ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

พระโสดาบันยังมีความหลงไหม
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=47457
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  รสมน [ 18 มี.ค. 2014, 06:31 ]
หัวข้อกระทู้:  พระโสดาบันยังมีความหลงไหม

ถ้าจะถามว่า “พระโสดาบันยังมีความหลงไหม”
ก็ต้องตอบว่าพระโสดาบันยังมีความหลง
คือยังมีความหลงในการมีคู่ผัวตัวเมีย
คนถ้ายังรักยังแต่งงานอยู่ก็ถือว่ามีความหลง
แต่ว่าความหลงของพระโสดาบันก็ยังมีขอบเขต
ไม่เลยอำนาจของศีล คือไม่ทำลายศีล

• ธรรมโอวาทพระราชพรหมยาน : หลวงพ่อฤาษี (ลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี •


นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท อย่าคิดว่ากรรมที่ทำให้เขาเกิดเป็นสุนัขนี้ยังไม่หมายถึงการทิ้งลูก กรรมบาปที่ทิ้งลูกยังไม่มาสนอง กรรมอย่างอื่นใด กรรมเพราะการปรามาสพระไตรสรณคมณ์ก็ยังไม่มาถึง กรรมเพราะละเมิดศีลห้าข้อข้อใดข้อหนึ่งก็ยังไม่มาถึง เป็นแต่เพียงความรู้สึกคิดว่าสุนัขดี หรือหมาดี เพียงคิดเท่านี้ พอจิตออกจากร่างหรืออทิสสมานกายออกจากร่าง ก็เข้าสู่ครรภ์ของสุนัขทันที เข้าท้องหมา

นี่จำไว้ บรรดาท่านพุทธบริษัท ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนให้เราเจริญ สมาธิ และ วิปัสสนาญาณ ทำอารมณ์ให้ทรงตัว ที่เรียกว่า "สมาธิ" คือการตั้งใจ ตั้งใจนึกถึงความดี มี พุทธานุสสติ นึกถึงพระพุทธเจ้า เป็นต้น ธัมมานุสสติ นึกถึงพระธรรม สังฆานุสสติ นึกถึงพระอริยสงฆ์ สีลานุสสติ จิตคุมอารมณ์ในศีลห้าให้ทรงตัว จาคานุสสติ นึกถึงทานการบริจาค คือ การให้ เทวตานุสสติ นึกถึงความดีของเทวดา เป็นต้น ที่องค์สมเด็จพระทศพลแนะนำให้ทำอย่างนี้ ที่ท่านบอกว่าทำให้เป็นฌาน "ฌาน" คืออารมณ์ชิน การนึกถึงความดีทั้ง ๖ ประการนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง ถ้าเวลาจะตายในยามปกติ เราก็นึกได้บ้างนึกไม่ได้บ้าง ลืมบ้าง นึกถึงบ้าง แต่เวลาก่อนจะหลับหรือตื่นใหม่ๆ ควรจะทรงอารมณ์ให้ทรงตัว คือตั้งใจภาวนา โดยนึกถึงให้ทรงตัวสัก ๒-๓ นาทีก็พอให้ชิน และเวลาใกล้จะตายจริงๆ อารมณ์ความดีจะรวมตัว ถ้านึกถึงอารมณ์ความดี ๖ อย่างนี้อย่างใดอย่างหนึ่ง อย่างเลวหรืออย่างอ่อนที่สุด ตายจากความเป็นคนจะไปเป็นเทวดาหรือพรหมทันที

• พระราชพรหมยาน : หลวงพ่อฤาษี(ลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี •


ขอบรรดาญาติโยมพุทธบริษัทฟังไว้ด้วยนะ
คำว่า "วิญญาณ" นั้นเป็นความรู้สึก และที่เราเรียกกันว่า "ประสาท" ตามที่เขาบอกกันว่า ขันธ์ ๕ มี ๕ อย่าง คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ทั้ง ๕ อย่างนี้เวลาตายมันตายพร้อมกัน คือ ไม่เกาะกับร่างกาย วิญญาณไม่ใช่จิต วิญญาณไม่ใช่อทิสสมานกาย
สำหรับสิ่งที่ออกจากร่างกายไปคือจิตหรืออทิสสมานกาย จิตมีสภาพคิด อทิสสมานกายคือกายอีกกายหนึ่งที่ซ้อนอยู่ในเนื้อกายนั้น ตามธรรมดาที่เขาบอกว่าคนตายแล้วไปสวรรค์บ้าง ไปนรกบ้าง ไปเกิดที่นั้นบ้าง เราจะเห็นว่าร่างกายถูกเผาบ้าง ถูกฝังบ้าง เอาอะไรไปเกิด? ก็คือเอาความจริงของตัวเราข้างในไปเกิด ตัวเราข้างใน ถ้าจะเห็นได้ ถ้าไม่ได้

ทิพจักขุญาณ เห็นด้วยตาเปล่าไม่ได้ เห็นด้วยตาเนื้อไม่ได้ ท่านจึงเรียกว่า "อทิสสมานกาย" เป็นกายที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเนื้อ ถ้าเราจะมีความรู้สึกว่าจะมีไหม ก็ต้องตอบว่า มี นั่นก็คือเวลาฝัน เรานอน ฝันว่าทำโน่น ทำนี่ ทำนั่น นั่นแหละ ในกายข้างในจริงๆ มันไปจริงๆ แต่กายเนื้อมันนอนอยู่ เจ้ากายตัวนี้แหละบรรดาท่านพุทธบริษัท
ขณะที่อารมณ์จิตคิดว่าหมาตัวนี้ดีกว่าเรา มีบุญวาสนาดีกว่าเรา เมื่อสิ้นลมปราณลมหายใจหมดไปปั๊บ กายตัวนี้มันออกจากกายเนื้อ เข้าสู่ครรภ์ของนางหมาตัวเมียทันทีต่อมาไม่ช้าไม่นานเท่าไร ก็คลอดออกมาเป็นหมาโทน การที่ตายจากคนไปเกิดเป็นสุนัข สุนัขประเภทนี้รู้ภาษาคนดีมาก เป็นที่รักของท่านคหบดี

• พระราชพรหมยาน : หลวงพ่อฤาษี(ลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี •


ในขณะที่ โกตุหลิกะ เห็นว่าท่านกุฎุมพี ให้คนรับใช้เอาอาหารมาให้สองส่วนเวลานี้อาจแบ่งเป็นจานก็ได้ หรือจะเป็นจานถาดหลุมก็ได้ นำเอามาให้ภรรยาส่วนหนึ่งคือชามหนึ่งเอามาให้นายโกตุหลิกะชามหนึ่ง ภรรยารักสามีมาก ส่วนของเธอเธอยังไม่กินให้สามีกินก่อน ท่านสามีก็แสนจะดีมาก น่าจะคิดว่าเรากับภรรยาต่างคนต่างอดกันมา ก็กินกันคนละ
ชามมันก็ทรงชีวิตได้แล้ว แต่ว่าบุรุษผู้ใจแกล้ว คำว่า "ใจแกล้ว" นี่นะ ใจแกล้วในด้านความโง่ แทนที่เธอจะคิดอย่างนั้น ส่วนของเธอว่าเสียถนัดใจกินจนหมดชาม ภรรยาทนหิว น่ารัก
เหลือเกิน เมื่อเห็นผัวกินหมดชาม แล้วก็ถามว่าต้องการอีกไหม ถ้าต้องการเธอให้ส่วนของเธอ นายโกตุหลิกะก็บอก "เอา" ความจริงน้ำใจแบบนี้ไม่น่ารักเลย เมียส่งให้ก็กินอีก
ขณะที่กินข้าวอยู่นั่นที่ท่านกุฎุมพี ท่านมีสุนัขตัวเมียอยู่ตัวหนึ่ง ท่านเลี้ยงไว้ใกล้ชิดและก็ท่านเองท่านกำลังกินข้าวเหมือนกัน กินข้าวมธุปายาส ข้าวมธุปายาสเป็นข้าวที่มีราคาแพงมาก จะกินได้แต่คนที่ร่ำรวยกับมหาเศรษฐี กับกษัตริย์เท่านั้น คนที่จนลงมากินบ่อยๆ ไม่ได้นานๆ กินครั้งได้ แต่อย่างท่านกุฏุมพีท่านกินได้ทุกวันทุกเวลา ข้าวมธุปายาสเขาทำอย่างไร ไม่ขออธิบายในที่นี้ เปลืองเวลาเปล่าๆ
เมื่อท่านกินข้าวมธุปายาส หมาตัวเมียที่ท่านเลี้ยงไว้มันหมอบอยู่ใกล้ๆ ท่านก็เอาใส่จานแบ่งให้หมาตัวเมีย เจ้าหมาตัวเมียผู้น่ารัก ผู้มีบุญมันก็กินข้าวนั่น โกตุหลิกะมองดูหมาตัวเมียก็คิดในใจว่า เจ้าหมาตัวนี้มันเกิดเป็นหมามันดีกว่าเราซึ่งเป็นคนมาก เราซึ่งเป็นคนเกิดมาจนกระทั่งมีเมียมีลูกหนึ่งคนแล้ว คำว่าข้าวมธุปายาส แม้แต่เอาเศษของเล็บเข้าไปแตะก็ไม่เคยได้พบ ทั้งนี้ข้างมธุปายาสเป็นข้าวที่มีราคาแพงมาก เหมาะสำหรับคนที่มีฐานะดีอย่างกุฎุมพี และเศรษฐีเท่านั้น เธอก็นึกในใจว่าหมาตัวนี้มีบุญเหลือเกิน แต่ว่าเธอจะคิดว่าเราเกิดเป็นหมาบ้างก็ดี คิดหรือเปล่าบาลีไม่ได้บอก
รวมความว่าขณะที่คิดว่าเจ้าหมาตัวนั้นดีกว่าตัวเท่านั้น เธอกินข้าวหมดชามชามหลัง ตามพระบาลีบอกว่า "ลมกำเริบ" ก็คืออาหารไม่ย่อย ย่อยไม่ทัน อดมาตั้งหลายวัน กินเข้าไปมาก ส่วนทุกส่วนของร่ายกายก็เพลียไม่สามารถจะย่อยได้ เธอก็ขาดใจตายลงไป เวลานั้นเมื่อขาดใจตายไปแล้ว "จิตวิญญาณ" หรือ "อทิสสมานกาย" วิญญาณไม่ไปด้วยแน่

• พระราชพรหมยาน : หลวงพ่อฤาษี(ลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี •

พระโสดาบันยังมีความโลภไหม
ก็เห็นจะต้องตอบว่าพระโสดาบัน
ยังต้องการความร่ำรวย
จะตอบว่ามีความโลภมันก็ไม่ชัด
หรือจะตอบว่าไม่โลภเลยมันก็ไม่ชัด ก็ยังอยากรวยอยู่
แต่ว่าความร่ำรวยของพระโสดาบันไม่ผิดศีล
คือไม่คดไม่โกง ไม่ยื้อไม่แย่งทรัพย์สิน
ของบุคคลอื่นที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรม
อันนี้เป็นอารมณ์ของพระโสดาบัน

• ธรรมโอวาทพระราชพรหมยาน : หลวงพ่อฤาษี (ลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี •





เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับเพื่อนๆที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของบิดามารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ขัดองค์พระ ที่ผ่านมาได้จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย ให้ความรู้สมุนไพรเพื่อสุขภาพเป็นวิทยาทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ถวายสังฆทานและทำบุญสร้างอาคารผู้ป่วยและกฐินกับเพื่อนๆและให้อาหารเป็นทานแก่สรรพสัตว์กับเพื่อนๆและเพื่อนคนหนึ่งและบริวารของเพื่อนและครอบครัวของเพื่อนได้มีจิตเมตตาให้ทานและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่ตลอดและเพื่อนได้เคยสวดมนต์เย็นกับคุณแม่และที่ผ่านมาได้ทำบุญสักการะพระธาตุทำบุญปิดทองชำระหนี้สงฆ์และไหว้พระและทำบุญตามกล่องรับบริจาคตามวัดต่างๆกับเพื่อนและตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย

ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา จุดเทียนถวายพระรัตนตรัย
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ ไหว้พระตามวัดต่างๆ ขัดองค์พระ ให้ความรู้สมุนไพรในการดูแลสุขภาพเป็นทาน
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะ

เจ้าของ:  น้องพลอย [ 19 มี.ค. 2014, 06:46 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระโสดาบันยังมีความหลงไหม

:b8: :b8: :b8: สาธุค่ะ

เจ้าของ:  naat [ 05 เม.ย. 2014, 21:13 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระโสดาบันยังมีความหลงไหม

ผู้ที่เคยเห็นพระนิพพานแวปหนึ่ง กระจ่างแจ้งในอนัตตาสภาวะ ช่วยแชร์ประสบการณ์ที่
https://www.facebook.com/profile.php?id=100008103360610

เจ้าของ:  เช่นนั้น [ 06 เม.ย. 2014, 04:32 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระโสดาบันยังมีความหลงไหม

ถ้าหาก ถามเรื่อง โมหะ หรืออวิชชา ก็กินความกว้างขวางมากมาย
แต่ถ้า บอกว่า พระโสดาบันขจัดความหลงอะไรได้บ้าง ก็จะทำความเข้าใจได้ง่ายกว่า
เพราะโสดาบันบุคคลเป็นเพียงผู้ถึงกระแสแห่งพระนิพพานเท่านั้น ยังไม่จบกิจพรหมจรรย์ในการละกิเลส และทำลายอวิชชาได้

โสดาบันบุคคล เป็นเพียงละความหลงจากความคิดความเห็นในเรื่อง สักกายทิฏฐิ ว่าเป็นสิ่งที่เที่ยงดุจเสาระเนียด หรือว่าเป็นความขาดสูญบ้าง เป็นผู้มีความคิดเห็นตรงเกี่ยวกับ กายและใจนี้ว่ามีความเกิดความดับ
มีความแปรปรวนเปลี่ยนแปลง จึงมีความเข้าใจเกี่ยวกับอนัตตา แต่ก็ยังละกิเลสไม่ได้ทั้งหมด และยังไม่มีความรู้เชิงประจักษ์ชัดเจนเกี่ยวกับอนัตตา

เจ้าของ:  เช่นนั้น [ 06 เม.ย. 2014, 04:46 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระโสดาบันยังมีความหลงไหม

โสดาบันบุคคล เป็นผู้ไม่หลงทาง
โสดาบันบุคคล เป็นผู้ไม่หลงทาง เป็นผู้มีศรัทธาโดยยึดเอา พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เป็นสรณะ

โสดาบันบุคคล เป็นผู้รู้จักเหตุ รู้จักผลในการปฏิบัติ เป็นผู้มีปฏิปทาตรงต่อพระนิพพาน จึงไม่หลงยึดศีลพรตอื่นใดซึ่งเป็นปฏิปักษ์ต่อ อริยะมรรค

ดังนั้น โสดาบันบุคคล จึงเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ เป็นบาทฐานแก่ สมาธิปัญญา

ดังนั้น ความหลงใดอันเป็นเหตุแก่ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาส
โสดาบันบุคคลจึงละได้สิ้นไป

เจ้าของ:  รสมน [ 22 เม.ย. 2014, 19:00 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: พระโสดาบันยังมีความหลงไหม

ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/