47846.พระไตรปิฎกแปลช่วยได้ แต่จะแน่ต้องให้ถึงพระไตรปิฎกบาลี

กรัชกาย

เช่นนั้น เขียน:

กรัชกาย เขียน:

เช่นนั้น เขียน:

กรัชกาย เขียน:

อริยะบุคคล คือผู้ที่กำจัดอาสวะได้แล้ว

อริยะบุคคล มีบุคคล 4 ประเภท 8 คู่บุรุษ
กล่าวคือ เริ่มตั้งแต่ผู้ที่ปฏิบัติ เพื่อความละความเห็นผิด รักษา ศีล 5 ได้ เช่น โสดาปัตติมัคคบุคคล
ไปจนถึง ผู้ที่กำจัดอาสวะและมีความรู้แจ้งเห็นจริงแล้ว คือบุคคลผู้บรรลุอรหัตผล

ที่ว่ามาเนื่ยตามหลักไหน :b1:

ข้าม สัญญาแนบแน่น ที่ว่า หมายถึงสัญญาอะไรครับ :b14:

กรัชกายถามตาเช่นนั้นนิยามบ้าง
เช่นนั้น ก็นิยาม มีปัญหาอะไรหรือครับ

กรัชกาย เขียน:

อ้างคำพูด:

ในสมัยพุทธกาล พุทธานุสติ เขามีพุทธคุณ และรูปลักษณ์ ของพระพุทธองค์ตัวเป็นๆ เป็นอนุสติ

พูดยังงั้น ก็แสดงว่าปัจจุบัน ใช้พุทธานุสติไม่ได้ ใช่ ไม่ใช่

ในปัจจุบัน มีผู้เข้าใจคลาดเคลื่อน เอาธรรมานุสสติ เป็นพุทธานุสสติ คือคำตอบ

ยกตัวอย่างเช่น วัยรุ่นบางคนมีดาราคนนั้นคนนี้เป็น ไอดอล เป็นต้น มีความประทับใจในบุคคลใด ก็เอาบุคคลนั้นมาเป็นต้นแบบมาเป็นแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต

ถ้าใช้คำปัจจุบันอธิบาย พุทธานุสติ อาศัยความเข้าใจต่อคุณความดีของพระพุทธองค์ และลักษณะมหาบุรุษอันให้เกิดความเลื่อมใส ในปัจจุบันกล่าวได้ว่ามีการสร้างหรือวาดรูปตามพุทธลักษณะขึ้นมาแทนพระองค์จริงเพื่อชดเชยส่วนที่หายไป .... โดยนำเอาคุณความดีที่ได้เข้าใจที่มีในบุคคลนั้น มาเป็นต้นแบบในการดำเนินชีวิต บางท่านอาจจะผนวกเอาโดยอาศัยพระพุทธรูปแทนบุคคลนั้นไปประกอบก็มี

สัญญาแนบแน่น ในเรื่องพุทธานุสสติ
สัญญา คือ การทำความรู้พร้อมให้เกิดขึ้น
แนบแน่น คือระลึกได้ระลึกอยู่จนเป็นปรกติมั่นคง

สัญญาแนบแน่น ความมีสติมีสมาธิทำความรู้พร้อมในพุทธคุณจนเป็นปรกติมั่นคง

แหมๆสัญญาแนบแน่น ความมีสติ พูดเหมือนเป็นอันเดียวกัน เช่นนั้น

สัญญา แปลว่า อะไร

สติ แปลว่า อะไร

สมาธิ แปลว่า อะไร

นี่แหละอ่านแล้วแยกแยะองค์ธรรมแต่ละขณะไม่ออก ปนเปกันหมด มัั่วสุดๆ

เช่นนั้น

กรัชกาย เขียน:

แหมๆสัญญาแนบแน่น ความมีสติ พูดเหมือนเป็นอันเดียวกัน เช่นนั้น

สัญญา แปลว่า อะไร

สติ แปลว่า อะไร

สมาธิ แปลว่า อะไร

นี่แหละอ่านแล้วแยกแยะองค์ธรรมแต่ละขณะไม่ออก ปนเปกันหมด มัั่วสุดๆ

5555 นี่ล่ะเป็นการบ่งบอก ว่ากรัชกาย ไม่รู้จักสภาวะของจิต
รู้จักแต่ยกคำศํพท์

ไปอ่านใหม่ไป อ่านให้ดีๆ
อธิบายแล้ว

แล้วยกอะไรออกมา อนุสสติ 10 ก็ต่อซะให้จบ หลักอะไร หลักตอหรือเปล่า :b17:

กรัชกาย

เช่นนั้น เขียน:

อ้างคำพูด:

สติ มีหน้าที่ดึงอารมณ์มาสู่จิต เหนี่ยวอารมณ์ ไว้กับจิต คุมหรือกำกับจิตไว้กับอารมณ์ ตรึงเอาไว้ไม่ยอมให้ลอยผ่านหรือคลาดกันไป จะเป็นการดึงมาซึ่งอารมณ์ที่ผ่านไปแล้ว หรือดึงไว้ซึ่งอารมณ์ที่จะผ่านไปก็ได้ สติ จึงมีขอบเขตความหมายคลุมถึง การระลึก นึกถึง นึกไว้ นึกได้ ระลึกได้ ไม่เผลอ สติเป็น การริเริ่มเองจากภายใน โดยอาศัยพลังแห่งเจตนา หรือเจตจำนง ในเมื่ออารมณ์อาจจะไม่ปรากฏอยู่ต่อหน้า เป็นฝ่ายจำนงต่ออารมณ์ จึงจัดอยู่ในพวกสังขาร

ยังอ้างพระอานนท์มาตั้งแต่บรรทัดแรกซะอีก
มั่วมากกกกกกกกกกก

เขาอธิบายถึงการฝึกกรรมฐาน เช่น ฝึกอานาปานสติ (อานาปาน+สติ) นี่แหละสติต้องดึงอารมณ์ เหนี่ยวอารมณ์ไว้กับจิต

เช่นนั้น

กรัชกาย เขียน:

เช่นนั้น เขียน:

อ้างคำพูด:

สติ มีหน้าที่ดึงอารมณ์มาสู่จิต เหนี่ยวอารมณ์ ไว้กับจิต คุมหรือกำกับจิตไว้กับอารมณ์ ตรึงเอาไว้ไม่ยอมให้ลอยผ่านหรือคลาดกันไป จะเป็นการดึงมาซึ่งอารมณ์ที่ผ่านไปแล้ว หรือดึงไว้ซึ่งอารมณ์ที่จะผ่านไปก็ได้ สติ จึงมีขอบเขตความหมายคลุมถึง การระลึก นึกถึง นึกไว้ นึกได้ ระลึกได้ ไม่เผลอ สติเป็น การริเริ่มเองจากภายใน โดยอาศัยพลังแห่งเจตนา หรือเจตจำนง ในเมื่ออารมณ์อาจจะไม่ปรากฏอยู่ต่อหน้า เป็นฝ่ายจำนงต่ออารมณ์ จึงจัดอยู่ในพวกสังขาร

ยังอ้างพระอานนท์มาตั้งแต่บรรทัดแรกซะอีก
มั่วมากกกกกกกกกกก

เขาอธิบายถึงการฝึกกรรมฐาน เช่น ฝึกอานาปานสติ (อานาปาน+สติ) นี่แหละสติต้องดึงอารมณ์ เหนี่ยวอารมณ์ไว้กับจิต

นั่นล่ะมั่ว

กรัชกาย

เช่นนั้น เขียน:

กรัชกาย เขียน:

แหมๆสัญญาแนบแน่น ความมีสติ พูดเหมือนเป็นอันเดียวกัน เช่นนั้น

สัญญา แปลว่า อะไร

สติ แปลว่า อะไร

สมาธิ แปลว่า อะไร

นี่แหละอ่านแล้วแยกแยะองค์ธรรมแต่ละขณะไม่ออก ปนเปกันหมด มัั่วสุดๆ

5555 นี่ล่ะเป็นการบ่งบอก ว่ากรัชกาย ไม่รู้จักสภาวะของจิต
รู้จักแต่ยกคำศํพท์

ไปอ่านใหม่ไป อ่านให้ดีๆ
อธิบายแล้ว

แล้วยกอะไรออกมา อนุสสติ 10 ก็ต่อซะให้จบ หลักอะไร หลักตอหรือเปล่า :b17:

เห็นไหม ไม่รู้จักมันด้วยซ้ำ ถึงว่า ไงว่า เช่นนั้น รู้แบบท่อนซุง แยกแยะองค์ธรรมแต่ละขณะไม่ออก นำมาปนกันทื่อๆ

เช่นนั้น

กรัชกาย เขียน:

เห็นไหม ไม่รู้จักมันด้วยซ้ำ ถึงว่า ไงว่า เช่นนั้น รู้แบบท่อนซุง แยกแยะองค์ธรรมแต่ละขณะไม่ออก นำมาปนกันทื่อๆ

กรัชกาย รู้จักไหม ท่อนซุง กับ ลำไผ่ น่ะ
รึว่า กรัชกายเห็นลำไผ่เป็นท่อนซุง :b19:

กรัชกาย

เช่นนั้น เขียน:

กรัชกาย เขียน:

เช่นนั้น เขียน:

อ้างคำพูด:

สติ มีหน้าที่ดึงอารมณ์มาสู่จิต เหนี่ยวอารมณ์ ไว้กับจิต คุมหรือกำกับจิตไว้กับอารมณ์ ตรึงเอาไว้ไม่ยอมให้ลอยผ่านหรือคลาดกันไป จะเป็นการดึงมาซึ่งอารมณ์ที่ผ่านไปแล้ว หรือดึงไว้ซึ่งอารมณ์ที่จะผ่านไปก็ได้ สติ จึงมีขอบเขตความหมายคลุมถึง การระลึก นึกถึง นึกไว้ นึกได้ ระลึกได้ ไม่เผลอ สติเป็น การริเริ่มเองจากภายใน โดยอาศัยพลังแห่งเจตนา หรือเจตจำนง ในเมื่ออารมณ์อาจจะไม่ปรากฏอยู่ต่อหน้า เป็นฝ่ายจำนงต่ออารมณ์ จึงจัดอยู่ในพวกสังขาร

ยังอ้างพระอานนท์มาตั้งแต่บรรทัดแรกซะอีก
มั่วมากกกกกกกกกกก

เขาอธิบายถึงการฝึกกรรมฐาน เช่น ฝึกอานาปานสติ (อานาปาน+สติ) นี่แหละสติต้องดึงอารมณ์ เหนี่ยวอารมณ์ไว้กับจิต

นั่นล่ะมั่ว

เช่นนั้น พูดถึงวิธีทำอานาปาน+สติ ทำไง แล้วจะเห็นการทำหน้าที่ของสติชัด :b1:

กรัชกาย

เช่นนั้น เขียน:

กรัชกาย เขียน:

เห็นไหม ไม่รู้จักมันด้วยซ้ำ ถึงว่า ไงว่า เช่นนั้น รู้แบบท่อนซุง แยกแยะองค์ธรรมแต่ละขณะไม่ออก นำมาปนกันทื่อๆ

กรัชกาย รู้จักไหม ท่อนซุง กับ ลำไผ่ น่ะ
รึว่า กรัชกายเห็นลำไผ่เป็นท่อนซุง :b19:

เช่นนั้น รู้จักทั้งดุ้น รู้ทื่อๆ นี่คือจุดอ่อนด้อยความหมายของจิตเจตสิก แต่ละตัวๆ :b1:

เช่นนั้น

กรัชกาย เขียน:

เช่นนั้น พูดถึงวิธีทำอานาปาน+สติ ทำไง แล้วจะเห็นการทำหน้าที่ของสติชัด :b1:

มันเกินปัญญา ของกรัชกายจะรับได้นะ
เพราะกรัชกาย ทิ้งท้ายอย่างนี้ว่า
"แล้วจะเห็นการทำหน้าที่ของสติชัด"

ก็หมายความว่า
การบอกอะไรออกไป ไม่ก่อให้เกิดปัญญาแก่กรัชกายแน่นอน

เช่นนั้น

กรัชกาย เขียน:

เช่นนั้น เขียน:

กรัชกาย เขียน:

เห็นไหม ไม่รู้จักมันด้วยซ้ำ ถึงว่า ไงว่า เช่นนั้น รู้แบบท่อนซุง แยกแยะองค์ธรรมแต่ละขณะไม่ออก นำมาปนกันทื่อๆ

กรัชกาย รู้จักไหม ท่อนซุง กับ ลำไผ่ น่ะ
รึว่า กรัชกายเห็นลำไผ่เป็นท่อนซุง :b19:

เช่นนั้น รู้จักทั้งดุ้น รู้ทื่อๆ นี่คือจุดอ่อนด้อยความหมายของจิตเจตสิก แต่ละตัวๆ :b1:

กรัชกาย
นอกจากไม่รู้จัก แล้วยังกอดไว้แน่นๆ กับที่รู้ผิด

กรัชกาย

เช่นนั้น เขียน:

กรัชกาย เขียน:

เช่นนั้น พูดถึงวิธีทำอานาปาน+สติ ทำไง แล้วจะเห็นการทำหน้าที่ของสติชัด :b1:

มันเกินปัญญา ของกรัชกายจะรับได้นะ
เพราะกรัชกาย ทิ้งท้ายอย่างนี้ว่า
"แล้วจะเห็นการทำหน้าที่ของสติชัด"

ก็หมายความว่า
การบอกอะไรออกไป ไม่ก่อให้เกิดปัญญาแก่กรัชกายแน่นอน

นั่นๆออกลูกนี้อีกแล้ว เดี๋ยวก็เน่า โง่ เวิ้นเว้อ คิกๆๆๆ :b32:

เช่นนั้น

กรัชกาย เขียน:

เช่นนั้น เขียน:

กรัชกาย เขียน:

เช่นนั้น พูดถึงวิธีทำอานาปาน+สติ ทำไง แล้วจะเห็นการทำหน้าที่ของสติชัด :b1:

มันเกินปัญญา ของกรัชกายจะรับได้นะ
เพราะกรัชกาย ทิ้งท้ายอย่างนี้ว่า
"แล้วจะเห็นการทำหน้าที่ของสติชัด"

ก็หมายความว่า
การบอกอะไรออกไป ไม่ก่อให้เกิดปัญญาแก่กรัชกายแน่นอน

นั่นๆออกลูกนี้อีกแล้ว เดี๋ยวก็เน่า โง เวิ้นเว้อ คิกๆๆๆ :b32:

ก็เห็นไงล่ะกรัชกาย
ถึงบอกตรงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อม

กรัชกาย

เช่นนั้น เขียน:

กรัชกาย เขียน:

เช่นนั้น เขียน:

กรัชกาย เขียน:

เห็นไหม ไม่รู้จักมันด้วยซ้ำ ถึงว่า ไงว่า เช่นนั้น รู้แบบท่อนซุง แยกแยะองค์ธรรมแต่ละขณะไม่ออก นำมาปนกันทื่อๆ

กรัชกาย รู้จักไหม ท่อนซุง กับ ลำไผ่ น่ะ
รึว่า กรัชกายเห็นลำไผ่เป็นท่อนซุง :b19:

เช่นนั้น รู้จักทั้งดุ้น รู้ทื่อๆ นี่คือจุดอ่อนด้อยความหมายของจิตเจตสิก แต่ละตัวๆ :b1:

กรัชกาย
นอกจากไม่รู้จัก แล้วยังกอดไว้แน่นๆ กับที่รู้ผิด

เช่นนั้นเอ้ย คุณจะต้องเรียนธรรมชาติของจิตกับเจตสิก แต่ละดวงๆ (แต่ละตัวๆ) ว่าชื่อนั้น ทำหน้าที่ยังงี้ ตัวนี้ทำหน้าที่นั่น (หรือคำแปลนั่นแหละ) :b32:

กรัชกาย

เช่นนั้น เขียน:

กรัชกาย เขียน:

เช่นนั้น เขียน:

กรัชกาย เขียน:

เช่นนั้น พูดถึงวิธีทำอานาปาน+สติ ทำไง แล้วจะเห็นการทำหน้าที่ของสติชัด :b1:

มันเกินปัญญา ของกรัชกายจะรับได้นะ
เพราะกรัชกาย ทิ้งท้ายอย่างนี้ว่า
"แล้วจะเห็นการทำหน้าที่ของสติชัด"

ก็หมายความว่า
การบอกอะไรออกไป ไม่ก่อให้เกิดปัญญาแก่กรัชกายแน่นอน

นั่นๆออกลูกนี้อีกแล้ว เดี๋ยวก็เน่า โง เวิ้นเว้อ คิกๆๆๆ :b32:

ก็เห็นไงล่ะกรัชกาย
ถึงบอกตรงๆ ไม่ต้องอ้อมค้อม

เช่นนั้น รู้ทั้งดุ้น แต่ไม่รู้ความหมายเขาเลย ครั้นเราถามว่า หมายความว่ายังไง หรือแปลว่า อะไร ทีนี้แหละ ลัดไปเกาะสีชัง คือออกทะเล คิกๆๆ :b9:

มาเลย เน่า โง่ เวิ้นเว้อ

เช่นนั้น

กรัชกาย เขียน:

เช่นนั้นเอ้ย คุณจะต้องเรียนธรรมชาติของจิตกับเจตสิก แต่ละดวงๆ (แต่ละตัวๆ) ว่าชื่อนั้น ทำหน้าที่ยังงี้ ตัวนี้ทำหน้าที่นั่น (หรือคำแปลนั่นแหละ) :b32:

กรัชกาย ทิ้งหนังสือพุทธธรรมได้แล้วนะ
ถ้าไม่ได้ช่วยอะไรมากไปกว่านี้

ไปศึกษาเรื่อง ธรรมชาติของจิตให้ดีๆ นะครับ

47846.พระไตรปิฎกแปลช่วยได้ แต่จะแน่ต้องให้ถึงพระไตรปิฎกบาลี

ผู้ใช้งานขณะนี้