่ผมว่าได้ยินพระพุทธเจ้าคุยกับพระอานนท์. เขาเปิดเสียงตามสายที่วัดครับเป็นการท่องพระสูตรที่พระพุทธเจ้าคุยกับพระอานนท์ก็เท่านั้นเอง. คิดอะไรเหรอ

ผมก็แปล..ตรงๆ..ขียนอย่านั้นก็ต้องเข้าใจอย่างนั้น...ช่วยไม่ได้..555..

ผมไม่ติดใจหรอกครับ เพราะทุกอย่างมีเจตนาเป็นกรรมรองรับอยู่แล้ว

พูดไป เถอะ...อวดไม่อวด...มันก็เป็นของมันอยู่แล้ว...

ในนี้..คนรู้..มีเยอะ..

รู้เยอะนะรู้ถูกหรือผิดล่ะ

แม่นพอตัว..ละน่า..

[quote="bbby"]คุณลุงสมานเขียน

[quote]ในบริบทที่สนทนากันอยู่นี้ ท่านยังไม่เห็นตัว "มานะ" กันบ้างหรือ 
ที่เป็นอกุศลอันละเอียดยิ่ง ถ้าให้มองแบบธรรมดาๆ ก็เอากิเลสมาอวดกันว่า
ของใครดีกว่ากัน มันไม่ใช่การลดกิเลสว่า ของใครจะผุดผ่องกว่ากัน 
แต่เป็นการพอกให้หนาขึ้นแล้วก็เอามาอวดกันว่าของใครหนากว่ากัน


[/quote]

เหตุผลอะไรเหรอค่ะที่ทำ ให้คุณลุงสมานมอง
ว่าเป็นการเอากิเลส มาอวดกัน
คือดิฉันมอง มองยังไงก้อไม่เห็นจุด ตรงที่คุณลุงสมานเห็นค่ะ [/quote]

มานะเป็นตัวกิเลสตัวหนึ่งในกิ้ลส ๑๐ อย่าง เป็นกิเลสที่ละเอียดมาก เป็นกิเลสที่พระอรหันต์เท่านั่นที่ประหารได้ แม้พระอนาคามีก็ยังไม่สามารถที่จะประหารกิเลสตัวนี้ได้ ดังจะนำ ตัวกิเลสที่เป็นมานะแสดง ว่ามีความสำคัญอย่างไร

มานะ คือ ความสำคัญตนว่าเป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้ มีอยู่ ๙ ประการดังนี้

๑. เป็นผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตนว่าเลิศกว่าเขา
๒. เป็นผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตนว่าเสมอเขา
๓. เป็นผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตนว่าเลวกว่าเขา
๔. เป็นผู้เสมอเขา สำคัญตนว่าเลิศกว่าเขา
๕. เป็นผู้เสมอเขา สำคัญตนว่าเสมอเขา
๖. เป็นผู้เสมอเขา สำคัญตนว่าเลวกว่าเขา
๗. เป็นผู้เลวกว่าเขา สำคัญตนว่าเลิศกว่าเขา
๘. เป็นผู้เลวกว่าเขา สำคัญตนว่าเสมอเขา
๙. เป็นผู้เลวกว่าเขา สำคัญตนว่าเลวกว่าเขา

ในมานะ ๙ ประการนี้ มีทั้งที่เข้าใจหรือสำคัญตัวเองถูกต้อง และเข้าใจคนอื่นถูกต้อง และเข้าใจตนเองไม่ถูกต้อง และเข้าใจคนอื่นหรือประเมินคนอื่นไม่ถูกต้องด้วย ที่เรียกว่าทั้งถูกและผิด ยังไงเสียมันก็เป็นกิเลสทั้งคู่

จะยกตัวอย่างกิเลสชนิดนี้ยังเกิดกับพระอนาคามีที่ยังประหารกิเลสชนิดนี้ไม่ได้ เช่น พระอนาคามีมีความคิดอย่างนี้ว่า เธอกับฉันปฏิบัติธรรมมาพร้อมๆกัน แต่ทำไมเธอยังไม่บรรลุธรรมสักที่สู้ฉันก็ไม่ได้ ฉันเก่งกว่าเธอ ทำไมเธอช่างโง่จัง หรือเธอได้บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ส่วนฉันทำไมยังอยู่แค่พระอนาคามีอยู่เลย สรุปว่าก็เอากิเลสที่เป็นมานะมาอวดกันว่าของฉันดีกว่า ของเธอดีกว่าเหล่านี้เป็นต้น พอจะเข้าใจหรือยังจ๊ะ