วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 14:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 57, 58, 59, 60, 61  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2016, 06:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาในงานเพื่อผู้อื่นนะคราบ..
:b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2016, 18:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
พูดไปตั้งเยอะ... huh huh

แต่...หยุดความปรุงแต่งชั่วคราว..หยุดความคิดนึก...นี้ไม่ได้สะท้อนให้เห็นภาพของปัญญา...ที่องคสมเด็จแสดงมาเลย..

ไล่เรียงมาเป็นลำดับ..ตั้งแต่..

เห็นทุกข์โทษภัยของการเกิดแก่เจ็บตายของวัฎฎะสงสาร..เห็นภัยการดับ..จนรู้สึกเบื่อหน่าย(ในสังขารรวมถึงวัฎฎะสงสารไปด้วย)..คลายความกำหนัด(ในสังขารรวมถึงวัฎฎะสงสารไปด้วย)...ใจก็วางสังขารทั้งหลายไปเอง...(วางเรียกแทนอาการของการไม่เข้าไปยึด)...ไม่เข้าไปยึดเพราะเห็นธรรมตามความเป็นจริง(ไล่เรียงมาเป็นลำดับ)

คนที่วางจนชินเป็นญาน..ไม่ได้ต้องมาไล่เรียงจากญานต้นมาทีละอันละอันอะไร..เพราะเขาได้ทำใว้จนเป็นพื้นใจอยู่แล้ว..ที่เรียกว่า..กระทำใว้ในใจอย่างแยบคาย..

วางแล้ว..ก็ยังรู้สึกนึกคิดได้อยู่อีกมั้ย?..
ก็ต้องบอกว่า..คิดได้ซิ..ไม่ใช่คนตายนี้ท่าน...

คิด..ก็เท่ากับปรุงแต่งซิ?

ก็ต้องตอบว่า..ใช่....เมื่อยังรู้สึกนึกคิดได้อยู่...ยังคิดได้อยู่ก็เท่ากับว่า..ยังมีปรุงแต่งอยู่....เพียงแต่ไม่ได้ปรุ่งแต่งตามอำนาจกิเลส(ในผัสสะนั้นๆ)...เท่านั้น

ปล. วางในแต่ละผัสสะนะ..ไม่ใช่ขั้นวางกิเลสเป็นอรหันต์

:b20:
ที่กบพยายามอธิบายนี้มันเพียงแค่การพยายามวางหรือใส่เจตนาวางจนเป็นนิสัย
ยังไม่ใช่สังขารุเปกขาญาณ

ลำดับของญาณทั้ง 16 ขั้นตอนนั้นก็ใช่ว่าผู้ปฏิบัติทุกคนจะรู้ชัดเจนทุกญาณ
เหมือนอย่างที่ท่านพุทธโฆษาจารย์ท่านเมตตาแจกแจงให้รู้

สังขารุเปกขาญาณนั้นเป็นการสิ้นสุดความปรุงแต่งไปชั่วคราวจริงๆ ไม่มีคิดนึกในนั้น มีแต่รู้ มีแต่ปรมัตถ์รู้ปรมัตถ์อยู่อย่างนั้น เป็นจุดที่จะเกิดการรวมมรรคทั้งหมดให้มาเป็นหนึ่งเดียว ที่ว่า "มรรคสมังคี" คือจากตรงนี้ถ้ามีกำลังเพียงพอก็จะส่งให้เกิด อนุโลมญาณ ส่งต่อให้โคตรภูญาณ มรรคญาณ ผลญาณ

ที่สังขารุเปกขาญาณนั้นเป็นอนัตตาโดยแท้ หลายท่านเรียกว่า "ประตูนิพพาน"

หลายท่านเรียกว่า "นิพพานชิมลองหรือนิพพานหลอก" มันคล้ายนิพพานมากๆ
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2016, 19:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b20:
ที่กบพยายามอธิบายนี้มันเพียงแค่การพยายามวางหรือใส่เจตนาวางจนเป็นนิสัย
ยังไม่ใช่สังขารุเปกขาญาณ

ลำดับของญาณทั้ง 16 ขั้นตอนนั้นก็ใช่ว่าผู้ปฏิบัติทุกคนจะรู้ชัดเจนทุกญาณ
เหมือนอย่างที่ท่านพุทธโฆษาจารย์ท่านเมตตาแจกแจงให้รู้

สังขารุเปกขาญาณนั้นเป็นการสิ้นสุดความปรุงแต่งไปชั่วคราวจริงๆ ไม่มีคิดนึกในนั้น มีแต่รู้ มีแต่ปรมัตถ์รู้ปรมัตถ์อยู่อย่างนั้น เป็นจุดที่จะเกิดการรวมมรรคทั้งหมดให้มาเป็นหนึ่งเดียว ที่ว่า "มรรคสมังคี" คือจากตรงนี้ถ้ามีกำลังเพียงพอก็จะส่งให้เกิด อนุโลมญาณ ส่งต่อให้โคตรภูญาณ มรรคญาณ ผลญาณ

ที่สังขารุเปกขาญาณนั้นเป็นอนัตตาโดยแท้ หลายท่านเรียกว่า "ประตูนิพพาน"

หลายท่านเรียกว่า "นิพพานชิมลองหรือนิพพานหลอก" มันคล้ายนิพพานมากๆ
onion


:b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2016, 20:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.พ. 2016, 05:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
เอ้า! .....เงียบ! และตั้งใจฟังกันต่อไปนะ กบ เขียด เอก้อน
:b13:
อ้อวันนี้วันพระใหญ่มาฆะบูชา พากันไปวัด ไหว้พระ สมาทานอุโบสถศีล กินมื้อเดียว เพียรภาวนา ละอัตตา มานะและทิฏฐิ เจริญวิปัสสนาภาวนา ฆ่ากูให้ตายกันนะครับ
smiley tongue :b8:
:b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.พ. 2016, 06:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12:
เอ้า! .....เงียบ! และตั้งใจฟังกันต่อไปนะ กบ เขียด เอก้อน
:b13:
อ้อวันนี้วันพระใหญ่มาฆะบูชา พากันไปวัด ไหว้พระ สมาทานอุโบสถศีล กินมื้อเดียว เพียรภาวนา ละอัตตา มานะและทิฏฐิ เจริญวิปัสสนาภาวนา ฆ่ากูให้ตายกันนะครับ
smiley tongue :b8:
:b44:


อุโบสถศีล...กินมื้อเดียว..รึคับ?..

ไม่ใช่..ไม่กินในยามวิกาล..รึคับ?
:b32:

ถ้าไม่กินในยามวิกาล...มานาน...นี้เป็นอุโบถศีลหรือศีลอะไรคับ?
:b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.พ. 2016, 06:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
เอ้า! .....เงียบ! และตั้งใจฟังกันต่อไปนะ กบ เขียด เอก้อน
:b13:
อ้อวันนี้วันพระใหญ่มาฆะบูชา พากันไปวัด ไหว้พระ สมาทานอุโบสถศีล กินมื้อเดียว เพียรภาวนา ละอัตตา มานะและทิฏฐิ เจริญวิปัสสนาภาวนา ฆ่ากูให้ตายกันนะครับ
smiley tongue :b8:
:b44:


อุโบสถศีล...กินมื้อเดียว..รึคับ?..

ไม่ใช่..ไม่กินในยามวิกาล..รึคับ?
:b32:

ถ้าไม่กินในยามวิกาล...มานาน...นี้เป็นอุโบถศีลหรือศีลอะไรคับ?
:b13: :b13:

:b12:
มาแล้วหรือ คุณกบ ตื่นเช้าเหมือนกันนะ
:b27:
เล่นกับคำว่ายามวิกาลใช่ไหม?

ดูให้ดี สมาทานอุโบสถศีล กินมื้อเดียว เขาเป็นคำพูดที่ต่อเนื่องกันอยู่ ซึ่งมีความหมายว่า

รักษาศีล 8 แล้วกินข้าวมื้อเดียว ก่อนยามวิกาล คือหลังเที่ยงวัน
มีอานิสงเยอะคือ ท้องเบา ภาวนาดี ไม่มีภาระมาก น่าฝึกหัดทำ เพราะตั้งแต่พุทธกาลท่านถือปฏิบัติกันมาอย่างนี้เป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมี 2 มื้อก่อนยามวิกาลกันหรอกนะครับ
onion
อ้อ....ที่ถามว่าไม่กินยามวิกาลมานานแล้วนั้นเป็นศีล 8 ไม่ถือเป็นอุโบสถศีล
เพราะถ้าว่า อุโบสถแล้วก็คือความตั้งใจรักษาศีลในวันพระ 8 ค่ำ 14,15 ค่ำ จำเพาะเจาะจงลงไปให้เห็นชัดเท่านั้นเองครับ

ไม่กินหลังเที่ยงนั้นเป็นศีล 8 ที่น่าจะเป็นเจตนาวิรัติ มิใช่สมาทานวิรัติ ใครทำได้ก็อนุโมทนา แต่ก็ไม่ต่างจากท่านมหาจำลองนะครับ ตอนนี้เห็นว่าป่วยอยู่ ไม่รู้ว่ายังภาวนาสะดวกอยู่ไหมก็ไม่ทราบ
:b20: :b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.พ. 2016, 06:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
เอ้า! .....เงียบ! และตั้งใจฟังกันต่อไปนะ กบ เขียด เอก้อน
:b13:
อ้อวันนี้วันพระใหญ่มาฆะบูชา พากันไปวัด ไหว้พระ สมาทานอุโบสถศีล กินมื้อเดียว เพียรภาวนา ละอัตตา มานะและทิฏฐิ เจริญวิปัสสนาภาวนา ฆ่ากูให้ตายกันนะครับ
smiley tongue :b8:
:b44:


อุโบสถศีล...กินมื้อเดียว..รึคับ?..

ไม่ใช่..ไม่กินในยามวิกาล..รึคับ?
:b32:

ถ้าไม่กินในยามวิกาล...มานาน...นี้เป็นอุโบถศีลหรือศีลอะไรคับ?
:b13: :b13:


asoka เขียน:
:b12:
มาแล้วหรือ คุณกบ ตื่นเช้าเหมือนกันนะ
:b27:
เล่นกับคำว่ายามวิกาลใช่ไหม?

ดูให้ดี สมาทานอุโบสถศีล กินมื้อเดียว เขาเป็นคำพูดที่ต่อเนื่องกันอยู่ ซึ่งมีความหมายว่า

รักษาศีล 8 แล้วกินข้าวมื้อเดียว ก่อนยามวิกาล คือหลังเที่ยงวัน
มีอานิสงเยอะคือ ท้องเบา ภาวนาดี ไม่มีภาระมาก น่าฝึกหัดทำ เพราะตั้งแต่พุทธกาลท่านถือปฏิบัติกันมาอย่างนี้เป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมี 2 มื้อก่อนยามวิกาลกันหรอกนะครับ
onion


วันนี้ตื่นสาย..

กินมื้อเดียว..ก่อนยามวิกาล เป็นความเข้าใจของอโสกะครับ

แต่ในคำสมาทาน....บอกแค่..กินก่อนยามวิกาล..เท่านั้น...

http://www.jaisabuy.com/index.php?lay=s ... =538961839
อ้างคำพูด:
คำสมาทานศีล 8

มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ, อัฏฐะ สีลานิ ยาจามะ,

ข้าพเจ้าขอสมาทานศีล 8, ต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธรูป, ต่อคุณพระศรีรัตนตรัย, คือเจตนาเป็นเครื่องงดเว้น ณ โอกาสบัดนี้,

ทุติยัมปะ มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ, อัฏฐะ สีลานิ ยาจามะ,

แม้คร้งที่ 2 นี้, ข้าพเจ้าก็ขอสมาทานศีล 8, ต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธรูป, ต่อคุณพระศรีรัตนตรัย, คือเจตนาเป็นเครื่องงดเว้น ณ โอกาสบัดนี้,

ตะติยัมปิ มะยัง ภันเต ติสะระเณนะ สะหะ, อัฏฐะ สีลานิ ยาจามะ,

แม้ครั้งที่ 3 นี้, ข้าพเจ้าก็ขอสมาทานศีล 8, ต่อหน้าพระพักตร์พระพุทธรูป, ต่อคุณพระศรีรัตนตรัย, คือเจตนาเป็นเครื่องงดเว้น ณ โอกาสบัดนี้,

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ,

ข้าพเจ้าขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง,

ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ,

ข้าพเจ้าขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง,

สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ,

ข้าพเจ้าขอถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง,

ทุติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ,

แม้ครั้งที่ 2 นี้, ข้าพเจ้าก็ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง,

ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ,

แม้ครั้งที่ 2 นี้, ข้าพเจ้าก็ขอถึงพระธรรมเป็นที่พึ่ง,

ทุติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ,

แม้ครั้งที่ 2 นี้, ข้าพเจ้าก็ขอถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง,

ตะติยัมปิ พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ,

แม้ครั้งที่ 3 นี้, ข้าพเจ้าก็ขอถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง,

ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ,

แม้ครั้งที่ 3 นี้, ข้าพเจ้าก็ขอถึงพระธรรมเป็นที่พึง,

ตะติยัมปิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ,

แม้ครั้งที่ 3 นี้, ข้าพเจ้าก็ขอถึงพระสงฆ์เป็นที่พึ่ง,

1.) ปาณาติปาตา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,

ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท, คือเจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการฆ่าสัตว์, และทรมานให้สัตว์, ได้รับความทุกข์เดือดร้อน,

2.) อะทินนาทานา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,

ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท คือเจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการขโมย ฉ้อโกง เอาของผู้อื่นมาเป็นของตนโดยมิได้รับอนุญาต,

3.) อะพรัหมะจะริยา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,

ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท, คือเจตนาเป็นเครื่องงดเว้น จากการกระทำอันมิใช่พรหมจรรย์,

4.) มุสาวาทา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,

ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท, คือเจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการ

พูดคำเท็จ, ที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน,

พูดจายุยงส่อเสียด, ที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน,

พูดจาหยาบคายด่าทอ, ที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน,

พูดจาเพ้อเจ้อไร้สาระ, ที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน,

5.) สุราเมระยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี สิกขาปะทัง

สะมาทิยามิ,

ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท, คือเจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการดื่มสุราเมรัย, และเครื่องดองของเมา, อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท,

6.) วิกาละโภชนา เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,

ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท, คือเจตนาเป็นเครื่องงดเว้น จากการบริโภคอาหารในยามวิกาล
,


7.) นัจจะคีตะวาทิตะ, วิสูกะทัสสะนะ, มาลาคันธะ, วิเลปะนะ, ธาระณะ, มัณฑะนะ, วิภูสะนัฏฐานา, เวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ,

ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท, คือเจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการ ฟ้อนรำ, การขับร้องเพลง การดนตรี, การละเล่นทุกชนิดที่เป็นข้าศึกต่อกุศล, การตกแต่งตนด้วยพวงมาลา, ด้วยเครื่องกลิ่นหอม และเครื่องผัดทา,

8.) อุจจาสะยะนะ, มหาสะยะนา, เวระมะนี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ.

ข้าพเจ้าขอสมาทานสิกขาบท, คือเจตนาเป็นเครื่องงดเว้นจากการนั่งนอนบนที่นอนสูง และที่นอนใหญ่.


การสอดแทรก..ว่ากินมื้อเดียว...เป็นเรื่องส่วนตัวของผู้นั้น...แต่อย่างไปเหม่าแล้วเข้าใจผิดว่าเป็น...ศีลแปด..ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.พ. 2016, 06:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: วันนี้ตื่นสาย..

อ้างคำพูด:
กินมื้อเดียว..ก่อนยามวิกาล เป็นความเข้าใจของอโสกะครับ

แต่ในคำสมาทาน....บอกแค่..กินก่อนยามวิกาล..เท่านั้น...


s004
เป็นปณิธานของasoka ไม่เห็นมันผิดจากศีลข้อที่ 6 ตรงไหน?

กบจะมาหาแง่แต่เช้าก่อนไปวัดหรือครับ

สบายๆๆ อย่าอะไรมากมายเกินไปนะกบ ชีวิตจิตใจจะได้เป็นสุขทุกทิพาราตรีกาล
:b12: :b12: :b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.พ. 2016, 06:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12: วันนี้ตื่นสาย..

อ้างคำพูด:
กินมื้อเดียว..ก่อนยามวิกาล เป็นความเข้าใจของอโสกะครับ

แต่ในคำสมาทาน....บอกแค่..กินก่อนยามวิกาล..เท่านั้น...


s004
เป็นปณิธานของasoka ไม่เห็นมันผิดจากศีลข้อที่ 6 ตรงไหน?

กบจะมาหาแง่แต่เช้าก่อนไปวัดหรือครับ

สบายๆๆ อย่าอะไรมากมายเกินไปนะกบ ชีวิตจิตใจจะได้เป็นสุขทุกทิพาราตรีกาล
:b12: :b12: :b38:


ไม่ได้ขัด..ครับ...
และไม่ได้ว่า..กินมื้อเดียว..ผิดจากศีล 8 ..อะไร...ในคำสมาทานไม่ได้บอกว่ากินกี่ครั้งนะ..บอกแต่เพียงไม่กินยามวิกาล..เท่านั้น

เพียง..มาเตือนว่าอย่าเข้าใจผิดเท่านั้น...เพราะเห็นอโสกะมีความเห็นว่า..

asoka เขียน:

เล่นกับคำว่ายามวิกาลใช่ไหม?
[/color]
ดูให้ดี สมาทานอุโบสถศีล กินมื้อเดียว เขาเป็นคำพูดที่ต่อเนื่องกันอยู่ ซึ่งมีความหมายว่า

รักษาศีล 8 แล้วกินข้าวมื้อเดียว ก่อนยามวิกาล คือหลังเที่ยงวัน





:b20: :b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2016, 22:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
ก็แค่การเล่นคำของกบ

ผมไม่ได้เข้าใจผิดอะไรครับ
:b11:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 57, 58, 59, 60, 61

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 61 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร