วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 00:30  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 130 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2015, 14:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




Screenshot_2015-01-14-18-59-16.png
Screenshot_2015-01-14-18-59-16.png [ 219.23 KiB | เปิดดู 3011 ครั้ง ]
เฝ้าติดตามอ่านอยู่

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ม.ค. 2015, 19:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2015, 20:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


s004
แฉลบไปแฉลบมา ไม่เข้าใจปัจจุบันอารมณ์เสียทีนะกบ

จากตัวอย่างง่ายของการเห็นรูปของตา การได้ยินเสียงของหู
รูปใด เสียงใดเป็น ปัจจุบัน อดีต อนาคตก็บอกแล้ว น่าจะรู้และเข้าใจได้ถ้าพิสูจน์ด้วยการปฏิบัติจริงด้วยตนเอง

หลักตัดสินอนาคต อดีต ปัจจุบัน นั้นมีง่ายๆว่า

สิ่งใดกำลังรู้อยู่ในจิต เป็นปัจจุบันอารมณ์

สิ่งใดที่จิตรู้จนจบแล้วเป็น อดีต

สิ่งใดที่ยังไม่มาปรากฏให้จิตรู้ เป็นอนาคต

การเจริญวิปัสสนาภาวนาต้องเจริญสติให้รู้ทัน ปัญญาให้รู้และสังเกตอยู่ที่ปัจจุบันอารมณ์ จึงจะได้เห็นความจริงของธรรม คือ ทุกขัง ทนตั้งอยู่ไม่ได้ อนิจจัง เปลี่ยนแปลง อนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ซึ้งกับใจเจ้าของโดยไม่ต้องนึกคิด

อย่าตั้งคำถามมาชวนไปในเรื่องอื่นเลยนะกบ เอาลงตรงเรื่องปัจจุบันอารมณ์ไห้ได้นะกบ
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2015, 21:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
หลักตัดสินอนาคต อดีต ปัจจุบัน นั้นมีง่ายๆว่า

สิ่งใดกำลังรู้อยู่ในจิต เป็นปัจจุบันอารมณ์

สิ่งใดที่จิตรู้จนจบแล้วเป็น อดีต

สิ่งใดที่ยังไม่มาปรากฏให้จิตรู้ เป็นอนาคต


:b32: :b32: :b32:
หลังๆมา...อโสกะตัดคำว่า..อารมณ์..ออกจาก...อดีตอารมณ์...อนาคตอารมณ์...ไปแล้ว

คงไหว่ตัวทัน...แล้วซินะ :b32: :b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 16 ม.ค. 2015, 21:33, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2015, 21:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


จำได้..ว่าใครหน่า..เคยพูดทำนองว่า...พิจารณาตกอดีตบ้าง..ไปอนาคตบ้าง...ไม่อยู่กับปัจจุบัน..เลยไม่ใช่วิปัสสนา...

มาวันนี้...มีอดีตอารมณ์...มีอนาคตอารมณ์...มีแต่ปัจจุบันอารมณ์เท่านั้นจึงเป็นวิปัสสนา

asoka เขียน:
ดิ้นใหญ่เลย
:b13:
อดีตอารมณ์คือปัจจุบันอารมณ์ที่ดับไปแล้ว แต่คนไปพยายามค้นกลับมา

อนาคตอารมณ์ คืออารมณ์ที่ยังไม่เกิด แต่คนพยายามจะปรุงแต่งขึ้นมา
:b11:
........

คำว่า "ปัจจุบันอารมณ์" เป็นการสมมุติชื่อให้กับสภาวธรรมเพื่อให้ผู้ปฏิบัติ ฟังง่าย รู้และเข้าใจง่ายที่จะนำไปปฏิบัติจริงมิใช่บัญญัติด้วยความอยากเด่นอยากดังอะไรอย่างที่กบในกะลาเข้าใจผิด

กบเอยจงอย่าดิ้นแถไปให้มากกว่านี้เลยเดี๋ยวจะติดเบ็ด โดนเบ็ดเกี่ยวติดแขวนอยู่ในวังวน
:b16:

ไม่ได้สงสัยเรื่องปัจจุบันอารมณ์...หรอกนะ
แต่...สงสัย...อดีตอารมณ์...อนาคตอารมณ์...ของอโสกะนะ...ว่ามันเป็นยังงัย...กลัวปฏิบัติไป...ทำไป..ทำไป...กลับไม่ได้วิปัสสนาซะนี้...เพราะตกอดีตอารมณ์..อนาคตอารมณ์..อะไรนั้นของอโสกะ

อยากรู้...คนที่ปฏิบัติแบบไหน...อาการไหน..จึงหลงตกอยู่ในอดีตอารมณ์บ้าง...อนาคตอารมณ์บ้าง

ก็เลย...อยากได้ความรู้..อดีตอารมณ์...อนาคตอารมณ์..ของอโสกะ...
หากไม่มีอดีตอารมณ์..อนาคตอารมณ์..แล้ว...ก็แล้วไป... :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2015, 08:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
หลักตัดสินอนาคต อดีต ปัจจุบัน นั้นมีง่ายๆว่า

สิ่งใดกำลังรู้อยู่ในจิต เป็นปัจจุบันอารมณ์

สิ่งใดที่จิตรู้จนจบแล้วเป็น อดีต

สิ่งใดที่ยังไม่มาปรากฏให้จิตรู้ เป็นอนาคต


:b32: :b32: :b32:
หลังๆมา...อโสกะตัดคำว่า..อารมณ์..ออกจาก...อดีตอารมณ์...อนาคตอารมณ์...ไปแล้ว

คงไหว่ตัวทัน...แล้วซินะ :b32: :b32: :b32:

:b20: :b12:
กบเข้าใจไปเอง

อารมณ์ คือเครื่องช่วยระบุหรือชี้ชัดว่าสิ่งใดกำลังครองจิตรือกำลังรู้อยู่ที่จิตณปัจจุบันขณะนั้น

สมมุติบัญญัตินี้ จำเป็นมากสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ถึงแม้จะไม่จำเป็นสำหรับนักทฤษฎีทั้งหลาย

เพราะภาวนามยปัญญาต้องเกิดที่"ปัจจุบันอารมณ์"

คำว่า "อดีต"เฉยๆนั้นกินความกว้างมากไม่เจาะจงชัดเจน เพราะอดีตนับตั้งแต่วินาทีที่อารมณ์นั้นหลุดไปจากการรับรู้ของจิตไปจนถึงวินาทีนาทีชั่วโมงวันเดือนปี ชาติเอนกอนันตชาติ เป็นอดีตหมด

อนาคตก็เช่นกัน

"อดีตอารมณ์" นั้นทำให้รู้ชัดว่า อดีตตอนไหน เช่นความเจ็บที่เกิดขึ้นเมื่อบ่ายสามโมงวานนี้ เป็นต้น

การขุดถอนเหตุทุกข์ต้องขุดที่ปัจจุบันอารมณ์ ผู้ปฏิบัติจึงต้องเข้าใจและเห็นความสำคัญของอดีตอารมณ์ อนาคตอารมณ์และปัจจุบันอารมณ์ให้ถูกต้องและแม่นยำที่สุด

"ความเพียรอันหยาบย่อมไม่สามารถขุดถอนเหตุทุกข์ที่ละเอียดอ่อนได้"
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2015, 08:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
จำได้..ว่าใครหน่า..เคยพูดทำนองว่า...พิจารณาตกอดีตบ้าง..ไปอนาคตบ้าง...ไม่อยู่กับปัจจุบัน..เลยไม่ใช่วิปัสสนา...

มาวันนี้...มีอดีตอารมณ์...มีอนาคตอารมณ์...มีแต่ปัจจุบันอารมณ์เท่านั้นจึงเป็นวิปัสสนา

asoka เขียน:
ดิ้นใหญ่เลย
:b13:
อดีตอารมณ์คือปัจจุบันอารมณ์ที่ดับไปแล้ว แต่คนไปพยายามค้นกลับมา

อนาคตอารมณ์ คืออารมณ์ที่ยังไม่เกิด แต่คนพยายามจะปรุงแต่งขึ้นมา
:b11:
........

คำว่า "ปัจจุบันอารมณ์" เป็นการสมมุติชื่อให้กับสภาวธรรมเพื่อให้ผู้ปฏิบัติ ฟังง่าย รู้และเข้าใจง่ายที่จะนำไปปฏิบัติจริงมิใช่บัญญัติด้วยความอยากเด่นอยากดังอะไรอย่างที่กบในกะลาเข้าใจผิด

กบเอยจงอย่าดิ้นแถไปให้มากกว่านี้เลยเดี๋ยวจะติดเบ็ด โดนเบ็ดเกี่ยวติดแขวนอยู่ในวังวน
:b16:

ไม่ได้สงสัยเรื่องปัจจุบันอารมณ์...หรอกนะ
แต่...สงสัย...อดีตอารมณ์...อนาคตอารมณ์...ของอโสกะนะ...ว่ามันเป็นยังงัย...กลัวปฏิบัติไป...ทำไป..ทำไป...กลับไม่ได้วิปัสสนาซะนี้...เพราะตกอดีตอารมณ์..อนาคตอารมณ์..อะไรนั้นของอโสกะ

อยากรู้...คนที่ปฏิบัติแบบไหน...อาการไหน..จึงหลงตกอยู่ในอดีตอารมณ์บ้าง...อนาคตอารมณ์บ้าง

ก็เลย...อยากได้ความรู้..อดีตอารมณ์...อนาคตอารมณ์..ของอโสกะ...
หากไม่มีอดีตอารมณ์..อนาคตอารมณ์..แล้ว...ก็แล้วไป... :b32: :b32: :b32:

:b20:
คนที่ปฏิบัติไปโดยใช้แต่ความคิดนึกเหตุผลไม่ปล่อยให้สภาวธรรมเป็นไปเองตามธรรมชาตินั่นแหละไปวิเคราะห์ดูให้ดีๆเขาผู้นั้นไม่ยึดอดีตก็ติดอนาคต

ส่วนผู้ที่นิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารม์อยู่อย่างนักสังเกตการณ์ที่ดีโดยไร้ปฏิกิริยาใดๆไปแทรกแซงธรรมชาติที่กำลังเป็นไป(ตถตา)นั่นแหละจึงจะได้รู้จริงโดยภาวนามยปัญญา และได้ชื่อว่าเป็น"นักวิปัสสนา" ที่ดีและถูกต้อง
onion
ดีแล้วและขออนุโมทนากับความหมดอคติกับ"ปัจจุบันอารมณ์" ต่อจากนี้ไปจะได้พบกับความก้าวรุดหน้าอย่างรวดเร็วในการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาสาธุ
:b10: :b27: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2015, 10:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


:b32: :b32:
กบนอกกะลา เขียน:
ไม่ได้สงสัยเรื่องปัจจุบันอารมณ์...หรอกนะ
แต่...สงสัย...อดีตอารมณ์...อนาคตอารมณ์...ของอโสกะนะ...ว่ามันเป็นยังงัย...กลัวปฏิบัติไป...ทำไป..ทำไป...กลับไม่ได้วิปัสสนาซะนี้...เพราะตกอดีตอารมณ์..อนาคตอารมณ์..อะไรนั้นของอโสกะ

อยากรู้...คนที่ปฏิบัติแบบไหน...อาการไหน..จึงหลงตกอยู่ในอดีตอารมณ์บ้าง...อนาคตอารมณ์บ้าง

ก็เลย...อยากได้ความรู้..อดีตอารมณ์...อนาคตอารมณ์..ของอโสกะ...
หากไม่มีอดีตอารมณ์..อนาคตอารมณ์..แล้ว...ก็แล้วไป... :b32: :b32: :b32:

asoka เขียน:
:b20:
คนที่ปฏิบัติไปโดยใช้แต่ความคิดนึกเหตุผลไม่ปล่อยให้สภาวธรรมเป็นไปเองตามธรรมชาตินั่นแหละไปวิเคราะห์ดูให้ดีๆเขาผู้นั้นไม่ยึดอดีตก็ติดอนาคต


ตรงนี้..หมายถึง...เราไม่ควรอ่านตำรับตำราแล้วนำมาพินิจพิจารณาใช่มั้ยครับ..??
เดียวตกอดีต...เลยไปอนาคคต...ใช่ปะ..อโสกะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2015, 12:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b32: :b32:
กบนอกกะลา เขียน:
ไม่ได้สงสัยเรื่องปัจจุบันอารมณ์...หรอกนะ
แต่...สงสัย...อดีตอารมณ์...อนาคตอารมณ์...ของอโสกะนะ...ว่ามันเป็นยังงัย...กลัวปฏิบัติไป...ทำไป..ทำไป...กลับไม่ได้วิปัสสนาซะนี้...เพราะตกอดีตอารมณ์..อนาคตอารมณ์..อะไรนั้นของอโสกะ

อยากรู้...คนที่ปฏิบัติแบบไหน...อาการไหน..จึงหลงตกอยู่ในอดีตอารมณ์บ้าง...อนาคตอารมณ์บ้าง

ก็เลย...อยากได้ความรู้..อดีตอารมณ์...อนาคตอารมณ์..ของอโสกะ...
หากไม่มีอดีตอารมณ์..อนาคตอารมณ์..แล้ว...ก็แล้วไป... :b32: :b32: :b32:

asoka เขียน:
:b20:
คนที่ปฏิบัติไปโดยใช้แต่ความคิดนึกเหตุผลไม่ปล่อยให้สภาวธรรมเป็นไปเองตามธรรมชาตินั่นแหละไปวิเคราะห์ดูให้ดีๆเขาผู้นั้นไม่ยึดอดีตก็ติดอนาคต


ตรงนี้..หมายถึง...เราไม่ควรอ่านตำรับตำราแล้วนำมาพินิจพิจารณาใช่มั้ยครับ..??
เดียวตกอดีต...เลยไปอนาคคต...ใช่ปะ..อโสกะ

:b20:
ศึกษาจากตำรา หรือฟังครูบาอาจารย์ให้รู้แนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง แล้วลงมือปฏิบัติพิสูจน์ความจริงตามที่เรียนรู้ เช่นท่านให้นิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารมณ์ ก็ให้ทำตามโดยไม่ต้องไปคิดพิจารณาอะไร

ความรู้ที่ไม่ต้องคิด หรือภาวนามยปัญญาเขาจะเกิดขึ้นมาเอง หลังจากนั้นจึงค่อยมาคิดพิจารณาวิเคราะห์วิจัยเทียบกับตำราภายหลัง

"จำไว้ว่ามีนึกมีคิดเมื่อไรไม่เป็นอดีตก็อนาคต" มันจะบังปัจจุบันธรรมปัจจุบันอารมณ์สติจะขาดจากปัจจุบันอารมณ์ ลองพิสูจน์ดูจะรู้เห็นความจริงชัดเจนยิ่งขึ้น
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2015, 22:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b20: :b12:
กบเข้าใจไปเอง

อารมณ์ คือเครื่องช่วยระบุหรือชี้ชัดว่าสิ่งใดกำลังครองจิตรือกำลังรู้อยู่ที่จิตณปัจจุบันขณะนั้น

สมมุติบัญญัตินี้ จำเป็นมากสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ถึงแม้จะไม่จำเป็นสำหรับนักทฤษฎีทั้งหลาย

เพราะภาวนามยปัญญาต้องเกิดที่"ปัจจุบันอารมณ์"

คำว่า "อดีต"เฉยๆนั้นกินความกว้างมากไม่เจาะจงชัดเจน เพราะอดีตนับตั้งแต่วินาทีที่อารมณ์นั้นหลุดไปจากการรับรู้ของจิตไปจนถึงวินาทีนาทีชั่วโมงวันเดือนปี ชาติเอนกอนันตชาติ เป็นอดีตหมด

อนาคตก็เช่นกัน

"อดีตอารมณ์" นั้นทำให้รู้ชัดว่า อดีตตอนไหน เช่นความเจ็บที่เกิดขึ้นเมื่อบ่ายสามโมงวานนี้ เป็นต้น

การขุดถอนเหตุทุกข์ต้องขุดที่ปัจจุบันอารมณ์ ผู้ปฏิบัติจึงต้องเข้าใจและเห็นความสำคัญของอดีตอารมณ์ อนาคตอารมณ์และปัจจุบันอารมณ์ให้ถูกต้องและแม่นยำที่สุด

"ความเพียรอันหยาบย่อมไม่สามารถขุดถอนเหตุทุกข์ที่ละเอียดอ่อนได้"
onion


กลับมาอีกแล้ว...อดีตอารมณ์... :b9: :b9:
เท่าที่ดูอโสกะ...ว่ามา..อดีตอารมณ์...เป็นเพียงโวหารของอโสกะ..เท่านั้นเอง...ที่อโสกะว่ามา..มันก็คืออดีตธรรมดา..ธรรมดา...แต่ใส่อารมณ์...ให้ดูเท่..ให้เข้ากับวลี...ปัจจุบันอารมณ์..เท่านั้น

อดีต....เป็นสัญญา....เป็นอารมณ์...ไม่ได้หรอกครับ
แม้เวทนา..ในอดีต..ก็ไม่ใช่..อดีตอารมณ์...เป็นแต่สัญญา..ว่า...เคยมีความรู้สึกอย่างไรต่อสิ่งนั้น..เฉยๆ...แต่หากจะเป็นอารมณ์...ก็ต้องปรุงใหม่..เอาสัญญามาปรุงใหม่...แม้จะมีความรู้สึกเหมือนเดิม..แต่ก็เป็นอารมณ์ใหม่...ซึ่งก็กลายมาเป็นปัจจุบันอารมณ์..อยู่ดี

อโสกะ..ไม่เชื่อ..ก็ลองดูซิ..ลองนึกถึงเรื่องเก่าๆ..เรื่องไหนก็ได้...ที่ทำให้อโสกะ...เกิดอาการปิติ..หรือ...เกิดโทมนัส...ดูซิ.....นึกถึงปั๊ป...อาการปิติ..หรืออาการโทมนัส...จะเกิดขึ้นทันทีมั้ย?...

ไม่เกิด...ใช่มั้ยละ...

แต่หากจะให้เกิด..ก็ต้องปรุงแต่งใหม่..คือ..เอาเรื่องเก่ามาปรุงแต่งใหม่...บิ้วอารมณ์ใหม่..ว่างั้นเถอะ...อารมณ์ที่เกิดขึ้น...แม้จะเป็นแบบเดิมเหมือนนอดีต..แต่มันเป็นของใหม่...

นี้...ว่าด้วยอารมณ์แบบ..ชาวบ้านนะ

หากจะพูดอารมณ์...ในความหมาย..ของเป็นที่...สิ่งรู้ของจิต....อารมณ์ก็จะมีเพียงปัจจุบันเท่านั้น...ที่ผ่านไปแล้ว...ก็เป็นเพียงสัญญา...

อดีต...อนาคต...มี...(สัญญา...สังขาร)
แต่..อดีตอารมณ์...อนาคตอารมณ์...ไม่มี
ครับ...


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 19 ม.ค. 2015, 22:24, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ม.ค. 2015, 22:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b20:
คนที่ปฏิบัติไปโดยใช้แต่ความคิดนึกเหตุผลไม่ปล่อยให้สภาวธรรมเป็นไปเองตามธรรมชาตินั่นแหละไปวิเคราะห์ดูให้ดีๆเขาผู้นั้นไม่ยึดอดีตก็ติดอนาคต

ส่วนผู้ที่นิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารม์อยู่อย่างนักสังเกตการณ์ที่ดีโดยไร้ปฏิกิริยาใดๆไปแทรกแซงธรรมชาติที่กำลังเป็นไป(ตถตา)นั่นแหละจึงจะได้รู้จริงโดยภาวนามยปัญญา และได้ชื่อว่าเป็น"นักวิปัสสนา" ที่ดีและถูกต้อง
onion
ดีแล้วและขออนุโมทนากับความหมดอคติกับ"ปัจจุบันอารมณ์" ต่อจากนี้ไปจะได้พบกับความก้าวรุดหน้าอย่างรวดเร็วในการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาสาธุ
:b10: :b27: :b8:


จะเป็นครูธรรมะ....มันต้องครบเครื่อง..นะครับ..อโสกะ

ต้องรู้..ว่า...ปัญญาอบรมสมาธิ...นั้น..มันเป็นยังงัย...อันนี้ก็ต้องผ่านมาด้วยนะ...ไม่ใช่นึกคิดเอาตามตำรับตำรา..ตามครูบาอาจารย์

ต้องรู้..ว่า..สมาธิอบรมปัญญา..นั้น..มันเป็นยังงัย..

เพราะ..เท่าที่ดูอโสกะ..ว่ามานั้น...ยังเข้าใจนิ่งรู้..อยู่แค่ครึ่งเดียว...คือ..นิ่งให้เกิดปัญญาเอง

หากไปเจอลูกศิษย์...จริตที่นิ่ง..แล้วเฉย...ไป...ก็จะแก้ให้เข้าทางไม่ได้..นะ

จะเป็นครู...มันต้องครบเครื่อง

ครับผม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 21:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
:b20:
คนที่ปฏิบัติไปโดยใช้แต่ความคิดนึกเหตุผลไม่ปล่อยให้สภาวธรรมเป็นไปเองตามธรรมชาตินั่นแหละไปวิเคราะห์ดูให้ดีๆเขาผู้นั้นไม่ยึดอดีตก็ติดอนาคต

ส่วนผู้ที่นิ่งรู้นิ่งสังเกตปัจจุบันอารม์อยู่อย่างนักสังเกตการณ์ที่ดีโดยไร้ปฏิกิริยาใดๆไปแทรกแซงธรรมชาติที่กำลังเป็นไป(ตถตา)นั่นแหละจึงจะได้รู้จริงโดยภาวนามยปัญญา และได้ชื่อว่าเป็น"นักวิปัสสนา" ที่ดีและถูกต้อง
onion
ดีแล้วและขออนุโมทนากับความหมดอคติกับ"ปัจจุบันอารมณ์" ต่อจากนี้ไปจะได้พบกับความก้าวรุดหน้าอย่างรวดเร็วในการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาสาธุ
:b10: :b27: :b8:


จะเป็นครูธรรมะ....มันต้องครบเครื่อง..นะครับ..อโสกะ

ต้องรู้..ว่า...ปัญญาอบรมสมาธิ...นั้น..มันเป็นยังงัย...อันนี้ก็ต้องผ่านมาด้วยนะ...ไม่ใช่นึกคิดเอาตามตำรับตำรา..ตามครูบาอาจารย์

ต้องรู้..ว่า..สมาธิอบรมปัญญา..นั้น..มันเป็นยังงัย..

เพราะ..เท่าที่ดูอโสกะ..ว่ามานั้น...ยังเข้าใจนิ่งรู้..อยู่แค่ครึ่งเดียว...คือ..นิ่งให้เกิดปัญญาเอง

หากไปเจอลูกศิษย์...จริตที่นิ่ง..แล้วเฉย...ไป...ก็จะแก้ให้เข้าทางไม่ได้..นะ

จะเป็นครู...มันต้องครบเครื่อง

ครับผม

:b12:
ตกนิ่งสังเกตไป

นิ่งรู้เป็นตัวปัญญาสัมมาทิฏฐิ ตัวเห็นธรรมตามความเป็นจริง

นิ่งสังเกต เป็นตัวปัญญาสัมมาสังกัปปะ ตัวค้นหาความจริงของธรรม

วิปัสสนาภาวนาสำคัญตรงความสังเกต มีสังเกตเกิดขึ้นที่ไหน วิปัสสนาแลปัญญาจะเกิดขึ้นที่นั่น ไม่มีสังเกต (สังกัปปะ) ไม่มีวิปัสนา

เรื่องสังเกตนี่ลึกลงไปยิ่งกว่าปัญญาอบรมสมาธิ สมาธิอบรมรมปัญญาอีกนะ กบเข้าใจถึงเรื่องนี้ไหม นี่เป็นจัวปัญญามรรคแท้ๆทำงานเชียวนะ

เป็นนักศึกษาจะวิจารณ์ก็ต้องให้มันครบเครื่องครบฝ่ายเช่นกันด้วย
:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2015, 21:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
:b20: :b12:
กบเข้าใจไปเอง

อารมณ์ คือเครื่องช่วยระบุหรือชี้ชัดว่าสิ่งใดกำลังครองจิตรือกำลังรู้อยู่ที่จิตณปัจจุบันขณะนั้น

สมมุติบัญญัตินี้ จำเป็นมากสำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ถึงแม้จะไม่จำเป็นสำหรับนักทฤษฎีทั้งหลาย

เพราะภาวนามยปัญญาต้องเกิดที่"ปัจจุบันอารมณ์"

คำว่า "อดีต"เฉยๆนั้นกินความกว้างมากไม่เจาะจงชัดเจน เพราะอดีตนับตั้งแต่วินาทีที่อารมณ์นั้นหลุดไปจากการรับรู้ของจิตไปจนถึงวินาทีนาทีชั่วโมงวันเดือนปี ชาติเอนกอนันตชาติ เป็นอดีตหมด

อนาคตก็เช่นกัน

"อดีตอารมณ์" นั้นทำให้รู้ชัดว่า อดีตตอนไหน เช่นความเจ็บที่เกิดขึ้นเมื่อบ่ายสามโมงวานนี้ เป็นต้น

การขุดถอนเหตุทุกข์ต้องขุดที่ปัจจุบันอารมณ์ ผู้ปฏิบัติจึงต้องเข้าใจและเห็นความสำคัญของอดีตอารมณ์ อนาคตอารมณ์และปัจจุบันอารมณ์ให้ถูกต้องและแม่นยำที่สุด

"ความเพียรอันหยาบย่อมไม่สามารถขุดถอนเหตุทุกข์ที่ละเอียดอ่อนได้"
onion


กลับมาอีกแล้ว...อดีตอารมณ์... :b9: :b9:
เท่าที่ดูอโสกะ...ว่ามา..อดีตอารมณ์...เป็นเพียงโวหารของอโสกะ..เท่านั้นเอง...ที่อโสกะว่ามา..มันก็คืออดีตธรรมดา..ธรรมดา...แต่ใส่อารมณ์...ให้ดูเท่..ให้เข้ากับวลี...ปัจจุบันอารมณ์..เท่านั้น

อดีต....เป็นสัญญา....เป็นอารมณ์...ไม่ได้หรอกครับ
แม้เวทนา..ในอดีต..ก็ไม่ใช่..อดีตอารมณ์...เป็นแต่สัญญา..ว่า...เคยมีความรู้สึกอย่างไรต่อสิ่งนั้น..เฉยๆ...แต่หากจะเป็นอารมณ์...ก็ต้องปรุงใหม่..เอาสัญญามาปรุงใหม่...แม้จะมีความรู้สึกเหมือนเดิม..แต่ก็เป็นอารมณ์ใหม่...ซึ่งก็กลายมาเป็นปัจจุบันอารมณ์..อยู่ดี

อโสกะ..ไม่เชื่อ..ก็ลองดูซิ..ลองนึกถึงเรื่องเก่าๆ..เรื่องไหนก็ได้...ที่ทำให้อโสกะ...เกิดอาการปิติ..หรือ...เกิดโทมนัส...ดูซิ.....นึกถึงปั๊ป...อาการปิติ..หรืออาการโทมนัส...จะเกิดขึ้นทันทีมั้ย?...

ไม่เกิด...ใช่มั้ยละ...

แต่หากจะให้เกิด..ก็ต้องปรุงแต่งใหม่..คือ..เอาเรื่องเก่ามาปรุงแต่งใหม่...บิ้วอารมณ์ใหม่..ว่างั้นเถอะ...อารมณ์ที่เกิดขึ้น...แม้จะเป็นแบบเดิมเหมือนนอดีต..แต่มันเป็นของใหม่...

นี้...ว่าด้วยอารมณ์แบบ..ชาวบ้านนะ

หากจะพูดอารมณ์...ในความหมาย..ของเป็นที่...สิ่งรู้ของจิต....อารมณ์ก็จะมีเพียงปัจจุบันเท่านั้น...ที่ผ่านไปแล้ว...ก็เป็นเพียงสัญญา...

อดีต...อนาคต...มี...(สัญญา...สังขาร)
แต่..อดีตอารมณ์...อนาคตอารมณ์...ไม่มี
ครับ...

s004
กบเข้าใจไปคนละความหมายในเรื่องอดีตอารมณ์

อดีตอารมณ์ หมายถึง อารมณ์ที่เคยเกิดในอดีต เช่น ความดีใจที่สอบได้ที่ 1 สมัยเรียนชั้น มศ.1 มันเป็นสัญญาก็ใช่ และมันก็เคยเป็นอารมณ์ที่เกิดกับจิตในอดีตก็ใช่ หรือจะพูดว่ามันเป็นปัจจุบันอารมณ์เมื่อสมัยอดีตก็ได้ ถ้าหากเอามาปรุงใหม่ในปัจจุบัน อารมณ์ปัจจุบันเป็นความนึกคิด ปรุงแต่งไปตามสัญญาอดีตไม่ใช่ความดีใจหรือารมณ์ดีใจที่เคยเกิด
พิจารณาตรงนี้ให้ดี

ถ้าเป็นสายหนอเขาจะบริกรรมว่า "คิดหนอๆ" ไม่ใช่ "ดีใจหนอๆ"ซึ่งเป็นอารมณ์อดีตตั้งนานแล้ว
onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2015, 21:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
....

เป็นนักศึกษาจะวิจารณ์ก็ต้องให้มันครบเครื่องครบฝ่ายเช่นกันด้วย
:b12:


ตามนักศึกษาให้ทัน..นะ...อาจารย์.. :b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ม.ค. 2015, 22:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s004
กบเข้าใจไปคนละความหมายในเรื่องอดีตอารมณ์

อดีตอารมณ์ หมายถึง อารมณ์ที่เคยเกิดในอดีต เช่น ความดีใจที่สอบได้ที่ 1 สมัยเรียนชั้น มศ.1 มันเป็นสัญญาก็ใช่ และมันก็เคยเป็นอารมณ์ที่เกิดกับจิตในอดีตก็ใช่ หรือจะพูดว่ามันเป็นปัจจุบันอารมณ์เมื่อสมัยอดีตก็ได้ ถ้าหากเอามาปรุงใหม่ในปัจจุบัน อารมณ์ปัจจุบันเป็นความนึกคิด ปรุงแต่งไปตามสัญญาอดีตไม่ใช่ความดีใจหรือารมณ์ดีใจที่เคยเกิด
พิจารณาตรงนี้ให้ดี

ถ้าเป็นสายหนอเขาจะบริกรรมว่า "คิดหนอๆ" ไม่ใช่ "ดีใจหนอๆ"ซึ่งเป็นอารมณ์อดีตตั้งนานแล้ว
onion


อดีต..ใครจะไม่รู้...ละอโสกะ...แต่เขาไม่เอามาปนกับธรรมเฉพาะหน้า..อย่างที่อโสกะ..รังเกียจ..
อดีต...ที่ล่วงไปแล้ว...หากเราจับมาพิจารณา..โยนิโสมนสิการ...มันก็เป็นธรรมเฉพาะหน้าของผู้พิจารณาได้..เช่นกัน
และ...สภาวะธรรมใดที่เกิดจากการพิจารณา...ไม่ว่า..ปราโมทย์..ปีติ..ปัสสัทธิ...สุข..สมาธิ..ยถาภูตญาณทัสสนะ..นิพพิทาวิราคะ...วิมุตติญาณทัสสนะ....ก็ล้วนเป็นธรรมเฉพาะหน้าที่เป็นผล


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 130 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 46 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร