วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 04:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 346 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 24  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มี.ค. 2014, 22:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


ไอ้ฟัก เขียน:
ที่สำคัญ การเลิกอาชีพ นั้น กลางคัน
แม่เล้า แมงดา ในนครนั้น มันจะยอม เหรอ
ก็ในเมื่อ นางสิริมา ยังสาวยังแส้ ยัง เรียกลูกค้า ทำกำไรได้อีกมาก

แล้วเท่าที่อ่านดู หลัง บรรลุโสดาบัน
นางก็ทำบุญทำทานทานแบบ มือเติบ ถึงวันละตั้ง ๑๖ กหาปณะทุกวัน ด้วย
ถ้าไม่ขายตัวต่อ แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปทำบุญ ล่ะ
ขืน เก็บกินแต่ของเก่า ก็ร่อยหรอ หมดอ่ะดิ


แล้ว ผู้หญิงสมัยก่อน น่ะ ถ้าไม่มีผัวมาเลี้ยงดู
นอกจาก อาชีพ ขอทาน กับ โสเภณี แล้ว จะไปทำมาหากิน อะไรได้
ยิ่งโตมา โดยที่ถูกฝึกให้เชี่ยวชาญแต่เฉพาะในเรื่อง สนองกามตัณหา ผู้ชายอย่างนั้น
ถ้า ไม่ขาย นาผืนน้อย หาเลี้ยงตัว มันจะ ออกมาทำอะไรเป็น

โสดาบัน เนี่ย ไง ก็ยัง มี รักโลภ โกรธหลง และ ชื่นชอบ ความสุขสบายนะ
ถ้าจะให้ ลำบากตรากตรำ ออกไปเลี้ยงควายไถนา นางคงไม่ยอมทำหรอก




ดู..ดิ....ไอ้ฟักคาดเดา...คิดเอง...เออเองทั้งน่าน...อโสกะ....เบิ่งตาดูบ้าง..อย่ากลัวหลาย
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2014, 16:29 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b32:
อโสกะเอ๋ย...มาตราฐานของไอ้ฟักนั้นนะ...อโสกะเห็นว่าสูงเกินโสดาบันรั....ถึงได้กลัวจนพูดยกยอปานนั้น

นี้มันมาตราฐานอเวจี....อย่าตัวสั่นน่าอโสกะ

:b32:

:b12: :b12: :b12:
สบายๆน่า คุณกบ.....

ที่ว่าตั้งมาตรฐานไว้สูงนั้น เพราะมากคนสำคัญผิดหรือเข้าใจผิดว่า เมื่อเป็นอริยชนแล้ว ต้องพับเพียบเรียบร้อย นิ่มนวล อยู่ในกกรอบเปรี๊ยะ ไม่มีกระโดกกระเดก......หรือต้องเป็นผู้ทรงฤทธิ์ทรงคุณเหนือมนุษย์ธรรมดามากๆ

เพราะ ฉนั้นพอไปเจอพระอริยเจ้าบางท่านบางองค์นิสัยนักเลงโผงผาง หรือบางท่านเคยเป็น โจรชั่ว โสเภณี ก็ตีความอนุมาณตัดสินเอาเองด้วยปุถุจิต จึงทำให้พลาดประมาทจ้วงจาบพระอริยเจ้าไปด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เป็นอันตรายทั้งกับตนเองและผู้หลงเชื่อตาม จึงบอกๆปรามๆกันไว้ให้สำเหนียก

อันเรื่องตัวสั่นเหมือนกบเจองูนั้นคงไม่ค่อยมีแล้วหละครับ ไม่ต้องห่วงนะครับ

:b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2014, 06:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b36:
ความเจริญศีล 5 ได้ดีแล้วเป็นเหตุเป็นผลให้ถึงนิพพานนั้นมันก็อยู่ในกฎเกณฑ์หลักธรรมดาของคำสอนของพระพุทธเจ้า คือกฎของเหตุและผล

ศีลดี......สมาธิเกิด.....สมาธิดี....ปัญญาที่ดีและละเอียดอ่อนเกิดขึ้นเห็นธรรมตามความเป็นจริง

พบความจริงใจก็ ทิ้งความหลงเห็นผิด ยึดผิด

จิตก็เป็นอิสระหลุดพ้น

ในคราบของคนธรรมดานุ่งเสื้อสองแขนเช่นนี้ก็อาจทำจิตใจให้เป็นใจอริยะชนได้ โดยไม่มีขีดจำกัดเรื่องวัย ฐานะ วุฒิภาวะ หรือระดับความรู้ ...ไม่จำกัดเพศ วัย ศาสนา ภาษา ถิ่นที่อยู่

"ใครมีโอกาสได้รู้ถูกต้องก็ถึงธรรม"
:b53:
:b51:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2014, 13:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
อีกประการหนึ่งมาตรฐานที่คุณฟักตั้งอาจสูงเกินระดับพระโสดาบันไปก็ได้นะครับ



ดู..ชัด..ชัด..ว่าอโสกะ..ว่าอย่างไร....
คิดได้อย่างไร....ท่านสุปะพุทธะ....แม้จะเป็นโรคเรื้อน..ขอทานด้วย....ให้พูดเล่นๆว่า..พระพุทธเจ้าไม่มี..พระธรรมไม่มี...พระสงฆ์ไม่มี...เพื่อแลกกับโรคหาย...มีเงินมีทอง...ยังไม่ทำ

แต่อโสกะ..ยกมาตราฐานอเวจีว่า..สูงเกินระดับโสดาบัน...ซะนี้..อิอิ..

กลัวจนตาลาย..
ยิ่งเรียกชื่อ..ไอ้ฟัก.ว่าคุณฟัก...เพราะกลัวกระทบกับอริยะสมบัติของตัว..นิ..อิอิ

เขาชื่อ.ไอ้ฟัก....ก็เรียก..ไอ้ฟัก..เรียกชื่อเต็ม....มันไม่ผิดศีลข้อ 4 หรอก..555


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2014, 23:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
อีกประการหนึ่งมาตรฐานที่คุณฟักตั้งอาจสูงเกินระดับพระโสดาบันไปก็ได้นะครับ



ดู..ชัด..ชัด..ว่าอโสกะ..ว่าอย่างไร....
คิดได้อย่างไร....ท่านสุปะพุทธะ....แม้จะเป็นโรคเรื้อน..ขอทานด้วย....ให้พูดเล่นๆว่า..พระพุทธเจ้าไม่มี..พระธรรมไม่มี...พระสงฆ์ไม่มี...เพื่อแลกกับโรคหาย...มีเงินมีทอง...ยังไม่ทำ

แต่อโสกะ..ยกมาตราฐานอเวจีว่า..สูงเกินระดับโสดาบัน...ซะนี้..อิอิ..

กลัวจนตาลาย..
ยิ่งเรียกชื่อ..ไอ้ฟัก.ว่าคุณฟัก...เพราะกลัวกระทบกับอริยะสมบัติของตัว..นิ..อิอิ

เขาชื่อ.ไอ้ฟัก....ก็เรียก..ไอ้ฟัก..เรียกชื่อเต็ม....มันไม่ผิดศีลข้อ 4 หรอก..555

:b7:
มองกันคนละมุมเสียแล้วคุณกบ
:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2014, 14:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


ก็เห็นชมขนาดนั้น....จะเห็นเป็นอื่นได้งัย..อิอิ

"สูงกว่าโสดาบัน"...

นี้นะ.. :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2014, 15:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
อีกประการหนึ่งมาตรฐานที่คุณฟักตั้งอาจสูงเกินระดับพระโสดาบันไปก็ได้นะครับ



ดู..ชัด..ชัด..ว่าอโสกะ..ว่าอย่างไร....
คิดได้อย่างไร....ท่านสุปะพุทธะ....แม้จะเป็นโรคเรื้อน..ขอทานด้วย....ให้พูดเล่นๆว่า..พระพุทธเจ้าไม่มี..พระธรรมไม่มี...พระสงฆ์ไม่มี...เพื่อแลกกับโรคหาย...มีเงินมีทอง...ยังไม่ทำ

แต่อโสกะ..ยกมาตราฐานอเวจีว่า..สูงเกินระดับโสดาบัน...ซะนี้..อิอิ..

กลัวจนตาลาย..
ยิ่งเรียกชื่อ..ไอ้ฟัก.ว่าคุณฟัก...เพราะกลัวกระทบกับอริยะสมบัติของตัว..นิ..อิอิ

เขาชื่อ.ไอ้ฟัก....ก็เรียก..ไอ้ฟัก..เรียกชื่อเต็ม....มันไม่ผิดศีลข้อ 4 หรอก..555

ใช่จำได้คลิปที่ท่านกบเอามาให้ดู ที่หลวงพ่อเล่าเรื่องท่านสุปะพุทธะ ท่านสุปะพุทธะชี้หน้าด่าพระอินทร์ ว่า พระอินทร์ถ่อย จงถ่อยไป พระโสดาบัณยังโกรธเป็นแถมยังชี้หน้าด่าพระอินทร์เพราะจ้าบจ้วงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 มี.ค. 2014, 16:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ไอ้ฟัก เขียน:
สงสัยเกี่ยวกับ ศีล ข้อ 3

เห็นมี คนบอกประมาณว่า
การล่วงเกิน หญิงที่เป็นภรรยาของชายชั่วครั้งชั่วคราว นั้น
มันเป็น เรื่อง ผิดศีล ข้อ 3

ก็เลยสงสัยว่า

แล้วเช่นนี้ โสเภณีดีกรีโสดาบัน อาทิเช่น นางสิริมา
ไป สมสู่ กับ สามีผู้อื่น โดยที่ หญิงผู้เป็นภรรยา มิได้เต็มใจ ให้ คนทั้งคู่สมสู่กัน
นางโสเภณีโสดาบัน คนนี้ จะ ผิดศีลข้อ 3 หรือไม่ ?

และถ้า เรา ออฟ โสเภณีโสดาบัน มาบำบัดความใคร่ ให้
เราจะผิดศีล ข้อ 3 หรือไม่อย่างไร ลักษณะความผิด ต่างจาก นางโสเภณีฯ นั่นหรือไม่ ?
ไอ้ฟักอาจจะผิดถ้าแอบหนีเมียมาทำแบบนั้น ผิดตรงไม่ขออนุญาติเมีย และรู้สึกละอายใจ :b32: แต่นางสิริมาไม่ผิด เพราะนางสริริมาไม่ได้ไปแย่งสามีใคร แต่พวกผู้ชายเขามาก็เพื่อแลกเปลี่ยน เรื่องเต็มใจไม่เต็มใจมันก็เรื่องของผัวๆเมียๆ คุยกันเองดิ
นางสิริมา อาจจะเป็นบุคคลตัวอย่างเพื่อให้ ผู้หญิงขายบริการในสมัยนี้ หัดทำบุญ ทำทาน ทำอาชีพนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะทำตัวเป็นคนใจสูงไม่ได้นี่หน่า สละเงินทองที่หามาได้ ไปบริจาคทานเสียบ้าง อย่าไปคิดว่าอาชีพของตนต่ำ ถ้าจิตใจไม่ต่ำ ทำไมกัน ขนาดสวิงกิ้ง วัน ไนท์ แสตนย์ ยังเป็นการปฏิบัติเพื่อให้ไม่ให้เลิกยึดติดใน สมุติบัญยัติว่านั่นผัวเขา เมียเขา ผัวเรา เมียเรา นางสริริมาอาจจะไม่ได้ยึดติดสมมติตรงนั้นก็ได้ :b13: แต่ทำไปตามเหตุปัจจัยและไม่ได้มีจิตผูกพันธ์กับใคร ก็สนองความใคร่ให้พวกบ้ากามทั้งหลาย เพื่ออาจจะลดปัญหาพวกหื่นชอบกระทำอนาจารณ์ ข่มขืน กระทำชำเราผู้หญิงที่ไม่ได้เต็มใจ เทอไม่ได้ไปแย่งผัวชาวบ้าน ก็ซื้อขายตามขนบธรรมเนียมประเพณี ที่สังคมสมัยนั้นตั้งขึ้น อย่างพวกทำอาชีพ อาบ อบ นวดสมัยนี้ ก็ควรจะยึดเอานางสริริมาเป็นตัวอย่างว่า ถึงจะเป็นโสเภณี แต่ถ้าใจสูงซะอย่างก็คงไม่ตกต่ำหรอก มันอยู่ที่คุณภาพจิตของคนๆนั้น :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2014, 14:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ก็เห็นชมขนาดนั้น....จะเห็นเป็นอื่นได้งัย..อิอิ

"สูงกว่าโสดาบัน"...

นี้นะ.. :b32:

s004
เพราะคิดอยู่ในมุมของตนเองอยู่มุมเดียวจึงวินิจฉัยผิดพลาด

ลองพิจารณาให้ครบทั้งมุมลบมุมบวก 6 หรือ 8 ทิศทาง หรือจะถามคุณไอ้ฟักดูดีๆอีกครั้งก็ได้ว่า ธง หรือมาตรฐานของพระโสดาบันที่เขาตั้งไว้ในใจมันเป็นอย่างไรจะได้เข้าใจกันดีฉ้ันมิตร
ไม่ใช่ศัตรูทางความคิดความเห็นที่จะต้องเอาชนะคะคานกัน
นะครับ
:b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มี.ค. 2014, 21:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


ชนะอโสกะ...แล้วผมจะได้อาร้าย...ละฮึ
:b9:
ในกรณีนี้....ผมเลือกมุม...ที่จะให้คู่สนทนาเห็นเงาตัวเองได้ชัด...นะครับ

ถ้ามีมุมเดียว....ก็เลือกมุมนั้น

1.เลือกมุม.ท่านสุปะพุทธะ...ใครจาบจ้วงพระรัตนตรัย...ก็เอามันเลย...โสดาบัน..นี้ก็สงฆ์สาวกแล้วนะ..แม้ไม่ได้บวชร่างกาย...ท่านสุปะพุทธะยังไม่ปราณีปรานอมกับพระอินทร์เลย..อโสกะ
อโสกะ..กลัวเขาไม่รักเรา..เขาไม่เป็นพวกเรารึงั้ย....จึงอ่อมแอ่มๆ..ไปยกว่าเขามีมาตราฐานสูง...ดูใจตรงนี้ทันมั้ย?

2. ความกลัวศีลด่างพร่อย...กลัวอริยะสมบัติกระเทือน...จึงไม่กล้าเรียก...ไอ้ฟัก..อันเป็นชื่อเต็มๆของเขา...พอเลี่ยงมาเรียก..คุณฟัก...จึงเห็นชัด....ถ้าอยากให้สุภาพ...ก็ต้องเรียก...คุณไอ้ฟัก...จึงจะถูก..อิอิ

ผมเลือกมุมเดียว...เพื่อสะท้อน...เพื่อนคู่สนทนา...เพราะหวังดี....

ถ้าอยากให้เพื่อนรัก...ก็จะเลือกมุมอ่อ..ออ..ห่อหมก...อะไรผิดๆ..ก็ข้ามๆ ไป....อันนี้ผมมีแต่ได้ฝ่ายเดียว..อิอิ
:b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2014, 09:52 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


ศีล5 โสดาบัน
เป็นศีลที่จิต..ที่ไม่มีแม้แต่..ดำริ..ว่า...จะฆ่าสิ่งใด...เอาเปรียบใคร...ผิดกาเมมิจฉาจารตามประเพณีหรือตามกฎหมาย...ไม่เจตนาทำร้ายใครด้วยคำพูด....ไม่คิดดื่มกินเสพด้วยเห็นการเมาขาดสติเป็นของดี

คำว่าไอ้ฟัก...แม้จะเรียกชื่อเต็มตามปกติ..แต่หากมีจิตคิดไม่ดี...จิตเหยียดหย่ามในที..หรือ...ต้องการให้ผู้อื่นคิดในทางต่ำกับผู้ใช้ชื่อ...ก็ได้ชื่อว่า..คิดผิด..ทำผิด..ต่อผู้อื่นด้วยวาจา

ในขณะเดียวกัน....จะเรียก..ไอ้ฟัก..ก็กลัวศีลตนจะหมอง....แสดงว่า..ศีลอยู่ในขั้น..ระวังรักษา...อยู่...ยังไม่เข้าขั้นของคำว่า..อธิศีล

ไม่ได้บอกว่า...ใครเป็นอะไร..ไม่เป็นอะไรนะ....เพราะตนตรวจสอบตนอย่างยุติธรรม...ก็รู้ตนได้เอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2014, 14:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ศีล5 โสดาบัน
เป็นศีลที่จิต..ที่ไม่มีแม้แต่..ดำริ..ว่า...จะฆ่าสิ่งใด...เอาเปรียบใคร...ผิดกาเมมิจฉาจารตามประเพณีหรือตามกฎหมาย...ไม่เจตนาทำร้ายใครด้วยคำพูด....ไม่คิดดื่มกินเสพด้วยเห็นการเมาขาดสติเป็นของดี

คำว่าไอ้ฟัก...แม้จะเรียกชื่อเต็มตามปกติ..แต่หากมีจิตคิดไม่ดี...จิตเหยียดหย่ามในที..หรือ...ต้องการให้ผู้อื่นคิดในทางต่ำกับผู้ใช้ชื่อ...ก็ได้ชื่อว่า..คิดผิด..ทำผิด..ต่อผู้อื่นด้วยวาจา

ในขณะเดียวกัน....จะเรียก..ไอ้ฟัก..ก็กลัวศีลตนจะหมอง....แสดงว่า..ศีลอยู่ในขั้น..ระวังรักษา...อยู่...ยังไม่เข้าขั้นของคำว่า..อธิศีล

ไม่ได้บอกว่า...ใครเป็นอะไร..ไม่เป็นอะไรนะ....เพราะตนตรวจสอบตนอย่างยุติธรรม...ก็รู้ตนได้เอง

:b7:
กบเอ๋ยกบ ยึดแน่น อุปาทานแน่นกับคำว่า "ไอ้" เห็นว่าเป็นคำหยาบโลนแต่เพียงถ่ายเดียว ไม่ได้เปิดกะลาออกมาดู โลกกว้างว่าคำว่า "ไอ้" ในภาษาไทยถิ่นอื่นกลับเป็นคำดีเหมือนเรียกว่า "พี่"
อย่างในภาษาไตยลื้อไตยยอง หรือในภาษาไตยอาจแทนคำว่าคุณด้วยซ้ำ

คำว่า ไอ้ฟัก ถูกตั้งเป็นชื่อ ก็เหมือนชื่อ กบ ชื่อ เอกอน ไม่เห็นมีอะไรแตกต่าง ถ้าไม่มี กู ในใจ ไปอุปาทานคำว่า"ไอ้"เป็นลบหรือบวก

กบเลยปรุงไปใหญ่เลย กระทบไปถึงคุณสมบัติของพระโสดาบันโน่น

นี่แหละอุปาทาน ในสัญญาที่ถูกนำมาปรุงให้เป็นเรื่อง
:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2014, 19:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นำมาเฉพาะที่เกี่ยวกับศีล หรือสิกขาบท 5,8


จะสุขง่าย ทุกข์ได้ยาก หากฝึกไว้


....ความสุขประเภทแรก คือ ความสุขจากการเสพ ความสุขอิงอามิส หรือกามสุข นั้น เป็นเรื่องใหญ่ที่สุขของโลกมนุษย์ ต้องระวังที่จะจัดการให้ดี เพราะเป็นความสุขแบบแย่งกัน จึงต้องรู้จักควบคุม

ดังที่ตรัสศีล ๕ ไว้ ก็เพื่อมาคุมเรื่องการหา และการเสพวัตถุ ให้อยู่ในขอบเขต จะหาจะเสพกันแค่ไหน จะแข่งจะแย่งชิงกันไป ก็อย่าให้ถึงกับเดือดร้อนนักหนา เบียดเบียนกันจนเป็นยุคมิคสัญญี

เมื่อมนุษย์อยู่ในศีล ๕ ก็พอยู่กันไปได้ แต่ไม่เป็นหลักประกันว่าจะมีความสุขอะไรได้มาก ถ้าจะให้ชีวิตและสังคมดีขึ้น ก็ต้องพัฒนากันต่อไป ท่านจึงบอกศีล ๘ ให้เอามาฝึกตนเพิ่มขึ้น



หลักการของศีล ๘ นั้น ก็คือว่า หลังจากเราปล่อยตัว หาความสุขจากการพึ่งพาวัตถุเสพมา ๗ หรือ ๘ วันแล้ว ก็ขอพักเสียวันหนึ่ง มาอยู่ง่ายๆ อาศัยวัตถุ หรือของเสพน้อยๆ และเอาเวลาที่จะบำรุงบำเรอตัวเองนั้นไปทำประโยชน์อย่างอื่น โดยให้เป็นวันรักษาศีล ๘ วันหนึ่ง ตามหลักที่เรียกว่าถืออุโบสถ ในวัน ๘ และ ๑๕ ค่ำ แรม ๘ และ ๑๔ หรือ ๑๕ ค่ำ รวมเป็นเดือนละแค่ ๔ วัน


ศีล ๕ มุ่งที่จะไม่เบียดเบียนคนอื่นทั้งนั้น ศีล ๘ ก็เพียงเปลี่ยนข้อ ๓ ของศีล ๕ เป็นเว้นเมถุน แล้วก็เพิ่มมาอีก ๓ ข้อ โดยข้อที่เปลี่ยนและเพิ่มเข้ามานี้ ไม่เกี่ยวกับคนอื่นเลย เป็นเรื่องของตัวเองทั้งนั้น คือ

ข้อ ๖ เว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล คือ เที่ยงไปแล้วไม่กิน ไม่ต้องมัวบำเรอลิ้น

ข้อ ๗ เว้นจากการรำ ดนตรี ดูฟังการละเล่นต่างๆ ที่เป็นการหาความสุขด้วยการบำเรอตา บำเรอหู

ข้อ ๘ เว้นจากการเสพสุขบำเรอสัมผัสกาย ด้วยการนอนฟูกฟู หรูหรา หนานุ่ม

นี่คือ ใน ๘ วัน ก็เอาเป็นวันฝึกตัวเองเสียวันหนึ่ง เป็นวิธีการง่ายๆ ในการทำตัวให้สุขได้ง่าย และรักษาอิสรภาพในการมีความสุขไว้


(มีต่อ)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2014, 19:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อ



ฝึกอย่างไร ? คือ คนเราก็หาความสุขจากสิ่งเหล่านี้ เป็นเรื่องส่วนตัวตามปรารถนา แต่ท่านบอกว่า อันนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของคุณก็จริง แต่ถ้าไม่ระวัง ความสุขของคุณจะไปขึ้นต่อสิ่งเหล่านี้ จะมีแต่ความสุขแบบพึ่งพา แล้วพึ่งพาเท่าไรก็ไม่พอ ก็ยิ่งหามาเสพมาครอบครอง จนเป็นเหตุให้แย่งชิงเบียดเบียนกันอย่างที่ว่าแล้ว เพราะฉะนั้น ให้ฝึกตัวไว้ รักษาอิสรภาพไว้

เราเคยตามใจตัว หรือค่อนข้างตามใจตัวเอง บำเรอลิ้นด้วยอาหาร หาความสุขจากการเสพรสอร่อยมา ๗ วัน ถึงวันที่ ๘ ก็ฝึกตัวด้วยศีลข้อ ๖ ลองดูว่าชีวิตจะอยู่ดีมีความสุขได้โดยไม่ต้องขึ้นกับอาหารที่ตามใจลิ้นได้ ไหม

หมายความว่า เคยกินเอารสอร่อยเป็นหลักมาเรื่อย คราวนี้เปลี่ยนเป็นกินเพื่อสุขภาพ เอาคุณภาพชีวิตเป็นหลักบ้าง เอาแค่อาหารพอหล่อเลี้ยงร่างกาย ไม่ตามใจลิ้น

ในทางตาทางหู ก็เช่นเดียวกัน เคยต้องคอยดูคอยฟังเรื่อบำเรอตา บำเรอหู มา ๗ วันแล้ว ถึงวันที่ ๘ ก็เอาศีลข้อ ๗ มาฝึก ไม่ ต้องตามใจมัน งดเสียบ้าง เอาเวลาที่จะตามใจคอบบำเรอ ตา หู นั้น ไปใช้ทางอื่น เช่น ไปพัฒนาจิตใจ หรือไปบำเพ็ญประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ ไปทำความดีสร้างสรรค์ชีวิตและสังคม ทำการทำงานอดิเรก ที่เป็นประโยชน์

เคย นอนตามใจตนเอง ต้องใช้ที่นอนฟูกฟู หรูหรา พอวันที่ ๘ ก็รักษาศีลข้อที่ ๘ นอนพื้น นอนเสื่อ สักวัน ลองดูซิว่าเราจะอยู่สุขสบาย โดยไม่ต้องเอาความสุขไปฝากไว้กับสิ่งเหล่านี้ จะมีชีวิตที่ดีได้ไหม

ด้วยวิธีนี้ เท่ากับเราระวังไว้ ไม่ปล่อยตัวให้ความสุขของเราต้องพึ่งพาวัตถุเสพ ขึ้นต่อกามอามิสมาก เกินไป เราจะรักษาอิสรภาพไว้ได้ และไม่ตกลงไปในกระแสของความหมกมุ่นในการเสพวัตถุเสพกามจนกลายเป็นมนุษย์ที่ ทุกข์ง่าย สุขได้ยาก

การฝึกตัวอย่างนี้ จะทำให้เราเป็นคนที่สุขง่าย ทุกข์ได้ยาก เดินหน้าไปในกรมีความสุขที่เป็นอิสระ ที่ไม่ต้องพึงพาวัตถุมากเกินไป แล้วก็เข้มแข็ง ไม่สูญเสียความสามารถในการมีความสุข

แล้วที่สำคัญ มันเข้าทางพัฒนาความสุข เป็นจุดเชื่อมต่อที่จะก้าวขึ้นไปสู่การพัฒนาจิตใจและพัฒนาปัญญาที่สูงขึ้นไป


(มีต่อ)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มี.ค. 2014, 19:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อ


ตอนนี้ เราอาจจะพิสูจน์ว่าเรายังมีอิสรภาพ ยังเป็นอิสระในการมีความสุข ยังมีความสุขโดยไม่ต้องขึ้นต่อของเสพมากนักหรือไม่ วิธีที่พิสูจน์ง่ายๆ ก็มาดูคน ๒-๓ พวก ต่อไปนี้


คนจำนวนมากปล่อยตัวไปเรื่อยๆ กับการหาความสุขด้วยการกินเสพ ต้องกินอาหารอร่อย ดูฟังสิ่งบำเรอตา บำเรอหู ดูการละเล่นให้สนุก อยู่กับทีวี นอนฟูกหนานุ่ม และหาสิ่งเหล่านี้ให้มากขึ้น เสพให้มากขึ้น มีของเสพที่ดีวิเศษยิ่งขึ้น


ไปๆ มาๆ ชีวิตและความสุขของเขาต้องขึ้นต่อกามวัตถุสิ่งเสพไปหมด ขาดมันไม่ได้ ชีวิตอยู่ดีลำพังตนเองมีความสุขไม่ได้ เพราะสิ่งเสพสิ่งบำเรอนั้น เป็นทางมาทางเดียวของความสุขของเขา

พวก ที่เข้าทางนี้ บางคนจะไปถึงจุดที่ว่า ความสุขของเขาต้องขึ้นต่อสิ่งเสพวัตถุบำรุงบำเรออย่างสิ้นเชิง จะต้องมีมัน ขาดมันไม่ได้ ถ้ามีมีเขาจะทุรนทุกราย เหมือนกับบอกว่า ฉันต้องมีมัน ถ้าไม่มีมัน ฉันอยู่ไม่ได้ ฉันต้องตายแน่ๆ ถ้าถึงขนาดนี้ ก็แสดงว่าเขาสูญเสียอิสรภาพไปหมดสิ้นแล้ว


แต่ คนที่ฝึกตัวตามหลักถืออุโบสถ รักษาศีล ๘ นี้ จะอยู่ง่าย สุขง่ายขึ้น ค่อยๆ เป็นอิสระจากเครื่องบำรุงบำเรอทั้งหลาย มีความสุขที่ไม่ต้องพึ่งพาได้มากขึ้น จึงไม่สูญเสียอิสรภาพ


เวลา พูดถึงบำรุงบำเรอความสุขเหล่านั้น เขาจะบอกว่า มีก็ดี ไม่มีก็ได้ มีก็ดี ฉันจะสบาย แต่ไม่มีมันฉันก็ก็อยู่ได้นะ นอนเสื่อนอนกระดาน ฉันก็นอนได้ เป็นอิสระคล่องตัวดี แล้วแถมไม่เป็นโรคปวดหลังอีกด้วย

(บางคนนอนฟูกไปนานๆ เป็นโรคปวดหลัง ไม่ได้ฝึกตัวเอง จนต้องถูกหมอบังคับ หมอบอกว่า ต่อไปนี้ คุณต้องนอนพื้น นอนเสื่อ นอนกระดาน จะได้ไม่ปวดหลัง อย่างนี้เป็นต้น)


เป็นอันว่า เราก็รักษาอิสรภาพไว้ได้ เราสามารถพูดได้ว่า มีก็ดี ไม่มีก็ได้ ถ้าพูดหรือคิดอย่างนี้ได้ ก็แสดงว่า ยังมีอิสรภาพ


ต่อมา เราเก่งขึ้นไปอีก ก็จะมองเห็นและรู้สึกว่าสิ่งบำรุงบำเรอฟุ่มเฟือยหรูหราเหล่านั้นแกะกะ เกินจำเป็น


ถึง ตอนนี้ เราจะพูดว่า มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ หรือยิ่งกว่านั้นว่า มีก็ได้ ไม่มีก็ดี มีฉันก็ไม่ว่า แต่ถ้าไม่มีก็ดี ฉันจะได้เป็นอิสระ คล่องตัวดี


เราฝึกตัวไปแม้แต่ในขั้นต้น เราก็จะมีชีวิตที่คล่องตัวขึ้นมาก ซึ่งทำให้เราทั้งสามารถใช้เวลาให้เป็นประโยชน์มากขึ้น และสามารถมีความสุขได้ง่ายขึ้นด้วย สิ่งเหล่านั้น จะมีคุณค่าพอดีของมัน คือบริบูรณ์ในตัว ไม่ใช่ว่าจะต้องเพิ่มปริมาณขึ้นทุกที โดยมีสุขเพียงเท่าเดิม


เรา จะกลายเป็นคนที่ว่า ฉันอยู่โดยลำพังเอง ฉันก็มีสุขได้ แต่มีสิ่งเหล่านี้มา ก็ใช้มันอย่างรู้เท่าทัน เป็นเครื่องเสริมสุข ทำให้ฉันมีความสุขมากขึ้นได้ ให้สิ่งเสพเป็นเพียงสิ่งเสริมสุข แต่อย่าให้มันเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสุขของเรา ถ้าสิ่งเหล่านั้น เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสุขของเรา ก็แสดงว่าเราหมดอิสรภาพแล้ว เราต้องเป็นคนมีสุขได้ในตัวเอง แม้สิ่งเหล่านั้น มาเสริมความสุขของเรา

แล้วท่านก็แนะนำไว้ด้วยว่า เมื่อรักษาอุโบสถ ก็ให้เอาเวลาที่ได้จากการงดเสพไปทำพวกอนวัชชกรรม คือ พอเราไม่ยุ่งกับการเสพบำรุงบำเรอตัว เราก็ได้เวลาเพิ่มขึ้นมาเฉยๆ อีกเยอะ

ทีนี้ ในวันที่รักษาอุโบสถนั้น ก็เอาเวลาที่มีขึ้นมามาก ไปจัดใช้ให้เป็นประโยชน์ ค้นคว้าหาความรู้ อ่านหนังสือธรรม หรือเรื่องที่ดีๆ ไปให้ความรู้แก่เด็ก ร่วมกิจกรรมสร้างสรรค์ เจริญภาวนา หรือไปบำเพ็ญประโยชน์ เช่น ไปเลี้ยงเด็กกำพร้า ไปเยี่ยมผู้เฒ่าชรา ฯลฯ

นี่เป็นการพัฒนา ขึ้นมาอีกขั้นหนึ่ง เมื่อมีโอกาส ก็ควรลองดู รักษาศีล ๘ เพียง ๘ วันครั้งเดียว ไม่ยาก แต่คุณค่าเหลือคุ้ม ทำให้รักษาอิสรภาพของชีวิตไว้ได้ และทำให้เป็นคนสุขง่ายด้วยวัตถุน้อย เอื้อต่อการปฏิบัติธรรม เจริญภาวนายิ่งขึ้นไป แถมยังดีต่อสุขภาพ ส่งเสริมคุณภาพชีวิต ทำให้ได้เวลาอย่างเป็นประโยชน์มากขึ้นอีกด้วย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 346 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 24  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 38 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron