วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 12:03  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 61  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2015, 15:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
แค่ศีล...Simple....Simple.....

จะผ่านมั้ยนี้... :b15:

:b12:
ถามตนเองใช่ไหม กบ?


:b13:
รู้น้อย อวดมากรู้ เริงใจ
กลกบเกิดอยู่ใน สระจ้อย
ไป่เห็นชเลไกล กลางสมุทร
ชมว่าน้ำบ่อน้อย มากล้ำ ลึกเหลือ
:b34:
ทางหนูๆไต่เต้น ตะลอนไป
ทางไก่ไก่ก็เดิน เพลินหนักหนา
ทางคนหากเลือกเฟ้น ด้วยปัญญา
ย่อมจะพาให้หลุดพ้น ด้วยตนเอง
:b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2015, 19:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
แค่ศีล...Simple....Simple.....

จะผ่านมั้ยนี้... :b15:

:b12:
ถามตนเองใช่ไหม กบ?




อิอิ.....ถามคนนี้..ต่างหาก
.................................................
asoka เขียน:
:b12:
"สูงสุด สู่สามัญ"

ศัพท์กำลังภายในประโยคนี้มีความหมายลึกซึ้งมากนะครับน้องไอเดีย

คนบางพวกปฏิบัติธรรมเพื่อให้เกิดความเป็นผู้วิเศษเหนือมนุษย์ แปลกกว่ามนุษย์ธรรมดา นั่นไม่ใช่ทาง

คนบางพวกปฏิบัติธรรมเพื่อให้กลับมาสู่ความเป็นมนุษย์ที่ธรรมด้า ธรรมดา ที่ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก นี่คือทางที่ควรดำเนินและเจริญก้าวหน้าไป
:b36:


กบนอกกะลา เขียน:

ว่าเขาไปโน้น..ว่าไม่ใช่ทาง....
:b5: :b5:

เขาไม่ได้ต้องการวิเศษเหนือมนุษย์...ไม่ได้ต้องการแปลกกว่ามนุษย์ธรรมดา..
มันก็แค่..ความอยากอย่างที่มนุษย์ธรรมดา..ธรรมดา..เป็นเท่านั้นเอง..อโศกะ

ตอน...ตั้งความปรารถณา...นี้นะอโสกะ...ทุกคนก็ตั้งตอนตนมีกิเลสอยู่ด้วยทั้งนั้น..แหละ
จะหมดกิเลสแบบเป็นพระพุทธเจ้าบ้าง...แบบปัจเจกพุทธเจ้าบ้างละ....รึจะเป็นอัครสาวกเลิศทางปัญญาบ้างละ..เลิศทางฤทธิ์บ้างละ..รึจะแบบหมดกิเลสง่ายๆแนวสุขวิปัสสโกบ้างละ....ฯลฯ....ก็ล้วนยังอยู่ใต้กิเลสนิดๆ..ทั้งนั้น

อย่าไปว่าเขา..ว่านั้นไม่ใช่ทาง..เพียงเพราะไม่ใช่ทางที่เราเลือก....นะอโสกะ

อ้างคำพูด:
คนบางพวกปฏิบัติธรรมเพื่อให้กลับมาสู่ความเป็นมนุษย์ที่ธรรมด้า ธรรมดา ที่ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก นี่คือทางที่ควรดำเนินและเจริญก้าวหน้าไป


ไอ้สำนวน...ว่าแบบตัวเองดี...นี้....มันโชว์กิเลสหร่า..เลย..นิ
:b32: :b32: :b32:

(ไม่รู้ว่า....จะรู้ตัวบ้างป่าวนะ...เพิ่มกำลังทางสมถะแนวสติปัฏฐาน4 บ้างก็ดีนะ...)


asoka เขียน:

:b12: :b12:
กบก็ยังเป็นกบตัวเก่า ที่ชอบเพ่งโทษผู้อื่นเหมือนเดิมอยู่นะ

ทางที่ไม่ต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก นั่นเป็นทางมาตรฐานที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบแล้วนำมาสอน ไม่ใช่ทางที่ผู้หนาด้วยกิเลสจะตั้งปารถนาและทำสำเร็จได้ด้วยตัวเอง
:b16:
"ไอ้สำนวน...ว่าแบบตัวเองดี...นี้....มันโชว์กิเลสหร่า..เลย..นิ"

คำนี้เหมาะสมกับกบดีอยู่แล้วอย่าเอามาผลักโยนให้ผู้อื่นเลย
grin
สมถะและวิปัสสนาภาวนาโดยภาคปฏิบัติจริงๆ กบทำเป็นดีแล้วหรือยังถึงได้มาแนะผู้อื่นให้ทำตาม

ที่พูดเป็นคำพูดสรุปจากความเข้าใจและประสบการณ์การปฏิบัติจริงของตนเองยังไม่เคยเห็นทำได้เลยเห็นก็มีแต่ลอกตำราคัมภีร์มาสอนแนะผู้อื่น

เป็นหนูก็จงพูดแต่เรื่องของหนู อย่าพยายามมาสอนราชสีห์ให้ใช้ชีวิตเหมือนหนูเลยนะมันจะเหนื่อเปล่าและขุ่นมัว

ตั้งใจเดินตามทางที่ตนเองเลือกให้ดี อย่าให้ไปกีดขวางทางจราจรของผู้อื่นก็แล้วกันนะ
เจริญสุข เจริญธรรม

onion


เอามาเรียงให้ดูเป็นลำดับ....เพื่อความชัดเจนว่า...อโสกะพูดอะไร.. :b32: :b32:


กบนอกกะลา เขียน:
อย่าไปว่าเขา..ว่านั้นไม่ใช่ทาง..เพียงเพราะไม่ใช่ทางที่เราเลือก....นะอโสกะ


ก็แค่เตือนอโสกะว่า...อย่าได้ไปว่าคนอื่น...ว่าพวกชอบฤทธิ์..ไม่ใช่ทาง
แค่นั้นเอง... :b13: :b13: :b13:

อุเหม่...อุเหม่....รีบเร่งเหยียดผู้อื่นด้วยคำพูดเรย..นะ :b3: :b3:

asoka เขียน:
ที่พูดเป็นคำพูดสรุปจากความเข้าใจและประสบการณ์การปฏิบัติจริงของตนเองยังไม่เคยเห็นทำได้เลยเห็นก็มีแต่ลอกตำราคัมภีร์มาสอนแนะผู้อื่น

เป็นหนูก็จงพูดแต่เรื่องของหนู อย่าพยายามมาสอนราชสีห์ให้ใช้ชีวิตเหมือนหนูเลยนะมันจะเหนื่อเปล่าและขุ่นมัว

:b32: :b32: :b32: :b32:

..........................................................


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2015, 15:09 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
มันไม่ใช่ทางก็บอกว่ามันไม่ใช่ทางเป็นการเตือนให้เกิดสติ สัมปชัญญะหาใช่การดูถูกดูแคลนผู้ใดไม่ ทุกคำพูดที่บอกให้กบก็เป็นเรื่องสติเตือนใจให้กลับมาเพ่งโทษตนแก้ไขตนเองนี่เป็นงานและหน้าที่ของกัลยาณมิตรอยู่แล้ว

การจะร่วมเดินทางกันไปในลานธรรมจักรแห่งนี้ ทุกคนก็ต่างได้ทำงานในตำแหน่งหน้าที่วิชาที่ตนถนัดแต่ทั้งหมดก็มุ่งชี้แนวทางประพฤติปฏิบัติดัดกายใจให้ไปบนทางสายกลางที่พระพุทธเจ้าทรงสอน ตามเทคนิควิธีการประสบการณ์จริงของใครของมันอันอาจไม่เหมือนกันเอามาแลกเปลี่ยนเสริมเติมสนทนาแบ่งปันกัน เพื่อจะได้เดินทางไปร่วมกันบนเส้นทางที่พระบรมครูทรงชี้แนะสู่จุดหมายเดียวกัน

ขอให้คุมพวงมาลัยของตนเองให้ดีอย่าให้รถของตนไปกินเลนช่องทางจราจรของผู้อื่นจนเกิดจราจรติดขัดกีดขวางทางสัญจรของใครๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2015, 15:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




IMG_20150611_50741.jpg
IMG_20150611_50741.jpg [ 39.53 KiB | เปิดดู 2890 ครั้ง ]
:b51:
โฉลกธรรม


แก้ไขล่าสุดโดย asoka เมื่อ 11 มิ.ย. 2015, 16:22, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2015, 16:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




IMG_20150611_54129.jpg
IMG_20150611_54129.jpg [ 28.44 KiB | เปิดดู 2891 ครั้ง ]
:b43:
แนวทางปฏิบัติธรรม
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2015, 22:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
มันไม่ใช่ทางก็บอกว่ามันไม่ใช่ทางเป็นการเตือนให้เกิดสติ สัมปชัญญะหาใช่การดูถูกดูแคลนผู้ใดไม่ ทุกคำพูดที่บอกให้กบก็เป็นเรื่องสติเตือนใจให้กลับมาเพ่งโทษตนแก้ไขตนเองนี่เป็นงานและหน้าที่ของกัลยาณมิตรอยู่แล้ว

การจะร่วมเดินทางกันไปในลานธรรมจักรแห่งนี้ ทุกคนก็ต่างได้ทำงานในตำแหน่งหน้าที่วิชาที่ตนถนัดแต่ทั้งหมดก็มุ่งชี้แนวทางประพฤติปฏิบัติดัดกายใจให้ไปบนทางสายกลางที่พระพุทธเจ้าทรงสอน ตามเทคนิควิธีการประสบการณ์จริงของใครของมันอันอาจไม่เหมือนกันเอามาแลกเปลี่ยนเสริมเติมสนทนาแบ่งปันกัน เพื่อจะได้เดินทางไปร่วมกันบนเส้นทางที่พระบรมครูทรงชี้แนะสู่จุดหมายเดียวกัน

ขอให้คุมพวงมาลัยของตนเองให้ดีอย่าให้รถของตนไปกินเลนช่องทางจราจรของผู้อื่นจนเกิดจราจรติดขัดกีดขวางทางสัญจรของใครๆ


กระผมก็กำลังเตือนสติของอโสกะ...ให้กลับมาเพ่งโทษตัวอโสกะเอง...อยู่

ดูดิ.....รีบเร่ง...พูดจาเหยียดกระผมเร็วจังเลย.... :b32:

asoka เขียน:
ที่พูดเป็นคำพูดสรุปจากความเข้าใจและประสบการณ์การปฏิบัติจริงของตนเองยังไม่เคยเห็นทำได้เลยเห็นก็มีแต่ลอกตำราคัมภีร์มาสอนแนะผู้อื่น

เป็นหนูก็จงพูดแต่เรื่องของหนู อย่าพยายามมาสอนราชสีห์ให้ใช้ชีวิตเหมือนหนูเลยนะมันจะเหนื่อเปล่าและขุ่นมัว

:b32: :b32: :b32: :b32:

รู้ด้วยว่ากระผมยังไม่เคยเห็นทำได้เลย..มีแต่ลอกตำรา...อิอิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2015, 06:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


หายไปเลย....ไม่เคยคิดย้อนมา

หายไปนาน..กับกาลเวลา

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มิ.ย. 2015, 10:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




IMG_20150611_27999.jpg
IMG_20150611_27999.jpg [ 28.11 KiB | เปิดดู 2866 ครั้ง ]
tongue
อารัมภบทกันมานานพอหอมปากหอมคอ ต่อไปเราคงจะได้เข้าสู่เนื้อหาของธรรมที่วิเคราะห์แล้วจะเกิดประโยชน์แก่การปฏิบัติธรรม

"หากยังหยุดยั้งความคิดไม่ได้ การใช้ชีวิตก็จะเป็นไปตามสัญญา"

"หากหยุดยั้งความคิดได้ ชีวิตก็จะดำเนินไปด้วยอำนาจแห่งปัญญา"

นี่เป็นโฉลกธรรมให้ทุกท่านลองคิดพิจารณา
:b38:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2015, 15:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




IMG_20150611_1584.jpg
IMG_20150611_1584.jpg [ 48.2 KiB | เปิดดู 2853 ครั้ง ]
s006
"หากยังหยุดยั้งความคิดไม่ได้ การใช้ชีวิตก็จะเป็นไปตามสัญญา"

ทำไมถึงกล่าวเช่นนี้?

สิ่งที่บันทึกไว้ในสมองของคนตั้งแต่เกิดมาจนถึงปัจจุบันเราเรียกว่าสัญญา ความจำหมาย

สัญญาเป็นทั้งคำแปลและคำสั่งเหมือน OS หรือระบบปฏิบัติการของคอมพิวเตอร์เช่นเป็น Windows IOS Linux Android หรือ Dos เปนภาษาของใครของมัน

อย่างคนไทยนี่ก็มี OS เป็นภาษาไทย ถ้าเรียนรู้หลายภาษา ก็มี OS หลายชนิดในคนๆเดียว

การโปรแกรมคำสั่งเข้าไปในสมองหรือสัญญาครั้งแรกนั้นสำคัญ ถ้าไม่มีการวางแผนการบันทึกข้อมูลให้ดีไม่มีศีลธรรม ระเบียบวินัยกำกับเครื่องยนต์ชีวิตเครื่องนั้นก็จะปฏิบัติตามคำสั่งตามใจฉัน คือตามใจกิเลสและสัญชาติญาณหรือสันดานที่ติดในจิตข้ามภพข้ามชาติมา

มีต่อครับ
:b38:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2015, 05:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


พูดคราว ว่า หยุดความคิด..ก็พอ OK

จริงๆ..ควรจะบอกว่า..ยั้บยั้งการปรุงแต่ง...หลังโดนแย๊บจากธรรมฝ่ายอวิชชาที่ส่งขึ้นมา

ธรรมฝ่านอวิชชาที่ผุดขึ้นมา...เป็นความคิดแรก...ซึ่งหยุดไม่ได้ด้วยสติ

แต่..สติ...หยุดความคิดที่สอง...ซึ่งจะปรุงแต่งความคิดแรก..ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2015, 19:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




IMG_20150611_27999.jpg
IMG_20150611_27999.jpg [ 28.11 KiB | เปิดดู 2833 ครั้ง ]
กบนอกกะลา เขียน:
พูดคราว ว่า หยุดความคิด..ก็พอ OK

จริงๆ..ควรจะบอกว่า..ยั้บยั้งการปรุงแต่ง...หลังโดนแย๊บจากธรรมฝ่ายอวิชชาที่ส่งขึ้นมา

ธรรมฝ่ายอวิชชาที่ผุดขึ้นมา...เป็นความคิดแรก...ซึ่งหยุดไม่ได้ด้วยสติ

แต่..สติ...หยุดความคิดที่สอง...ซึ่งจะปรุงแต่งความคิดแรก..ได้

:b12:
และแล้วก็ได้คุณกบนี่แหละเป็นคู่สนทนาที่ดีที่จะทำให้ธรรมแตกฉานละเอียดลึกลงไปอีก สาธุ
:b8:
หยุดความคิด หรือยับยั้งความปรุงแต่ง มีความหมาย ใช้ได้คล้ายๆกันแต่ความสละสลวยอาจจะต่างกัน

ในความว่าหยุดความคิดนึกได้นั้นมันมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนไว้อยู่

จิตเมื่อสงบถึงระดับฌาณที่ 2 ได้ คือหยุดวิตกวิจารณ์ได้ก็จะหยุดความคิด หรือวิจิกิจฉา อุธัจจะ กุกุจจะได้ จะเหลือแต่ปัญญา รู้สภาวะอยู่เฉยๆโดยไม่ปรุงแต่ง หากยินดียินร้ายอันเป็นธรรมารมณ์เกิดขึ้นในจิต จิตถูกอบรมมาให้วางความยินดียินร้ายตามเงื่อนไขสำคัญของสติปัฏฐาน 4 สติ ปัญญาก็จะทำงานวางยินดียินร้ายด้วยการนิ่งรู้นิ่งสังเกตสภาวะยินดียินร้ายนั้นอยู่เฉยๆจนมันดับไป การวางตามสมมุติที่ว่าเขาก็จักเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ ถ้าเคยทำได้สักครั้งหนึ่ง ครั้งต่อๆไปสติปัญญาจะเก็บคำสั่งอันนี้ลงชวนจิตไว้ ถือเป็นสัญญาชนิดหนึ่งแต่เป็นสัญญาไร้สมมุติ หรือบางท่านเรียก "ปรมัตถสัญญา" เมื่อเกิดยินดียินร้ายครั้งต่อๆไปสติปัญญาและจิตก็จะทำตามคำสั่งเดิมจนวางยินดียินร้ายได้ เรียกได้ว่า "เกิดการกระทำโดยอัตโนมัติ"
อันนี้ถือว่าเป็นสัญญาและปัญญาอันดีที่ได้รับการอบรมมาดีและถูกทาง
onion
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2015, 19:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
พูดคราว ว่า หยุดความคิด..ก็พอ OK

จริงๆ..ควรจะบอกว่า..ยั้บยั้งการปรุงแต่ง...หลังโดนแย๊บจากธรรมฝ่ายอวิชชาที่ส่งขึ้นมา

ธรรมฝ่านอวิชชาที่ผุดขึ้นมา...เป็นความคิดแรก...ซึ่งหยุดไม่ได้ด้วยสติ

แต่..สติ...หยุดความคิดที่สอง...ซึ่งจะปรุงแต่งความคิดแรก..ได้


ความเข้าใจของผมขณะนี้....คือ...ไอ้อาการที่มันผุดขึ้นมา...คิดแรก..(อาจจะไม่เรียกว่าคิดด้วยซ้ำ)...ผมว่าไอ้เจ้านี้แหละ...มิจฉาญาณ...มันอยู่ลึกในจิตใต้สำนึกหรืออาจลึกกว่านั้น

ตัวนี้...อาจอยู่ระดับขันธ์..รึไม่ก็..เหนือขันธ์อีกระดับหนึ่ง..รึอยู่ทั้งสอง

หน้าที่เรา..คือ...ฝั่งสัมมาญาณ...ลงไปเรื่อยๆ...เหมือนเพิ่มปริมาณน้ำดีเพื่อเจือจารให้น้ำเสียลดความเข็มข้นลง...

การฝั่งสัมมาญาณเรื่อย.ๆ...ก็เวลาที่ผัสสะอะไร..ก็ให้มีธรรมอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้น...การโยนิโสในธรรมนั้นก็ยิ่งเป็นการเพิ่มการฝั่งสัมมาญาณลงในจิตใต้สำนึก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2015, 20:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




IMG_20150611_5592.jpg
IMG_20150611_5592.jpg [ 27.7 KiB | เปิดดู 2828 ครั้ง ]
s006
อ้างคำพูด:
ความเข้าใจของผมขณะนี้....คือ...ไอ้อาการที่มันผุดขึ้นมา...คิดแรก..(อาจจะไม่เรียกว่าคิดด้วยซ้ำ)...ผมว่าไอ้เจ้านี้แหละ...มิจฉาญาณ...มันอยู่ลึกในจิตใต้สำนึกหรืออาจลึกกว่านั้น

:b12:
เป็นไปได้ที่ความคิดแรกอาจเป็น มิจฉา แต่ก็เป็นไปได้เช่นกันที่ความคิดแรกอาจจะเป็น สัมมา
s004
ประเด็นของเราชี้ที่คำว่า "หยุดคิดได้" ความที่ว่าจะหยุดคิดให้ได้นั้นเป็นสัมมา เพราะความคิดนึกฟุ้งซ่านลังเลสงสัยทั้งหลาย เป็นนิวรณ์ธรรมกั้นขวางสมาธิ มองตื้นๆตรงนี้ก่อนนะครับอย่าเพิ่งคิดลึกคิดซึ้งไปถึงสัมมามิจฉาญาณอะไรที่ผู้คนทั่วไปเข้าใจยาก และตัดสินไปไปตามใจเห็นของตนเองนะครับ
:b16:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2015, 07:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b40:
"หากหยุดยั้งความคิดได้ ชีวิตก็จะดำเนินไปด้วยอำนาจแห่งปัญญา"
:b44:
ทุกท่านคงเคยได้ยินได้อ่านสุภาษิตาวาจาจากครูบาอาจารย์ว่า

"หยุดคิด ถึงรู้ แต่จะรู้ก็ต้องคิด"

ตอนที่เราหยุดความคิดปรุงไปได้ชั่วคราวแล้วนั้น ผัสสะและเวทนาจะเป็นไปตามธรรมชาติไม่มีสัญญาหรืออัตโนมัติเก่าๆที่เคยใช้มาบิดเบนหรือบิดเบือนความจริงตามธรรมชาติ ปัญญาก็จะผุดขึ้นมาทำงานตามธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของปัญญา คือ สังเกตและรู้ หลังจากนั้นปัญญาที่ถูกต้องโดยสัญญาก็จะเกิดขึ้นมาสั่งการให้มีมโนกรรม วจีกรรมและกายกรรมที่เป็นไปโดยถูกต้องตามธรรม คือไม่เบียดเบียนทั้งตนเองและผู้อื่น ได้รับผลเป็น ปกติสุข

:b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2015, 13:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:



:b17: :b17: :b17:

เป็นการแสดง เขาทำทรายสีเป็นกอง ๆ ไว้บน โต๊ะที่เป็น โลหะ
และเขาก็ทำให้เกิด แรงสั่นสะเทือนของเสียงด้วยอุปกรณ์ต่าง ๆ

และแล้ว...เม็ดทรายบนโต๊ะ ก็แสดงอะไรบางอย่างออกมา


:b16: :b16: :b16:
ดูนี่แล้วนึกถึงเมื่อ15ปีก่อนเลยที่ท่าน อจ.โกเอ็นก้า บอกว่าจักรวาลทั้งจักรวาลมีแต่แรงสั่นสะเทือน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปๆ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 911 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 61  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 29 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร