วันเวลาปัจจุบัน 18 เม.ย. 2024, 18:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 83 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2013, 05:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่ก็บวชมานานเหมือนกัน แต่ได้สึกหาลาเพศไป พูดไว้น่าคิดเหมือนกัน

อดีตหลวงตาจันทร์บอกว่า เป็นพระหรือฆราวาสไม่ใช่ข้อจำกัดของการปฏิบัติธรรม การโกนหัวห่มจีวรที่เขาเรียกว่า "พระ" ใช่ว่าจะมีศีลครบ ๒๒๗ ข้อ หรือละกิเลสได้เสมอไป ขณะเดียวกันการใส่เสื้อผ้าปกติที่เรียกว่า "ชาวบ้าน" หรือ "ฆราวาส" ก็สามารถปฏิบัติได้ไม่แพ้พระ ไม่ต่างอะไรกับข้าราชการทหาร ไม่ว่าจะเป็นทหารบก ทหารเรือ รวมทั้งทหารอากาศ ต่างก็เป็นทหารของกองทัพทำหน้าที่ปกป้องประเทศ เพราะทั้งพระทั้งฆราวาสต่างก็เป็นพุทธบริษัท ๔ มีหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนา ดังที่พระพุทธเจ้าฝากพุทธศาสนาไว้กับพุทธบริษัท ๔ และบุคคลทั้ง ๔ นี้ สามารถปฏิบัติตนให้บรรลุธรรมได้เช่นกัน

http://www.komchadluek.net/detail/20121 ... dCkJdgugwo

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2013, 10:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
amazing เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
amazing เขียน:
1.พระพุทธเจ้ากล่าวว่า พระอริยะจะไม่ลดฐานะตนเอง



มีคนบางจำพวก...ไม่ยอมเข้าอริยะ...แต่มีคุณค่าที่แม้อริยะยังเคารพ...อิอิ..
ชาวพุทธต้องศึกษาธรรมะกันให้มาก ถ้าหยั่งลงมั่นในตถาคตแล้วความคิดเห็นของตนเองนั้นจะต้องหมดไป เพราะเราคือสาวกผู้ประพฤติตามคำพระตถาคตเท่านั้น


มีคนพวกหนึ่ง...เห็นตถาคตแล้ว....เข้าใจทางแห่งออกจากวัฏฏะนี้แล้ว..แทงลงในอริยะสัจเพียงนิดก็รู้ได้ว่า..ต้องทะลุแน่ด้วยบารมีที่สั่งสมมาพร้อมแล้ว.....แต่กลับเสียดายว่า..จะได้ประโยชน์น้อย...มีความคิดว่า..ทางนี้สัตว์รู้ได้ยาก...อย่ากระนั้นเลย....เราจะบอกทางนี้แก่หมู่สัตว์ทั้งหลาย....อันจะเป็นประโยชน์อันมาก..ดีกว่า

ไปได้...แต่ไม่ยอมไปเพียงผู้เดียว....อันนี้ก็น่านับถือ..นะ..อิอิ
การแทงลงในอริยมรรคหรือมรรคจิตเกิดแก่ผู้ใดแล้วจะไม่มีวันถอยกลับเป็นโพธิสัตว์ได้ ต้องเดินหน้าอย่างเดียว เพราะจะเกิดอีกไม่เกินเจ็ดชาติ แต่ถ้าเพียงต้องการเป็นโพธิสัตว์ โพธิสัตว์ก็ยังเอาตัวไม่รอดเลยเกี่ยวกับอริยสัจหรือการพ้นทุกข์เพราะยังไม่ตรัสรู้จะเอาอะไรมาช่วยเหลือคนให้พ้นทุกข์อย่างมากก็รู้เรื่องความดี ในช่วงนี้คำสอนพระศาสดาที่ีทำให้พ้นทุกข์ได้ยังอยู่ รีบประกาศคำสอนพระศาสดากันให้มากเถอะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2013, 10:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
นี่ก็บวชมานานเหมือนกัน แต่ได้สึกหาลาเพศไป พูดไว้น่าคิดเหมือนกัน

อดีตหลวงตาจันทร์บอกว่า เป็นพระหรือฆราวาสไม่ใช่ข้อจำกัดของการปฏิบัติธรรม การโกนหัวห่มจีวรที่เขาเรียกว่า "พระ" ใช่ว่าจะมีศีลครบ ๒๒๗ ข้อ หรือละกิเลสได้เสมอไป ขณะเดียวกันการใส่เสื้อผ้าปกติที่เรียกว่า "ชาวบ้าน" หรือ "ฆราวาส" ก็สามารถปฏิบัติได้ไม่แพ้พระ ไม่ต่างอะไรกับข้าราชการทหาร ไม่ว่าจะเป็นทหารบก ทหารเรือ รวมทั้งทหารอากาศ ต่างก็เป็นทหารของกองทัพทำหน้าที่ปกป้องประเทศ เพราะทั้งพระทั้งฆราวาสต่างก็เป็นพุทธบริษัท ๔ มีหน้าที่ปกป้องพระพุทธศาสนา ดังที่พระพุทธเจ้าฝากพุทธศาสนาไว้กับพุทธบริษัท ๔ และบุคคลทั้ง ๔ นี้ สามารถปฏิบัติตนให้บรรลุธรรมได้เช่นกัน

http://www.komchadluek.net/detail/20121 ... dCkJdgugwo

บวชนานหรือไม่นานไม่สำคัญกับการสึก บวชแล้วสึกก็ไม่ผิด การปฏิบัติธรรมไม่ขึ้นอยู่กับเพศ

แต่มีคำกล่าวว่า เพศฆราวาสคับแคบเป็นทางมาแห่งธุลี และพระที่่สำรวมอินทรีย์ พอประมาณในอาหาร (โภชเเนมัตตัญุตา) ประพฤติความเพียร (ชาคริยานุโยค) จะลดฐานะสึกไป มิใช่ฐานะที่จะเกิดขึ้นได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2013, 15:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ให้คุณ amazing บวชตลอดชีวิตพอไหวไหมครับ :b1: สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยค

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2013, 15:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ให้คุณ amazing บวชตลอดชีวิตพอไหวไหมครับ :b1: สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยค

พูดเป็นเล่นไปนะพี่กรัชกาย :b32: ท่านเมซซิ่งแกยังมีปัญหาคาใจอยู่นะ :b13:
แปลกจังเรยนะค่ะ สัญญาของคุณน้องคล้ายๆกับเมมโมรี่ที่เก็บสะสมข้อมูลที่ส่วนใหญ่จะผ่านทางตากับหู
แล้วเมื่อมีเหตุปัจจัยเกิดขึ้น สัญญามันจะประมวลผลนั้นออกมาทันที :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 ก.ค. 2013, 18:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ให้คุณ amazing บวชตลอดชีวิตพอไหวไหมครับ :b1: สำรวมอินทรีย์ โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยค
ถามผม ผมทำไม่ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2013, 09:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สาวิกาน้อย เขียน:
รูปภาพ

ในเรื่องของกาม คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์นั้น รูปอะไรก็ไม่จับใจเท่ารูปผู้หญิง ผู้หญิงรูปร่างบาดตา ก็ชวนมองอยู่แล้ว ยิ่งเดินซอกแซกๆ ก็ยิ่งมองเพลิน

เสียงอะไรจะมาจับใจเท่าเสียงผู้หญิง เป็นไม่มี มันบาดถึงหัวใจ กลิ่นก็เหมือนกัน กลิ่นอะไรก็ไม่เหมือนกลิ่นผู้หญิง ติดกลิ่นอื่นก็ไม่เท่าติดกลิ่นผู้หญิง มันเป็นอย่างนั้น

รสอะไรก็ไม่เหมือน รสข้าว รสแกง รสสารพัดก็ไม่เทียบเท่ารสผู้หญิง หลงติดเข้าไปแล้วถอนได้ยาก เพราะมันเป็นกาม โผฏฐัพพะก็เช่นกัน จับต้องอะไรก็ไม่ทำให้มึนเมาปั่นป่วน จนหัวชนกันเหมือนกับจับต้องผู้หญิง


ฉะนั้น เมื่อลูกท้าวพญาที่ไปเรียนวิชากับอาจารย์ตักศิลาจนจบแล้ว จะลาอาจารย์กลับบ้าน อาจารย์จึงสอนว่า เวทย์มนต์กลมายาอะไรๆ ก็สอนให้บอกให้จนหมดแล้ว เมื่อกลับไปครองบ้านครองเมืองแล้ว มีอะไรมาก็ไม่ต้องกลัว จะสู้ได้หมดทั้งนั้น จะมีสัตว์ประเภทใดมาก็ไม่ต้องกลัว ไม่ว่าจะเป็นสัตว์มีฟันอยู่ในปาก หรือมีเขาอยู่บนหัว มีงวง มีงา ก็คุ้มกันได้ทั้งสิ้น แต่ไม่รับรองอยู่เฉพาะสัตว์จำพวกหนึ่ง ที่เขาไม่ได้อยู่บนหัว แต่หากไปอยู่ที่หน้าอก สัตว์ชนิดนี้ไม่มีมนต์ชนิดใดจะคุ้มกันได้ มีแต่จะต้องคุ้มกันตัวเอง รู้จักไหม สัตว์ที่มีเขาอยู่หน้าอกนั่นแหละ ท่านจึงให้รักษาตัวเอาเอง


ธรรมารมณ์ที่เกิดขึ้นกับใจแล้ว ทำให้อยากได้เงิน อยากได้ทอง อยากได้สิ่ง อยากได้ของ ธรรมารมณ์อย่างนั้นไม่พอให้ล้มตาย แต่ถ้าเป็นธรรมารมณ์ที่ชุ่มด้วยน้ำกามเกิดขึ้นแล้ว มันทำให้ลืมพ่อลืมแม่ แม้พ่อแม่เลี้ยงมา ก็หนีจากไปได้โดยไม่คำนึงถึง พอเกิดขึ้นแล้วรั้งไม่อยู่ สอนก็ไม่ฟัง

รูปหนึ่ง เสียงหนึ่ง กลิ่นหนึ่ง รสหนึ่ง โผฏฐัพพะหนึ่ง ธรรมารมณ์หนึ่ง เป็นบ่วง เป็นบ่วงของพญามาร พญามารแปลว่าผู้ให้ร้ายต่อเรา บ่วงแปลว่าเครื่องผูกพัน บ่วงของพญามารเปรียบได้กับแร้วของนายพราน นายพรานที่เป็นเจ้าของแร้วนั่นแหละคือพญามาร เชือกเป็นบ่วงเครื่องผูกของนายพราน

สัตว์ทั้งหลายเมื่อไปติดบ่วงเข้าแล้วลำบาก มันผูกไว้ดึงไว้ รอจนเจ้าของแร้วมา เหมือนกับนกไปติดแร้วเข้า แร้วมันรัดถูกคอ ดิ้นไปไหนก็ไม่หลุดดิ้นปัดไปปัดมาอย่างนั้นแหละ มันผูกไว้คอยนายพรานเจ้าของแร้วครั้นเจ้าของมาเห็นก็จบเรื่อง นั้นแหละพญามาร นกกลัวมาก สัตว์ทั้งหลายกลัวมาก เพราะหนีไปไหนไม่พ้น

บ่วงก็เช่นกัน รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ เป็นบ่วงผูกเอาไว้ เมื่อเราติดในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ก็เหมือนกันกับปลากินเบ็ด รอให้เจ้าของเบ็ดมา ดิ้นไปไหนก็ไม่หลุด อันที่จริงแล้วมันยิ่งกว่าปลากินเบ็ด ต้องเปรียบได้กับกบกินเบ็ด เพราะกบกินเบ็ดนั้น มันกินลงไปถึงไส้ถึงพุง แต่ปลากินเบ็ด ก็กินอยู่แค่ปาก

คนติดในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ก็เหมือนกัน แบบคนติดเหล้า ถ้าตับยังไม่แข็ง ไม่เลิก ติดตอนแรกๆ ก็ยังไม่รู้จักเรื่อง ก็หลงเพลิดเพลินไปเรื่อยๆ จนเกิดโรคร้ายขึ้นนั่นแหละเป็นทุกข์

เหมือนบุรุษผู้หนึ่งหิวน้ำจัด เพราะเดินทางมาไกล มาขอกินน้ำ เจ้าของน้ำก็บอกว่า น้ำนี้จะกินก็ได้ สีมันก็ดี กลิ่นมันก็ดี รสมันก็ดี แต่กินเข้าไปแล้ว มันเมานะ บอกให้รู้เสียก่อน เมาจนตายหรือเจ็บเจียนตายนั่นแหละ แต่บุรุษผู้หิวน้ำก็ไม่ฟัง เพราะหิวมาก เหมือนคนไข้หลังผ่าตัดที่ถูกหมอบังคับให้อดน้ำ ก็ร้องขอน้ำกิน

คนหิวในกามก็เหมือนกัน หิวในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ล้วนของเป็นพิษ พระพุทธเจ้าได้บอกไว้ว่า รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์นั้น มันเป็นพิษ เป็นบ่วง ก็ไม่ฟังกัน เหมือนกับบุรุษหิวน้ำผู้นั้น ที่ไม่ยอมฟังคำเตือน เพราะความหิวกระหายมันมีมาก ถึงจะต้องทุกข์ยากลำบากเพียงใด ก็ขอให้ได้กินน้ำเถอะ เมื่อได้กินได้ดื่มแล้ว มันจะเมาจนตายหรือเจียนตายก็ช่างมัน จับจอกน้ำได้ก็ดื่มเอา ดื่มเอา เหมือนกับคนหิวในกาม ก็กินรูป กินกลิ่น กินรส กินโผฏฐัพพะ กินธรรมารมณ์ รู้สึกอร่อยมาก ก็กินเอาๆ หยุดไม่ได้ กินจนตาย ตายคากาม

อย่างนี้ท่านเรียกว่าติดโลกีย์วิสัย ปัญญาโลกีย์ก็แสวงหารูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ ถึงปัญญาจะดีสักปานใด ก็ยังเป็นปัญญาโลกีย์อยู่นั่นเอง สุขปานใดก็แค่สุขโลกีย์ มันไม่สุขเหมือนโลกุตตระ คือมันไม่พ้นโลก

การฝึกในทางโลกุตตระ คือ ทำให้มันหมดอุปทาน ปฏิบัติให้หมดอุปทาน ให้พิจารณาร่างกายนี่แหละ พิจารณาซ้ำแล้วซ้ำอีก ให้มันเบื่อ ให้มันหน่าย จนเกิดนิพพิทา ซึ่งเกิดได้ยาก มันจึงเป็นของยาก ถ้าเรายังไม่เห็นก็ยิ่งดูมันยาก

เราทั้งหลายพากันมาบวช เรียน เขียน อ่าน มาปฏิบัติภาวนา ก็พยายามตั้งใจของตัวเอง แต่ก็ทำได้ยาก กำหนดข้อประพฤติปฏิบัติไว้อย่างนี้อย่างนั้นแล้ว ก็ทำได้เพียงวันหนึ่ง สองวัน หรือแค่สองชั่วโมง สามชั่วโมง ก็ลืมเสียแล้วพอระลึกขึ้นได้ ก็จับมันตั้งไว้อีก ก็ได้เพียงชั่วคราว

พอรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ธรรมารมณ์ผ่านมา ก็พังไปเสียอีกแล้ว พอนึกได้ ก็จับตั้งอีก ปฏิบัติอีก นี่ เรามักเป็นเสียอย่างนี้ เพราะสร้างทำนบไว้ไม่ดี ปฏิบัติไม่ทันเป็นไม่ทันเห็น มันก็เป็นอยู่อย่างนั้น มันจึงเป็นโลกุตตระไม่ได้ ถ้าเป็นโลกุตตระได้มันพ้นไปจากสิ่งทั้งหลายแล้ว มันก็สงบเท่านั้นเอง

ที่ไม่สงบทุกวันนี้ ก็เพราะของเก่ามันมากวนอยู่ไม่หยุด มันตามมาพัวพัน เพราะมันติดตัวเคยชินเสียแล้ว จะแสวงหาทางออกทางไหนมันก็คอยมาผูกไว้ดึงไว้ ไม่ให้ลืมที่เก่าของมัน เราจึงเอาของเก่ามาใช้ มาชม มาอยู่ มากินกันอยู่อย่างนี้

ผู้หญิงก็มีผู้ชายเป็นอุปสรรค ผู้ชายก็มีผู้หญิงเป็นอุปสรรค มันพอปานกัน ถ้าผู้ชายอยู่กับผู้ชายด้วยกัน มันก็ไม่มีอะไร หรือผู้หญิงอยู่กับผู้หญิงด้วยกัน มันก็อย่างนั้นแหละ แต่พอผู้ชายไปเห็นผู้หญิงเข้า หัวใจมันเต้นติ๊กตั๊กๆ ผู้หญิงเห็นผู้ชายเข้าก็เหมือนกัน หัวใจก็เต้นติ๊กตั๊กๆ เพราะมันดึงดูดซึ่งกันและกัน

นี่ก็เพราะไม่เห็นโทษของมัน หากไม่เห็นโทษแล้ว ก็ละไม่ได้ ต้องเห็นโทษในกามและเห็นประโยชน์ในการละกามแล้ว จึงจะทำได้ หากปฏิบัติยังไม่พ้น แต่พยายามอดทนปฏิบัติต่อไป ก็เรียกว่าทำได้ในเพียงระดับของศีลธรรม แต่ถ้าปฏิบัติได้เห็นชัดแล้ว จะไม่ต้องอดทนเลย ที่มันยากมันลำบากก็เพราะยังไม่เห็น



:b39: ...คัดลอกบางตอนมาจาก...
สองหน้าของสัจจธรรม (หลวงพ่อชา สุภัทโท)

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=45717



:b8:
ถ้ายังไม่เห็นโทษภัยของกามจริงๆ
..ออกจากกามไม่ได้..ก็ยากยิ่งที่จะออกจากวัฏฏะทุกข์

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2013, 10:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


หลวงปู่พุทธะ.....ว่า...ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร...ท่านไม่ได้ทำเรื่องเสียหาย

http://m.youtube.com/#/watch?v=OBhlr1OD ... Bhlr1OD-VQ



แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 83 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 44 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร