วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 17:19  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 18:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ค. 2013, 22:08
โพสต์: 92

แนวปฏิบัติ: สมถะกรรมฐาน
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: การทำสังฆทาน
ชื่อเล่น: ไผ่
อายุ: 21

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมก็อ่านทราบมาแล้วครับได้บุญมาก ในพระไตรปฺกฎก็บอกไว้ถือศีลได้บุญมากตามลำดับของศีล ภาวนาก็มากกว่า แต่ผมอยากได้เหตุผลอ่ะครับ

คือการถือศีลก็ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ใครดีขึ้นมีแค่ตัวเราที่ดีขึ้น

การภาวนาก็ทำให้เราเป็นผู้รู้ จิตใจสงบ กำหนดกำหนัดได้

แต่ทำไมถึงได้บุญหรอครับ
ผมถามแปลกต้องขออภัยนะครับ คือมันค้างคาใจ

แต่ทุกวันนี้ผมก็ถือศีล 5 และเมื่อมีเวลาก็นั่งสมถกรรมฐานครับ

.....................................................
อย่าได้เห็นแก่ความสุข สนุกสนานชั่วครู่คราว
เพราะผลกรรมที่ตามมามันสุดแสนจะ
ทุกข์ทรมาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 19:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ให้ทาน แล้วมากินเหล้า มาโกหกหลอกลวง มาลักทรัพย์ มาฆ่าสัตว์ มาฉุดคร่าอนาจารหญิง

เขาถึง กำหนด ให้ว่า ถือศีล ประเสริฐกว่าให้ทาน

การถือศีล อย่างเดียว ..................................... ก็เป็น คนธรรมดา คนปกติ

แต่การภาวนา อาจพาให้บรรลุธรรมขั้นต่างๆ ได้ จึงประเสริฐกว่าถือศีล

เป็นอย่างนี้ ซะมากกว่าครับ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 19:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


บุญ แปลว่า ความดีครับ

แน่นอนว่า ความดีของพระอริยะ ย่อมสูงกว่า ความดีของปุถุชนผู้ถือศีล

ความดีของผู้ถือศีล ย่อมมากกว่า ความดีของคนที่ให้ทานเพียงอย่างเดียว แต่ไม่ถือศีลครับ

หวังว่าคงเข้าใจ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 23:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว








:b8: :b12: ดูวีดีโออาจเกิดบรรยากาศชัดเจน :b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2013, 23:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


PaiKung26 เขียน:
ผมก็อ่านทราบมาแล้วครับได้บุญมาก ในพระไตรปฺกฎก็บอกไว้ถือศีลได้บุญมากตามลำดับของศีล ภาวนาก็มากกว่า แต่ผมอยากได้เหตุผลอ่ะครับ

คือการถือศีลก็ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ใครดีขึ้นมีแค่ตัวเราที่ดีขึ้น

การภาวนาก็ทำให้เราเป็นผู้รู้ จิตใจสงบ กำหนดกำหนัดได้

แต่ทำไมถึงได้บุญหรอครับ
ผมถามแปลกต้องขออภัยนะครับ คือมันค้างคาใจ

แต่ทุกวันนี้ผมก็ถือศีล 5 และเมื่อมีเวลาก็นั่งสมถกรรมฐานครับ


ตัวจริงของบุญ คือความสุขใจครับ

เมื่อถือศีล เราก็ไม่ไปทำเรื่องที่อาจจะเอาความวุ่นวายเข้ามาในชีวิต ในระยะยาวก็จะมีความสุขขึ้นใช่ไหมละครับ

ภาวนา เป็นการปรับแก้ความคิดที่ทำให้เราทุกข์ คนเราทุกข์เพราะความคิด เคยได้ยินไหมครับ ถ้าภาวนาสำเร็จ แก้ตรงนี้ได้ ชีวิตก็จะมีความสุขมากขึ้นครับ

บุญ คือความสุขครับ เป็นความพิเศษ แต่ไม่ใช่เรื่องพิศดารหรือปาฏิหาริย์ครับ

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2013, 09:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


ความสุขใจ เป็นเวทนาครับ คุณคนธรรมดาๆ

[112] เวทนา 5 (การเสวยอารมณ์ — feeling)
1. สุข (ความสุข ความสบายทางกาย — bodily pleasure or happiness)
2. ทุกข์ (ความทุกข์ ความไม่สบาย เจ็บปวดทางกาย — bodily pain; discomfort)
3. โสมนัส (ความแช่มชื่นสบายใจ, สุขใจ — mental happiness; joy)
4. โทมนัส (ความเสียใจ, ทุกข์ใจ — mental pain; displeasure; grief)
5. อุเบกขา (ความรู้สึกเฉยๆ — indifference)

http://84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=112

เวทนา เป็นเรื่องของ การเสวย มากกว่า
บุญ เป็นเรื่องของการกระทำ การส่งออก เป็นเอ๊าท์พุท
ผลบุญ เป็นเรื่องของการเสวย การได้รับ เป็นอินพุท

ถ้าดูจาก วัฏจักร ของ กิเลส กรรม วิบาก ก็จะสวมลงไปได้ว่า
บุญ เป็น กรรม
ผลบุญ เป็น วิบาก

นั่นเป็นการพูดแบบหยาบๆ แต่ถ้าพูดให้ละเอียดคือ

บุญ เป็น กรรมดี
บาป เป็น กรรมชั่ว

กุศลวิบาก ................ คือ ผลของกรรมดี
อกุศลวิบาก ................ คือ ผลของกรรมชั่ว

บุคคล รับวิบาก ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย .................. เป็นการรับข้อมูลอินพุท
ข้อมูลที่ได้รับมาจะถูกประมวล ด้วยจิตบางดวง ที่ทำหน้าที่ นี้ มีเจตสิกร่วมด้วย เช่น สติบ้าง ปัญญาบ้าง กิเลสต่างๆบ้าง
แล้ว ส่งผลลัพธ์ที่ได้ ออกทาง จิตอีกดวงที่ทำหน้าที่เป็นเอ๊าท์พุท ......... เรียกว่า มโนกรรม
ถ้ามีกำลังแรง ก็บังคับออกทาง วาจา ...........(เป็นการทำงานของรูป) .......... เรียกว่า วจีกรรม
ถ้ามีกำลังแรง ยิ่งกว่า ก็ออกทาง กาย (เป็นการทำงานของรูป)............ เรียกว่า กายกรรม

ครบถ้วน วัฏจักร ของ วิบาก กิเลส กรรม

แต่ถ้าจะ อธิบาย เรื่อง วิบาก กิเลส กรรม ให้ละเอียด ลงไปอีก ก็ต้อง พิจารณา ปฏิจจสมุปบาท

เช่น ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ .................... เป็นต้น

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2013, 09:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.พ. 2011, 08:23
โพสต์: 1328


 ข้อมูลส่วนตัว


ทำอย่างไรได้บุญ ก็อยู่ในบุญกิริยาวัตถุ 10 ทั้งหมดค่ะ
กุศลจะได้สูงสุดนั้นต้องมีปัญญาเกิดร่วมด้วยค่ะ
ถ้าไม่มีปัญญาเกิดร่วมด้วยในขณะที่ทำทาน ศีล ภาวนา ก็ยังไม่ได้ชื่อว่ากุศลสูงสุดค่ะ
ศีล ได้บุญมากเมื่อคุณงดเว้นการกระทำ เช่น ศีลข้อ 1 เว้นการฆ่าสัตว์ คุณเดินมาเห็นมด ถ้าเดินไม่เลี่ยงหลีก
มัน คุณก็เหยียบมันตาย แต่คุณลงทุนเดินล้อมไปเลือกไปเดินตรงที่ไม่มีมด คุณได้กุศลแล้วค่ะ คุณจะได้กุศลก็ต่อเมื่อมีวัตถุที่พึงงดเว้น แล้วคุณงดเว้น เช่นมีเหล้าอยู่ตรงหน้า เพื่อนชวนกันทุกคน แต่คุณไม่ดื่ม
เข้าไป มีการงดเว้นตรงหน้าเกิดขึ้นขณะนั้นคุณก็ได้ทำกุศลแล้วค่ะ

ส่วนงานภาวนานั้น ได้กุศลสูงถ้าปัญญาเกิดร่วมด้วย แต่เป็นงานที่ยากมากค่ะ

ในบุญกิริยาวัตถุ 10 งานที่ปัญญาเกิดง่ายสุดใน 10 ข้อนี้คือ ข้อที่ 8, 9, 10 ค่ะ
คือ ฟังธรรม, สั่งสอนธรรม และทำความเห็นให้ตรงถูกต้อง
ทำความเห็นให้ตรงถูกต้องก็คือมาจากการฟังและการสั่งสอนธรรมที่ถูกต้องนั่นเองค่ะ

.....................................................
พระพุทธศาสนามี ๒ นัย ดังนี้...นัยที่ ๑ คือคำสอนของพระพุทธองค์มี ๓ ประการ...เพื่อประโยชน์ในภพนี้ ในภพหน้า เพื่อเข้าถึงความสุขโดยส่วนเดียวคือพระนิพพาน...นัยที่ ๒ คือแก่นแท้ของพระพุทธศาสนาคืออริยสัจจ ๔ ซึ่งเป็นสภาวะธรรมที่ทำให้ผู้เห็นแจ้ง พ้นทุกข์ทั้งปวงได้ การศึกษาพระอภิธรรมว่าด้วยสภาวะธรรมทั้งสิ้น ผู้เห็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ค่ะ
(เกิดมาไม่ได้เป็นผู้สร้าง ก็จงเป็นผู้ที่รักษา แต่จงอย่าเป็นผู้ที่ทำลาย)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2013, 10:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 12:26
โพสต์: 53

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทางแห่งความดี อ.วศิน อินทสระ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การให้ทาน นั้นทำยาก แต่ทำได้ง่ายกว่าการรักษาศีล
การรักษาศีล นั้นทำยาก แต่ทำได้ง่ายกว่าการเจริญภาวนา
การเจริญภาวนา นั้นทำยากกว่าการให้ทานและการรักษาศีล
บางคนชอบให้ทาน รักษาศีลเป็นนิจ แต่จะมาให้นั่งสมาธิแึค่ ๕-๑๐ นาที หาโอกาสทำยากมาก
การทำบุญนั้นก็มีความยากง่ายตามลำดับขั้น เป็นกำลังใจให้กับนักสะสมบุญทุกท่าน
ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปด้วยครับ :b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2013, 10:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ธ.ค. 2009, 00:22
โพสต์: 223

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บุญกิริยาวัตถุ ๑๐
พระสาสนโสภณ (พิจิตร ฐิตวณฺโณ)


ในการศึกษาเรื่องกฎแห่งกรรมในพระพุทธศาสนานั้น ผู้ศึกษาจำเป็นต้องศึกษาให้เข้าใจในเรื่องการทำบุญประเภทต่าง ๆ ว่า มีอะไรบ้าง และการทำบุญประเภทนั้น ๆ ทำอย่างไรจึงจะถูกต้องและได้ผลมาก เพราะการทำบุญเป็นกรรมดีหรือกุศลกรรม ที่ทุกคนควรบำเพ็ญ

ฉะนั้น ในตอนนี้ จะพูดถึง บุญกิริยาวัตถุ คือ หลักแห่งการบำเพ็ญบุญ ในพระพุทธศาสนา เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้เข้าใจกฎแห่งกรรมชัดเจนยิ่งขึ้น

ลักษณะของบุญ

บุญ คือ อะไร? บุญคือสภาพที่ทำจิตใจให้สะอาดให้ผ่องใส ฉะนั้น ลักษณะของบุญในความหมายแรกนี้ จึงหมายถึงสภาพของจิตหรือคุณภาพของจิตที่ผ่องใส

อีกอย่างหนึ่ง บุญ หมายถึง ความสุข ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ท่านทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย คำว่า บุญนี้ เป็นชื่อของความสุข" ฉะนั้น ลักษณะของบุญในความหมายที่สองนี้ จึงหมายถึงความสุขความเจริญ

อีกอย่างหนึ่ง บุญ หมายถึง การทำความดี ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า "พึงสั่งสมบุญ ทั้งหลาย อันจะนำความสุขมาให้" ฉะนั้น ลักษณะของบุญในความหมายที่ ๓ นี้ หมายถึงการทำดี เช่น การให้ทาน การรักษาศีล เป็นต้น

ดังนั้น บุญจึงมีลักษณะ ๓ ประการ คือ

๑. เมื่อว่าถึงเหตุของบุญ บุญ ได้แก่ การทำความดี
๒. เมื่อว่าถึงผลของบุญ บุญ ได้แก่ ความสุขความเจริญ
๓. เมื่อว่าถึงสภาพของจิต บุญ ได้แก่ จิตใจที่ผ่องใสสะอาด

............
............
http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/010076.htm
:b48: :b8: :b8: :b8: :b48: อนุโมทนาครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2013, 11:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การทำทาน ก็เหมือนเป็นเพียงการ ลดความเห็นแก่ตัว รู้จักเสียสละ

การมีศีล มีตั้ง 5 ข้อ นั้นหมายถึง เราไม่ทำชั่วได้ถึงห้าข้อใหญ่ๆ จึงมีบุญมากกว่า ทานเพียงอย่างเดียว

ส่วนการภาวนานั้น ทำให้เรามีสติ+ปัญญา เมื่อมีสติจึงไม่ทำชั่ว ไม่ทำตามกิเลส ไม่ผิดศีล จึงเป็นบุญอันสูงสุด ได้บุญมาก

สรุปคือ การภาวนา นั้นครอบครุมทั้ง ทาน และ ศีล จึงได้บุญมากมาย จนถึงขั้น นิพพานได้เลยดีเดียว

หากแต่ต้องเป็น วิปัสสนา จึงจะเกิด ปัญญาที่แท้จริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2013, 11:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอบคุณ govit2552

ผมตอบแบบนั้นเพราะเห็นว่าเจ้าของกระทู้พูดว่า "ได้บุญ" ดังนั้นคาดว่าเจ้าของกระทู้น่าจะหมายถึง ผลที่ได้รับจากการทำบุญ มากกว่าบุญในภาคการกระทำ

หากพูดถึงด้านจิตใจแล้ว การได้รับผลของการทำบุญ ก็เป็นความสุขความสบายใจในรูปแบบต่างๆ ดังนั้นที่คุณว่าเป็นเวทนารูปแบบหนึ่ง ก็น่าจะถูกต้องตามนั้นครับ

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2013, 14:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


บุญกิริยาวัตถุ 3 คือ ทาน 1 ศีล 1 ภาวนา 1

ลองมองในแง่นี้ดูนะครับ

มีชายอยุ่สองคน คนแรกเป็นผู้ให้ทานเป็นนิจ ไม่เคยเบื่อหน่ายกับการให้ทาน ขวนขวายในการให้อยู่เสมอ
แต่เป็นผู้ทุศีล

อีกคน เป็นผู้มีศีล ไม่เคยผิดศีลเลย แต่เป็นคนตระหนี่มักไม่ให้ทาน

พอสองคนนี้ตายไป ชายคนแรกด้วยอำนาจแห่งบาปที่ตนได้ทำ ที่เป็นผู้ทุศีล ยังผลให้เขาเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉานสมมุติเกิดเป็นสุนัข แต่ด้วยอำนาจแห่งทานที่ได้ให้ไว้มากก็ยังผลให้สุนัขตัวนั้นได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี ได้รับการบำรุงบำเรออย่างดี

อีกคนเมื่อตายไปแล้วด้วยความที่มีศีลเป็นปรกติ ก็ยังให้เขาได้เกิดเป็นมนุษย์เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ แต่เพราะความตระหนี่จึงทำให้เขาเป็นผู้มีทรัพย์น้อย

จะเห็นนะครับว่าด้วยอำนาจของศีลที่รักษาก็ยังให้ชายคนที่สองไม่เกิดในอบายภูมิ

อันนี้ก็ยกตัวอย่างนะครับ

......................................

ทีนี้หากบุคคลประกอบด้วยศีลและทาน เมื่อเขาตายไป ด้วยอำนาจของทานและศีลที่ได้กระทำไว้ดีแล้ว ก็ยังเขาผู้นั้นให้บังเกิดในเทวโลก เสวยกามคุณอันประณีตยิงนัก แต่ได้สูงสุดก็เพียงถึงชั้นปรนิมมิตตวสวัตตี

แต่ถ้าเป็นบุญจากการภาวนา ถ้าเป็นสมถภาวนา บุคคลได้ฌานและฌานยังไม่เสื่อม เมื่อเขาตายไปก็ไปบังเกิดยังพรหมโลก ตามกำลังของฌาน

แต่ถ้าเป็นบุญจากการเจริญวิปัสสนาภาวนา ด้วยการเจริญวิปัสสนานั้นก็ยังประโยชน์สูงสุดให้สามารถละอวิชชาได้โดยไม่เหลือเชื้อ หลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด ไม่ต้องประสบความทุกข์อีก หยั่งลงสู่อมตะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2013, 16:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ค. 2013, 22:08
โพสต์: 92

แนวปฏิบัติ: สมถะกรรมฐาน
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: การทำสังฆทาน
ชื่อเล่น: ไผ่
อายุ: 21

 ข้อมูลส่วนตัว


เข้าใจอย่างถ่องแท้เลยครับ

ขอบคุณสำหรับธรรมทานนะครับทุกท่าน

.....................................................
อย่าได้เห็นแก่ความสุข สนุกสนานชั่วครู่คราว
เพราะผลกรรมที่ตามมามันสุดแสนจะ
ทุกข์ทรมาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2013, 22:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:34
โพสต์: 1654

งานอดิเรก: ฟังเพลง และฟังธรรมตามกาลเวลา
สิ่งที่ชื่นชอบ: อภัยทาน
อายุ: 39
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว




ทาน ศีล ภาวนา.jpg
ทาน ศีล ภาวนา.jpg [ 17.68 KiB | เปิดดู 7112 ครั้ง ]
:b20: >>> ทาน ศีล ภาวนา... เป็นยาประสานชีวิต ช่วยชำระสิ่งมีพิษออกจากจิตใจ <<< :b20:

:b44: (♡✿◕‿◕✿♡) กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้เจริญในธรรมและกัลยาณมิตรทุกท่าน ธรรมรักษา เทวดาคุ้มครอง ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป สุขกายเจริญวัย สุขใจเจริญธรรมนะเจ้าค่ะ (♡✿◕‿◕✿♡) :b8: :b8: :b8: :b20:

.....................................................
ธรรมอำนวยพร
ขอให้.....มีจิตที่รู้ ที่ตื่น ที่เบิกบาน (พุทธะ)
ขอให้.....ทำการงานด้วยความสุข (อิทธิบาทสี่)
ขอให้.....ขจัดทุกข์ได้ด้วยปัญญา (อริยสัจสี่)
ขอให้.....มีดวงตาที่เห็นความจริง (ไตรลักษณ์)
ขอให้.....เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2013, 00:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ค. 2013, 22:08
โพสต์: 92

แนวปฏิบัติ: สมถะกรรมฐาน
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: การทำสังฆทาน
ชื่อเล่น: ไผ่
อายุ: 21

 ข้อมูลส่วนตัว


choochu เขียน:
การทำทาน ก็เหมือนเป็นเพียงการ ลดความเห็นแก่ตัว รู้จักเสียสละ

การมีศีล มีตั้ง 5 ข้อ นั้นหมายถึง เราไม่ทำชั่วได้ถึงห้าข้อใหญ่ๆ จึงมีบุญมากกว่า ทานเพียงอย่างเดียว

ส่วนการภาวนานั้น ทำให้เรามีสติ+ปัญญา เมื่อมีสติจึงไม่ทำชั่ว ไม่ทำตามกิเลส ไม่ผิดศีล จึงเป็นบุญอันสูงสุด ได้บุญมาก

สรุปคือ การภาวนา นั้นครอบครุมทั้ง ทาน และ ศีล จึงได้บุญมากมาย จนถึงขั้น นิพพานได้เลยดีเดียว

หากแต่ต้องเป็น วิปัสสนา จึงจะเกิด ปัญญาที่แท้จริง


ภาวนาได้บุญตามศาสนาเพราะอย่างนี้เอง ขอบคุณมากครับ onion

.....................................................
อย่าได้เห็นแก่ความสุข สนุกสนานชั่วครู่คราว
เพราะผลกรรมที่ตามมามันสุดแสนจะ
ทุกข์ทรมาน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 131 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร