วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 16:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2015, 11:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 10:41
โพสต์: 114

แนวปฏิบัติ: ลัทธินิยมความจริง
สิ่งที่ชื่นชอบ: เฒ่าทะเล
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 4,500 ล้านปี สิ่งมีชีวิตถือกำเนิดขึ้นเมื่อประมาณ 3,000 ล้านปี สิ่งมีชีวิตหลายร้อยหลายพันล้านชนิดพลัดกันเกิดขึ้นและสูญพันธ์ไปในระยะเวลาอันยาวนาน

มนุษย์เพิ่งวิวัฒนาการมาจากลิงเมื่อประมาณ 4 ล้านปี (กอลิล่ามี DNA ต่างจากต่างจากมนุษย์ 1.5% ซิมแปนซีต่างเพียง 0.5 % ) สามารถเดินตัวตรงเมื่อประมาณ 2 ล้านปี มีรูปร่างครบสมบูรณ์เหมือนมนุษย์ในปัจจุบันเมื่อราวๆ 200,000 ปี มาอยู่ร่วมกันเป็นสังคมเมืองเมื่อประมาณ 10,000 ปี วิทยาศาสตร์เจริญแบบก้าวกระโดดเมื่อประมาณ 200 กว่าปี แต่มนุษย์สามารถทำลายสิ่งแวดล้อมของโลกมากกว่า 50% ของที่เคยมีอยู่มาอย่างยาวนานภายในเวลาเพียง 50 กว่าปีที่ผ่านมา

มนุษย์ต่างจากสัตว์เพียงนิดเดียว สัตว์ต่อสู้กันเพื่อแย่งอาหารและที่อยู่อาศัย แต่ทว่ามนุษย์ต่อสู้กันเพื่อศักดิ์ศรีและอำนาจ (ในอดีตอาณาจักรเปอร์เซียต้องการแผ่อำนาจกับประเทศเล็กอย่าง สปาร์ตัา โดยให้ขนดินและน้ำมาเป็นเครื่องบรรณาการ แต่ด้วยศักดิ์ศรี สปาร์ต้าเลือกที่จะรบกับเปอร์เซีย หรือ จักรพรรดิเวียตนามต้องการแผ่อำนาจมายังลาว จึงขอขนหางช้างเผือกจากลาว กษัตริย์ลาวกลัวจะเสียศักดิ์ศรีจึงเกณฑ์ไพร่พลรบกับเวียตนาม ฯลฯ)

ดวงดาวที่มีสิ่งมีชีวิตในจักรวาลมากมายหลายล้านๆดวงจะมีสักกี่ดวงที่มีสิ่งมีชีวิตที่มหัศจรรย์เท่ามนุษย์?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2015, 19:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มีเพียบ....เลยครับ

เก่งๆกว่าเรา...ก็เยอะ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2015, 23:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เอาฝัน...ไปอ่านเล่น...ซะ

อ้างคำพูด:
อาตมาเพียงแต่ฝันไปในตอนตี ๔ คืนวันหนึ่ง ฟังให้ดี ๆ นะ
อาตมาฝันไป คือ ได้ฝันไปว่า ...

........................
อ้อ...ก่อนที่จะได้ขึ้นไปที่พระเจดีย์จุฬามณีนั้น มีอยู่คืนหนึ่งขณะที่อาตมาสอนกรรมฐาน
ให้ศรัทธาญาติโยมอยู่นั้น มีใครคนหนึ่งได้ถามว่า มนุษย์ต่างดาวมีจริงรึ จานผีหรือจานบิน
มีจริงหรือเป็นเพียงภาพลวงตาในท้องฟ้า? ทีนี้เมื่ออาตมาขึ้นไปกราบพระพุทธเจ้า
ที่พระเจดีย์จุฬามณี พระพุทธองค์ได้ถามดักใจอาตมาว่า สงสัยเรื่องจานบินรึ?

อาตมาได้กราบทูลตอบไปว่า สงสัยมากแต่ไม่กล้ากราบทูลถาม ด้วยเกรงจะเป็นเรื่อง
เหลวไหลพระพุทธองค์ได้บอกว่า เรื่องอย่างนี้เป็นความรู้ถามได้ ไม่ใช่เรื่องเหลวไหล
จานผีหรือจานบินที่ชาวโลกเราได้เห็นกันนั้น มาจากดวงดาว ๒ แห่ง แห่งหนึ่งเป็นดาวเล็ก ๆ
อยู่ดาวพระศุกร์ไปทางซ้ายเล็กน้อย ดาวดวงนี้มีชื่อเรียกว่า จามรทวีป
โครจรอยู่ในจักรวาลเดียวกับโลกเรา

จานบินที่มาจากดวงดาวจามรทวีป เป็นจานบินไม่ใหญ่โตอะไรมีขนาดสูงประมาณ ๔ เมตร
มีสีเขียว ๆ ใช้เวลาบินจากดวงดาวจามรทวีปมายังโลกเรา ๘ ชั่วโมง ก็ถึงแล้ว
ระยะทางเป็นแสน ๆ โยชน์ นักวิทยาศาสตร์ทางด้านดาราศาสตร์หรืออวกาศยังไม่รู้จัก
ดาวดวงนี้ อาจจะมองข้ามไปเพราะนึกว่าเป็นเพียงดาวเล็ก ๆ ไม่มีความสำคัญอะไร
แต่ความจริงมีความสำคัญมาก ผู้คนพลเมืองของดาวดวงนี้มีความเจริญก้าวหน้า
ทางวิทยาการมากมาย

พระพุทธองค์ทรงมีพระเมตตาพาอาตมาไปที่ดวงดาวจามรทวีป
เมื่อไปถึงก็แปลงร่างเป็นชาวบ้านจามรทวีปธรรมดา ไม่ให้พวกเขาสงสัยว่า
เป็นพระมาจากโลกอื่น เมื่อแปลงร่างเป็นคนธรรมดาแล้วก็พากันนั่งอยู่ใกล้ ๆ
ประตูใหญ่ทางเข้าออกเมืองจามรทวีป น่าสังเกตว่า ตามพื้นดินที่นั่นมีเพชรมีแก้วมณีสีต่าง ๆ
งามแพรวพราวอยู่กลาดเกลื่อนเต็มไปหมด เป็นของไม่มีค่าอะไรสำหรับชาวจามรทวีป
จะมีบ้างที่เอาเพชรนิลจินดาเหล่านั้นไปประดับตามโต๊ะเก้าอี้หรือไม่ก็พวกเด็ก ๆ
เอาขว้างปากันเล่นเป็นที่สนุกสนาน

ขณะที่พากันนั่งอยู่เงียบ ๆ ที่ข้างประตู เข้ามหานครนั้น พระพุทธเจ้าได้บอกว่า
ประเดี๋ยวจะมีผู้หญิงเดินออกมาจากในเมือง ต่อมาก็มีผู้หญิงเดินออกมาจริง ๆ
แต่ละคนรูปร่างหน้าตาเหมือนชาวมนุษยโลกเราดี ๆ นี่เอง
แต่ผู้หญิงชาวดวงดาวจามรทวีปสวยมาก ผิวขาวผ่องใส เนื้อเต็มแน่น
ไม่เห็นปุ่มข้อกระดูก คือข้อศอกก็ดี ข้อมือก็ดี หัวเข่าก็ดี
ตาตุ่มข้อเท้าก็ดี จะกลมกลึงไปหมด มองไม่เห็นมีปุ่มนูนของกระดูกเลย
คล้ายไม่มีกระดูกอย่างนั้นแหละ แต่ความจริงน่าจะมีโครงกระดูกจึงจะทรงร่างอยู่ได้
เพียงแต่กระดูกไม่ปรากฏให้เห็นเท่านั้น

เครื่องแต่งตัวของผู้หญิงชาวดวงดาวจามรทวีปออกจะแปลกตา
เพราะพวกเธอนุ่งกางเกงรัดเหนือเข่า เสื้อแขนสั้นรัดแขนสีเขียว ๆ มีลายทางดิ่งลง
พวกเธอมองเห็นพวกเราก็ยิ้ม ๆ แต่ไม่พูดอะไรสักคำ นิสัยใจคอของชาวจามรทวีป
ทั้งหญิงและชาย มีพรหมวิหาร ๔ สูงมาก เป็นพลเมืองที่ดำรงตนอยู่ในศีลธรรม
ไม่มีอาวุธร้ายสำหรับประหัตประหารกัน มีวิทยาการก้าวหน้าทันสมัยเหนือกว่าโลกมนุษย์เรา
หลายร้อยหลายพันเท่านักวิทยาศาสตร์ของเขาสามารถขับขี่จานบินไปได้ทั่วสากลจักรวาล

การที่ชาวดวงดาวจามรทวีปขับขี่จานบินมาเที่ยวโลกเราอยู่บ่อย ๆ
ก็เพราะโลกเราเป็นเส้นทางผ่านไปของพวกเขา หมายความว่าพวกเขาชอบท่องเที่ยวมาก
อยากเที่ยวไปทุกแห่งในจักรวาล จานบินของพวกเขาชอบแวะไปแถวสหรัฐอเมริกาและทวียุโรป
อยู่บ่อย ๆ ก็เพราะเห็นว่า มีการปล่อยดาวเทียมปล่อยจรวดอะไรต่ออะไรอยู่เรื่อย
จึงคิดจะติดต่อด้วย

การที่พวกเราร่อนจานบินลงจอดในโลกแล้วจับเอาคนไปนั้น
เป็นการจับเอาตัวไปเข้าเครื่องตรวจสอบอารมณ์จิต
และส่วนประกอบของร่างกายอวัยวะต่าง ๆ เมื่อตรวจสอบแล้วก็รู้ว่า
ชาวโลกมนุษย์นี้จริตอารมณ์มีตัณหาความโลภอยู่มากเหลือเกิน
โลภมูลจิตในขันธสันดานของชาวโลกนี้เอง ทำให้ชาวโลกไม่ก้าวหน้าทางพลังจิต
เหมือนพวกเขาซึ่งเป็นมนุษย์ต่างดาว เนื่องจากตัณหาโลภมูลจิตใจของพวกเขามีน้อย
ทำให้มีพลังจิตสูง สามารถใช้พลังจิตติดต่อกันได้ไกล ๆ ในระหว่างดวงดาวต่าง ๆ
โดยไม่จำเป็ฯต้องใช้วิทยุเลย

ดาวอีกดวง คือ ดาวพระศุกร์ นั้น บางแห่งร้อนจัดมาก สามารถหลอมละลายแท่งเหล็กใหญ่ ๆ
ได้ในพริบตา นักวิทยาศาสตร์ชาวโลกเราบอกว่า ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ อยู่บนโลกพระศุกร์เลย
เพราะร้อนมาก แต่ความจริงมีบางแห่งมีผู้คนอาศัยอยู่อย่างเจริญก้าวหน้าทางวิทยาการพอ ๆ
กับผู้คนในดวงดาวจามรทวีป บนดาวพระศุกร์มีภูเขาหัวโล้นอยู่แห่งหนึ่งกว้างใหญ่มากเป็นแดนที่ร้อนจัด
แต่ถัดไปอีกแห่งหนึ่งกลับเป็นเขตแดนหนาวมากมีหิมะเต็มไปหมด
ไม่มีคนอยู่อาศัยจะมีก็แต่สัตว์ขนยาวชนิดหนึ่งอาศัยอยู่
ถัดมาเป็นแดนอบอุ่นมีต้นไม้หนาแน่นมีสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากหลายชนิด

ส่วนทางด้านทิศที่ดวงอาทิตย์ขึ้นนั้น เยื้องไปทางซ้ายไม่มากชาวดาวพระศุกร์ เรียกว่า แดนสูตู
เป็นแดนที่เจริญรุ่งเรืองในทุกด้าน ผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่น ผู้คนชาวดาวพระศุกร์ในแคว้นนี้
มีผิวคล้ำรูปงามคมสัน จานบินของพวกเขาสูงประมาณ ๑๐ เมตร มีสีเหลือง
ใช้เวลาเดินทางมายังโลกเรา ๑๗ ชั่วโมงก็ถึงแล้ว

บันทึกช่วยจำ ของ... พระอาจารย์สิทธา เชตวัน...

http://www.nippanang.org/forum.php?mod= ... ad&tid=193
แค่ sample sample...ก็คงพอ

:b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2015, 01:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 เม.ย. 2010, 10:41
โพสต์: 114

แนวปฏิบัติ: ลัทธินิยมความจริง
สิ่งที่ชื่นชอบ: เฒ่าทะเล
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุญาตไม่อ่านความฝันนะครับ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่มนุษย์ดาว อย่างน้อยก็ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านเรื่องไร้สาระ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2015, 07:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:

....จะได้ไม่หยิ่ง...หลงว่า..เราเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดในจักรวาล...งัยละ
รู้..เพื่อ..ละ

rolleyes


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2015, 02:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


มนุษย์ไม่ใช่เป็นสิ่งมหัศจรรย์อะไรเลย

ตั้งแต่ร่างกายก็ไม่สามารถควบคุมให้ตั้งอยู่ได้
ไม่สามารถควบคุมไม่ให้เจ็บป่วยได้
แม้กระทั่งความตายก็ห้ามไม่ได้

มนุษย์นั้นบ้าอำนาจ แต่กับขี้เกียจเมื่อพูดเรื่องความเพียร
มนุษย์นั้นบ้าพลัง แต่กับขี้เกียจเมื่อต้องรักษาสติ
มนุษย์นั้นบ้าวิทยาศาสตร์ แต่กับขี้เกียจเมื่อต้องเพ่งอวัยวะที่เป็นส่วนประกอบว่าไม่งาม ไม่น่าดู ไม่น่าชื่นชม ตามความเป็นจริงในตัวเอง

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2015, 06:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
มนุษย์ไม่ใช่เป็นสิ่งมหัศจรรย์อะไรเลย

ตั้งแต่ร่างกายก็ไม่สามารถควบคุมให้ตั้งอยู่ได้
ไม่สามารถควบคุมไม่ให้เจ็บป่วยได้
แม้กระทั่งความตายก็ห้ามไม่ได้

.....


:b17: :b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2015, 07:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


จริงๆว่าจะไม่สนใจกระทู้ไร้สาระแล้ว..แต่บังเอิญเป็นคนตาดี :b32: คุนแกงไตแนวทางการปฏิบัติแก..ลัทธินิยมความจริง
(แอบเห็นซ้ายมือ555 :b32: )เลยต้องมาช่วยชี้แนะแนวทางให้ ลัทธินิยมความจริงได้ตาสว่างขึ้นไปอีก.. :b13:

คุนน้องไม่ถือสาหรอกถ้าจะยกยอปอปั้น เผ่าผันธ์ตนเองว่ายิ่งใหญ่มหัศจรรย์กว่าจักรวาล :b29:
แต่คุนแกงไตมีเวลาเหลืออีกเท่าไหร่?? ที่จะภาคภูมิใจในความเป็นมนุษย์...เพราะเมื่อถึงเวลาคุนแกงไตใกล้ตาย..ความภาคภูมิใจในความเป็นมนุษย์ของคุนก็ไร้คุนค่า..และที่สำคัญไปกว่านั้น..ก็ไม่รู้ว่าคุณแกงไตจะได้กลับมาภาคภูมิใจในความเป็นมนุษย์อีกรึเปล่า.(ลัทธินิยมความจริงเนียะเชื่อเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดไปตามกรรมของสัตว์ป่ะ.??.)
พระคุนน้องดันไม่ใช่พระพุทธเจ้าที่จะมีญาณรู้ว่าสัตว์ตายจากภพนี้ เคลื่อนไปสู่ภพไหน..กลัวว่าคุนแกงไตจะได้ไปเกิดเป็นเต่าทะเล(เห็นบอกว่าชื่นชอบเฒ่าทะเล :b32: ก็มีแต่เต่าอ่ะค่ะที่อายุยืนเป็นเฒ่าทะเล :b14: ) ที่อยู่ในมหาสมุทแล้วภูมิอกภูมิใจว่าตน คือสิ่งมีชีวิตที่มหัศจรรย์ที่สุดในมหาสมุทร..โดยที่นานๆที..จะโผล่ขึ้นมาเห็งแสงอาทิตย์.. :b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2015, 07:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
student เขียน:
มนุษย์ไม่ใช่เป็นสิ่งมหัศจรรย์อะไรเลย

ตั้งแต่ร่างกายก็ไม่สามารถควบคุมให้ตั้งอยู่ได้
ไม่สามารถควบคุมไม่ให้เจ็บป่วยได้
แม้กระทั่งความตายก็ห้ามไม่ได้

.....


:b17: :b17: :b17:


เห็นจะไม่จริงมั้ง

มนุษย์นี้สามารถทำให้ ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ได้นะ
ก็ทำตามที่พระพุทธเจ้าสอน....ดังที่หลายท่านก็ประสบความสำเร็จมาแล้ว

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2015, 11:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ลุง...ที่ไม่เกิด..ไม่ตาย...ไม่ใช่มนุษย์..ลุง
:b9: :b9:
มนุษย์..สัตว์..เทวดา..พรหม...ฯลฯ...เป็นภาวะ..ภว...ภพ...มีอยู่ก็ไม่มีอยู่จริง...ต้องเคลื่อนไป...เป็นอนิจจัง..ทุกขัง...อนัตตา...

s002


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2015, 13:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ลุง...ที่ไม่เกิด..ไม่ตาย...ไม่ใช่มนุษย์..ลุง
:b9: :b9:
มนุษย์..สัตว์..เทวดา..พรหม...ฯลฯ...เป็นภาวะ..ภว...ภพ...มีอยู่ก็ไม่มีอยู่จริง...ต้องเคลื่อนไป...เป็นอนิจจัง..ทุกขัง...อนัตตา...

s002


ผู้ปฏิบัติจนสำร็จเป็นอรหันต์ไม่ใชมนุษย์หรือ?

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2015, 14:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ลุง...ที่ไม่เกิด..ไม่ตาย...ไม่ใช่มนุษย์..ลุง
:b9: :b9:
มนุษย์..สัตว์..เทวดา..พรหม...ฯลฯ...เป็นภาวะ..ภว...ภพ...มีอยู่ก็ไม่มีอยู่จริง...ต้องเคลื่อนไป...เป็นอนิจจัง..ทุกขัง...อนัตตา...

s002


ผู้ปฏิบัติจนสำร็จเป็นอรหันต์ไม่ใชมนุษย์หรือ?


เป็นคำถามที่ยังข้องเกี่ยวกับอัตตาอยู่ครับ ความเป็นมนุษย์เป็นเสมือนเหตุปัจจัย แต่เมื่อทำผลให้สำเร็จลงไม่ได้ก็ต้องมีเหตุให้โคจรอยู่ดี

เมื่อทำผลให้ลุล่วง ย่อมดับเหตุคือความมีเหตุหรือความเกิดแก่เจ็บตายอย่างที่ว่า

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2015, 23:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
มนุษย์ไม่ใช่เป็นสิ่งมหัศจรรย์อะไรเลย

ตั้งแต่ร่างกายก็ไม่สามารถควบคุมให้ตั้งอยู่ได้
ไม่สามารถควบคุมไม่ให้เจ็บป่วยได้
แม้กระทั่งความตายก็ห้ามไม่ได้

.....


ลุงหมาน เขียน:
เห็นจะไม่จริงมั้ง

มนุษย์นี้สามารถทำให้ ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ได้นะ
ก็ทำตามที่พระพุทธเจ้าสอน....ดังที่หลายท่านก็ประสบความสำเร็จมาแล้ว


กบนอกกะลา เขียน:
ลุง...ที่ไม่เกิด..ไม่ตาย...ไม่ใช่มนุษย์..ลุง
:b9: :b9:
มนุษย์..สัตว์..เทวดา..พรหม...ฯลฯ...เป็นภาวะ..ภว...ภพ...มีอยู่ก็ไม่มีอยู่จริง...ต้องเคลื่อนไป...เป็นอนิจจัง..ทุกขัง...อนัตตา...
s002


ลุงหมาน เขียน:

ผู้ปฏิบัติจนสำร็จเป็นอรหันต์ไม่ใชมนุษย์หรือ?


(รู้อะคับว่า...หมายถึงอะไร...มองแง่ไหน
แต่ก็อยากใช้อีกแง่..ถือว่าเป็นการเล่นคำ...ให้สนุกๆกับแง่มุมต่างๆเหมือนการโต้วาที..ละกันนะคับ
)

หากยังไม่ตาย..ก็อยู่ในภาวะมนุษย์อยู่...
แต่ความเป็นมนุษย์...ไม่มีส่วนไหนที่เป็นอรหันต์
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2015, 23:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔
มหาวรรค ภาค ๑


ทรงแสดงอนัตตลักขณสูตร


[๒๐] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งกะพระปัญจวัคคีย์ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปเป็น
อนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้ารูปนี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว รูปนี้ไม่พึงเป็นเพื่ออาพาธ และบุคคล
พึงได้ในรูปว่า รูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย. ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย ก็เพราะรูปเป็นอนัตตา ฉะนั้นรูปจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในรูปว่า
รูปของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด รูปของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
เวทนาเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าเวทนานี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว เวทนานี้ไม่พึง
เป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในเวทนาว่า เวทนาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด เวทนาของ
เราจงอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะเวทนาเป็นอนัตตา ฉะนั้น เวทนาจึง
เป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในเวทนาว่า เวทนาของเรา จงเป็นอย่างนั้นเถิด เวทนา
ของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
สัญญาเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าสัญญานี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว สัญญานี้ไม่พึง
เป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในสัญญาว่า สัญญาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด สัญญาของเรา
อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะสัญญาเป็นอนัตตา ฉะนั้น สัญญาจึงเป็นไป
เพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในสัญญาว่า สัญญาของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด สัญญาของเรา
อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
สังขารทั้งหลายเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าสังขารเหล่านี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว
สังขารเหล่านี้ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในสังขารทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลายของ
เราจงเป็นอย่างนี้เถิด สังขารทั้งหลายของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะ
สังขารทั้งหลายเป็นอนัตตา ฉะนั้น สังขารทั้งหลายจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้
ในสังขารทั้งหลายว่า สังขารทั้งหลายของเรา จงเป็นอย่างนี้เถิด สังขารทั้งหลายของเราอย่าได้
เป็นอย่างนั้นเลย.
วิญญาณเป็นอนัตตา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าวิญญาณนี้จักได้เป็นอัตตาแล้ว วิญญาณนี้
ไม่พึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลพึงได้ในวิญญาณว่า วิญญาณของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด
วิญญาณของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะวิญญาณเป็นอนัตตา ฉะนั้น
วิญญาณจึงเป็นไปเพื่ออาพาธ และบุคคลย่อมไม่ได้ในวิญญาณว่า วิญญาณของเราจงเป็นอย่างนี้เถิด
วิญญาณของเราอย่าได้เป็นอย่างนั้นเลย.
ตรัสถามความเห็นของพระปัญจวัคคีย์
[๒๑] พระผู้มีพระภาคตรัสถามว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
พระปัญจวัคคีย์ทูลว่า ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่ง
นั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา?
ป. ข้อนั้น ไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. เวทนาเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
ป. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่ง
นั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา?
ป. ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. สัญญาเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
ป. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่งนั้น
ว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา?
ป. ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. สังขารทั้งหลายเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
ป. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่ง
นั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา?
ป. ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. วิญญาณเที่ยงหรือไม่เที่ยง?
ป. ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?
ป. เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือจะตามเห็นสิ่ง
นั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตนของเรา?
ป. ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v ... =479&Z=575
:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2015, 01:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
student เขียน:
มนุษย์ไม่ใช่เป็นสิ่งมหัศจรรย์อะไรเลย

ตั้งแต่ร่างกายก็ไม่สามารถควบคุมให้ตั้งอยู่ได้
ไม่สามารถควบคุมไม่ให้เจ็บป่วยได้
แม้กระทั่งความตายก็ห้ามไม่ได้

.....


ลุงหมาน เขียน:
เห็นจะไม่จริงมั้ง

มนุษย์นี้สามารถทำให้ ไม่เกิด ไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย ได้นะ
ก็ทำตามที่พระพุทธเจ้าสอน....ดังที่หลายท่านก็ประสบความสำเร็จมาแล้ว


กบนอกกะลา เขียน:
ลุง...ที่ไม่เกิด..ไม่ตาย...ไม่ใช่มนุษย์..ลุง
:b9: :b9:
มนุษย์..สัตว์..เทวดา..พรหม...ฯลฯ...เป็นภาวะ..ภว...ภพ...มีอยู่ก็ไม่มีอยู่จริง...ต้องเคลื่อนไป...เป็นอนิจจัง..ทุกขัง...อนัตตา...
s002


ลุงหมาน เขียน:

ผู้ปฏิบัติจนสำร็จเป็นอรหันต์ไม่ใชมนุษย์หรือ?


(รู้อะคับว่า...หมายถึงอะไร...มองแง่ไหน
แต่ก็อยากใช้อีกแง่..ถือว่าเป็นการเล่นคำ...ให้สนุกๆกับแง่มุมต่างๆเหมือนการโต้วาที..ละกันนะคับ
)

หากยังไม่ตาย..ก็อยู่ในภาวะมนุษย์อยู่...
แต่ความเป็นมนุษย์...ไม่มีส่วนไหนที่เป็นอรหันต์
:b13:

:b12:
แล้วเอาส่วนไหนที่มาเรียกเป็น "มนุษย์" หรือครับ คุณกบ
:b13:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 15 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 58 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร