วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 08:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2014, 15:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


พระโสดาบัน....ใครบ้างที่ได้ชื่อว่าเป็น ท่อน 1
วันนี้เรามาคุยกันถึงเรื่อง พระโสดาบัน เมื่อวานพวกเราถามและให้ความเห็นกันมา มาซิข้าจะอธิบายกันให้ฟังกันสดๆ
ค...ำว่าพระโสดาบันนี่ มันดูมีความหมายสูงส่ง สำหรับชาวพุทธเรา เพราะเราเข้าใจกันว่า การเป็นพระอริยะเจ้านั้น กระทำได้ยาก
มันยากสำหรับผู้ที่คิดว่ายาก แต่ผู้ที่คิดว่าไม่ยาก มันก็ไม่ยากอะไรหรอก หากเราอ่านตำรา เราก็จะเห็นว่า ต้องอย่างนั้นต้องอย่างนี้ นี่..มันจึงดูเป็นศาสนาที่พิเศษ และแปลงร่างได้ เป็นขั้นๆ ทิฏฐิมานะของผู้ที่ได้เข้ามาบวช มันจึงแรงเพราะมันหลงตัวเอง
ข้าเองในฐานะ ผู้เจริญรอยมาตามแนวทางแห่งพระพุทธองค์เจ้า และได้ประจักษ์ชัดยืนยันได้ ด้วยปัญญาที่รู้เห็น แบะเข้าใจ ข้าจะอธิบายตามภูมิให้ฟังอย่างปัญญาและภาษาอย่างป่าๆ
การได้ฟังสดๆ ก็จะเป็นกุศลแก่ใจเจ้าของ ข้าเองรู้จักนายช่างซะแล้ว จึงพอเข้าใจได้ว่า เรือนหลังนี้ จะถอดจะสร้างจะประกอบด้วยเหตุปัจจัยอะไร
การที่ท่านเรียกว่าพระโสดาบันนี่ เป็นชาวบ้านที่เข้าใจธรรมชาติเบื้องต้น อย่างตรงตามความเป็นจริง
เข้าใจถึงความจริงที่มันอาศัยเหตุปัจจัยเกิด และความเข้าใจเข้าถึงของแต่ละคน มันก็ไม่เท่าและเหมือนกันอีก คำว่าพระโสดาบันนี้ คือชาวบ้านผู้มีศีล
คำว่าศีลนี้ เป็นผู้มีศีลอันเป็นอริยะศีล เรียกว่า เป็นศีลอันเป็นวิมุตศีล
คำว่าวิมุติศีลหมายถึง เข้าใจตรงตามความเป็นจริง ในเหตุและผล ของเหตุปัจจัย ศีลในที่นี้ เป็นศีลภายในใจ ที่มีสติพิจารณาถึงความละอายใจ ต่อบาปทั้งปวงด้วยเหตุและผลของปัญญา
ไม่ใช่ศีลเป็นข้อๆ ศีลเป็นข้อๆ เป็นเรื่องสมมุติศีล เพื่อใช้เป็นคอกกั้น ยามอยู่ร่วมกับสังคม
พระโสดาบัน เป็นมนุษย์ขั้นศีล เป็นมนุษย์ผู้เริ่มต้น ที่จะเบรกกระแสแห่งตัณหา ที่ผุดขึ้นมาจากใจอันไม่รู้จบนี้
ให้มันพอทุเลา เบาบาง จางคลายลงมา ไม่ให้เดือดร้อนนัก ผู้ที่เข้ากระแสแห่งศีล เป็นผู้มีดวงตาเห็นธรรม ที่เกิดจากการได้ฟังธรรม แห่งความเป็นจริงจากสัตบุรุษ
ผู้ได้ฟังธรรมจากสัตบุรุษ ย่อมได้เห็นความจริงอย่าที่ตนเอง ไม่เคยรู้เห็นมาก่อน ทั้งๆ ที่ความจริงทั้งหลาย มันก็ก่อเกิดกำเนิดอยู่เบื้องหน้าเราแท้ๆ เป็นแต่เรามองมันไม่เห็น
สัตบุรุษได้เปิดของที่มันคว่ำอยู่ ให้หงายขึ้นมาให้เรามองเห็น สิ่งที่เรามองเห็น ทำให้ใจมันเกิดศรัทธาในธรรม ธรรมในที่นี้คือ ธรรมดาที่เป็นธรรมชาติของมัน อันเป็นไปตามเหตุปัจจัย
เมื่อรู้ผลตามเหตุปัจจัย ใจมันก็ไม่หลงงมงาย ในสิ่งที่ปรากฏทางเวทนาที่อาศัยผัสสะทางอายตนะ มันเข้าใจและไม่หลงงมงาย ไม่สงสัย ในสรรพสิ่ง ว่ามันเป็นของมันเช่นนั้นเอง ตามเหตุปัจจัย
ไม่ได้มีใครมาดลบันดาลให้มันมีให้มันเป็น นี่ เรียกว่า ใจมันวางเครื่องร้อยรัดใจ ที่เรียกว่า สังโยชน์ ได้สามประการ ได้แก่
1 ตัวตน
2 ความสงสัยในธรรม
3 และความหลงงมงาย
นี่ ท่านเหล่านี้ เมื่อได้ฟังธรรมจากสัตบุรุษ คือผู้เข้าใจในธรรมตามธรรมดาธรรมชาติที่มันมี ที่มันเป็น ก็จะได้เห็นความเป็นจริงเช่นนี้
สิ่งที่มองเห็นจะเข้าใจและเข้าถึงความเป็นจริง ที่ตนไม่เคยรู้มาก่อน ถึงรู้มาก่อนจากตำราแต่มันก็ไม่ประจักษ์ชัด เท่ากับฟังด้วยวาทะแห่งกาล จากสัตบุรุษ ในการวางใจ
เมื่อใจเห็นความเป็นจริง ศรัทธาก็ย่อมเกิด เมื่อศรัทธาเกิด เจ้าของย่อมเกิดการพิจารณา ในเหตุในปัจจัยที่มากระทบ
โดยธรรมชาติของคน ย่อมไม่พิจารณา สาวผลไปหาเหตุ
เรามักจมอยู่แต่ผล ไม่สอดส่องลงไปถึงเหตุที่มา ว่าความจริงมันเป็นเช่นไร ผู้มีดวงตาเห็นธรรมจะเกิดปัญญา พิจารณาถึงผลที่เจ้าของผัสสะ
การพิจารณานี้ ทำให้เจ้าของ เกิดสติและสัมปชัญญะ ผู้ที่มีสติและสัมปชัญญะ ย่อมเป็นผู้สำรวม ทางกาย วาจา ใจ
คำว่าสำรวมนี้ ไม่ใช่เรียบร้อย แต่เป็นผู้ที่มีสติ ในความละอายต่อความชั่วทั้งหลาย คนที่ละอายต่อความชั่วทั้งหลาย ย่อมเป็นผู้มีศีล อันเป็นอริยะศีล
อริยะศีลเป็นศีลที่มาจากใจที่สอดส่งด้วยปัญญา ที่มีสติต่อความละอายต่อบาปทั้งหลาย คนที่มีศีลย่อมมีเหตุมาจากการสำรวม กาย วาจา ใจ ที่ไม่เป็นอกุศล
ใจที่มีความสำรวม อาศัยเหตุจากการมีสติ
การมีสติอาศัยเหตุ จากการได้พิจารณา
การพิจารณาอาศัยเหตุจาก ความศรัทธาที่เจ้าของประจักษ์ใจ
ความศรัทธาอาศัยเหตุมาจาก การได้ยินได้ฟังธรรม จากปากแห่งผู้รู้ธรรมที่เรียกกันว่า สัตบุรุษ
ผู้ได้ฟังธรรมจากสัตบุรุษ ย่อมบางเบาจากอาการแห่ง อวิชชา
เพราะอวิชชา อาศัยนิวรณ์ห้า คือ กาม ความพอใจไม่พอใจ อาการการแสดงออกแห่งจิต สงสัย และฟุ้งซ่าน เป็นอาหาร
นิวรณ์ห้า อาศัย ความทุศีล คือการไม่สำรวม กาย วาจา ใจ เป็นอาหาร
ความไม่สำรวมใจ อาศัยการไม่มีสติเป็นอาหาร
การไม่มีสติ อาศัยการไม่พิจารณาเป็นอาหาร
การไม่พิจารณา อาศัยการไม่มีศรัทธา ที่เกิดจากการประจักษ์ใจเป็นอาหาร
การไม่มีศรัทธา อาศัยการไม่ได้รับฟังธรรมจากสัตบุรุษ เป็นอาหาร
การไม่ได้รับการฟังธรรมจากสัตบุรุษเป็นอาหาร อาศัยความมีตัวตนเหลือล้นเป็นอาหาร
คนมีตัวตน ย่อมไม่ฟังใคร แต่อยากให้ใครๆ มารับฟังตน
นี่ ทิฏฐิแห่งใจอันเป็นปุถุชน มันอาศัยการเป็นมาตามเหตุปัจจัยคล้องจองกันมากันเป็นแบบนี้
ผู้มีดวงตาเห็นธรรม เรียกว่า ชาวบ้านชั้นดี
ชาวบ้านชั้นดี คือใจที่ปลงและลงตามกระแสธารแห่งความเป็นผู้มีศีล
ความเป็นผู้มีศีล เป็นใจที่อาศัย หิริโอตัปปะ เป็นเรื่องอยู่อันเป็นวิหารใจ
ใจที่มีศีลอย่างอ่อน เรียกว่า พวก สัตตักขัตตุง กลับมาเกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติ
ใจที่มีศีลอย่างกลาง เรียกว่า พวก โกลังโกละ กลับมาเกิดอีกไม่เกิน 3 ชาติ
ใจที่มีศีลอย่างละเอียด คือมีปัญญาและสติที่หนาแน่น เรียกว่าพวก เอกพิชี กลับมาเกิดกำเนิดอีกเพียงแค่ครั้งเดียว
นี่ คือพวกมนุษย์ขั้นศีล นี่เป็นศีลที่เป็นอริยะชน คือเกิดปัญญาความเข้าใจในกระแส เหตุและผลธรรมดาเบื้องต้น ท่านเรียกว่า พระโสดาบัน
พระโสดาบัน เป็นมนุษย์ขั้นศีล ที่มีความละอายต่อบาป เป็นที่ตั้งแห่งใจ ไม่งมงายต่อสิ่งใดๆ ง่ายๆ ไม่สงสัยในธรรมแห่งสัตบุรุษ และมั่นในว่า กายแตกเมื่อไหร่ ใจดวงนี้ ไปสว่างแน่ๆ
นี่ อารมณ์พระโสดาบัน


เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ต.ค. 2014, 16:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

:b1:

ถ้อยคำเรียบง่าย แต่ทว่า สง่างาม

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2014, 05:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว


....อนุโมทนาแล้วๆๆ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ต.ค. 2014, 15:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ของพระอาจารย์ท่านไหนครับ

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2014, 08:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมต้องขออภัยด้วยครับบังเอิญผมจำชื่อท่านพระอาจารย์ไม่ได้ครับ แต่ก็ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ต.ค. 2014, 13:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 23:02
โพสต์: 157

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระโสดาบัน
- เป็นผู้ศรัทธาเลื่อมใส และ"ถึงพร้อม"ในพระพุทธ-พระธรรม-พระสงฆ์
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0
- "มีศีล๕"เป็นหลักวัดชัดเจน
- มีคุณสมบัติ ๘ประการ
- มีโสดาปฏิยังค ๔ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... &preline=0
- "พ้นสังโยชน์ ๓"
- ประกอบไปด้วย"สัมมาอาริยมรรคมีองค์ ๘"
- เห็นหลักปฏิจจสมุปบาท
- มีอานิสงค์ ๖ประการ
- .. .. .
- เห็นกำลัง ๕
- รู้คุณโทษของอินทรีย์ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... 064&Z=5071
- รู้เกิดดับของอินทรีย์5 http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... agebreak=0
- มี สาราณียธรรม ๖ http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_it ... &preline=0
- มี สาราณียผล (พุทธพจน์ ๗ )
- "มีญาณ ๗ ประการ"
๑ รู้แล้ว ละ
๒ อาเสวนา ภาวนา พหุลีกัมมัง >> คบคุ้น ทำให้เกิดผล ทำให้มากๆ
๓ เชื่อมั่นในธรรมวินัยนี้ อเทวนิยม กรรม
๔ เมื่อผิดพลาดแล้วรีบแก้ใขโดยเร็ว มีสันชาติแห่งความเป็นคนตรง
๕ มีประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน
๖ มีพลังในการศึกษาเรียนรู้ เงี่ยโสตฟังธรรม คบสัตบุรุส
๗ รู้อรรถ(ประโยชน์) รู้ธรรม มีปราโมท(ยินดี)ในธรรม

ให้หัวข้อไปตรวจดู รายละเอียดคงหาไม่ยาก ข้อ .. .. . ผมก็ยังไม่ชัดเจน ถ้าใครรู้ชัดเจนช่วยบอกด้วย
ลองตรวจดู ถ้ามีทั้งหมดนี้ ถึง 25% ก็นับว่าเข้าสู่กระแส ถ้ามีถึง 50%ก็ไม่ตกต่ำ ถ้า 75% ก็แน่นอนว่าใช่
ถ้ามี 100% เต็มสมบูรณ์ ก็ มุ่งสู่ สัมโพธิปรายนะได้ขั้น สกทาคามีแน่ๆ ใกล้ อนาคามีเข้าไปแล้ว
สุดท้าย
- ความประเสริฐของโสดาบัน
ยิ่งกว่าเอกราชทั่วทั้งแผ่นดิน ยิ่งกว่าขึ้นสวรรคาลัย ยิ่งกว่าอธิปไตยใดๆ ในโลกทั้งปวง คือพระโสดาปัตติผล

.....................................................
มาตามหา เพื่อนร่วมทาง

ประโยชน์สูง-ประหยัดสุด > > ต้องทำให้ได้ คือแก้ไขตนเอง > > ฝึกหยุด-ไม่หยุดฝึก >
ไม่มีเวลาสำหรับความชั่วบาปอีกแล้ว. ." ทุกวินาทีเป็นวินาทีแห่งบุญ "
เราจะฝึกฝนตนเพื่อไปถึงจุดนั้นให้ได้


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 6 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 49 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร