วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 18:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 45 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2013, 20:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


นี่แหละมานะสนใจในเนื้อพระสูตรที่เขาหาความต่างมาให้ดูเถอะแล้ววิเคราะห์หาขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ของพระองเถอะอาจจะเจอก็ได้


อรรถกถาก็ขุมทรัพย์

เช่น บุญกิริยาวัตถุสิบ เพื่อจำง่าย

ทาน ศีล ภาวนา วาจาอ่อนน้อม ถ่อมตนรับใช้ เฉลี่ยให้ความดี มีใจอนุโมทนา ใฝ่หาฟังธรรม นำไปปฏิบัติไม่เว้น ทำความเห็นให้ตรง :b1:

แค่นี้กรัชกายก็ไม่เข้าใจถ้าทุกคนเติมแต่งในสิ่งที่คิดว่าดีอย่างละนิละหน่อยภายภาคหน้าจะเหลือสัทธรรมแท้ยังไงอย่าเอาแตว่าง่ายคิดว่าใช่แค่นี้กรัชกายยังไม่เชื่อพระศาสดาเราก็จะมีข้อวัตรที่ตนเองคิดว่าถูกว่าดีปฎิบัติแล้วเมื่อไหร่เราจะหยั่งลงมั่นในพระศาสดายอมมีแค่ความเห็นของท่าโดยไม่มีความเห็นของเราเจือปนล่ะครับ


ถามบุญกิริยาวัตถุสิบ เป็นขุมทรัยพ์ไหม :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2013, 20:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


นี่แหละมานะสนใจในเนื้อพระสูตรที่เขาหาความต่างมาให้ดูเถอะแล้ววิเคราะห์หาขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ของพระองเถอะอาจจะเจอก็ได้


อรรถกถาก็ขุมทรัพย์

เช่น บุญกิริยาวัตถุสิบ เพื่อจำง่าย

ทาน ศีล ภาวนา วาจาอ่อนน้อม ถ่อมตนรับใช้ เฉลี่ยให้ความดี มีใจอนุโมทนา ใฝ่หาฟังธรรม นำไปปฏิบัติไม่เว้น ทำความเห็นให้ตรง :b1:

แค่นี้กรัชกายก็ไม่เข้าใจถ้าทุกคนเติมแต่งในสิ่งที่คิดว่าดีอย่างละนิละหน่อยภายภาคหน้าจะเหลือสัทธรรมแท้ยังไงอย่าเอาแตว่าง่ายคิดว่าใช่แค่นี้กรัชกายยังไม่เชื่อพระศาสดาเราก็จะมีข้อวัตรที่ตนเองคิดว่าถูกว่าดีปฎิบัติแล้วเมื่อไหร่เราจะหยั่งลงมั่นในพระศาสดายอมมีแค่ความเห็นของท่าโดยไม่มีความเห็นของเราเจือปนล่ะครับ


ถามบุญกิริยาวัตถุสิบ เป็นขุมทรัยพ์ไหม :b1:
ผมบอกแล้วไงว่า๓เท่านั้นแต่ที่เพิ่มาท่านก็เอามาจากการกล่าวของพระองค์ในวาระอื่นนี่แหละแต่ไม่น่าเอามาใส่เพิ่มควรเอาเป็นส่วนขายเพื่อการดำรงพระสัทธรรม และสำคัญที่สุดนั้นคือเราใส่ความเห็นของเรา เราไม่สามารถหยุดความคิดเห็นส่วนตัวของเราลงได้ เราจึไม่หยั่งลงมั่นในตถาคตฝ่ายเดียว ชอบเติมแต่งนี่เป็นกิเลสที่ละเอียดอ่อน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2013, 20:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


นี่แหละมานะสนใจในเนื้อพระสูตรที่เขาหาความต่างมาให้ดูเถอะแล้ววิเคราะห์หาขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ของพระองเถอะอาจจะเจอก็ได้


อรรถกถาก็ขุมทรัพย์

เช่น บุญกิริยาวัตถุสิบ เพื่อจำง่าย

ทาน ศีล ภาวนา วาจาอ่อนน้อม ถ่อมตนรับใช้ เฉลี่ยให้ความดี มีใจอนุโมทนา ใฝ่หาฟังธรรม นำไปปฏิบัติไม่เว้น ทำความเห็นให้ตรง :b1:

แค่นี้กรัชกายก็ไม่เข้าใจถ้าทุกคนเติมแต่งในสิ่งที่คิดว่าดีอย่างละนิละหน่อยภายภาคหน้าจะเหลือสัทธรรมแท้ยังไงอย่าเอาแตว่าง่ายคิดว่าใช่แค่นี้กรัชกายยังไม่เชื่อพระศาสดาเราก็จะมีข้อวัตรที่ตนเองคิดว่าถูกว่าดีปฎิบัติแล้วเมื่อไหร่เราจะหยั่งลงมั่นในพระศาสดายอมมีแค่ความเห็นของท่าโดยไม่มีความเห็นของเราเจือปนล่ะครับ


ถามบุญกิริยาวัตถุสิบ เป็นขุมทรัยพ์ไหม :b1:
ผมบอกแล้วไงว่า๓เท่านั้นแต่ที่เพิ่มาท่านก็เอามาจากการกล่าวของพระองค์ในวาระอื่นนี่แหละแต่ไม่น่าเอามาใส่เพิ่มควรเอาเป็นส่วนขายเพื่อการดำรงพระสัทธรรม และสำคัญที่สุดนั้นคือเราใส่ความเห็นของเรา เราไม่สามารถหยุดความคิดเห็นส่วนตัวของเราลงได้ เราจึไม่หยั่งลงมั่นในตถาคตฝ่ายเดียว ชอบเติมแต่งนี่เป็นกิเลสที่ละเอียดอ่อน



ก็บอกแล้วว่า เพื่อให้ชาวบ้านมีช่องทางทำความดีมากขึ้น (เป็นขุมทรัพย์ไหม)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2013, 20:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


นี่แหละมานะสนใจในเนื้อพระสูตรที่เขาหาความต่างมาให้ดูเถอะแล้ววิเคราะห์หาขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ของพระองเถอะอาจจะเจอก็ได้


อรรถกถาก็ขุมทรัพย์

เช่น บุญกิริยาวัตถุสิบ เพื่อจำง่าย

ทาน ศีล ภาวนา วาจาอ่อนน้อม ถ่อมตนรับใช้ เฉลี่ยให้ความดี มีใจอนุโมทนา ใฝ่หาฟังธรรม นำไปปฏิบัติไม่เว้น ทำความเห็นให้ตรง :b1:

แค่นี้กรัชกายก็ไม่เข้าใจถ้าทุกคนเติมแต่งในสิ่งที่คิดว่าดีอย่างละนิละหน่อยภายภาคหน้าจะเหลือสัทธรรมแท้ยังไงอย่าเอาแตว่าง่ายคิดว่าใช่แค่นี้กรัชกายยังไม่เชื่อพระศาสดาเราก็จะมีข้อวัตรที่ตนเองคิดว่าถูกว่าดีปฎิบัติแล้วเมื่อไหร่เราจะหยั่งลงมั่นในพระศาสดายอมมีแค่ความเห็นของท่าโดยไม่มีความเห็นของเราเจือปนล่ะครับ


ถามบุญกิริยาวัตถุสิบ เป็นขุมทรัยพ์ไหม :b1:
ผมบอกแล้วไงว่า๓เท่านั้นแต่ที่เพิ่มาท่านก็เอามาจากการกล่าวของพระองค์ในวาระอื่นนี่แหละแต่ไม่น่าเอามาใส่เพิ่มควรเอาเป็นส่วนขายเพื่อการดำรงพระสัทธรรม และสำคัญที่สุดนั้นคือเราใส่ความเห็นของเรา เราไม่สามารถหยุดความคิดเห็นส่วนตัวของเราลงได้ เราจึไม่หยั่งลงมั่นในตถาคตฝ่ายเดียว ชอบเติมแต่งนี่เป็นกิเลสที่ละเอียดอ่อน



ก็บอกแล้วว่า เพื่อให้ชาวบ้านมีช่องทางทำความดีมากขึ้น (เป็นขุมทรัพย์ไหม)

ผมตอบตรงๆนะว่าผิดเต็มที่เลยถ้าพระองค์กล่าวไว้้เพียง3แล้วเพิ่มเข้ามาอีกเจ็ด เพราะถ้อยคำเหล่านั้นคนศึกษาธรรมะเขาอ่านเจอได้ และในชีวิตจริงคนทั่วไปเขาก็ทำกันอยู่แล้ว ขัดคำสั่งชัดเจน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2013, 20:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


นี่แหละมานะสนใจในเนื้อพระสูตรที่เขาหาความต่างมาให้ดูเถอะแล้ววิเคราะห์หาขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ของพระองเถอะอาจจะเจอก็ได้


อรรถกถาก็ขุมทรัพย์

เช่น บุญกิริยาวัตถุสิบ เพื่อจำง่าย

ทาน ศีล ภาวนา วาจาอ่อนน้อม ถ่อมตนรับใช้ เฉลี่ยให้ความดี มีใจอนุโมทนา ใฝ่หาฟังธรรม นำไปปฏิบัติไม่เว้น ทำความเห็นให้ตรง :b1:

แค่นี้กรัชกายก็ไม่เข้าใจถ้าทุกคนเติมแต่งในสิ่งที่คิดว่าดีอย่างละนิละหน่อยภายภาคหน้าจะเหลือสัทธรรมแท้ยังไงอย่าเอาแตว่าง่ายคิดว่าใช่แค่นี้กรัชกายยังไม่เชื่อพระศาสดาเราก็จะมีข้อวัตรที่ตนเองคิดว่าถูกว่าดีปฎิบัติแล้วเมื่อไหร่เราจะหยั่งลงมั่นในพระศาสดายอมมีแค่ความเห็นของท่าโดยไม่มีความเห็นของเราเจือปนล่ะครับ


ถามบุญกิริยาวัตถุสิบ เป็นขุมทรัยพ์ไหม :b1:
ผมบอกแล้วไงว่า๓เท่านั้นแต่ที่เพิ่มาท่านก็เอามาจากการกล่าวของพระองค์ในวาระอื่นนี่แหละแต่ไม่น่าเอามาใส่เพิ่มควรเอาเป็นส่วนขายเพื่อการดำรงพระสัทธรรม และสำคัญที่สุดนั้นคือเราใส่ความเห็นของเรา เราไม่สามารถหยุดความคิดเห็นส่วนตัวของเราลงได้ เราจึไม่หยั่งลงมั่นในตถาคตฝ่ายเดียว ชอบเติมแต่งนี่เป็นกิเลสที่ละเอียดอ่อน



ก็บอกแล้วว่า เพื่อให้ชาวบ้านมีช่องทางทำความดีมากขึ้น (เป็นขุมทรัพย์ไหม)

ผมตอบตรงๆนะว่าผิดเต็มที่เลยถ้าพระองค์กล่าวไว้้เพียง3แล้วเพิ่มเข้ามาอีกเจ็ด เพราะถ้อยคำเหล่านั้นคนศึกษาธรรมะเขาอ่านเจอได้ และในชีวิตจริงคนทั่วไปเขาก็ทำกันอยู่แล้ว ขัดคำสั่งชัดเจน



เอาตามใจสักที ทำอยู่แล้วก็ทำอยู่แล้ว :b1:

เอาใหม่นะ ทาน ศีล ภาวนา ไหน amazing ว่าไปสิว่าเป็นพุทธพจนก็ ทำไง ทาน ทำไงศีล ทำไงภาวนา ว่าไปเลยทีละข้อๆนะขอรับโผม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2013, 21:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:


นี่แหละมานะสนใจในเนื้อพระสูตรที่เขาหาความต่างมาให้ดูเถอะแล้ววิเคราะห์หาขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ของพระองเถอะอาจจะเจอก็ได้


อรรถกถาก็ขุมทรัพย์

เช่น บุญกิริยาวัตถุสิบ เพื่อจำง่าย

ทาน ศีล ภาวนา วาจาอ่อนน้อม ถ่อมตนรับใช้ เฉลี่ยให้ความดี มีใจอนุโมทนา ใฝ่หาฟังธรรม นำไปปฏิบัติไม่เว้น ทำความเห็นให้ตรง :b1:

แค่นี้กรัชกายก็ไม่เข้าใจถ้าทุกคนเติมแต่งในสิ่งที่คิดว่าดีอย่างละนิละหน่อยภายภาคหน้าจะเหลือสัทธรรมแท้ยังไงอย่าเอาแตว่าง่ายคิดว่าใช่แค่นี้กรัชกายยังไม่เชื่อพระศาสดาเราก็จะมีข้อวัตรที่ตนเองคิดว่าถูกว่าดีปฎิบัติแล้วเมื่อไหร่เราจะหยั่งลงมั่นในพระศาสดายอมมีแค่ความเห็นของท่าโดยไม่มีความเห็นของเราเจือปนล่ะครับ


ถามบุญกิริยาวัตถุสิบ เป็นขุมทรัยพ์ไหม :b1:
ผมบอกแล้วไงว่า๓เท่านั้นแต่ที่เพิ่มาท่านก็เอามาจากการกล่าวของพระองค์ในวาระอื่นนี่แหละแต่ไม่น่าเอามาใส่เพิ่มควรเอาเป็นส่วนขายเพื่อการดำรงพระสัทธรรม และสำคัญที่สุดนั้นคือเราใส่ความเห็นของเรา เราไม่สามารถหยุดความคิดเห็นส่วนตัวของเราลงได้ เราจึไม่หยั่งลงมั่นในตถาคตฝ่ายเดียว ชอบเติมแต่งนี่เป็นกิเลสที่ละเอียดอ่อน



ก็บอกแล้วว่า เพื่อให้ชาวบ้านมีช่องทางทำความดีมากขึ้น (เป็นขุมทรัพย์ไหม)

ผมตอบตรงๆนะว่าผิดเต็มที่เลยถ้าพระองค์กล่าวไว้้เพียง3แล้วเพิ่มเข้ามาอีกเจ็ด เพราะถ้อยคำเหล่านั้นคนศึกษาธรรมะเขาอ่านเจอได้ และในชีวิตจริงคนทั่วไปเขาก็ทำกันอยู่แล้ว ขัดคำสั่งชัดเจน



เอาตามใจสักที ทำอยู่แล้วก็ทำอยู่แล้ว :b1:

เอาใหม่นะ ทาน ศีล ภาวนา ไหน amazing ว่าไปสิว่าเป็นพุทธพจนก็ ทำไง ทาน ทำไงศีล ทำไงภาวนา ว่าไปเลยทีละข้อๆนะขอรับโผม

จะดูว่าตรงตำราที่ตัวเองมีใช่ป่าวกรัชกายกอดไว้ตำรานะ พผมบอกไปแล้วผมไม่เคยขาดการทำทานรักษาศิลภาวนา กรัชกายกอดแน่นเดียวกายสังขารก็ดับเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2013, 22:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b27:
การตัด ต่อ เติม แต่ง ให้แตกต่างไปจากคำสอนหลักของพระพุทธเจ้านั้น ไม่ถูกต้องแน่

แต่การอธิบาย ขยายความเพื่อให้เข้าใจหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นกลับเป็นสิ่งสมควรทำ และครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านก็ทำ

คุณ amazing ต้องพิจารณาให้ดีนะครับอย่าไปตีความเอาเองว่าใครสอนไม่ตรงกับคำสอนในพระไตรปิฎกแล้วเป็นการบิดเบือนธรรมไปเสียหมด ตัวอย่างง่ายๆ เช่น หลวงปู่ชาสอนเรื่องอนัตตาโดยบอกว่า "ก็โยมไปพยายามอยากจะให้เป็ดมันขันเหมือนไก่นี่ มันก็ทุกข์นะสิ".............ดังนี้เป็นต้น เรื่องอย่างนี้ก็ไม่มีสอนในพระไตรปิฎก แต่กลับไปตรงกับหลักธรรมของพระพุทธเจ้า

ถ้าพากันยึดตำราแน่นเกินไปก็จะพึ่งตัวเองไม่ได้สักที เหมือนนักศึกษาที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแล้วเอาความรู้ในตำราไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงไม่เป็น จะทำอะไรก็วิ่งหาตำรา กลัวอยู่แต่ว่าจะผิดจากตำรา

คนท่องความรู้จากตำรามาสอน เทียบกับคนที่ลงมือปฏิบัติจริงแล้วเอาประสบการจริง มาสอน รสชาดของเรื่องที่ผู้ศึกษาจะได้ยินได้ฟังมันต่างกันมาก คุณamazing น่าจะรู้ซึ้งดีในเรื่องนี้นะครับ
:b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ต.ค. 2013, 22:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b27:
การตัด ต่อ เติม แต่ง ให้แตกต่างไปจากคำสอนหลักของพระพุทธเจ้านั้น ไม่ถูกต้องแน่

แต่การอธิบาย ขยายความเพื่อให้เข้าใจหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นกลับเป็นสิ่งสมควรทำ และครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านก็ทำ

คุณ amazing ต้องพิจารณาให้ดีนะครับอย่าไปตีความเอาเองว่าใครสอนไม่ตรงกับคำสอนในพระไตรปิฎกแล้วเป็นการบิดเบือนธรรมไปเสียหมด ตัวอย่างง่ายๆ เช่น หลวงปู่ชาสอนเรื่องอนัตตาโดยบอกว่า "ก็โยมไปพยายามอยากจะให้เป็ดมันขันเหมือนไก่นี่ มันก็ทุกข์นะสิ".............ดังนี้เป็นต้น เรื่องอย่างนี้ก็ไม่มีสอนในพระไตรปิฎก แต่กลับไปตรงกับหลักธรรมของพระพุทธเจ้า

ถ้าพากันยึดตำราแน่นเกินไปก็จะพึ่งตัวเองไม่ได้สักที เหมือนนักศึกษาที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแล้วเอาความรู้ในตำราไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงไม่เป็น จะทำอะไรก็วิ่งหาตำรา กลัวอยู่แต่ว่าจะผิดจากตำรา

คนท่องความรู้จากตำรามาสอน เทียบกับคนที่ลงมือปฏิบัติจริงแล้วเอาประสบการจริง มาสอน รสชาดของเรื่องที่ผู้ศึกษาจะได้ยินได้ฟังมันต่างกันมาก คุณamazing น่าจะรู้ซึ้งดีในเรื่องนี้นะครับ
:b20:


ได้อ่านเป็นครั้งแรกครับ หลวงปู่ชายกตัวอย่างเรื่องอนัตตา น้ำตาจะไหลครับด้วยความซึ้งใจ บังเอิญสนใจเรื่องอนัตตาอยู่ ไม่เกี่ยวกับหัวข้อนะครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2013, 06:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b27:
การตัด ต่อ เติม แต่ง ให้แตกต่างไปจากคำสอนหลักของพระพุทธเจ้านั้น ไม่ถูกต้องแน่

แต่การอธิบาย ขยายความเพื่อให้เข้าใจหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นกลับเป็นสิ่งสมควรทำ และครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านก็ทำ

คุณ amazing ต้องพิจารณาให้ดีนะครับอย่าไปตีความเอาเองว่าใครสอนไม่ตรงกับคำสอนในพระไตรปิฎกแล้วเป็นการบิดเบือนธรรมไปเสียหมด ตัวอย่างง่ายๆ เช่น หลวงปู่ชาสอนเรื่องอนัตตาโดยบอกว่า "ก็โยมไปพยายามอยากจะให้เป็ดมันขันเหมือนไก่นี่ มันก็ทุกข์นะสิ".............ดังนี้เป็นต้น เรื่องอย่างนี้ก็ไม่มีสอนในพระไตรปิฎก แต่กลับไปตรงกับหลักธรรมของพระพุทธเจ้า

ถ้าพากันยึดตำราแน่นเกินไปก็จะพึ่งตัวเองไม่ได้สักที เหมือนนักศึกษาที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแล้วเอาความรู้ในตำราไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงไม่เป็น จะทำอะไรก็วิ่งหาตำรา กลัวอยู่แต่ว่าจะผิดจากตำรา

คนท่องความรู้จากตำรามาสอน เทียบกับคนที่ลงมือปฏิบัติจริงแล้วเอาประสบการจริง มาสอน รสชาดของเรื่องที่ผู้ศึกษาจะได้ยินได้ฟังมันต่างกันมาก คุณamazing น่าจะรู้ซึ้งดีในเรื่องนี้นะครับ
:b20:
ท่านโศกะการตัดต่อแต่งเติมนั้นทำไม่ได้แน่นอน คนที่ทำนั้นคือคนที่ยังไม่เข้าใจ ส่วนที่จะบรรยายแปลความจะแสดงอะไรนั้นก็แล้วแต่ปัญญาจะแต่งเติมสีสรรมันคงห้ามกันไม่ได้. แล้วแตอินทรีย์ของแต่ละคนที่ฟังแล้วจะทำอย่างไรก็ว่ากันไป. ท่านสั่งเอาไว้ว่าห้ามแต่งเพิ่มตัดทอน ฟังเอาเองจะเข้าใจอย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2013, 09:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:

ได้อ่านเป็นครั้งแรกครับ หลวงปู่ชายกตัวอย่างเรื่องอนัตตา น้ำตาจะไหลครับด้วยความซึ้งใจ บังเอิญสนใจเรื่องอนัตตาอยู่ ไม่เกี่ยวกับหัวข้อนะครับ


:b8: เกียวซิครับ...ตรงเลยแหละ..

สาธุด้วยนะครับ :b8:

อาการของปิติเป็นอาการของความเข้าใจธรรมนั้น ๆ...แบบเข้าถึงจุด...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2013, 09:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
asoka เขียน:
:b27:
การตัด ต่อ เติม แต่ง ให้แตกต่างไปจากคำสอนหลักของพระพุทธเจ้านั้น ไม่ถูกต้องแน่

แต่การอธิบาย ขยายความเพื่อให้เข้าใจหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นกลับเป็นสิ่งสมควรทำ และครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านก็ทำ

คุณ amazing ต้องพิจารณาให้ดีนะครับอย่าไปตีความเอาเองว่าใครสอนไม่ตรงกับคำสอนในพระไตรปิฎกแล้วเป็นการบิดเบือนธรรมไปเสียหมด ตัวอย่างง่ายๆ เช่น หลวงปู่ชาสอนเรื่องอนัตตาโดยบอกว่า "ก็โยมไปพยายามอยากจะให้เป็ดมันขันเหมือนไก่นี่ มันก็ทุกข์นะสิ".............ดังนี้เป็นต้น เรื่องอย่างนี้ก็ไม่มีสอนในพระไตรปิฎก แต่กลับไปตรงกับหลักธรรมของพระพุทธเจ้า

ถ้าพากันยึดตำราแน่นเกินไปก็จะพึ่งตัวเองไม่ได้สักที เหมือนนักศึกษาที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแล้วเอาความรู้ในตำราไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงไม่เป็น จะทำอะไรก็วิ่งหาตำรา กลัวอยู่แต่ว่าจะผิดจากตำรา

คนท่องความรู้จากตำรามาสอน เทียบกับคนที่ลงมือปฏิบัติจริงแล้วเอาประสบการจริง มาสอน รสชาดของเรื่องที่ผู้ศึกษาจะได้ยินได้ฟังมันต่างกันมาก คุณamazing น่าจะรู้ซึ้งดีในเรื่องนี้นะครับ
:b20:
ท่านโศกะการตัดต่อแต่งเติมนั้นทำไม่ได้แน่นอน คนที่ทำนั้นคือคนที่ยังไม่เข้าใจ ส่วนที่จะบรรยายแปลความจะแสดงอะไรนั้นก็แล้วแต่ปัญญาจะแต่งเติมสีสรรมันคงห้ามกันไม่ได้. แล้วแตอินทรีย์ของแต่ละคนที่ฟังแล้วจะทำอย่างไรก็ว่ากันไป. ท่านสั่งเอาไว้ว่าห้ามแต่งเพิ่มตัดทอน ฟังเอาเองจะเข้าใจอย่างไร



จะเอาที่มี ก็ต้องเข้าใจให้ถูกต้องด้วยนะ เติมก็ไม่เอาจะเอาที่มี แต่ี่ที่มีก็๋ฟัดสะเละ ไม่มีอะไรขอรับพูดเฉยๆ กันลืม :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2013, 09:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
asoka เขียน:
:b27:
การตัด ต่อ เติม แต่ง ให้แตกต่างไปจากคำสอนหลักของพระพุทธเจ้านั้น ไม่ถูกต้องแน่

แต่การอธิบาย ขยายความเพื่อให้เข้าใจหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นกลับเป็นสิ่งสมควรทำ และครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านก็ทำ

คุณ amazing ต้องพิจารณาให้ดีนะครับอย่าไปตีความเอาเองว่าใครสอนไม่ตรงกับคำสอนในพระไตรปิฎกแล้วเป็นการบิดเบือนธรรมไปเสียหมด ตัวอย่างง่ายๆ เช่น หลวงปู่ชาสอนเรื่องอนัตตาโดยบอกว่า "ก็โยมไปพยายามอยากจะให้เป็ดมันขันเหมือนไก่นี่ มันก็ทุกข์นะสิ".............ดังนี้เป็นต้น เรื่องอย่างนี้ก็ไม่มีสอนในพระไตรปิฎก แต่กลับไปตรงกับหลักธรรมของพระพุทธเจ้า

ถ้าพากันยึดตำราแน่นเกินไปก็จะพึ่งตัวเองไม่ได้สักที เหมือนนักศึกษาที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแล้วเอาความรู้ในตำราไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงไม่เป็น จะทำอะไรก็วิ่งหาตำรา กลัวอยู่แต่ว่าจะผิดจากตำรา

คนท่องความรู้จากตำรามาสอน เทียบกับคนที่ลงมือปฏิบัติจริงแล้วเอาประสบการจริง มาสอน รสชาดของเรื่องที่ผู้ศึกษาจะได้ยินได้ฟังมันต่างกันมาก คุณamazing น่าจะรู้ซึ้งดีในเรื่องนี้นะครับ
:b20:
ท่านโศกะการตัดต่อแต่งเติมนั้นทำไม่ได้แน่นอน คนที่ทำนั้นคือคนที่ยังไม่เข้าใจ ส่วนที่จะบรรยายแปลความจะแสดงอะไรนั้นก็แล้วแต่ปัญญาจะแต่งเติมสีสรรมันคงห้ามกันไม่ได้. แล้วแตอินทรีย์ของแต่ละคนที่ฟังแล้วจะทำอย่างไรก็ว่ากันไป. ท่านสั่งเอาไว้ว่าห้ามแต่งเพิ่มตัดทอน ฟังเอาเองจะเข้าใจอย่างไร



จะเอาที่มี ก็ต้องเข้าใจให้ถูกต้องด้วยนะ เติมก็ไม่เอาจะเอาที่มี แต่ี่ที่มีก็๋ฟัดสะเละ ไม่มีอะไรขอรับพูดเฉยๆ กันลืม :b1:

สมบูรณ์ทั้งอรรถะและพยัญชนะ. กรัชกายถามจริงๆเถอะเข้าใจมั้ย. จาก3เพิ่มอีก7กรัชกายคิดไง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2013, 10:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
asoka เขียน:
:b27:
การตัด ต่อ เติม แต่ง ให้แตกต่างไปจากคำสอนหลักของพระพุทธเจ้านั้น ไม่ถูกต้องแน่

แต่การอธิบาย ขยายความเพื่อให้เข้าใจหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นกลับเป็นสิ่งสมควรทำ และครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านก็ทำ

คุณ amazing ต้องพิจารณาให้ดีนะครับอย่าไปตีความเอาเองว่าใครสอนไม่ตรงกับคำสอนในพระไตรปิฎกแล้วเป็นการบิดเบือนธรรมไปเสียหมด ตัวอย่างง่ายๆ เช่น หลวงปู่ชาสอนเรื่องอนัตตาโดยบอกว่า "ก็โยมไปพยายามอยากจะให้เป็ดมันขันเหมือนไก่นี่ มันก็ทุกข์นะสิ".............ดังนี้เป็นต้น เรื่องอย่างนี้ก็ไม่มีสอนในพระไตรปิฎก แต่กลับไปตรงกับหลักธรรมของพระพุทธเจ้า

ถ้าพากันยึดตำราแน่นเกินไปก็จะพึ่งตัวเองไม่ได้สักที เหมือนนักศึกษาที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแล้วเอาความรู้ในตำราไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงไม่เป็น จะทำอะไรก็วิ่งหาตำรา กลัวอยู่แต่ว่าจะผิดจากตำรา

คนท่องความรู้จากตำรามาสอน เทียบกับคนที่ลงมือปฏิบัติจริงแล้วเอาประสบการจริง มาสอน รสชาดของเรื่องที่ผู้ศึกษาจะได้ยินได้ฟังมันต่างกันมาก คุณamazing น่าจะรู้ซึ้งดีในเรื่องนี้นะครับ
:b20:
ท่านโศกะการตัดต่อแต่งเติมนั้นทำไม่ได้แน่นอน คนที่ทำนั้นคือคนที่ยังไม่เข้าใจ ส่วนที่จะบรรยายแปลความจะแสดงอะไรนั้นก็แล้วแต่ปัญญาจะแต่งเติมสีสรรมันคงห้ามกันไม่ได้. แล้วแตอินทรีย์ของแต่ละคนที่ฟังแล้วจะทำอย่างไรก็ว่ากันไป. ท่านสั่งเอาไว้ว่าห้ามแต่งเพิ่มตัดทอน ฟังเอาเองจะเข้าใจอย่างไร



จะเอาที่มี ก็ต้องเข้าใจให้ถูกต้องด้วยนะ เติมก็ไม่เอาจะเอาที่มี แต่ี่ที่มีก็๋ฟัดสะเละ ไม่มีอะไรขอรับพูดเฉยๆ กันลืม :b1:

สมบูรณ์ทั้งอรรถะและพยัญชนะ. กรัชกายถามจริงๆเถอะเข้าใจมั้ย. จาก3เพิ่มอีก7กรัชกายคิดไง


คิดว่า จะทำให้ชาวบ้านมีช่องทางทำบุญมากขึ้น เข้าใจสังคมมนุษย์มากขึ้นว่า ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ปรารถนาดีต่อกัน เช่น ทาน ศีล ภาวนา วาจาอ่อนน้อม ถ่อมตนรับใ้ช้ เฉลี่ยให้ความดี มีใจอนุโมทนา ใฝ่หาฟังธรรม นำไปปฏิบัติไม่เว้น ทำความเห็นให้ตรง เห็นมะคับ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2013, 10:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
กรัชกาย เขียน:
amazing เขียน:
asoka เขียน:
:b27:
การตัด ต่อ เติม แต่ง ให้แตกต่างไปจากคำสอนหลักของพระพุทธเจ้านั้น ไม่ถูกต้องแน่

แต่การอธิบาย ขยายความเพื่อให้เข้าใจหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นกลับเป็นสิ่งสมควรทำ และครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านก็ทำ

คุณ amazing ต้องพิจารณาให้ดีนะครับอย่าไปตีความเอาเองว่าใครสอนไม่ตรงกับคำสอนในพระไตรปิฎกแล้วเป็นการบิดเบือนธรรมไปเสียหมด ตัวอย่างง่ายๆ เช่น หลวงปู่ชาสอนเรื่องอนัตตาโดยบอกว่า "ก็โยมไปพยายามอยากจะให้เป็ดมันขันเหมือนไก่นี่ มันก็ทุกข์นะสิ".............ดังนี้เป็นต้น เรื่องอย่างนี้ก็ไม่มีสอนในพระไตรปิฎก แต่กลับไปตรงกับหลักธรรมของพระพุทธเจ้า

ถ้าพากันยึดตำราแน่นเกินไปก็จะพึ่งตัวเองไม่ได้สักที เหมือนนักศึกษาที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยแล้วเอาความรู้ในตำราไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริงไม่เป็น จะทำอะไรก็วิ่งหาตำรา กลัวอยู่แต่ว่าจะผิดจากตำรา

คนท่องความรู้จากตำรามาสอน เทียบกับคนที่ลงมือปฏิบัติจริงแล้วเอาประสบการจริง มาสอน รสชาดของเรื่องที่ผู้ศึกษาจะได้ยินได้ฟังมันต่างกันมาก คุณamazing น่าจะรู้ซึ้งดีในเรื่องนี้นะครับ
:b20:
ท่านโศกะการตัดต่อแต่งเติมนั้นทำไม่ได้แน่นอน คนที่ทำนั้นคือคนที่ยังไม่เข้าใจ ส่วนที่จะบรรยายแปลความจะแสดงอะไรนั้นก็แล้วแต่ปัญญาจะแต่งเติมสีสรรมันคงห้ามกันไม่ได้. แล้วแตอินทรีย์ของแต่ละคนที่ฟังแล้วจะทำอย่างไรก็ว่ากันไป. ท่านสั่งเอาไว้ว่าห้ามแต่งเพิ่มตัดทอน ฟังเอาเองจะเข้าใจอย่างไร



จะเอาที่มี ก็ต้องเข้าใจให้ถูกต้องด้วยนะ เติมก็ไม่เอาจะเอาที่มี แต่ี่ที่มีก็๋ฟัดสะเละ ไม่มีอะไรขอรับพูดเฉยๆ กันลืม :b1:

สมบูรณ์ทั้งอรรถะและพยัญชนะ. กรัชกายถามจริงๆเถอะเข้าใจมั้ย. จาก3เพิ่มอีก7กรัชกายคิดไง


คิดว่า จะทำให้ชาวบ้านมีช่องทางทำบุญมากขึ้น เข้าใจสังคมมนุษย์มากขึ้นว่า ต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ปรารถนาดีต่อกัน เช่น ทาน ศีล ภาวนา วาจาอ่อนน้อม ถ่อมตนรับใ้ช้ เฉลี่ยให้ความดี มีใจอนุโมทนา ใฝ่หาฟังธรรม นำไปปฏิบัติไม่เว้น ทำความเห็นให้ตรง เห็นมะคับ :b1:
กรัชกายสมมุตินะ. ตอนนี้ท่านกำลังนั่งต่อหน้าพุทธองค์และท่านบอกว่าบุญกิริยามี3และกรัชกายบอกว่าเพิ่มอีก7เถอะผมว่าดีกว่าครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ต.ค. 2013, 10:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:


กรัชกายสมมุตินะ. ตอนนี้ท่านกำลังนั่งต่อหน้าพุทธองค์และท่านบอกว่าบุญกิริยามี3และกรัชกายบอกว่าเพิ่มอีก7เถอะ ผมว่าดีกว่าครับ


ไม่ค่อยเข้าใจว่าสื่ออะไร งง เอาชัดๆ

ดูเส้นทางบุญกิริยาวัตถุก่อนว่ามาจากไหน

เดิมเป็นองค์ประกอบของมรรคา 8 ย่นย่อเป็นภาคปฏิบัติการ ได้แก่ ศีล สมาธิ และปัญญา (ไตรสิกขา) พระพุทธเจ้าขยายเองเลย เพื่อให้ชาวบ้านใกล้ชิดพุทธธรรมง่ายขึ้น โดยพระองค์เพิ่ม ทาน เข้ามา เป็น ทาน ศีล ภาวนา (บุญกิริยาวัตถุสาม ตัวอย่างมีแล้ว) อรรถกถาจารย์ (ทำความเช้าใจก่อนนะ อรรถกถาจารย์ ท่านเกิดก่อนชาวพุทธสมัยนี้หลายพันปี จึงเกิดใกล้ยุคพุทธศาสนากว่าชาวพุทธปัจจุบันนี้ และแต่ละท่านๆนะ เจ๊งงงงงกว่าชาวพุทธยุคนี้มากกกกกมายจนเทียบกันไม่ได้ จึงได้พูดก่อนหน้าว่า จำขี้ปากท่านมาพูด) ก็ใช้แนวนี้แหละ ขยายให้ชาวบ้าน หรือชาวพุทธเข้าใกล้ศาสนาง่ายขึ้น จึงเป็นบุญกิริยาวัตถุสิบ เห็นเหตุผลแล้วนะ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 45 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 53 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร