วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 06:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2015, 08:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss Kiss Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2015, 08:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
ทำยังงี้ครับ

ให้ผู้รู้อยู่เหนือ "กู" ผู้รู้เป็นอิสระทันที เมื่อถึงตอนใกล้จบ ผู้รู้เขาก็จากไปเองตามธรรม
:b38:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2015, 11:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12:
ทำยังงี้ครับ

ให้ผู้รู้อยู่เหนือ "กู" ผู้รู้เป็นอิสระทันที เมื่อถึงตอนใกล้จบ ผู้รู้เขาก็จากไปเองตามธรรม
:b38:


ไม่เข้าใจเลยครับ สงสัยปัญญายังไม่พอ cry


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2015, 11:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:
คงต้องให้เจ้าของวาทะกรรม..มาเฉลยเอง...ละคับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2015, 11:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ทำไง ถึงปล่อย ผู้รู้ ให้เป็นอิสระได้

:b1:

เอกอนเข้าใจว่า

ผู้รู้ ต้องได้มีการเข้าไปพิจารณาถึงกระบวนการการเกิด การรู้ที่ปรากฎ อยู่เนื่อง ๆ
จน ผู้รู้ เห็นแจ้งในกระบวนการนั้นว่าเป็นกระบวนการที่อิงอาศัยสิ่งใดบ้างจึงปรากฎ การรู้
1. สิ่งที่รู้
2. สิ่งที่ถูกรู้
3. กระบวนการเข้าไปรู้

:b1:

การเข้าใจ เห็นเหตุอันอิงอาศัยกันปรากฎอยู่เนือง ๆ
ความยึดมั่นถือมันก็จะไม่ไปตั้งอยู่ในอะไรอย่างเจาะจง...ง่ะ

ก็จะเห็น สิ่งที่ปรากฎ รู้ เป็นเพียงกระบวนการ
เป็นเพียงกิริยาที่เป็นไป เมื่อองค์ประกอบทั้ง 3 มีอยู่ เท่านั้น

:b16: :b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2015, 15:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


s005 s005 ไอเดียก็เพิ่งเคยได้ยินเหมือนกันค่ะ...แต่เคยคิด...คิดนะคะ...แต่ก็คิดอีกว่าคงบ้าไปเอง

และก็คิดอีกว่า
:b46: :b46: บางทีแม้มีใครมาบอกตอนนี้...ก็คงไม่เข้าใจชัด
น่าจะต้องปล่อยให้จิตเป็นผู้รู้ให้ได้จริงๆตลอดเวลา...ถึงจะเข้าใจได้...ว่า...ติด...และ...ปล่อยอิสระ...เป็นยังไง

:b46: :b46: ถ้าทำได้แล้ว...เป็นอยู่อย่างนั้น...แล้วปล่อยไม่ได้...
ก็ค่อยหาถามผู้เป็นอิสระแล้วน่าจะเข้าใจง่ายกว่า :b9: :b9:
**อีกอย่างน่าจะเกี่ยวกับการเกิดขึ้นของแต่ละคนด้วย.......... :b1: อันนี้แค่....คิดนะ :b9: :b9:

แต่ถ้าเป็นคำตอบ...ตามสมมุติของไอเดียนะ
:b46: ทำจนให้เห็น...ทางสายกลางค่ะ
จะเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติทั้งปวง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 เม.ย. 2015, 17:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
ทำยังงี้ครับ

ให้ผู้รู้อยู่เหนือ "กู" ผู้รู้เป็นอิสระทันที เมื่อถึงตอนใกล้จบ ผู้รู้เขาก็จากไปเองตามธรรม
:b38:


ไม่เข้าใจเลยครับ สงสัยปัญญายังไม่พอ cry

:b12:
ผู้รู้ หรือจิตรู้ นี้มีอยู่ในใจมนุษย์ทุกคน เขาทำหน้าที่ รู้อารมณ์อยู่แล้วตามธรรมชาติ ทำงานเป็นอิสระอยู่แล้วโดยธรรมชาติ
แต่เมื่อมีอุปาทาน ความเห็นผิดเป็นกูเป็นเราเกิดขึ้นมาครอบครองจิต การทำงานของผู้รู้จะบิดเบนไปตามคำสั่งของ กู หรือบาลีเรียกอัตตาหรือสักกายทิฏฐิตัวอย่างเช่น

การกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก โดยให้บริกรรมคำว่าพุทโธๆตามลมหายใจเข้าออก ลมหายใจจะเข้าออกอย่างไม่ค่อยจะเป็นธรรมชาติ ผู้รู้จะรู้ตามการหายใจที่ไม่เป็นธรรมชาติ

อัตตาหรือ กู มาเกี่ยวตรงไหน?
เกี่ยวตรงที่คำว่ากำหนด ใครกำหนด? อัตตาหรือ กูนั่นแหละกำหนด ผู้รู้จึงขาดอิสระ

ถ้าเปลี่ยนเป็นการ นิ่งรู้ นิ่งสังเกต หรือเฝ้ารู้เฝ้าสังเกต ผู้รู้ไม่ถูกสั่งบังคับโดยตรงแต่เป็นการที่สติปัญญาไปสั่งการที่ตัวสติ ปัญญา ให้เฝ้าดูเฝ้าสังเกตผู้รู้ที่เกิดขึ้นมารู้สภาวะตามหน้าที่ของเขา

อธิบายเท่านี้พอจะเข้าใจไหมครับ

ถ้าจะให้เข้าใจได้ดีผู้ถามต้องลองปฏิบัติจริงดูตามคำพูดที่ยกมาทั้งสองตัวอย่างแล้วจะเข้าใจการทำงานของผู้รู้ที่เป็นอิสระได้จริงๆครับ ละเอียดอ่อนพอสมควรต้องพิสูจน์ก่อนวินิจฉัยตัดสินใจนะครับ
:b36:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2015, 00:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 มี.ค. 2015, 02:51
โพสต์: 9

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ก็ทำให้ผู้รู้ถูกรู้สิ

ก็ผ่านขั้นตอน รู้ ผู้รู้ (เข้าอรูป เป็นขันธ์เดี่ยว จะเห็นชัดดี )

แล้วก็ ดับมัน (ขั้นวิปัสนา) wink wink wink onion onion onion onion

ก็จะกลายเป็นผู้รู้แจ้ง ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน :b8: :b8: :b8: :b8:


ถ้าณาน 4 ยังไม่ได้ ก็อย่าหวังจะได้เห็น ผู้รู้ :b29: :b29: :b29:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2015, 02:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำถาม ยอดฮิต มีทุกปี
เรื่องปล่อย ผู้รู้

ได้ คุณ ของผู้รู้เต็มประโยชน์ของ ผู้รู้แล้วยัง
ถ้ายังไม่ได้ ก็อย่าคิดปล่อยเลย

จะบอกให้

ทำให้ผู้รู้เต็มประโยชน์ ให้ถึงที่สุดให้ได้ก่อนนะ
แล้วถ้าถามว่า ทำยังไง
ก็เจริญ โพชฌงค์ 7 ให้บริบูรณ์ แล้วหรือยัง

ถึงเวลานั้น ผู้รู้ ก็เป็นอิสระเอง

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2015, 07:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
เปลี่ยนชื่อใหม่ เขียน:
asoka เขียน:
:b12:
ทำยังงี้ครับ

ให้ผู้รู้อยู่เหนือ "กู" ผู้รู้เป็นอิสระทันที เมื่อถึงตอนใกล้จบ ผู้รู้เขาก็จากไปเองตามธรรม
:b38:


ไม่เข้าใจเลยครับ สงสัยปัญญายังไม่พอ cry

:b12:
ผู้รู้ หรือจิตรู้ นี้มีอยู่ในใจมนุษย์ทุกคน เขาทำหน้าที่ รู้อารมณ์อยู่แล้วตามธรรมชาติ ทำงานเป็นอิสระอยู่แล้วโดยธรรมชาติ
แต่เมื่อมีอุปาทาน ความเห็นผิดเป็นกูเป็นเราเกิดขึ้นมาครอบครองจิต การทำงานของผู้รู้จะบิดเบนไปตามคำสั่งของ กู หรือบาลีเรียกอัตตาหรือสักกายทิฏฐิตัวอย่างเช่น

การกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออก โดยให้บริกรรมคำว่าพุทโธๆตามลมหายใจเข้าออก ลมหายใจจะเข้าออกอย่างไม่ค่อยจะเป็นธรรมชาติ ผู้รู้จะรู้ตามการหายใจที่ไม่เป็นธรรมชาติ

อัตตาหรือ กู มาเกี่ยวตรงไหน?
เกี่ยวตรงที่คำว่ากำหนด ใครกำหนด? อัตตาหรือ กูนั่นแหละกำหนด ผู้รู้จึงขาดอิสระ

ถ้าเปลี่ยนเป็นการ นิ่งรู้ นิ่งสังเกต หรือเฝ้ารู้เฝ้าสังเกต ผู้รู้ไม่ถูกสั่งบังคับโดยตรงแต่เป็นการที่สติปัญญาไปสั่งการที่ตัวสติ ปัญญา ให้เฝ้าดูเฝ้าสังเกตผู้รู้ที่เกิดขึ้นมารู้สภาวะตามหน้าที่ของเขา

อธิบายเท่านี้พอจะเข้าใจไหมครับ

ถ้าจะให้เข้าใจได้ดีผู้ถามต้องลองปฏิบัติจริงดูตามคำพูดที่ยกมาทั้งสองตัวอย่างแล้วจะเข้าใจการทำงานของผู้รู้ที่เป็นอิสระได้จริงๆครับ ละเอียดอ่อนพอสมควรต้องพิสูจน์ก่อนวินิจฉัยตัดสินใจนะครับ
:b36:


อนุโมทนาครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2015, 09:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว




IMG_2015040332674.jpg
IMG_2015040332674.jpg [ 34.32 KiB | เปิดดู 2509 ครั้ง ]
:b36:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2015, 14:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b36:

Kiss :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2015, 18:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


สติระลึกตรงสภาวะตัวรู้หรือวิญญานก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นดับไปกับสิ่งที่ถูกรู้ อุปทานในการยึดว่าตัวรู้หรือวิญญานว่าเป็นตัวเราจะค่อยๆหมดลง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 13 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 45 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร