วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 01:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2013, 11:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 มี.ค. 2013, 07:29
โพสต์: 5

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนนี้เราอายุ 20 ปี เรื่องมีอยู่ว่าตอนที่เราเรียนมหาวิทยาลัยปี 1 เทอม 2 ช่วงปิดเทอมเป็นช่วงที่น้ำท่วม รู้สึกมีอาการมองเห็นภาพซ้อน พูดไม่ค่อยชัด และนานๆเข้าตาก็เริ่มเหล่ ไปหาหมอมาหลายโรงพยาบาล คุณหมอบอกว่าตาเหล่เฉียบพัน เลยไปหาหมอที่โรงพยาบาลในจังหวัดกรุงเทพมหานคร รักษาอยู่หลายเดือน หมอให้ MRi ครั้งแรกไม่เจออะไร พอMRiรอบ 2 คุนหมอบอกเจออะไรในสมอง แต่ไม่สามารถตรวจได้ว่าคืออะไร ค่าใช้จ่ายในการรักษาตัวที่กรุงเทพแพงมาก คุณหมอใจดีเลยส่งตัวไปศิริราช คุณหมอที่ศิริราช ตรวจทุกอย่าง เจาะเข็มเป็นว่าเล่น โดนเจาะหลัง เจาะเลือดเพื่อเอาไปตรวจแต่สุดท้ายก็ไม่พบสาเหตุ ตอนนี้กินอะไรก็ลำบาก สามารถติดคอตายได้ทุกเมื่อ... ขนาดอยู่โรงพยาบาลยังจะตายเลย คุณพยาบาลต้องมาช่วย :( ทรมานมากๆ คุณหมอตรวจไม่พบอะไรจึงให้กลับบ้าน เรารักษาหลายทางมาก ทั้งไม่กินเนื้อสัตว์ กินอาหารที่ปลอดสาร แม่ต้องลำบากไปซื้อมาทำให้... มันคงเป็นเวรกรรม ตอนป่วยใหม่ๆ เรายังเดินได้ เราก็หนีออกจากบ้าน พูดจาไม่ไพเราะกับแม่ ทำให้แม่ร้องไห้ ไม่สนใจใยดีต่อความรู้สึกของแม่ คุณแม่ของเรามีลูก3คน เราชอบทะเลาะกับน้องคนกลาง แล้วต่อว่าแม่เสมอ ว่าแม่รักลูกลำเอียง เราเกลียดน้องคนกลางมากๆด้วยความริษยา พอเราทะเลาะกับน้องคนกลาง จึงบอกให้แม่ไล่น้องออกจากบ้าน ถ้าแม่ไม่ไล่น้อง..เราจะไปเอง แม่ไม่ทำตาม เราจึงหนี่ออกจากบ้านไป พร้อมกับโทรศัพท์มาต่อว่าแม่สารพัด ผลสุดท้ายคนที่ดูแลเราก็คือแม่กับน้องที่เราเกลียด.. ทุกๆวันนี้.. เราเคยไม่ชอบอะไรเราเป็นหมด... เราเคยหลอกลวงผู้ชายคนนั้นคนนี้เป็นว่าเล่นด้วยความสนุกสนาน คิดว่าผู้ชายโง่และหลอกลวงง่าย... เราเริ่มหันเข้าหาธรรมมะและสวดมนต์ทุกวัน แต่จิตใจก็ไม่สงบนิ่ง ทุกวันนี้เรารักษาตัวมาปีกว่าแล้ว แต่นับวันร่างกายเรายิ่งแย่ลง ร่างกายกระทบอะไรนิดหน่อยก็เขียว ฟกช้ำ เดินในบ้านก็จะล้ม ปวดเนื้อปวดตัวเหมือนโดนรถสิบล้อทับ ตาเหล่ และผมร่วง สมองฟั่นเฟือน นั่งน้ำลายไหลในบางครั้งที่เผลอ แม้จะพูดจาอะไรบางทียังพูดไม่รู้เรื่อง... เป็นภาระให้ครอบครัวมาก แต่แม่ก้ร้องไห้และปลอบใจเสมอว่าเราไม่ใช่ภาระ ทุกๆอย่างที่เราเป็นมันทรมารมากเลยค่ะ จนบางครั้งนึกไปว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ... เรากลายเป็นคนที่ขี้กลัว บางครั้งกินข้าวอยู่ก็จะหลับทั้งอย่างงั้นเลย ทุกวันนี้พูดได้เลยว่าสภาพย่ำแย่มากๆ เมื่อวานกินข้าวอยู่ก็อ้วกออกมาเพราะมีเสลดติดในลำคอ... จะตายเพราะหายใจไม่ออก.. ตอนที่ป่วยใหม่ๆยังพอมีเรี่ยวแรงอยู่เราก็พยายามทำบุญนะ ตอนนี้แม้จะไปหาหมอแค่แต่งตัวให้ตัวเองยังเหนื่อยเลย เราอยูแต่ที่บ้านไม่ได้ออกไปไหน เวลาว่างๆเราก็ถักไหมพรมเป็นหมวก เวลาเราไปหาหมอเราก็เอาไปบริจาคให้ผู้ป่วยโรคมะเร็ง... เราควรจะทำยังไงต่อไป ช่วยแนะนำหน่อยค่ะ ถ้าเขียนวนไปวนมาหรือผิดอย่าว่ากันนะ เพราะสมองคำนวณอะไรยากมากเลยค่ะ เราก็แค่อยากระบายว่าเวรกรรมมีจิง และคนที่่ิคอยอยู่ข้างเราเสมอก็คือแม่... :b45:


แก้ไขล่าสุดโดย พุทธคุณ เมื่อ 11 มี.ค. 2013, 09:48, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2013, 12:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สังขาร คือ บ้านโรคจริงๆ :b25:

เอางี้ไหมครับ ยามเจ็บป่วยอยู่บ้านว่างๆ ไม่ได้ไปไหน ไม่ลองฝึกปฏิบัติกรรมฐานดูละครับ ดีกว่าอยู่เปล่าๆ จิตใจจะได้มีงานทำ ไม่ฟุ้งซ่าน
ไม่แน่นะครับ โรคภัยไข้เจ็บอาจหายได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2013, 12:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 มี.ค. 2013, 07:29
โพสต์: 5

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แต่สมาธิตอนนี้ไม่ทีเลย เพาะมันเจ็บไปหมด อ่านหรือดูหนังอะไรก้ไม่ค่อยรุ้เรื่องค่ะ ทำไรก้ง่วงไปหมด :( แย่มากๆค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2013, 12:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Smilekuk เขียน:
แต่สมาธิตอนนี้ไม่ทีเลย เพาะมันเจ็บไปหมด อ่านหรือดูหนังอะไรก้ไม่ค่อยรุ้เรื่องค่ะ ทำไรก้ง่วงไปหมด :( แย่มากๆค่ะ


ก็เพราะอะไรๆมันไม่ดี มันแย่สิครับ จึงต้องทำให้มันดี ถูกไหมครับ ถ้านั่นก็ดีนี่ก็สมบูรณ์ ก็ไม่จำเป็นต้องทำอะไรมันก็ได้ เพราะมันดีอยู่แล้ว ถูกไหมครับเนี่ย :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2013, 13:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 มี.ค. 2013, 07:29
โพสต์: 5

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุนนะค่ะ -/\-

จะลองทำดู :)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2013, 13:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Smilekuk เขียน:
ขอบคุนนะค่ะ -/\-

จะลองทำดู :)



คุณจะทำยังไง :b1: :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2013, 13:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 มี.ค. 2013, 07:29
โพสต์: 5

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ว่าจะฝึกกรรมฐานดูนะค่ะ ^^


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2013, 13:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


น่าเห็นใจเจ้าของกระทู้นะค่ะ ถ้าสิ่งนั้นเป็นผลของวิบากกรรมจริง ก็ไม่ต้องไปบังคับหรือไปฝืนในสิ่งที่เรากำลังประสบอยู่ตอนนี้ แต่ขอให้ตั้งใจระลึกอยู่เสมอเวลา เรากำลังชดใช้กรรมเก่าของเรา ส่วนแนวทางปฏิบัติก่อนอื่นเราต้องมีความเพียร ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งเราจะสู้กับสังขารนี้ เวลากินก็มีสติระลึกรู้ว่าเรากำลังกินไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านเรื่องอื่น มีสติระลึกรู้เวลากำลังกินอาหารและเคี้ยวอาหารช้าๆและกลืนลงท้อง (เพราะเจ้าของกระทู้มีปัญหาเกี่ยวกับการกินอาหารแล้วติดคอ)เวลากินก็มีสติระลึกรู้ว่าเรากินเวลาเดินก็มีสติระลึกรู้ว่าเราเดิน ส่วนการถักไหมพรหมก็เป็นการฝึกสมาธิซึ่งจะช่วยให้ไม่คิดฟุ้งซ่าน ตื่นมาตักบาตรทุกเช้าและอุทิศบุญกุศลขอขมากรรมที่เคยล่วงเกินบิดามารดาเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ก่อนนอนก็ลองสวดมนต์ บทสวดอธิษฐานขอขมากรรม เอาแค่นี้ก่อน ส่วนเรื่องนั่งสมาธิกรรมฐาน ถ้าจิตใจยังไม่พร้อมก็อย่าเพิ่งก็ได้เจ้าค่ะ :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2013, 13:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
น่าเห็นใจเจ้าของกระทู้นะค่ะ ถ้าสิ่งนั้นเป็นผลของวิบากกรรมจริง ก็ไม่ต้องไปบังคับหรือไปฝืนในสิ่งที่เรากำลังประสบอยู่ตอนนี้ แต่ขอให้ตั้งใจระลึกอยู่เสมอเวลา เรากำลังชดใช้กรรมเก่าของเรา ส่วนแนวทางปฏิบัติก่อนอื่นเราต้องมีความเพียร ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งเราจะสู้กับสังขารนี้ เวลากินก็มีสติระลึกรู้ว่าเรากำลังกินไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านเรื่องอื่น มีสติระลึกรู้เวลากำลังกินอาหารและเคี้ยวอาหารช้าๆและกลืนลงท้อง (เพราะเจ้าของกระทู้มีปัญหาเกี่ยวกับการกินอาหารแล้วติดคอ)เวลากินก็มีสติระลึกรู้ว่าเรากินเวลาเดินก็มีสติระลึกรู้ว่าเราเดิน ส่วนการถักไหมพรหมก็เป็นการฝึกสมาธิซึ่งจะช่วยให้ไม่คิดฟุ้งซ่าน ตื่นมาตักบาตรทุกเช้าและอุทิศบุญกุศลขอขมากรรมที่เคยล่วงเกินบิดามารดาเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ก่อนนอนก็ลองสวดมนต์และบทสวดอธิษฐานขอขมากรรม เอาแค่นี้ก่อน ส่วนเรื่องนั่งสมาธิกรรมฐาน ถ้าจิตใจยังไม่พร้อมก็อย่าเพิ่งก็ได้เจ้าค่ะ :b1:


พูดรวมๆ มันก็ใช้จิตใจประกอบกับกายทั้งนั้นแหละ เอาง่ายๆเห็นๆ เช่น ตื่นแต่เช้ามาตักบาตร ถ้าจิตใจร่างกายไม่พร้อมก็ทำไม่ไหวแล้ว :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2013, 13:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
น่าเห็นใจเจ้าของกระทู้นะค่ะ ถ้าสิ่งนั้นเป็นผลของวิบากกรรมจริง ก็ไม่ต้องไปบังคับหรือไปฝืนในสิ่งที่เรากำลังประสบอยู่ตอนนี้ แต่ขอให้ตั้งใจระลึกอยู่เสมอเวลา เรากำลังชดใช้กรรมเก่าของเรา ส่วนแนวทางปฏิบัติก่อนอื่นเราต้องมีความเพียร ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งเราจะสู้กับสังขารนี้ เวลากินก็มีสติระลึกรู้ว่าเรากำลังกินไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านเรื่องอื่น มีสติระลึกรู้เวลากำลังกินอาหารและเคี้ยวอาหารช้าๆและกลืนลงท้อง (เพราะเจ้าของกระทู้มีปัญหาเกี่ยวกับการกินอาหารแล้วติดคอ)เวลากินก็มีสติระลึกรู้ว่าเรากินเวลาเดินก็มีสติระลึกรู้ว่าเราเดิน ส่วนการถักไหมพรหมก็เป็นการฝึกสมาธิซึ่งจะช่วยให้ไม่คิดฟุ้งซ่าน ตื่นมาตักบาตรทุกเช้าและอุทิศบุญกุศลขอขมากรรมที่เคยล่วงเกินบิดามารดาเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ก่อนนอนก็ลองสวดมนต์ บทสวดอธิษฐานขอขมากรรม เอาแค่นี้ก่อน ส่วนเรื่องนั่งสมาธิกรรมฐาน ถ้าจิตใจยังไม่พร้อมก็อย่าเพิ่งก็ได้เจ้าค่ะ :b1:


พูดรวมๆ มันก็ใช้จิตใจประกอบกับกายทั้งนั้นแหละ เอาง่ายๆเห็นๆ เช่น ตื่นแต่เช้ามาตักบาตร ถ้าจิตใจร่างกายไม่พร้อมก็ทำไม่ไหวแล้ว:b1:

ก็ถึงบอกไงว่าต้องมีความเพียร มีจิตใจที่เข้มแข็ง ถ้าขาดคุณสมบัตินี้ไป ต่อให้บอกน้องเค้านั่งกรรมฐานมันก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะปฏิบัติได้ แล้วพี่จะบอกให้น้องเค้านั่งกรรมฐานเลยหรือไง สภาพจิตใจน้องเค้ายังไม่พร้อม ต้องค่อยเป็นค่อยไป คุณน้องแนะนำน้องเค้าเพราะอยากให้เค้าหายจากการที่เป็นอยู่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2013, 13:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
น่าเห็นใจเจ้าของกระทู้นะค่ะ ถ้าสิ่งนั้นเป็นผลของวิบากกรรมจริง ก็ไม่ต้องไปบังคับหรือไปฝืนในสิ่งที่เรากำลังประสบอยู่ตอนนี้ แต่ขอให้ตั้งใจระลึกอยู่เสมอเวลา เรากำลังชดใช้กรรมเก่าของเรา ส่วนแนวทางปฏิบัติก่อนอื่นเราต้องมีความเพียร ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งเราจะสู้กับสังขารนี้ เวลากินก็มีสติระลึกรู้ว่าเรากำลังกินไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านเรื่องอื่น มีสติระลึกรู้เวลากำลังกินอาหารและเคี้ยวอาหารช้าๆและกลืนลงท้อง (เพราะเจ้าของกระทู้มีปัญหาเกี่ยวกับการกินอาหารแล้วติดคอ)เวลากินก็มีสติระลึกรู้ว่าเรากินเวลาเดินก็มีสติระลึกรู้ว่าเราเดิน ส่วนการถักไหมพรหมก็เป็นการฝึกสมาธิซึ่งจะช่วยให้ไม่คิดฟุ้งซ่าน ตื่นมาตักบาตรทุกเช้าและอุทิศบุญกุศลขอขมากรรมที่เคยล่วงเกินบิดามารดาเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ก่อนนอนก็ลองสวดมนต์ บทสวดอธิษฐานขอขมากรรม เอาแค่นี้ก่อน ส่วนเรื่องนั่งสมาธิกรรมฐาน ถ้าจิตใจยังไม่พร้อมก็อย่าเพิ่งก็ได้เจ้าค่ะ :b1:


พูดรวมๆ มันก็ใช้จิตใจประกอบกับกายทั้งนั้นแหละ เอาง่ายๆเห็นๆ เช่น ตื่นแต่เช้ามาตักบาตร ถ้าจิตใจร่างกายไม่พร้อมก็ทำไม่ไหวแล้ว:b1:

ก็ถึงบอกไงว่าต้องมีความเพียร มีจิตใจที่เข้มแข็ง ถ้าขาดคุณสมบัตินี้ไป ต่อให้บอกน้องเค้านั่งกรรมฐานมันก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะปฏิบัติได้ แล้วพี่จะบอกให้น้องเค้านั่งกรรมฐานเลยหรือไง สภาพจิตใจน้องเค้ายังไม่พร้อม ต้องค่อยเป็นค่อยไป คุณน้องแนะนำน้องเค้าเพราะอยากให้เค้าหายจากการที่เป็นอยู่


ที่สมมติเรียกกันว่าคนเนี่ยะ ประกอบด้วยกายกับใจ ทำงานสัมพันธ์กัน คำพูดที่ว่า ถ้าจิตใจยังไม่พร้อมก็ไม่ต้องทำ อย่าเพิ่งทำนั่น ทำนี่ มันก็ไม่พร้อมไปทุกอย่าง แม้แต่ลุกขึ้นแต่เช้ามาใส่บาตรพระมันก็ไม่พร้อม ต่อให้ร่างกายแข็งแรงมันก็ลุกไม่ไหว ถูกไหมล่ะ :b1:

มันต้องฝืนต้องบังคับกันบ้างจิตใจนะ ไม่ใช่ตามใจมันทุกเรื่องไป ถ้าพิจารณาเล็งเห็นว่าสิ่งนั้นดีเป็นประโยชน์ต่อชีวิต ยากลำบากแค่ไหนก็ต้องทำด้วยวิริยะอุตสาหะ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2013, 14:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
กรัชกาย เขียน:
nongkong เขียน:
น่าเห็นใจเจ้าของกระทู้นะค่ะ ถ้าสิ่งนั้นเป็นผลของวิบากกรรมจริง ก็ไม่ต้องไปบังคับหรือไปฝืนในสิ่งที่เรากำลังประสบอยู่ตอนนี้ แต่ขอให้ตั้งใจระลึกอยู่เสมอเวลา เรากำลังชดใช้กรรมเก่าของเรา ส่วนแนวทางปฏิบัติก่อนอื่นเราต้องมีความเพียร ต้องมีจิตใจที่เข้มแข็งเราจะสู้กับสังขารนี้ เวลากินก็มีสติระลึกรู้ว่าเรากำลังกินไม่ต้องคิดฟุ้งซ่านเรื่องอื่น มีสติระลึกรู้เวลากำลังกินอาหารและเคี้ยวอาหารช้าๆและกลืนลงท้อง (เพราะเจ้าของกระทู้มีปัญหาเกี่ยวกับการกินอาหารแล้วติดคอ)เวลากินก็มีสติระลึกรู้ว่าเรากินเวลาเดินก็มีสติระลึกรู้ว่าเราเดิน ส่วนการถักไหมพรหมก็เป็นการฝึกสมาธิซึ่งจะช่วยให้ไม่คิดฟุ้งซ่าน ตื่นมาตักบาตรทุกเช้าและอุทิศบุญกุศลขอขมากรรมที่เคยล่วงเกินบิดามารดาเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ก่อนนอนก็ลองสวดมนต์ บทสวดอธิษฐานขอขมากรรม เอาแค่นี้ก่อน ส่วนเรื่องนั่งสมาธิกรรมฐาน ถ้าจิตใจยังไม่พร้อมก็อย่าเพิ่งก็ได้เจ้าค่ะ :b1:


พูดรวมๆ มันก็ใช้จิตใจประกอบกับกายทั้งนั้นแหละ เอาง่ายๆเห็นๆ เช่น ตื่นแต่เช้ามาตักบาตร ถ้าจิตใจร่างกายไม่พร้อมก็ทำไม่ไหวแล้ว:b1:

ก็ถึงบอกไงว่าต้องมีความเพียร มีจิตใจที่เข้มแข็ง ถ้าขาดคุณสมบัตินี้ไป ต่อให้บอกน้องเค้านั่งกรรมฐานมันก็ไม่มีเรี่ยวแรงจะปฏิบัติได้ แล้วพี่จะบอกให้น้องเค้านั่งกรรมฐานเลยหรือไง สภาพจิตใจน้องเค้ายังไม่พร้อม ต้องค่อยเป็นค่อยไป คุณน้องแนะนำน้องเค้าเพราะอยากให้เค้าหายจากการที่เป็นอยู่


ที่สมมติเรียกกันว่าคนเนี่ยะ ประกอบด้วยกายกับใจ ทำงานสัมพันธ์กัน คำพูดที่ว่า ถ้าจิตใจยังไม่พร้อมก็ไม่ต้องทำ อย่าเพิ่งทำนั่น ทำนี่ มันก็ไม่พร้อมไปทุกอย่าง แม้แต่ลุกขึ้นแต่เช้ามาใส่บาตรพระมันก็ไม่พร้อม ต่อให้ร่างกายแข็งแรงมันก็ลุกไม่ไหว ถูกไหมล่ะ :b1:

มันต้องฝืนต้องบังคับกันบ้างจิตใจนะ ไม่ใช่ตามใจมันทุกเรื่องไป ถ้าพิจารณาเล็งเห็นว่าสิ่งนั้นดีเป็นประโยชน์ต่อชีวิต ยากลำบากแค่ไหนก็ต้องทำด้วยวิริยะอุตสาหะ :b1:


เอะพี่นี่พูดไม่รู้เรื่อง :b25: บอกว่าค่อยเป็นค่อยไปให้ทำตามที่คุนน้องแนะนำตอนแรกก่อน ขนาดกินข้าวยังจะติดคอตายอยู่แล้ว คุนน้องบอกให้เค้าปฏิบัติในสิ่งที่เกิดผลในชีวิตประจำวันเค้า พี่ไปบอกน้องเค้าปฏิบัติกรรมฐานก่อนเลย ถ้าน้องเค้าสติแตกฟุ้งซ่านธรรมขึ้นมาพี่จะรับผิดชอบป่ะ สวดมนต์ก่อนนอนก็พอแล้ว ส่วนถ้าทำได้ลุล่วงจนจิตใจตั้งมั่นแล้วค่อยปฏิบัติกรรมฐาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2013, 14:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:

เอะพี่นี่พูดไม่รู้เรื่อง :b25: บอกว่าค่อยเป็นค่อยไปให้ทำตามที่คุนน้องแนะนำตอนแรกก่อน ขนาดกินข้าวยังจะติดคอตายอยู่แล้ว คุนน้องบอกให้เค้าปฏิบัติในสิ่งที่เกิดผลในชีวิตประจำวันเค้า พี่ไปบอกน้องเค้าปฏิบัติกรรมฐานก่อนเลย ถ้าน้องเค้าสติแตกฟุ้งซ่านธรรมขึ้นมาพี่จะรับผิดชอบป่ะ สวดมนต์ก่อนนอนก็พอแล้ว ส่วนถ้าทำได้ลุล่วงจนจิตใจตั้งมั่นแล้วค่อยปฏิบัติกรรมฐาน


เห็นไหมล่ะ ใช้อำนาจจนเคยตัวเคยชินเคยจิตใจด้วย :b32:

บอกหน่อยดิ ที่ว่า ปฏิบัติกรรมฐานยังไงสติแตกอย่างที่ว่าน่ะ คิกๆ

ก็จิตใจไม่พร้อมจะสวดมนต์ยังไงล่ะ ลุกไม่ไหว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 10 มี.ค. 2013, 14:19, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2013, 14:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 มี.ค. 2013, 07:29
โพสต์: 5

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนนี้หนูสวดมน ตอนตื่นนอนค่ะ ประมานวันละ 1 ชม ใส่บาตรหรืออะไรยังไม่มีแรงค่ะ แต่พยามทำดีทุกอย่างนะค่ะ :( ทำเท่าที่ทำได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2013, 14:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Smilekuk เขียน:
ตอนนี้หนูสวดมน ตอนตื่นนอนค่ะ ประมานวันละ 1 ชม ใส่บาตรหรืออะไรยังไม่มีแรงค่ะ แต่พยามทำดีทุกอย่างนะค่ะ :( ทำเท่าที่ทำได้


สวดมนต์บทไหนบ้างหรือครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 23 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 27 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร