วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 21:18  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 110 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2013, 23:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


แม้แต่สุขในฌาณ....ที่น่าจะเรียกว่า...สุข ณ. ปัจจุบันได้แล้ว...แต่ก็ยังต้องรักษา

สิ่งใด..หากมีคำว่า "ต้อง" แล้วนี้...มันใช้พละกำลัง..ออกแรง...ความพยายาม..เป็นภาระมั้ย?

เพราะ...หาไม่แล้ว....คราวที่มันเสื่อมไป...ความเสียใจ..เสียดายก็เข้ามาแทน

สุข...ที่ต้องออกแรงรักษา...จะเป็นสุขที่แท้จริงได้หรือ?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มี.ค. 2013, 23:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 มิ.ย. 2011, 10:18
โพสต์: 590

โฮมเพจ: www.bhuddhakhun.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


กบนอกกะลา เขียน:
:b7: เราเคยชินแต่การทำให้มี...มีขึ้น...สร้างขึ้น...ก่อขึ้น...แล้วก็ประคับประคองสิ่งนั้นให้ดำรงอยู่...

การสร้างขึ้น...และ..การประคับประคองสิ่งที่สร้าง...ดูเหมือนจะเป็นวาระหน้าที่ของทุกๆคน

แต่...จะมีสักคนมั้ย...จะสงสัยว่า...ทำไปทำไม?...ทำไมต้องทำ?

จะมีสักคนมั้ย...ที่จะเห็นความเหน็ดเหนื่อยและเหนื่อยหน่ายกับวาระของชีวิตเหล่านี้

ไม่สร้าง...ไม่หวังเลย...จะดีมั้ย...จะได้ไม่ต้องมารักษา

จากความไม่มี......สร้างจนมีขึ้นมาได้...เหนื่อยมั้ย?

รักษาสิ่งสร้างให้คงอยู่....เหนื่อยมั้ย?...ทุกข์มั้ย?

และเคยรักษาสิ่งใดให้อยู่ได้ตลอดไป....สำเร็จสักอย่างมั้ย?

ในเมื่อ...สร้างก็ทุกข์....รักษาก็ทุกข์....รักษาใว้ไม่ได้ก็ทุกข์

แล้วทำไม..ไม่หยุด...

อยู่กับความว่าง..ความไม่มีอะไร...ที่ไม่ต้องเหนื่อย..ไม่ต้องสร้าง....ไม่ต้องรักษา..ไม่ต้องออกแรง...ไม่ต้องมีactionใด ๆ
ก็อยู่ได้ตลอดไป

ไม่สบายกว่าหรือ?


นี่คือการหลงอย่างนึง คุณกำลังหลง พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนแบบนี้
พระพุทธเจ้าท่านเข้าใจดีว่าเป็นมนุษย์นั้น สิ่งที่จำเป็นต่อการมีชีวิต
อยู่ประการหนึ่งนั่นคือการหาทรัพย์ รักษาทรัพย์ เพื่อเป็นปัจจัยในการ
ดำรงชีวิตหากทรัพย์นั้นหมายถึงบ้าน หมายถึงเงิน ที่กล่าวมาล้วนเป็นความ
จำเป็นต่อการมีชีวิตอยู่และธำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนา หรือคุณคิด
ว่าไม่จำเป็นต้องมีบ้าน อาศัยอยู่ในป่า อาศัยอยู่ในถ้ำก็ได้ หากเป็น
เช่นนั้นมนุษย์จะต่างจากผีตองเหลืองตรงไหน หรือว่าไม่ต้องมีเงิน
ก็ได้ ถ้าเช่นนั้นคุณเอาอะไรซื้ออาหาร หรือคุณมีความสามารถปลูก
ข้าว เลี้ยงสัตว์ ปลูกผักเองงั้นรึ เวลาป่วยมีใครมารักษาให้คุณฟรีเหรอ
เวลาไปไหนมาไหนไกลๆคุณเดินไปไหวมั้ยถ้าไม่นั่งรถนั่งเรือ ถ้า
เช่นนั้นเขาให้คุณโดยสารของเขาฟรีหรืเปล่า หรือหากมีรถส่วนตัว
มีคนมาเติมน้ำมันให้คุณฟรีรึเปล่า หรือว่าไม่ต้องจ่ายเงิน แม้บ้านที่
คุณอยู่ตอนนี้ก็ตาม คุณไม่ใช้ไฟฟ้า ไม่ใช้น้ำประปารึ หรือเขาให้คุณ
ใช้ฟรีหรือเปล่าล่ะ เห็นหรือยังว่าการหาทรัพย์นั้นจำเป็นมากแค่ไหนต่อ
การมีชีวิตอยู่ และหากไม่หาทรัพย์เราจะเอาปัจจัยมาจากไหน หรือ
มันหล่นลงมาเองจาฟ้าหรือเปล่า พระพุทธเจ้าท่านมิได้ทรงห้ามหาทรัพย์
แต่ท่านสอนให้เรามีสติอยู่กับปัจจุบัน ให้รู้ว่าปัจจุบันนี้มนุษย์เขาใช้
ชีวิตอยู่ได้ด้วยอะไรถ้ามิใช่อยู่ได้ด้วยทรัพย์ ท่านสอนให้เรารู้จักรักษา
ทรัพย์ไว้ใช้ในมิให้เดือนร้อนเข็ญใจเมื่อยามจำเป็น ท่านสอนให้เรารู้จัก
รักษาชีวิตรักษาร่างกายของเราไว้บำเพ็ญกุศลบารมี เพื่อปฏิบัติธรรม
เวลาหิวเรากินข้าวกินอาหาร เวลาป่วยเราไปหาหมอมารักษา นั่นคือ
การรักษาชีวิตของเราให้ดีที่สุด นานที่สุดตราบสิ้นอายุขัยของเรา
หากร่างกายเจ็บป่วยเราจะไม่สามรถปฏิบัติธรรมได้หรืออาจได้แต่ไม่ดีนัก
หากไม่มีทรัพย์เราจะไม่สามารถรักษาชีวิตของเราไว้ได้แน่นอน ข้อนี้
ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ พระองค์มิได้สอนให้เราปฏิเสธการหาทรัพย์
แต่พระองค์ทรงสอนมิให้เรายึดติดกับทรัพย์ที่หามาจนบางคนถึงขั้นหา
ทรัพย์มาในทางที่ผิด โดยการไปเบียดเบียนผู้อื่น ฉ้อโกง เอาเปรียบผู้อื่น
ด้วยวิธีต่างๆนาๆเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์ อันนี้มันผิด หากมนุษย์อยู่กับความ
ว่าง..ความไม่มีอะไร...ที่ไม่ต้องเหนื่อย..ไม่ต้องสร้าง....ไม่ต้องรักษา..
ไม่ต้องออกแรง...ไม่ต้องมีactionใด ๆ อย่าที่คุณว่า ก็ไม่มีเหตุผลที่
ต้องเกิดเป็นมนุษย์ เพราะไม่รู้จะเกิดมาทำไม มนุษย์เราเกิดมาเพื่อสร้าง
กุศลบารมีเพื่อหาทางหลุดพ้น หากทำอย่างที่คุณกล่าวมา งั้นมนุษย์มิต่าง
จากเดรัจฉานรึ วัันๆไม่ต้องทำอะไร กิน นอน หายใจ ให้ผ่านไปวันๆ

โปรดลองคิดดูใหม่

.....................................................
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2013, 00:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 23:02
โพสต์: 157

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ใช่ครับคุณกบ การแสวงหาสิ่งที่เฟ้อที่เกินเป็นทุกข์แน่ๆ

แต่ก็ต้องแสวงหาสิ่งที่จำเป็นในชีวิต ปัจจัย 4

อาหารแค่พอดำรงค์ชีวิต เสื้อผ้ากันร้อนหนาวแมลง,สัตว์และกันอุจาด
ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรคตามสมควร

ถึงแม้เราต้องการปัจจัย 4เพียงน้อยนิด แต่เราก็ไม่เกียจคร้านขยันขวนขวายอยู่
เมื่อได้ผลผลิตมากเกินกินใช้ ก็เอื้อเฟื้อแก้ผู้ที่สมควรในสังคม
ถ้าได้ช่วยกันทำอย่างนี้สังคมก็จะอุดมสมบูรณ์ เพิ่มพูลความสุข

สังคมอย่างนี้ไม่ใช่เพ้อฝันไป เป็นสังคมที่เป็นไปได้แม้ยุคนี้ เขาเรียกสังคมของเขาว่า

สังคมบุญนิยม

.....................................................
มาตามหา เพื่อนร่วมทาง

ประโยชน์สูง-ประหยัดสุด > > ต้องทำให้ได้ คือแก้ไขตนเอง > > ฝึกหยุด-ไม่หยุดฝึก >
ไม่มีเวลาสำหรับความชั่วบาปอีกแล้ว. ." ทุกวินาทีเป็นวินาทีแห่งบุญ "
เราจะฝึกฝนตนเพื่อไปถึงจุดนั้นให้ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2013, 00:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b16: :b16: :b16:
หวัดดี...เพื่อน ๆ ทุกท่าน :b8: :b8:

เรา ๆ สร้างอะไรกันขึ้นมาบ้างนะหรือ?

บ้าน...รถ...ทีวี...มือถือ....ฯลฯ

ที่สร้างขึ้นมาก็หวังจะทำให้ชีวิตเรามีความสุขสบายขึ้นใช่หรือไม่?

บ้าน..เฉย ๆ ก็ยังไม่พอ....ก็ต้องบ้านดี ดี...ทำเลดี..ดี
รถ...ธรรมดา ๆ ก็ไม่พอ...ต้องเป็นรถดี ดี...ยี่ห้อดี..ดี
ทีวี...เฉย ๆ ๆก็ไม่พอ....ต้องเป็นทีวีดี ดี...ต้องLED TV...สมาร์ททีวี
มือถือ...แค่โทรได้อย่างเดียวก็ไม่พอ...ก็ต้องเน็ตโฟน...สมาร์ทโฟน

คิดที่จะสร้าง...คิดที่จะซื้อ...คิดที่จะครอบครอง...ก็ด้วยหวังว่ามันจะทำให้เรา..ดีขึ้น...สบายขึ้น....สุขขึ้น...ไม่ใช่รึ?

แล้วกว่าจะมี....ต้องพยายามมั้ย?
มีแล้ว....ก็ต้องเฝ้าระวังหวงแหนรักษา?

แทบจะทุกอย่างในโลกนี้...ไม่ว่า..ลาภ..ยศ..สรรเสริญ...ที่เราไปสรรหาก็ด้วยความหวังว่า....มันจะทำให้เราสุขสะดวกสบาย.....ความสุขของเรากลับไปอยู่ ณ. เวลาในอนาคต

ความพยายามทำให้มี....มีแล้วการเฝ้าระแวดระวังรักษา....ที่เป็นเรื่อง ณ. เวลาในปัจจุบัน...จะมีใครเห็นบ้างว่ามันสุข..หรือมันทุกข์?

ที่เรามองไม่เห็น....จะเป็นเพราะเราเสพความคาด...ความหวัง..ซะจนเมาไม่สร่างหรือเปล่า?


ถูกต้องแล้วครับ ตัญหาเป็นเครื่องทะยานอยาก แม้ภาวนาอยู่ ตัญหาก็ทำให้เราอยากเลิก อยากพัก ทั้งๆอยู่กับความจริงก็ดีอยู่แล้ว แต่ก็โดนกิเลสลากกลับมาสู่ความปรุงแต่งเหมือนเดิม นี่เรื่องภาวนานะครับ

เรื่องทางโลกไม่ได้อาศัยความจริงมากำหนด แต่อาศัยความปรุงแต่งของจิต มือถือ ก็ใช้กิเลสเสพเอาแสงบ้าง เอาเสียงบ้าง ถ้าเอาความจริงมากำหนด น้อยคนที่จับมือถือแล้วภาวนาว่า แข็งหนอ ๆ อุ่นหนอๆ ทุกข์หนอๆ อนิจจังหนอๆ เป็นโทษหนอ ๆ (จากการครอบครอง และรักษา)

หากคิดว่าเบื่อ ก็เพราะเห็นความเป็นทุกข์ ไม่เที่ยง เป็นอนัตตา จึงเป็นเรื่องของอารมณ์ตามวิปัสสนาภาวนา

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2013, 01:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธคุณ เขียน:

พระองค์มิได้สอนให้เราปฏิเสธการหาทรัพย์
แต่พระองค์ทรงสอนมิให้เรายึดติดกับทรัพย์ที่หามาจนบางคนถึงขั้นหา
ทรัพย์มาในทางที่ผิด โดยการไปเบียดเบียนผู้อื่น ฉ้อโกง เอาเปรียบผู้อื่น
ด้วยวิธีต่างๆนาๆเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์ อันนี้มันผิด


ใช่ครับ :b8: :b8: :b8:

อ้างคำพูด:
หากมนุษย์อยู่กับความ
ว่าง..ความไม่มีอะไร...ที่ไม่ต้องเหนื่อย..ไม่ต้องสร้าง....ไม่ต้องรักษา..
ไม่ต้องออกแรง...ไม่ต้องมีactionใด ๆ อย่าที่คุณว่า ก็ไม่มีเหตุผลที่
ต้องเกิดเป็นมนุษย์ เพราะไม่รู้จะเกิดมาทำไม
มนุษย์เราเกิดมาเพื่อสร้าง
กุศลบารมีเพื่อหาทางหลุดพ้น หากทำอย่างที่คุณกล่าวมา งั้นมนุษย์มิต่าง
จากเดรัจฉานรึ วัันๆไม่ต้องทำอะไร กิน นอน หายใจ ให้ผ่านไปวันๆ

โปรดลองคิดดูใหม่


ใช่ครับ...จริง ๆ แล้ว เราไม่จำเป็นต้องเกิดอีกเสียด้วยซ้ำ...ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไร อะไร..มีฐานะเป็นอะไร อะไร

เป็นคน..ช้าง..ม้า..วัว..ควาย...
เป็นคนในฐานะ...พ่อค้า..ประชาชน..คนรวย..ขอทาน...นายก...ประธานาธิบดี
เป็นอะไร..ฐานะไหนของโลก...ที่พบสุข?

แต่ที่ต้องเกิด..ก็เพราะ...เพื่ออย่างนั้น..เพื่ออย่างนี้...นี่แหละ

ไม่ลองตัดคำว่า... "เพื่อ" ...ออกดู...บางคนอาจจะถึงฐานะความไม่เกิดอีกก็เป็นได้..ใครจะรู้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2013, 01:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


wic เขียน:
ใช่ครับคุณกบ การแสวงหาสิ่งที่เฟ้อที่เกินเป็นทุกข์แน่ๆ

แต่ก็ต้องแสวงหาสิ่งที่จำเป็นในชีวิต ปัจจัย 4

อาหารแค่พอดำรงค์ชีวิต เสื้อผ้ากันร้อนหนาวแมลง,สัตว์และกันอุจาด
ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรคตามสมควร

ถึงแม้เราต้องการปัจจัย 4เพียงน้อยนิด แต่เราก็ไม่เกียจคร้านขยันขวนขวายอยู่
เมื่อได้ผลผลิตมากเกินกินใช้ ก็เอื้อเฟื้อแก้ผู้ที่สมควรในสังคม
ถ้าได้ช่วยกันทำอย่างนี้สังคมก็จะอุดมสมบูรณ์ เพิ่มพูลความสุข

สังคมอย่างนี้ไม่ใช่เพ้อฝันไป เป็นสังคมที่เป็นไปได้แม้ยุคนี้ เขาเรียกสังคมของเขาว่า

สังคมบุญนิยม


ถ้าปัจจัย 4 ปราศจาก กามคุณเจือได้..ก็สุดยอดเลย :b8: :b8:

คนที่ไม่เกียจคร้านที่สุด..ขยันที่สุด...กินใช้แค่พอดีที่สุด..เอื้อเฟื้อแก่ผู้อื่นที่สุด...คืออริยะชน

สังคมที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด...เพิ่มพูลความสุข...แม้ยุคนี้ก็เป็นได้...เขาเรียกสังคมของเขาว่า..."สังคมอริยะ"... :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2013, 01:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:

เรื่องทางโลกไม่ได้อาศัยความจริงมากำหนด แต่อาศัยความปรุงแต่งของจิต มือถือ ก็ใช้กิเลสเสพเอาแสงบ้าง เอาเสียงบ้าง ถ้าเอาความจริงมากำหนด น้อยคนที่จับมือถือแล้วภาวนาว่า แข็งหนอ ๆ อุ่นหนอๆ ทุกข์หนอๆ อนิจจังหนอๆ เป็นโทษหนอ ๆ (จากการครอบครอง และรักษา)

มันจะเป็น..แพงหนอ...ดีหนอ...เท่หนอ..ทันสมัยหนอ...น่าภูมิใจหนอ...ดีกว่าคนอื่นหนอ...ซะนะซิ :b9: :b9:

อ้างคำพูด:
หากคิดว่าเบื่อ ก็เพราะเห็นความเป็นทุกข์ ไม่เที่ยง เป็นอนัตตา จึงเป็นเรื่องของอารมณ์ตามวิปัสสนาภาวนา

:b8: :b8: :b8:
คนในโลก...ก็รู้นะว่า...ของสักวันมันก็จะเสีย..แต่อวิชชาก็ปล่อยให้รู้แค่นี้แหละ...แล้วก็หยุด...มันบอกว่า...รู้แล้ว

รู้ก็เลย..รู้ไม่ลึก...รู้ไม่กว้าง....รู้ไม่จริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2013, 09:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


wic เขียน:
ผมเห็นว่า คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าการเอา การได้มาเป็นสุข แต่จริงๆแล้ว

สุขจากการให้ การสละออก จะเป็นสุขเย็น และจะพาให้เกิดสุขสงบได้ง่ายกว่า

โลกใบนี้เป็นโลกของการแข่งขัน แพ้คัดออก .......แต่ถ้าเราสวนกระแสโลก

โดยการแบ่งปัน เราจะรู้สึกเป็นสุข แม้โดนคัดออกก็ไม่ทุกข์มาก เข้าใจได้ว่าเป็นโอกาศให้เราได้พบสิ่งใหม่ๆ


smiley smiley smiley

smiley smiley smiley

smiley smiley smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2013, 09:06 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


wic เขียน:
ใช่ครับคุณกบ การแสวงหาสิ่งที่เฟ้อที่เกินเป็นทุกข์แน่ๆ

แต่ก็ต้องแสวงหาสิ่งที่จำเป็นในชีวิต ปัจจัย 4

อาหารแค่พอดำรงค์ชีวิต เสื้อผ้ากันร้อนหนาวแมลง,สัตว์และกันอุจาด
ที่อยู่อาศัยและยารักษาโรคตามสมควร

ถึงแม้เราต้องการปัจจัย 4เพียงน้อยนิด แต่เราก็ไม่เกียจคร้านขยันขวนขวายอยู่
เมื่อได้ผลผลิตมากเกินกินใช้ ก็เอื้อเฟื้อแก้ผู้ที่สมควรในสังคม
ถ้าได้ช่วยกันทำอย่างนี้สังคมก็จะอุดมสมบูรณ์ เพิ่มพูลความสุข

สังคมอย่างนี้ไม่ใช่เพ้อฝันไป เป็นสังคมที่เป็นไปได้แม้ยุคนี้ เขาเรียกสังคมของเขาว่า

สังคมบุญนิยม


smiley smiley smiley
smiley smiley smiley
smiley smiley smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2013, 12:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 23:02
โพสต์: 157

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ถ้าปัจจัย 4 ปราศจาก กามคุณเจือได้..ก็สุดยอดเลย :b8: :b8:

คนที่ไม่เกียจคร้านที่สุด..ขยันที่สุด...กินใช้แค่พอดีที่สุด..เอื้อเฟื้อแก่ผู้อื่นที่สุด...คืออริยะชน

สังคมที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด...เพิ่มพูลความสุข...แม้ยุคนี้ก็เป็นได้...เขาเรียกสังคมของเขาว่า..."สังคมอริยะ"... :b8:


เขาใช้คำ อาริยะ ครับ เพราะถ้าใช้คำ อริยะ เดี๋ยวคนจะเข้าใจผิดว่า ต้องออกไปอยู่ป่าเขาถ้ำ
นั่งหลับตาภาวนา หลีกหนีสังคมไปแต่ผู้เดียว

แต่ที่นั่นเขาไม่ได้หนีสังคม ทำงานใช้ชีวิตอยู่กับสังคมปัจจุบัน แต่อิสระไม่เป็นทาสตามโลกธรรม
ใครๆก็เข้าไปอยู่หรือไปศึกษาได้ เพียงแต่ในสถานที่นั้นขั้นต่ำสุด ทุกคนต้องไม่ละเมิดศีล ๕
ไม่มีอบายมุข ไม่ทานเนื้อสัตว์ ส่วนมารยาทสังคมของที่นั่นก็ค่อยๆศึกษาเรียนรู้ไป

ส่วนการปฏิบัติต่างคนก็ปฏิบัติตามฐานะบารมีที่ได้สังสมมา
ใครจะสูง-ต่ำ จะหยาบ-ละเอียดขนาดไหนไม่ว่ากัน แต่ก็เคารพกันตามฐานะศีล

.....................................................
มาตามหา เพื่อนร่วมทาง

ประโยชน์สูง-ประหยัดสุด > > ต้องทำให้ได้ คือแก้ไขตนเอง > > ฝึกหยุด-ไม่หยุดฝึก >
ไม่มีเวลาสำหรับความชั่วบาปอีกแล้ว. ." ทุกวินาทีเป็นวินาทีแห่งบุญ "
เราจะฝึกฝนตนเพื่อไปถึงจุดนั้นให้ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2013, 13:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8:
wic เขียน:

เขาใช้คำ อาริยะ ครับ เพราะถ้าใช้คำ อริยะ เดี๋ยวคนจะเข้าใจผิดว่า ต้องออกไปอยู่ป่าเขาถ้ำ นั่งหลับตาภาวนา หลีกหนีสังคมไปแต่ผู้เดียว


แฮ่ม....น่าจะใช้ไปเลย..ใยต้องกลัวสังคม...
:b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2013, 14:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


ระหว่างสะสมทรัพย์
กับสะสมบุญ-ทาน-บารมี
คุณคิดว่าสะสมสิ่งไหนคือความสุขที่แท้จริงค่ะ



อ้างคำพูด:
wic เขียน:

ผมเห็นว่า คนส่วนใหญ่รู้สึกว่าการเอา การได้มาเป็นสุข แต่จริงๆแล้ว

สุขจากการให้ การสละออก จะเป็นสุขเย็น และจะพาให้เกิดสุขสงบได้ง่ายกว่า




เห็นด้วยกับคุณwicค่ะ สุขจากการให้ สุขจากการที่ช่วยให้ผู้อื่น ได้หลุดพ้นจากความทุกข์
แค่นึกขึ้นมาก็มีความสุข :b1: :b41: :b55: :b49:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2013, 16:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมอยากให้ความสุขแก่ผู้อื่น...งะ

ก้อเลยคิดว่า....คงต้องมีก่อน

อยากให้สุขแท้กับคนที่เรารัก...คนที่มีคุณกับเรา...ญาติมิตรบริวาร...ทั้งหลายทั้งปวง...

เลยต้องมาหา....

s002 s002


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2013, 17:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2009, 23:02
โพสต์: 157

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
แฮ่ม....น่าจะใช้ไปเลย..ใยต้องกลัวสังคม...


ก็เพราะมันต่างกัน, ไม่เหมือนกัน สังคมจะได้ไม่สับสน,ไม่เข้าใจผิด

คุณกบสนใจจะลองไปศึกษาดูไหมละครับ อยากชวนไปชม ตลาดอาริยะ

ในตลาดนี้ผู้ขายต้องขายต่ำกว่าราคาทุนที่ซื้อมา เช่น ซื้อของมาราคา 100บาท จะขายเกิน 100ไม่ได้

ตลาดนี้จะเปิดขายในวันที่13-15เมษายนนี้ที่อุบลราชธานี ปีนี้(ครั้งที่34 พศ.2556)จัดที่ริมมูล

สรุปงานตลาดอาริยะครั้งที่ ๓๓ ปีพศ. ๒๕๕๕

.....................................................
มาตามหา เพื่อนร่วมทาง

ประโยชน์สูง-ประหยัดสุด > > ต้องทำให้ได้ คือแก้ไขตนเอง > > ฝึกหยุด-ไม่หยุดฝึก >
ไม่มีเวลาสำหรับความชั่วบาปอีกแล้ว. ." ทุกวินาทีเป็นวินาทีแห่งบุญ "
เราจะฝึกฝนตนเพื่อไปถึงจุดนั้นให้ได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2013, 17:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


สงสัยคนอุบลราขธานีจะเป็นสังคมอาริยะ :b32:
เคยสงสัยคำขวัญตอนเป็นเด็กว่า ทำไมคำขวัญประจำจังหวัดอุบลมีประโยคว่า ถิ่นไทยนักปราช ทวยราษใฝ่ธรรม สงสัยจะจริง smiley


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 110 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 71 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร