ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

สติสัมปชัญญะ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=50068
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  รสมน [ 11 พ.ค. 2015, 19:14 ]
หัวข้อกระทู้:  สติสัมปชัญญะ

พระอาจารย์เพียร วิริโย
วัดป่าหนองกอง
ต.บ้านค้อ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี

ถ้าภาวนามันก็ดูเข้ามาหากายหาใจของตัวเองจึงจะถูก
พิจารณาอสุภะอสุภังให้มันเบื่อหน่าย คลายกำหนัด
ในความเกิด ความตายของตัวเอง ให้มันรู้มันเห็น


เห็นก็ให้เห็นในตัวของเรา ไม่ได้เห็นที่อื่นนะ
เห็นในอาการ ๓๒ ของเรามันจึงถูก
ดูน้ำเลือด น้ำหนอง เสลด น้ำลาย น้ำขี้ น้ำเยี่ยว
ไส้ใหญ่ ไส้น้อย ตับ ไต ม้าม เอ็น กระดูก
ถ้าดูแต่ลมเฉยๆก็ไม่เห็นอะไร มันก็ไม่เบื่อ



" เราเผลอไปนาทีหนึ่ง ก็เป็นบ้าไปนาทีหนึ่ง
เราไม่มีสติสองนาที เราก็เป็นบ้าสองนาที
ถ้าไม่มีสติครึ่งวัน เราก็เป็นบ้าอยู่ครึ่งวัน เป็นอย่างนี้ สตินี้คือความระลึกได้
เมื่อเราจะพูดจะทำอะไร ต้องรู้ตัว เราทำอยู่ เราก็รู้ตัวอยู่
ระลึกได้อยู่อย่างนี้ คล้ายๆ กับเราขายของอยู่ในบ้านเรา
เราก็ดูแลของของเราอยู่ คนจะเข้ามาซื้อของหรือจะมาขโมยของของเรา
ถ้าเราสะกดรอยมันอยู่เสมอ เราก็รู้เรื่องว่า คนคนนี้มันมาทำไม
เราจับอาวุธของเราไว้อยู่อย่างนี้ คือเรามองเห็น
พอเราขโมยมันเห็นเรา มันก็ไม่กล้าจะทำเรา
อารมณ์ก็เหมือนกัน ถ้ามีสติรู้อยู่ มันจะทำอะไรเราไม่ได้
อารมณ์มันจะทำให้เราดีใจอยู่อย่างนี้ ตลอดไปไม่ได้
มันไม่แน่นอนหรอก เดี๋ยวมันก็หายไป จะไปยึดมั่นถือมั่นทำไม
อันนี้ฉันไม่ชอบ อันนี้ก็ไม่แน่นอนหรอก
ถ้าอย่างนี้ อารมณ์นั้น มันก็เป็นโมฆะเท่านั้น
เราสอนตัวของเราอยู่
เรามีสติอย่างนี้ เราก็รักษาอย่างนี้เรื่อยๆ ไป
ทำเรื่อยๆ ไป ตอนกลางวัน ตอนกลางคืน
ตอนไหนๆ ก็ตาม เมื่อเรายังมีสติอยู่ เมื่อนั้นแหละเราได้ภาวนาอยู่ "


พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)
วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี


ลักษณะของ ผู้มีสติและ สัมปชัญญะ
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ภิกษุเป็นผู้มีสติเป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้ตามเห็นกาย
ในกายอยู่เป็นประจำ มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ
มีสติ กำจัดอภิชฌา และ โทมนัส ในโลกออกเสียได้;
เป็นผู้ตามเห็นเวทนาใน เวทนา ทั้งหลายอยู่เป็น
ประจำ....;
เป็นผู้ตามเห็นจิตใน จิตอยู่เป็นประจำ ....;
เป็นผู้ตามเห็นธรรม ในธรรมทั้งหลาย อยู่เป็นประจำ
มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและ
โทมนัสในโลก ออกเสียได้.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! อย่างนี้แล เรียกว่า ภิกษุเป็นผู้มีสติ.
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ภิกษุ เป็นผู้มีสัมปชัญญะ เป็น
อย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้รู้ตัวรอบคอบ
ในการก้าวไป ข้างหน้า การถอยกลับ ไปข้างหลัง, การแลดู
การเหลียวดู, การคู้ การเหยียด, การทรงสังฆาฏิ บาตร จีวร,
การฉัน การดื่ม การเคี้ยว การลิ้ม, การถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ,
การไป การหยุด, การนั่ง การนอน, การหลับ การตื่น, การพูด
การนิ่ง,
ภิกษุ ทั้งหลาย. ! อย่างนี้แล เรียกว่า ภิกษุเป็นผู้มี
สัมปชัญญะ.
สฬา. สํ. ๑๘/๒๖๐/๓๗๔-๓๘๑


"รูปนี้เมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว ก็จะต้องแตกทำลายไป ตกอยู่ในไตรลักษณ์ คือ อนิจจา คือ ความเป็นของไม่เที่ยง มีความแปรปรวน และฉิบหายไป เรามาพิจารณาดูที่ตัว ของเรานี้เอง เมื่อพิจารณาดูที่ตัวของเราได้อย่างนี้ นั่นเรียกว่าการปฏิบัติธรรม"

โอวาทธรรม หลวงปู่จันทร์ศรี จนฺททีโป



เจตนาเป็นตัวกุศลแท้จริง
เจตนาที่เราคิดว่าจะทำความดีในครั้งแรกนั้น
เป็น "ตัวกุศลที่แท้จริง" คือ ความดีในขั้นแรก
เปรียบเหมือนกับเราตั้งใจปลูกต้นไม้ไว้ต้นหนึ่ง
ต่อมาเมื่อเราบำเพ็ญทาน
ก็เปรียบเหมือนเราหาปุ๋ยไปใส่ไว้ที่โคนต้นไม้นั้น
รักษาศีล ก็เท่ากับเราคอยระวัง
เก็บตัวบุ้งตัวหนอนที่มันจะมาคอยกัดกินดอกกินใบ
และทำอันตรายแก่ต้นไม้นั้น
ส่วนภาวนา ก็เท่ากับเราไปตักน้ำเย็นๆ
ที่ใสสะอาดมารดที่โคนต้น
ไม่ช้า ต้นไม้ของเรานั้นก็ต้องงอกงามเจริญขึ้นทุกทีๆ
จนเกิดดอก ออกผลให้เรา
ได้กินอิ่มหนำสำราญสมความตั้งใจ
ถ้าเป็นไม้ดอกมันก็จะมีสีสดงดงาม กลีบใหญ่มีกลิ่นหอมชื่นใจ
ถ้าเป็นไม้ผล ลูกของมันก็จะต้องดก มีพันธุ์ใหญ่และรสหวาน
เหตุนั้น ทาน ศีล และภาวนา
จึงเป็นการส่งเสริมเพิ่มพูนบุญเก่าด้วยประการฉะนี้


ท่านพ่อลี ธัมมธโร




สัมมาสัมโพธิ เป็นชื่อของการเห็นแจ้งชัดว่าไม่มีธรรมใดเลยที่ไม่เป็นโมฆะ ถ้าเราเข้าใจความจริงข้อนี้แล้ว ของหลอกลวงทั้งหลายจะมีประโยชน์อะไรแก่เรา

ปรัชญา คือการรู้แจ้ง ความรู้แจ้ง คือจิตต้นกำเนิดดั้งเดิม ซึ่งปราศจากรูป ถ้าเราสามารถทำความเข้าใจได้ว่า ผู้กระทำและสิ่งที่ถูกกระทำ คือจิตและวัตถุเป็นสิ่งๆ เดียวกัน นั่นแหละ จะนำเราไปสู่ความเข้าใจอันลึกซึ้ง และลึกลับเหนือคำพูดและโดยความเข้าใจอันนี้เอง พวกเราจะได้ลืมตาต่อสัจธรรมที่แท้จริงด้วยตัวเราเอง


สัจธรรมที่แท้จริงของเรานั้น ไม่ได้หายไปจากเรา แม้ในขณะที่เรากำลังหลงผิดอยู่ด้วยอวิชชา และไม่ได้รับกลับมา ในขณะที่เรามีการตรัสรู้ มันเป็นธรรมชาติแห่งภูตัตถตา ในธรรมชาตินี้ไม่มีทั้งอวิชชา ไม่มีทั้งสัมมาทิฐิ มันเต็มอยู่ในความว่าง เป็นเนื้อหาอันแท้จริงของจิตหนึ่งนั้น เมื่อเป็นดังนั้นแล้ว อารมณ์ต่างๆ ที่จิตของเราได้สร้างขึ้น ทั้งฝ่ายนามธรรมและฝ่ายรูปธรรม จะเป็นสิ่งซึ่งอยู่ภายนอกความว่างนั้นได้อย่างไร

โดยหลักมูลฐานแล้ว ความว่างนั้นเป็นสิ่งซึ่งปราศจากมิติต่างๆ แห่งการกินเนื้อที่ คือปราศจากกิเลส ปราศจากกรรม ปราศจากอวิชชา และปราศจากสัมมาทิฏฐิ พวกเราต้องทำความเข้าใจอย่างกระจ่างแจ้งว่า โดยแท้จริงแล้ว ไม่มีอะไรเลย ไม่มีมนุษย์สามัญ ไม่มีพุทธทั้งหลาย เพราะว่าในความว่างนั้น ไม่มีอะไรบรรจุอยู่แม้เท่าเส้นขนที่เล็กที่สุด อันเป็นสิ่งซึ่งสามารถจะมองเห็นได้โดยทางมิติ หรือกฎแห่งการกินเนื้อที่เลย มันไม่ต้องอาศัยอะไร และไม่ติดเนื่องอยู่กับสิ่งใด มันเป็นความงามที่ไร้ตำหนิ เป็นสิ่งซึ่งอยู่ได้ด้วยตัวมันเอง และเป็นสิ่งสูงสุดที่ไม่มีอะไรสร้างขึ้น มันเป็นเพชรพลอยที่อยู่เหนือการตีค่าทั้งปวงเสียจริงๆ เราต้อง แยกรูปถอด ด้วยวิชชามรรคจิต เหตุต้องละ ผลต้องละ ใช้หนี้ก็หมด พ้นเหตุเกิด

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
จิตคือพทธะ




"คนมีบุญวาสนา"
คนที่มีบุญวาสนา จะกตัญญูกับพ่อแม่ คนเถียงพ่อเถียงแม่เอาดีไม่ได้..คนไม่พูดกับพ่อแม่ นั่งกรรมฐานร้อยปี ก็ไม่ได้อะไร? ถ้าไม่ขออโหสิกรรม ฯขออโหสิกรรม ที่คิดไม่ดีกับพ่อแม่ คิดไม่ดีกับครูบาอาจารย์ คิดไม่ดีกับพี่ๆ น้องๆ จะไม่เอาอีกแล้ว เอาน้ำไปขันหนึ่ง เอาดอกมะลิโรย กายกัมมัง วจีกัมมัง มโนกัมมัง โยโทโส อันว่าโทษทัณฑ์ใด ความผิดอันใด ที่ข้าพเจ้าพลั้งเผลอสติไป ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ทั้งต่อหน้าและลับหลัง ขอให้คุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย คุณพี่คุณน้อง อโหสิกรรมให้ด้วย แล้วเอาน้ำรดมือรดเท้า ฯ

หลวงพ่อจรัญ ฐิติธัมโม




พระอาจารย์เพียร วิริโย
วัดป่าหนองกอง
ต.บ้านค้อ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี

นั่งภาวนาดูใจของเรา
ดูรูป รส กลิ่น เสียง ว่าเกิดจาก "ใจ" หมด
ความโลภ ความโกรธ ความหลงก็เกิดกับ "ใจ"
ใจเป็นผู้พาปรุงพาแต่ง ให้สุข ให้ทุกข์
คิดดี คิดไม่ดี ก็เป็นเพราะใจ
จึงให้พากันแก้ที่ใจ



พระอาจารย์เพียร วิริโย
วัดป่าหนองกอง
ต.บ้านค้อ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี

เศรษฐีก็ตาย คนจนก็ตาย..เห็นไหม?
มีใครเอาอะไรไปได้บ้างล่ะ
ทำไว้หมดทุกอย่างก็เอาไปไม่ได้
เอาไปได้มีแต่ "บุญ" ของตัวเองเท่านั้น
นั่นล่ะเศรษฐีก็เหมือนกัน คนจนก็เหมือนกัน..
"ตายหมด" นั่นล่ะไม่เหลือสักคน
คนทุกข์คนยากก็ตายเหมือนกัน ไม่ได้เว้นใคร


ไม่มีใครฝืนธรรมะของพระพุทธเจ้าไปได้
ใช่จริงๆ..คำพูดของท่านที่พูดไว้..
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"

แก่แล้วให้พิจารณาความแก่ความตาย
ว่าเรามันแก่แล้ว มันใกล้ตายแล้ว
มันไม่เลือกหรอกว่าหนุ่มว่าแก่
..ตายหมด..

กวาดใบไม้อยู่ก็ให้พิจารณานะ อย่ากวาดเฉยๆ
ให้พิจารณาไปด้วยว่า ใบร่วง ใบแก่
มันก็ตายแล้ว เราเองก็เหมือนกัน
ไม่นานหรอกก็ตายเหมือนกัน
ไม่รู้หรอกว่า จะตายวันไหน
ให้น้อมเข้ามาหาตัวเรา
ให้มันเห็น "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"




# เทศนาธรรม หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล #

" ให้พากันละบาปและบำเพ็ญบุญ อย่าให้เสียชีวิตลมหายใจไปเปล่า ที่ได้มีวาสนามาเกิดเป็นมนุษย์ " และ " เราเกิดเป็นมนุษย์ มีความสูงศักดิ์มาก แต่อย่านำเรื่องของสัตว์มาประพฤติ มนุษย์ของเราจะต่ำลงกว่าสัตว์ และจะเลวกว่าสัตว์อีกมาก เวลาตกนรก จะตกหลุมที่ร้อนกว่าสัตว์มากมาย อย่าพากันทำ "

เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ



ขอเชิญร่วมบุญเททองหล่อพระประธานทรงเครื่องจักรพรรดิ์ หน้าตัก 49 นิ้ว
ณ วัดเกาะโพธาวาส ต.ท่าบุญมี อ.เกาะจันทร์ จ.ชลบุรี
วันที่ 28 มิย 2558 เวลา 16.39 น. เททองหล่อพระ




วัดภาวนาภิรตาราม เขตบางกอกน้อย มีพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปปางนาคปรกเนื้อสำริด 19 องค์ หน้าตัก 9 นิ้ว เป็นปฐมฤกษ์ ก่อนหล่อพระพุทธรูปปางนาคปรก หน้าตัก 61 นิ้วที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในโครงการหล่อพระพุทธรูปเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่จะจัดขึ้นที่ท้องสนามหลวงในวันวิสาขบูชา 29 พฤษภาคม ก่อนอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ ศูนย์ส่งเสริมพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยในสังฆราชูปถัมภ์ อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี



ขอเชิญทุกท่านร่วมสร้างพระสีวลี องค์ใหญ่สูง 7 เมตร
หล่อวันที่ 31 พ.ค. 58
ณ สำนักสงฆ์วัดป่าบ้านข้าวสาร ต.ข้าวสาร อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/