วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 08:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2013, 06:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


คนไม่เคยได้ศึกษาพระอภิธรรม แต่รู้เรื่องพระอภิธรรม แปลกไหม?

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2013, 11:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
คนไม่เคยได้ศึกษาพระอภิธรรม แต่รู้เรื่องพระอภิธรรม แปลกไหม?

พระอภิธรรมแท้จริงแล้ว ก็มีอยู่ในพระสูตรนั้นเอง พระอภิธรรมเกิดจากเหล่าอรหันต์ที่ทำ
สังคายนาพระไตรปิฏกเป็นผู้เรียบเรียงขึ้น พระอภิธรรม๗คัมภีร์หรือพระอภิมัตถฯ จึงไม่ใช่พุทธพจน์

พุทธพจน์ของพระพุทธเจ้าที่กล่าวถึงพระอภิธรรม เป็นการกล่าวอยู่ในพระสูตร
เน้นเรื่องการปฏิบัติเพื่อละกิเลส นั้นก็คือเรื่องของ
ไตรสิกขา (อธิศีล อธิจิต อธิปัญญา)

การจะอ่านพระไตรปิฎกให้เข้าใจต้องอาศัย ปัญญามาพิจารณาเนื้อหาในพระไตรปิฎก
ปัญญาที่ว่าก็คือปัญญาที่ได้มาจากการปฏิบัติ เริ่มแรกก็คือการเจริญสติ เมื่อได้ปัญญาเบื้องต้นแล้ว
จึงเอาปัญญาเบื้องต้นไปเจริญให้เกิดสัมมาทิฐิ นั้นแหล่ะจึงจะอ่านพระไตรปิฎกได้สามารถพิจารณาธรรมในพระไตรปิฎกตามความเป็นจริง

ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าก็สอนสาวกด้วยปากเปล่า ไม่มีตำรับตำราอะไร
พวกเหล่าพระอรหันต์ที่ทำสังคายนาพระไตรปิฎก ก็บรรลุอรหันต์ด้วยการฟังและปฏิบัติ
ไม่ได้ต้องใช้พระไตรปิฎกหรือตำราเลย


ที่สำคัญพระไตรปิฎกก็เกิดจากเหล่าผู้เป็นพระอรหันต์แล้ว ท่านอธิบายพระอภิธรรม
ในลักษณะของผู้ที่มีปัญญาแล้ว การจะอ่านจึงต้องอาศัยปัญญาไปอ่าน
ไม่ใช่ใครคิดว่าอ่านแล้วสามารถบรรลุได้ เสียเวลาเปล่า มิหน่ำซ่ำมันกลับไปเพิ่มกิเลสให้ตัวเอง

ปล.ผมไม่ได้หมายถึงอ่านพระไตรปิฎกไม่ดีน่ะ เพียงแต่จะบอกว่า
ต้องปฏิบัติให้ดีให้เกิดผลเสียก่อน พระไตรปิฎกจึงจะเกิดผล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2013, 11:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


หากมีฉันทะ ที่จะเรียนรู้พระอภิธรรม 7 คัมภีร์ ก็ย่อมสามารถเรียนรู้ได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องเรียนรู้จาก
อภิธรรมมัตถสังคหะ ซึ่งมีการเติมแต่งโดยมติตนจะเป็นการดี เพราะพระอรหันตเจ้าท่านได้เรียบเรียงไว้ดีแล้ว


ใครคนพูดครับ ท่านเช่นนั้น

ผมว่าศึกษาจาก อาจารย์และอภิธรรมมัตถะสังคหะ และ เอาไปสอบกับพระไตรปิฏก
จะง่ายกว่าครับ

สอบแล้วมันก็ลงกัน ไม่ลงกัน ก็คงไม่ผ่านมาได้ครับ คัมภีร์อภิธรรมมัตถะสังคหะ

ยิ่งถ้าตัดนั้น ตัดนี่ทิ้งไป แล้วคิดเอาเองว่าควรจะเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ นะครับ

เลอะเทอะเละเทะ

บางคนถึงกับเอา ทฤษฏีของฝรั่งมาปน ....................

เช่นเรื่องจิตใต้สำนึก เหนือสำนึก เป็นต้น

ของพุทธศึกษายากกว่าน่ะสิ เลยไม่ศึกษาได้เจนจบ

แต่ของฝรั่งง่ายกว่า แค่อ่านไม่มีครู ก็พอจะอ่านรู้เรื่อง

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2013, 13:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
คนไม่เคยได้ศึกษาพระอภิธรรม แต่รู้เรื่องพระอภิธรรม แปลกไหม?

ไม่แปลก

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2013, 13:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
หากมีฉันทะ ที่จะเรียนรู้พระอภิธรรม 7 คัมภีร์ ก็ย่อมสามารถเรียนรู้ได้ง่าย โดยไม่จำเป็นต้องเรียนรู้จาก
อภิธรรมมัตถสังคหะ ซึ่งมีการเติมแต่งโดยมติตนจะเป็นการดี เพราะพระอรหันตเจ้าท่านได้เรียบเรียงไว้ดีแล้ว


ใครคนพูดครับ ท่านเช่นนั้น

ผมว่าศึกษาจาก อาจารย์และอภิธรรมมัตถะสังคหะ และ เอาไปสอบกับพระไตรปิฏก
จะง่ายกว่าครับ

สอบแล้วมันก็ลงกัน ไม่ลงกัน ก็คงไม่ผ่านมาได้ครับ คัมภีร์อภิธรรมมัตถะสังคหะ

ยิ่งถ้าตัดนั้น ตัดนี่ทิ้งไป แล้วคิดเอาเองว่าควรจะเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ นะครับ

เลอะเทอะเละเทะ

บางคนถึงกับเอา ทฤษฏีของฝรั่งมาปน ....................

เช่นเรื่องจิตใต้สำนึก เหนือสำนึก เป็นต้น

ของพุทธศึกษายากกว่าน่ะสิ เลยไม่ศึกษาได้เจนจบ

แต่ของฝรั่งง่ายกว่า แค่อ่านไม่มีครู ก็พอจะอ่านรู้เรื่อง

แล้วแต่ฉันทะ ของคุณ Govit ครับ
ส่วนที่ว่ามันลงกัน ก็คงต้องรอเวลามาถึง เมื่อถึงเวลานั้นคุณ Govit ก็จะทราบเอง
ว่าไม่น่าเสียเวลามาเรียนอภิธรรมมัตถสังคหะอย่างจริงๆจังๆ
ควรใช้เป็นเพียงปทานุกรมศัทท์ ทำความเข้าใจเล็กๆ น้อยๆ ก็พอ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2013, 13:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
ผู้ที่ศึกษาพระอภิธรรม 7 คัมภีร์
คงไม่หลงประเด็นในเรื่องนี้
เพราะ พระอภิธรรม 7 คัมภีร์ เรียบเรียงขึ้นให้สะดวกแก่การศึกษาพระสูตร

พระอภิธรรมจะเป็น ๗คัมภีร์หรืออภิมัตถฯ ก็ล้วนแล้วแต่ เป็นสิ่งที่ใช้อธิบาย พุทธพจน์
พุทธพจน์ที่เกียวกับพระวินัยหรือพระสูตร ถ้าเรารู้จักและปฏิบัติตามหลักที่พุทธพจน์กล่าวไว้
พระอภิธรรม๗คัมภีร์หรือพระอภิมัตถฯ ก็ไม่มีความจำเป็น

พุทธพจน์ในพระวินัยและพระสูตร เป็นธรรมที่ใช้ดับกิเลส หรือเรียกว่า จากผลไปหาเหตุ
แต่พระอภิธรรมเป็นธรรมที่บอกลักษณะของกิเลส หรือเรียกว่า เหตุไปหาผล


อรรถหรือเนื้อหาแท้ในพุทธพจน์ล้วนแล้วแต่เป็น...หลักของการปฏิบัติ
หลักการปฏิบัตินั้นก็คือ ปริยัติ
ปริยัติในความหมายของพุทธพจน์ ไม่ใช่การอ่านการศึกษาพระอภิธรรมหรืออภิมัตถฯ
หลักการปฏิบัติที่เรียกว่า ปริยัตินั้นก็คือ การรู้ตัวให้อยู่กับปัจจุบันและการรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในกายใจ
ในขณะปัจจุบันนั้น

เมื่อรู้แล้วก็ให้ลงมือปฏิบัติ เรียกว่า....ปฏิบัติ

เมื่อลงมือปฏิบัติก็จะได้ผลการปฏิบัตินั้นเรียกว่า ปฏิเวธ

นี่เป็นหลักธรรมเบื้องต้นที่เป็นพุทธพจน์แท้ๆ

การศึกษาหรือการอ่านพระไตรปิฎกโดยขาดปัญญาเป็นหลักในการพิจารณา
ยิ่งอ่านก็ยิ่งเกิด เป็นกิเลสทิฐิมานะ
ทิฐิมานะที่มีเหตุมาจากการอ่านพระไตรปิฎกโดยขาดปัญญา
ย่อมทำให้ไม่สามารถควบคุมกายสังขารและวจีสังขารได้ ส่วนใหญ่จะแสดงออกทางวาจา
นั้นก็คือการอ้างพระไตรปิฎก อ้างพุทธพจน์เพื่อข่มคนอื่น :b13:

อย่ามั่วน่ะโฮฮับ

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2013, 19:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


คนที่ไม่ยอมเรียนรู้ นั้นผมเคยเจอครับ ท่านเช่นนั้น

น้องผมเอง

ได้ไปอ่านหนังสือเล่มนึง (แนวปรัชญา)

แล้ว

ไปเชื่อคำบอกของหนังสือนั้น

ให้ทิ้งตำราธรรมะทุกเล่ม

ผมก็ไม่ทราบ รายละเอียด เหมือนกัน ได้ยินแต่น้อง พูดว่า

หนังสือธรรมะทุกเล่ม ................................... ไม่ต้องเปิดมาอ่านอีก

เพราะจบแล้ว

แต่ผมว่า เพราะน้ำเต็มแก้วแล้ว ............. ใส่อะไรไปก็ไม่ลงอีกแล้ว

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2013, 22:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


govit2552 เขียน:
คนที่ไม่ยอมเรียนรู้ นั้นผมเคยเจอครับ ท่านเช่นนั้น

น้องผมเอง

ได้ไปอ่านหนังสือเล่มนึง (แนวปรัชญา)

แล้ว

ไปเชื่อคำบอกของหนังสือนั้น

ให้ทิ้งตำราธรรมะทุกเล่ม

ผมก็ไม่ทราบ รายละเอียด เหมือนกัน ได้ยินแต่น้อง พูดว่า

หนังสือธรรมะทุกเล่ม ................................... ไม่ต้องเปิดมาอ่านอีก

เพราะจบแล้ว

แต่ผมว่า เพราะน้ำเต็มแก้วแล้ว ............. ใส่อะไรไปก็ไม่ลงอีกแล้ว

ศรัทธา เมื่อหยั่งลงต่อสิ่งใด ก็ยากถอน
สมัยหนึ่ง ผมก็เคยมีอาการอย่างนั้น
จนกว่า จะถึงจุดเปลี่ยน ก็จะเปลี่ยนแปลงได้ เมื่อความรู้นั้นๆ ไม่อาจตอบโจทย์ของชีวิตได้
คุณGovit ก็ยังเป็นกัลยาณมิตรแก่น้องไปเรื่อยๆ อย่าเพิ่งเบื่อล่ะครับ ^ ^

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2013, 03:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


การสอนธรรมะ การพูดคุยเกี่ยวกับธรรมะ ผมว่าต้องมีอยู่ตลอดไปครับ
เพราะเด็กรุ่นใหม่ ก็มีขึ้นมา ตลอดเวลา
และ ไม่มีใคร รู้มาตั้งแต่เกิด
รวมทั้งผมเอง ก่อนหน้านี้ ก็ไม่รู้อะไร
ปัจจุบันก็ยัง มีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกเยอะ เรื่องธรรมะ
ไม่งั้นก็คงจะ ไม่มีคำว่า เสขะบุคคล หรอกนะครับ
ยกเว้นพระอรหันต์ เท่านั้นครับ
กิจที่ควรทำ ได้ทำเสร็จแล้ว
พระอรหันต์ ไม่ต้องเรียนรู้แล้ว
แต่ในส่วนของพระวินัย ก็ยังต้องศึกษา ให้จบ เช่นกัน
ไม่ใช่ว่าเป็นพระอรหันต์ แล้ว จะทำอะไรตามใจได้
ต้องอยู๋ในขอบข่ายของพระวินัยครับ

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2013, 04:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เช่นนั้น เขียน:
อย่ามั่วน่ะโฮฮับ

กระทู้นี้มีชื่อหัวข้อว่า.....อย่าหลงประเด็น(เรื่องพระอภิธรรม) แต่ผมดูความเห็นหลายคน
นับตั้งแต่จขกทและอีกหลายท่าน มันหลงประเด็นกันทั้งนั้นครับ
ข้อความที่จขกทเอามาลงมันก็หลงครับ

ที่ว่าหลงประเด็นแต่แรก ก็คือไม่รู้ไม่เข้าใจว่า พระอภิธรรมคืออะไร
ต่างคนต่างอธิบายในสิ่งที่ไม่ใช่ประเด็นพระอภิธรรม
มันมีความเข้าใจในตัวพระอภิธรรมผิดไป ยิ่งพูดก็เลยยิ่งไกล

คนหนึ่งกำลังอ้างพระอภิธรรม ปฏิเสธอภิธัมมัตถ์ฯ
เอาแค่ตรงนี้ก่อน เพื่อชี้ให้เห็นว่า คนที่อ้างไม่ได้รู้เรื่องสักแต่ว่าอ้างตะบึดตะบือ

ผมจะบอก"เช่นนั้น"ให้น่ะว่า พระอภิธรรมกับพระอภิธรรมในพระไตรปิฎกมันเป็นคนละธรรม

พระอภิธรรมที่เป็นพุทธพจน์แท้ๆ พระพุทธองค์กล่าวเรียกว่า.....โพธิปักขิยธรรม

ส่วนไอ้สิ่งที่เช่นนั้นอ้าง มันไม่ใช่พุทธพจน์ อภิธรรม๗คัมภีร์ เขาเรียกว่า...อภิธรรมปิฎก

พระอภิธรรมที่เป็นพุทธพจน์แท้ๆ มีอยู่ในพระสูตร เป็นเรื่องของโพธิปักขิยธรรม


เช่นนั้นครับ อย่าสักแต่ว่าคนอื่นมั่วเลยครับ กรุณามีสติแล้วก็พิจารณาธรรมตามไป
ผิดถูกอย่างไรก็ว่ามา อย่ามัวเนียนแอบอ้างพุทธพจน์ต่อไปเลย :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2013, 06:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
เช่นนั้น เขียน:
อย่ามั่วน่ะโฮฮับ

กระทู้นี้มีชื่อหัวข้อว่า.....อย่าหลงประเด็น(เรื่องพระอภิธรรม) แต่ผมดูความเห็นหลายคน
นับตั้งแต่จขกทและอีกหลายท่าน มันหลงประเด็นกันทั้งนั้นครับ
ข้อความที่จขกทเอามาลงมันก็หลงครับ

ที่ว่าหลงประเด็นแต่แรก ก็คือไม่รู้ไม่เข้าใจว่า พระอภิธรรมคืออะไร
ต่างคนต่างอธิบายในสิ่งที่ไม่ใช่ประเด็นพระอภิธรรม
มันมีความเข้าใจในตัวพระอภิธรรมผิดไป ยิ่งพูดก็เลยยิ่งไกล

คนหนึ่งกำลังอ้างพระอภิธรรม ปฏิเสธอภิธัมมัตถ์ฯ
เอาแค่ตรงนี้ก่อน เพื่อชี้ให้เห็นว่า คนที่อ้างไม่ได้รู้เรื่องสักแต่ว่าอ้างตะบึดตะบือ

ผมจะบอก"เช่นนั้น"ให้น่ะว่า พระอภิธรรมกับพระอภิธรรมในพระไตรปิฎกมันเป็นคนละธรรม

พระอภิธรรมที่เป็นพุทธพจน์แท้ๆ พระพุทธองค์กล่าวเรียกว่า.....โพธิปักขิยธรรมส่วนไอ้สิ่งที่เช่นนั้นอ้าง มันไม่ใช่พุทธพจน์ อภิธรรม๗คัมภีร์ เขาเรียกว่า...อภิธรรมปิฎก

พระอภิธรรมที่เป็นพุทธพจน์แท้ๆ มีอยู่ในพระสูตร เป็นเรื่องของโพธิปักขิยธรรม


เช่นนั้นครับ อย่าสักแต่ว่าคนอื่นมั่วเลยครับ กรุณามีสติแล้วก็พิจารณาธรรมตามไป
ผิดถูกอย่างไรก็ว่ามา อย่ามัวเนียนแอบอ้างพุทธพจน์ต่อไปเลย :b13:


ไหนๆ อย่าเพิ่งไปล่ะ มาช่วยอธิบายหน่อย...อภิธรรมเรียกว่า โพธิปักขิยธรรมน่ะ มันยังไงกัน
จะรออธิบายอยู่ ถามที่ไรไม่เคยตอบซักที แล้วโพธิปักขิธรรมน่ะมีอะไรบ้าง แปลว่าอะไร

หายต๋อมไปหลายวันเลยเนี่ย ๕๕๕ :b34: :b34:

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2013, 10:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
ไหนๆ อย่าเพิ่งไปล่ะ มาช่วยอธิบายหน่อย...อภิธรรมเรียกว่า โพธิปักขิยธรรมน่ะ มันยังไงกัน
จะรออธิบายอยู่ ถามที่ไรไม่เคยตอบซักที แล้วโพธิปักขิธรรมน่ะมีอะไรบ้าง แปลว่าอะไร

หายต๋อมไปหลายวันเลยเนี่ย ๕๕๕ :b34: :b34:

ก็บอกแล้วไงว่า พระอภิธรรมที่เป็นพุทธพจน์แท้ๆ มันเป็นหลักการปฎิบัติ
อภิธรรมที่พระพุทธองค์ทรงกล่าว ก็คือธรรมทั้งหมดทั้งมวลที่ต้องนำมาปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้น
ธรรมที่ว่าก็คือ.....โพธิปักขิยธรรม

โพธิปักฯก็คือความยิ่งใหญ่แห่งธรรมทั้งหมด อันเกิดจากการนำธรรมทั้งหมดมารวมเป็นหนึ่ง
ธรรมที่เป็นองค์ประกอบของโพธิปักขิยธรรมได้แก่......
...สัมมัธปธาน๔.....อิทธิบาท๔.....สติปัฏฐาน๔....อินทรีย์๕.....พละ๕
โพชฌงค์๗......มรรคมีองค์๘

องค์ธรรมทั้ง๓๗ประการ มารวมกันในลักษณะ ธรรมสามัคคีเป็นหนึ่ง
เรียกธรรมนั้นว่า โพธิปักขิยธรรม เป็นอภิธรรมตามความหมายของพุทธพจน์

พระอภิธรรมปิฎกหรือพระอภิธัมมัตถสังคหะ ไม่ใช่พุทธพจน์ เป็นเพียงเนื้อความ
ที่อรหันต์สาวกหรืออริยสาวก เอาพุทธพจน์มาขยายความ

เนื้อหาในพระอภิธรรมหรือพระอภิมัตถสังคหะ ผู้ที่สามารถอ่านและทำความเข้าใจได้
มีแต่ผู้ที่เป็นพระอริยบุคคลตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปจึงจะอ่านเข้าใจ
เพราะเนื้อหาในนั้น เป็นการเอาบัญญัติมาใช้สมมุติแทนตัวสภาวะธรรม
ซึ่งในความเป็นจริงนั้น บุคคลจะต้องเคยเห็นสภาวะธรรมมาบ้าง จึงจะเข้าใจ
บัญญัติที่ใช้แทนสภาวะธรรมนั้นๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2013, 13:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
ลุงหมาน เขียน:
ไหนๆ อย่าเพิ่งไปล่ะ มาช่วยอธิบายหน่อย...อภิธรรมเรียกว่า โพธิปักขิยธรรมน่ะ มันยังไงกัน
จะรออธิบายอยู่ ถามที่ไรไม่เคยตอบซักที แล้วโพธิปักขิธรรมน่ะมีอะไรบ้าง แปลว่าอะไร

หายต๋อมไปหลายวันเลยเนี่ย ๕๕๕ :b34: :b34:

ก็บอกแล้วไงว่า พระอภิธรรมที่เป็นพุทธพจน์แท้ๆ มันเป็นหลักการปฎิบัติ
อภิธรรมที่พระพุทธองค์ทรงกล่าว ก็คือธรรมทั้งหมดทั้งมวลที่ต้องนำมาปฏิบัติเพื่อการหลุดพ้น
ธรรมที่ว่าก็คือ.....โพธิปักขิยธรรม

โพธิปักฯก็คือความยิ่งใหญ่แห่งธรรมทั้งหมด อันเกิดจากการนำธรรมทั้งหมดมารวมเป็นหนึ่ง
ธรรมที่เป็นองค์ประกอบของโพธิปักขิยธรรมได้แก่......
...สัมมัธปธาน๔.....อิทธิบาท๔.....สติปัฏฐาน๔....อินทรีย์๕.....พละ๕
โพชฌงค์๗......มรรคมีองค์๘

องค์ธรรมทั้ง๓๗ประการ มารวมกันในลักษณะ ธรรมสามัคคีเป็นหนึ่ง
เรียกธรรมนั้นว่า โพธิปักขิยธรรม เป็นอภิธรรมตามความหมายของพุทธพจน์

พระอภิธรรมปิฎกหรือพระอภิธัมมัตถสังคหะ ไม่ใช่พุทธพจน์ เป็นเพียงเนื้อความ
ที่อรหันต์สาวกหรืออริยสาวก เอาพุทธพจน์มาขยายความ

เนื้อหาในพระอภิธรรมหรือพระอภิมัตถสังคหะ ผู้ที่สามารถอ่านและทำความเข้าใจได้
มีแต่ผู้ที่เป็นพระอริยบุคคลตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปจึงจะอ่านเข้าใจ
เพราะเนื้อหาในนั้น เป็นการเอาบัญญัติมาใช้สมมุติแทนตัวสภาวะธรรม
ซึ่งในความเป็นจริงนั้น บุคคลจะต้องเคยเห็นสภาวะธรรมมาบ้าง จึงจะเข้าใจ
บัญญัติที่ใช้แทนสภาวะธรรมนั้นๆ

ขอบคุณครับโฮฮับ แต่ว่า
ธรรมที่เป็นองค์ประกอบของโพธิปักขิยธรรมได้แก่......
....สัมมัธปธาน๔ ที่ว่ามี ๔ น่ะมีอะไรบ้าง ?
....อิทธิบาท๔ ที่ว่ามี ๔ น่ะมีอะไรบ้าง ?
.....สติปัฏฐาน๔ ที่ว่ามี ๔ น่ะมีอะไรบ้าง ?
.....อินทรีย์๕ ที่ว่ามี ๕ น่ะมีอะไรบ้าง ?
.....พละ๕ ที่ว่ามี ๕ น่ะมีอะไรบ้าง ?
.....โพชฌงค์๗ ที่ว่ามี ๗ น่ะมีอะไรบ้าง ?
......มรรคมีองค์๘ ที่ว่ามี ๘ น่ะมีอะไรบ้าง ?
ช่วยอธิบายหน่อยโฮฮับ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2013, 13:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2011, 15:12
โพสต์: 191


 ข้อมูลส่วนตัว


w
ลุงหมาน เขียน:
คนไม่เคยได้ศึกษาพระอภิธรรม แต่รู้เรื่องพระอภิธรรม แปลกไหม?

ไม่แปลกเลยนะครับ พระอภิธรรมทั้งหลายที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ ก็ล้วนมาจากจิตใจ ธรรมทั้งหลายที่ขุดค้นเพื่อรู้ก็รวมอยู่ที่จิตใจซึ่งเป็นบ่อเกิดสุขแลทุกข์ ตามตำรานั้นเพียงแต่บัญญัติเพื่อให้เป็นการสมมติตัวธรรมทั้งหลายอันจะเป็นแนวทางได้ศึกษาให้รู้เข้าใจในการนำมาปฏิบัติได้ หาใช่เป็นการประสงค์ให้เข้าใจว่า ธรรมทั้งหลายนั้นต้องศึกษาจากพระอภิธรรมก่อนไม่ อย่างนั้นเป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงมาก ฉะนั้น ก็ควรจะลงความเห็นว่า ธรรมนั้นแลอยู่ที่จิต ผู้ปฏิบัติจนรู้แจ้งจิตแล้ว จึงสามารถรู้ธรรมทั้งหลายจากจิตนั้นนั่นเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2013, 02:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
ขอบคุณครับโฮฮับ แต่ว่า
ธรรมที่เป็นองค์ประกอบของโพธิปักขิยธรรมได้แก่......
ช่วยอธิบายหน่อยโฮฮับ

สัมมัธปทาน๔ คือ หลักในการรักษากุศลธรรมไม่ให้เสื่อม
๑.สังวรปธาน........... การเพียรระวังไม่ให้อกุศลเกิดขึ้นในตน
๒.ปหานปธาน..........การเพียรละอกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว
๓.ภาวนาปธาน.........การเพียรสร้างกุศลให้เกิดขึ้นในตน
๔.อนุรักขปธาน.........การเพียรรักษากุศลที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ให้เสื่อมไป

อิทธิบาท๔ คือ ธรรมที่นำไปสู่ความสำเร็จ
๑.ฉันทะ..........ความชอบใจทำ พอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น
๒.วิริยะ...........ความแข็งใจทำ เพียรหมั่นประกอบในสิ่งนั้น
๓.จิตตะ..........ความตั้งใจทำ เอาใจฝักใฝ่ในสิ่งนั้น ไม่ทอดทิ้งธุระ
๔.วิมังสา........ความเข้าใจทำ การใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองหาเหตุผลในสิ่งนั้น

สติปัฏฐาน๔คือ การตั้งสติพิจารณาธรรมที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง
๑.กายานุปัสสนา......การตั้งสติกำหนดพิจารณากาย
๒.เวทนานุปัสนา......การตั้งสติกำหนดพิจารณาเวทนา
๓.จิตตานุปัสสนา.....การตั้งสติกำหนดพิจารณาจิต
๔.ธรรมานุปัสสนา....การตั้งสติกำหนดพิจารณาธรรม

อินทรีย์๕คือ ธรรมที่เป็นใหญ่ในการทำกิจ
๑.ศรัทธา......ให้เกิดความเชื่อ
๒.วิริยะ........ให้เกิดความเพียร
๓.สติ..........ให้เกิดความระลึกได้
๔.สมาธิ.......ให้เกิดความตั้งมั่น
๕.ปัญญา......ให้เกิดความรู้

๕.พละ๕คือ พลังที่ทำให้เกิดความมั่นคงแห่งอินทรีย์ทั้งห้า
๑.ศรัทธา.......๒.วิริยะ.....๓.สติ.....๔.สมาธิ.........๕.ปัญญา

โพชฌงค์๗คือ องค์ธรรมแห่งการตรัสรู้
๑.สติ....มีความระลึกได้
๒.ธัมมวิจยะ...มีความพิจารณาในธรรม
๓.วิริยะ.....มีความเพียร
๔.ปิติ......มีความอิ่มใจ
๕.ปัสสัทธิ....มีความสงบสบายใจ
๖.สมาธิ......มีความตั้งมั่น
๗.อุเบกขา....มีความวางเฉย

มรรคมีองค์๘คือ หนทางดับทุกข์
๑.สัมมาทิฐิ .....เห็นชอบ
๒.สัมมาสังกัปปะ....ดำริชอบ
๓.สัมมาวาจา.......เจรจาชอบ
๔.สัมมากัมมันตะ.....ประพฤติชอบ
๕.สัมมาอาชีวะ.......เลี้ยงชีพชอบ
๖.สัมมาวายามะ......เพียรชอบ
๗.สัมมาสติ......ระลึกชอบ
๘.สัมมาสมาธิ....ตั้งใจมั่นชอบ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 34 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร