วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 08:03  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2013, 09:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ค. 2013, 17:07
โพสต์: 39

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เนื่องด้วยเกิดความสงสัยขึ้นมาว่า
เวลาเราเราแผ่เมตตา พวกสัตว์ทั้งหลาย เขารับรู้ได้จริงหรือไม่ว่าเราแผ่เมตตาให้ไป หรือเป็นเพียงกุศโลบายที่ต้องการให้คนเรามีความเมตตาต่อกัน มีความปารถนาที่ดีต่อกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2013, 12:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


.............................รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2013, 14:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




lotus3.jpg
lotus3.jpg [ 12.2 KiB | เปิดดู 2818 ครั้ง ]
พลังแห่งการแผ่เมตตา ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา

การทดสอบทางวิทยาศาสตร์เรื่อง "ความเมตตา"
ผลทดสอบทางวิทยาศาสตร์ที่ยืนยันคำสอนเรื่อง "ความเมตตา" ของพระพุทธเจ้า นิสิตจุฬา ฯ ทดลองแผ่เมตตาให้ต้นไม้ ใช้หลักวิทยาศาสตร์ในการทดลองโดยการแยกแปลงดอกดาวกระจายออกเป็น 2 แปลง แปลงหนึ่งได้แผ่เมตตาอีกแปลงหนึ่งไม่แผ่เมตตา เปรียบเทียบกัน ทั้งนี้เราได้ให้ น้ำ ปุ๋ย อากาศ เท่ากัน (เงื่อนไขเหมือนกัน ต่างกันแค่ ความเมตตา)
ปรากฏว่าต้นไม้ที่แผ่เมตตาให้นั้นเจริญเติบโตงอกงาม สวยงามอย่างรวดเร็วในขณะที่อีกแปลงหนึ่งที่ไม่ได้แผ่เมตตาก็เจริญตามปกติของมันแต่มีความแตกต่างในเรื่องดอกไม้ คือ แปลงที่แผ่เมตตาให้มีดอกสวยงามส่วนแปลงที่ไม่ได้แผ่เมตตาให้ปรากฏว่าไม่มีดอกไม้เลย และยังมีความสูงแตกต่างกัน 42.9 % ความงามก็ต่างกันแปลงที่แผ่เมตตาให้มีความเจริญงอกงามดีกว่าแปลงที่ไม่ได้แผ่เมตตาให้อย่างเห็นได้ชัด

ในส่วนสิ่งตรงกันข้าม คือ ความเกลียดชัง ความโกรธแค้นพยาบาท การแช่ง มีนิสิตอีกคน คณะวิทยาศาสตร์ จุฬา ฯ เช่นกัน ใช้เวลาลงเรื่องดังกล่าว (ตรงข้ามกับความเมตตา) ที่ต้นไม้ 3 ชั่วโมง ปรากฏว่าต้นไม้มันก็เหี่ยวแห้งไป เมื่อเห็นแล้วก็อดสงสารต้นไม้ไม่ได้

การแผ่เมตตา เป็นการปฏิบัติที่สำคัญมาก ถ้าเราแผ่เมตตาบ่อยๆจะช่วยให้จิตใจเราสงบลง ทำให้เราสบายใจและหายกังวลในเรื่องต่างๆ เราจะกลายเป็นคนที่มีอารมณ์ดี ไม่โกรธใครง่ายๆ เราจะมีความเมตตากรุณาต่อทุกส่งในโลกนี้ ทำให้เราอยากจะช่วยเหลือผู้อื่นมากขึ้น และเราเองก็จะเป็นที่รักใคร่ของทุกคน
ผลประโยชน์ที่จะได้รับจากการแผ่เมตตาที่สำคัญที่สุด ไม่ใช่สิ่งที่ได้กล่าวมา แล้ว เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นผลประโยชน์ที่จะได้กับตัวผู้แผ่เมตตาเอง แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือผลประโยชน์ที่ผู้อื่นจะได้รับจากการแผ่เมตตาของเรา นอกจากตัวเราเองจะมีความสงบสุขแล้ว จิตใจของผู้อื่นที่อยู่รอบๆตัวเรา หรือของผู้ที่เราเจาะจงแผ่เมตตาไปให้ก็จะสงบสุขตามไปด้วย เราอาจจะเคยสังเกตเห็นว่า พอเราเข้าไปอยู่ใกล้ๆ นักบุญหรือนักบวช จิตใจของเราก็จะสงบลงทันที ความคิดต่างๆที่ไม่ดีก็จะค่อยๆหายไป ทั้งนี้เพราะมีกระแสจิตพุ่งออกไปจากผู้แผ่เมตตา จริงๆแล้วไม่ว่าเราจะคิดอะไรก็ตามจะมีกระแสหรือพลังส่งออกมาจากตัวเรา ซึ่งผู้อื่นสามรถที่จะรับความคิดนั้นได้ ด้วยเหตุนี้บางคนที่มีสมาธิดีสามารถที่จะอ่านความคิดของผู้อื่นได้ หรือสามารถที่จะติดต่อกันได้โดยใช้กระแสจิต(โทรจิต) นักวิทยาศาสตร์หลายคน เช่น ศาสตราจารย์ฟูคะราย ในประเทศญี่ปุ่น และเดอลาวาร์ในประเทศอังกฤษ ได้ทดลองถ่ายรูปของความนึกคิดออกมาได้ แสดงให้เห็นว่าความคิดของเรามีคลื่นพุ่งออกไปจากตัวเราจริงๆ เพราะฉะนั้น เราจะต้องระมัดระวังมากในเรื่องของความคิดของเรา ถ้าเราคิดสิ่งที่ดี สิ่งที่เป็นประโยชน์ คนอื่นก็อาจจะได้รับความคิดดีๆ และได้ประโยชน์จากความคิดของเรา แต่ถ้าจิตใจของเราเต็มไปด้วยความคิดที่ไม่ดี หรือกิเลสต่างๆจะทำให้คนอื่นมีความคิดที่ไม่ดีตามไปด้วย ถ้ามีใครที่โกรธเรา อยากจะทะเลาะกับเรา หรืออยากจะทำร้ายเรา จงอย่าไปทะเลาะกับเขาหรือทำร้ายเขา แต่จงทำจิตใจของเราให้สงบ แผ่เมตตาให้เขา ถ้าเราเคยแผ่เมตตาอยู่เป็นประจำ คนที่โกรธก็จะได้รับกระแสความเมตตาจากเราไปบ้าง ทำให้จิตใจเขาสงบลง แล้วเขาก็จะหายโกรธเลิกทะเลาะกับเรา หรือเลิกคิดที่จะมาทำร้ายเราสัตว์ที่ดุร้าย เราก็ปฏิบัติได้เช่นเดียวกัน คืออย่าวิ่งหนีหรือแสดงตวามกลัว แต่ให้เราอยู่นิ่งๆแล้วแผ่เมตตาไปให้สัตวร้ายตัวนั้น สักครู่หนึ่งสัตว์ร้ายนั้นก็จะวิ่งหนีไป และไม่มาทำร้ายเรา นอกจากนี้การแผ่เมตตายังมีผลดีต่อพืชผักต้นไม้อีกด้วย ดังเช่นที่ได้ยกตัวอย่างการทดลองปลูกต้นดาวกระจายของนิสิจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไปก่อนหน้านี้แล้วด้วยเหตุผลต่างๆดังกล่าว การแผ่เมตตาจึงสามารถช่วยเหลือผู้อื่นได้มาก และสามารถที่จะช่วยทำให้สงครามและความทุกข์ทรมานลดน้อยลงทำให้โลกของเรามีความสุขและสงบ

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ส.ค. 2013, 17:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



การแผ่เมตตา มักทำได้เฉพาะคนที่มีเมตตา เพราะต้องมีเมตตาก่อน
จึงจะแผ่ให้คนอื่น สัตว์อื่นได้

คนหรือสัตว์มักมีสัมผัสพิเศษ ..

สัตว์ชอบอยู่ใกล้คนมีเมตตา เพราะเขาจะรับรู้ได้ซึ่งความเย็นและความปลอดภัย
เว้นแต่ .. คนที่ขาดเมตตาแต่อาศัยผ้ากาสาวพัสตร์ซึ่งเป็นของเย็น หลอกลวงคนและสัตว์
ทำให้สัตว์หลงไว้วางใจ ..

:b7:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 4 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 29 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร