วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 17:29  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 66 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ธ.ค. 2012, 01:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ค. 2010, 23:55
โพสต์: 55

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าจิต ยังไม่ถึงพร้อมที่จะนิพพาน ปฏิบัติธรรมเพียงไรก็จักไม่สำเร็จ ก็จักเป็นทุกข์

จึงเห็นนิพพานเป็นทุกข์

ถ้าจิต ถึงพร้อมที่จะนิพพาน ปฏิบัติธรรมเพียงไร ก็จักมีโอกาสสำเร็จ ก็จักเป็นสุข

จึงเห็นนิพพานเป็นสุข


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ธ.ค. 2012, 03:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
นิพพานที่ว่าสันติสุข
ไม่มีผู้ใดเข้าถึงแล้วกลับมาบอกได้หรอก (แต่พระองค์ทรงรู้)
นิพพานนี้เพราะหมายเอาถึงพระอรหันต์ตาย เรียกว่าดับขันธ์ปรินิพพาน

ลุงหมานพูดจาสับสน ชอบพูดอะไรแหม่งๆ เหมือนพูดเองเออเอง

บอกว่านิพพานไม่มีใครกลับมาบอกได้ แต่ดันบอกว่าพระองค์ทรงรู้
ลุงหมานจะพิจารณาอะไร ต้องเอาสิ่งที่กำลังพิจารณามาเป็นหลัก
อย่าเอาความคิดตัวเองใส่ลงไปในสิ่งที่กำลังพิจารณา แบบนี้เขาถึงจะเรียกว่า..มีสมาธิ

ถ้าอรหันต์ยังมีชีวิตมีรูปนามอยู่ เขาเรียกรูปนามที่ปราศจากสังโยชน์อาสวกิเลสทั้งมวลว่า..
นิพพาน มันเป็นนามธรรมที่ยังต้องอยู่ร่วมกับรูปธรรมนั้น
อรหันต์ก็คือรูปธรรม นิพพานก็คือนามธรรม

พระอรหันต์ตายที่พอเข้าใจง่ายก็คือ ..... ละสังขาร
สังขารที่ว่าก็คือ.....สังขารในวงปฏิจจสมุบาท
ไม่มีสังขาร ย่อมไม่มีวิญญาณ...รูปนาม...ฯลฯ

ลุงหมาน เขียน:
แต่ถ้าหมายถึงพระอริยะนิพพานนั้น ท่านยังมีทุกข์อยู่
นิพพานนี้เป็นเพียงนิพพานกิเลส
คือท่านยังมีขันธ์ ๕ อยู่ ท่านก็ยังจะมีทุกข์เพราะขันธ์ ๕
แม้แต่พระพุทธเจ้าเมื่อยังดำรงชีพอยู่ท่านก็ยังมีทุกข์อยู่ คือยังมีขันธ์ ๕ อยู่นั่นเอง

ใครบอกลุงว่า พระพุทธเจ้ายังมีขันธ์ห้า พระองค์สอนให้เราดับขันธ์ห้า
แต่ดันบอกว่าพระองค์มีขันธ์ห้า ขันธ์ห้ามันเป็นเป็นการปรุงแต่งของจิต อันเนื่องมาจากกิเลส
หมดกิเลสก็หมดการปรุงแต่ง ไม่มีการปรุงแต่งก็ไม่มีขันธ์ห้า

พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ หมดทุกข์หมดเวทนาทางใจแล้ว(ไม่มีเวทนาขันธ์แล้ว)
แต่ท่านยังมีเวทนาทางกายอยู่ เพราะยังมีรูปนามอยู่ เวทนาทางกายของท่านไม่ใช่ขันธ์
เป็นแค่ตัวรู้อันเกิดจากผัสสะที่ได้รับเท่านั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ธ.ค. 2012, 08:47 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


อรูปะ เขียน:
ถ้าจิต ยังไม่ถึงพร้อมที่จะนิพพาน ปฏิบัติธรรมเพียงไรก็จักไม่สำเร็จ ก็จักเป็นทุกข์

จึงเห็นนิพพานเป็นทุกข์

ถ้าจิต ถึงพร้อมที่จะนิพพาน ปฏิบัติธรรมเพียงไร ก็จักมีโอกาสสำเร็จ ก็จักเป็นสุข

จึงเห็นนิพพานเป็นสุข


smiley smiley smiley

:b27: :b27: :b27:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ธ.ค. 2012, 17:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


คนธรรมดาๆ เขียน:
คล้ายๆอาการความคิดไม่ตรงกับใจหรือเปล่า

สมองคิดว่าเราจะมุ่งตรงต่อพระนิพพานแล้ว แต่ใจจริงๆยังเพลินกับความสุขแบบโลกอยู่

ลืมมองความจริงไปว่าพระนิพพานคือขั้วตรงข้ามของความสุขของโลก ดังนั้นตราบใดที่ยังยินดีในความสุขจากภายนอก โดยปริยายก็เท่ากับว่ามองพระนิพพานขั้วตรงข้ามว่าเป็นทุกข์อยู่นั่นเอง ก็เลยไม่มีฉันทะ ก็เลยไม่โน้มไปทางพระนิพพาน

แค่ความคิดชั่วครั้งชั่วคราวเปลี่ยนใจไม่ได้หรอก แต่ถ้าคิดลึกเข้าไปๆจนได้เหตุได้ผล จนใจยอมรับ อันนี้เปลี่ยนใจได้นะ


อนิจจัง
ทุกขัง
อนัตตา
ต้องชัด ต้องแจ้ง แก่จิต
จิตมีหน้าที่รู้ ไม่ได้มีหน้าที่ เชื่อ

เชื่อ เป็นหน้าที่ของ อะไร

และ อะไร ปรากฎ คือ มันมีปรากฎ

การมีความเชื่อปรากฎ คือมันมีสิ่ง(ตัว)ที่จะทำให้เกิดนิวรณ์เข้ามาจับ

เรารู้ว่า อะไร เป็น อุปสรรค์
และเราต้องทำลาย อุปสรรค์ ตามกระบวนการที่เหมาะสม

และ ทรงไว้ แต่ธรรมที่เป็น ตัวส่ง

:b1: :b1: :b1:

อันนี้ แสดงความเห็นจากการลองดึงอารมณ์เก่าขึ้นมาพิจารณา น่ะ


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 14 ธ.ค. 2012, 22:51, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ธ.ค. 2012, 20:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
คนธรรมดาๆ เขียน:
คล้ายๆอาการความคิดไม่ตรงกับใจหรือเปล่า

สมองคิดว่าเราจะมุ่งตรงต่อพระนิพพานแล้ว แต่ใจจริงๆยังเพลินกับความสุขแบบโลกอยู่

ลืมมองความจริงไปว่าพระนิพพานคือขั้วตรงข้ามของความสุขของโลก ดังนั้นตราบใดที่ยังยินดีในความสุขจากภายนอก โดยปริยายก็เท่ากับว่ามองพระนิพพานขั้วตรงข้ามว่าเป็นทุกข์อยู่นั่นเอง ก็เลยไม่มีฉันทะ ก็เลยไม่โน้มไปทางพระนิพพาน

แค่ความคิดชั่วครั้งชั่วคราวเปลี่ยนใจไม่ได้หรอก แต่ถ้าคิดลึกเข้าไปๆจนได้เหตุได้ผล จนใจยอมรับ อันนี้เปลี่ยนใจได้นะ


อนิจจัง
ทุกขัง
อนัตตา
ต้องชัด ต้องแจ้ง แก่จิต
จิตมีหน้าที่รู้ ไม่ได้มีหน้าที่ เชื่อ

เชื่อ เป็นหน้าที่ของ อะไร

และ อะไร ปรากฎ คือ มันมีปรากฎ

การมีความเชื่อปรากฎ คือมันมีสิ่ง(ตัว)ที่จะทำให้เกิดนิวรณ์เข้ามาจับ

เรารู้ว่า อะไร เป็น อุปสรรค์
และเราต้องทำลาย อุปสรรค์ ตามกระบวนการที่เหมาะสม

และ ทรงไว้ แต่ธรรมที่เป็น ตัวส่ง

:b1: :b1: :b1:

อันนี้ แสดงความเห็นจะการลองดึงอารมณ์เก่าขึ้นมาพิจารณา น่ะ


ขอบคุณครับที่ให้คำแนะนำ ยังไม่เข้าใจเท่าไร แต่คิดว่าพอได้ทางแล้ว

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2012, 08:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




1252382054.jpg
1252382054.jpg [ 33.45 KiB | เปิดดู 3938 ครั้ง ]
อ้างคำพูด:
ใครบอกลุงว่า พระพุทธเจ้ายังมีขันธ์ห้า พระองค์สอนให้เราดับขันธ์ห้า
แต่ดันบอกว่าพระองค์มีขันธ์ห้า ขันธ์ห้ามันเป็นเป็นการปรุงแต่งของจิต อันเนื่องมาจากกิเลส
หมดกิเลสก็หมดการปรุงแต่ง ไม่มีการปรุงแต่งก็ไม่มีขันธ์ห้า
พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ หมดทุกข์หมดเวทนาทางใจแล้ว(ไม่มีเวทนาขันธ์แล้ว)
แต่ท่านยังมีเวทนาทางกายอยู่ เพราะยังมีรูปนามอยู่ เวทนาทางกายของท่านไม่ใช่ขันธ์
เป็นแค่ตัวรู้อันเกิดจากผัสสะที่ได้รับเท่านั้น

พระพุทธเจ้านั้นเมื่อยังมีพระชนชีพอยู่ขันธ์ ๕ ก็ดำรงค์อยู่
เมื่อพระวรกายยังดำรงค์อยู่นั้นเรียกว่ารูปขันธ์
เมื่อพระวรกายดำรงค์อยู่จิตนั้นก็ยังดำรงค์อยู่ เรียกว่านามขันธ์
ฉะนั้นท่านก็มีทั้งรูปทั้งนามไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหนเลย ขันธ์ ๕ อยู่ครบ

โฮฮับเข้าใจผิดแล้ว...แถบยังทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดอีกด้วย

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แก้ไขล่าสุดโดย ลุงหมาน เมื่อ 14 ธ.ค. 2012, 04:58, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2012, 10:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
Quote Tipitaka:
[๗๓๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นหนอ พิจารณาเห็นนิพพานโดย
ความเป็นทุกข์อยู่
จักเป็นผู้ประกอบด้วยอนุโลมขันติ ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้
ผู้ไม่ประกอบด้วยอนุโลมขันติ จักย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมี
ได้ เมื่อไม่ย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม จักทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล สกทาคามิผล
อนาคามิผล หรืออรหัตผล ข้อนี้ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุ
นั้นหนอ พิจารณาเห็นนิพพานโดยความเป็นสุขอยู่ จักเป็นผู้ประกอบด้วยอนุโลม
ขันติ ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ ผู้ประกอบด้วยอนุโลมขันติ จักย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม
ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ ผู้ย่างลงสู่สัมมัตตนิยาม จักทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล
สกทาคามิผล อนาคามิผล หรืออรหัตผล ข้อนี้เป็นฐานะที่มีได้ ฯ


พอดีไปเจอพระสูตรนี้
อ่านท่อนนี้แล้ว สะกิดใจ

เราจะรู้ได้อย่างไร ว่าตอนนี้ เราเห็นนิพพาน เป็นสุข หรือ เป็นทุกข์ ?

ปล. นี่เป็นท่อนหนึ่งจาก ปฏิสัมภิทามรรค ปัญญาวรรค วิปัสสนากถา
ซึ่งมีความลาด ลุ่มลึก และเฉียบคม

อ่านพระสูตรเต็มได้ที่ http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 12&Z=10974

เขาแปล...ว่า...เห็นนิพพาน..เป็นทุกข์...เป็นสุข...อย่างนี้ตรง ๆ เลยหรอ?

ถ้าจะแปลว่า...เห็นนิพพานด้วยความเป็นทุกข์บีบคั้น...เป็นสุขสันติ...อิอิ...จะเป็นงั้ยหนอ...

ไม่สงบก่อนก็เห็นนิพพานไม่ได้..ว่างั้นเถอะ....อิอิ...แปลเลอะเทอะดี...
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2012, 12:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เขาแปล...ว่า...เห็นนิพพาน..เป็นทุกข์...เป็นสุข...อย่างนี้ตรง ๆ เลยหรอ?

ถ้าจะแปลว่า...เห็นนิพพานด้วยความเป็นทุกข์บีบคั้น...เป็นสุขสันติ...อิอิ...จะเป็นงั้ยหนอ...

ไม่สงบก่อนก็เห็นนิพพานไม่ได้..ว่างั้นเถอะ....อิอิ...แปลเลอะเทอะดี...
:b32: :b32:


ไม่สงบ แล้วไปเห็น นิพพานได้ ด้วยเหร๋อ ท่านอ๊บซ์ :b6: :b10:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2012, 13:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
อ้างคำพูด:
ใครบอกลุงว่า พระพุทธเจ้ายังมีขันธ์ห้า พระองค์สอนให้เราดับขันธ์ห้า
แต่ดันบอกว่าพระองค์มีขันธ์ห้า ขันธ์ห้ามันเป็นเป็นการปรุงแต่งของจิต อันเนื่องมาจากกิเลส
หมดกิเลสก็หมดการปรุงแต่ง ไม่มีการปรุงแต่งก็ไม่มีขันธ์ห้า
พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ หมดทุกข์หมดเวทนาทางใจแล้ว(ไม่มีเวทนาขันธ์แล้ว)
แต่ท่านยังมีเวทนาทางกายอยู่ เพราะยังมีรูปนามอยู่ เวทนาทางกายของท่านไม่ใช่ขันธ์
เป็นแค่ตัวรู้อันเกิดจากผัสสะที่ได้รับเท่านั้น

พระพุทธเจ้านั้นเมื่อยังมีพระชนชีพอยู่ขันธ์ ๕ ก็ดำรงค์อยู่
เมื่อพระวรกายยังดำรงค์อยู่นั้นเรียกว่ารูปขันธ์
เมื่อพระวรกายดำรงค์อยู่จิตนั้นก็ยังดำรงค์อยู่ เรียกว่านามขันธ์
ฉะนั้นท่านก็มีทั้งรูปทั้งนามไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหนเลย ขันธ์ ๕ อยู่ครบ

โฮฮับเข้าใจผิดแล้ว...แถบยังทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดอีกด้วย

ลุงหมานไปดูรูปที่ตัวเองเอามา ดูให้ดีๆว่า ......นิพพานคืออะไร
และขันธ์ห้าคืออะไร

ในรูปก็บอกอยู่โต้งๆแล้วว่า ขันธ์ห้าเป็น....สังขตธรรม
และนิพพาน ก็เป็น......อสังขตธรรม

สังขตธรรม คือธรรมที่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่งขึ้น
อสังขตธรรม คือธรรมที่ไม่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง

ถามหน่อยพระพุทธเจ้ามีนิพพานเป็นอารมณ์ รูปและนามของพระพุทธเจ้าเป็น..อสังขตธรรม
ขันธ์ห้าเป็น..สังขตธรรม แบบนี้พระพุทธเจ้าจะมีขันธ์ห้าได้อย่างไร


ลุงหมานครับ ลุงรู้หรือเปล่าว่า ทำไมผมถึงได้ลงไปยุ่งกับการ
โพสความเห็นของลุง มันก็เป็นเพราะอย่างนี้ ลุงโพสพระอภิธรรมแบบนกแก้วนกขุนทอง
ลุงไม่ได้มีความเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองโพสเลยแม้ซักนิดครับ


พุทธดำรัสตอบ
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ
นี้เรียกว่าอสังขตธรรม "


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2012, 14:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




CNX_MaeKlangLuang_14.jpg
CNX_MaeKlangLuang_14.jpg [ 67.97 KiB | เปิดดู 3921 ครั้ง ]
อ้างคำพูด:
ลุงหมานไปดูรูปที่ตัวเองเอามา ดูให้ดีๆว่า ......นิพพานคืออะไร
และขันธ์ห้าคืออะไร

ในรูปก็บอกอยู่โต้งๆแล้วว่า ขันธ์ห้าเป็น....สังขตธรรม
และนิพพาน ก็เป็น......อสังขตธรรม

สังขตธรรม คือธรรมที่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่งขึ้น
อสังขตธรรม คือธรรมที่ไม่มีเหตุปัจจัยปรุงแต่ง

ถามหน่อยพระพุทธเจ้ามีนิพพานเป็นอารมณ์ รูปและนามของพระพุทธเจ้าเป็น..อสังขตธรรม
ขันธ์ห้าเป็น..สังขตธรรม แบบนี้พระพุทธเจ้าจะมีขันธ์ห้าได้อย่างไร

ลุงหมานครับ ลุงรู้หรือเปล่าว่า ทำไมผมถึงได้ลงไปยุ่งกับการ
โพสความเห็นของลุง มันก็เป็นเพราะอย่างนี้ ลุงโพสพระอภิธรรมแบบนกแก้วนกขุนทอง
ลุงไม่ได้มีความเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองโพสเลยแม้ซักนิดครับ

พุทธดำรัสตอบ
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความสิ้นราคะ ความสิ้นโทสะ ความสิ้นโมหะ
นี้เรียกว่าอสังขตธรรม "


นั่นแหละไอ่ที่นำเอามาลงน่ะเอามาให้ดู แต่กลับดูไมเป็นซะอีก

พระพุทธเจ้าเมื่อตรัสรู้ท่านได้ประหานกิเลสเป็นสมุทเฉท เรียกว่า สอุปาทิเสสนิพพาน
หมายความว่า นิพพานที่เป็นไปกับขันธ์ ๕ คือ วิบากและกัมมชรูป ที่เหลือจากกิเลสทั้งหลาย
ได้แก่ นิพพานของพระอรหันต์ทั้งหลายที่ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อท่านเหล่านั้นมีชีวิตอยู่ก็มี ทั้งรูปทั้งนาม
เมื่อเป็นเช่นนั้นพระอรหันต์ก็มีขันธ์ ๕ เป็นนิพพานที่เข้าไปรู้แจ้ง

ที่นี้ที่เป็นอสังขตธรรมนั้น เป็นนิพพานที่เรียกว่าอนุปาทิเสสนิพพาน หมายความว่า นิพพานที่ไม่มีขันธ์ ๕
คือวิบากและกัมมชรูปเหลืออยู่ ได้แก่ นิพพานของพระอรหันต์ที่ปรินิพพานแล้ว (ตายแล้ว)

รู้น่าที่ชอบเข้ามายุ่งน่ะเพราะชอบโชว์ ชอบอวดมานะทิฏฐิที่มีในตน
แสดงออกมาเพื่อมิจฉาทิฏฐิโดยแท้ เหมือนบุคคลที่ทำตัวเหมือนข้าวเบา เนื้อไม่มีแต่ชอบชูรวง
ตรงกันข้ามรวงที่มีเนื้อกับโค้งงออ่อนน้อมถ่อมตน

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แก้ไขล่าสุดโดย ลุงหมาน เมื่อ 14 ธ.ค. 2012, 14:46, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2012, 14:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลุงหมาน เขียน:
โฮฮับ ขอถามหน่อยว่านิพพานมีกิ่ประเภท ตอบได้ค่อยมาคุยต่อ

ผมว่าเราคุยกันให้เป็นเรื่องๆ เอาเรื่องรูปของลุงให้มันจบก่อน
สัมมาทิฐิเป็นอย่างไรยังไม่รู้ เดาะจะไปนิพพานซะแล้ว

ในรูปของลุงน่ะ ถามหน่อย เข้าใจไตรลักษณ์กับขันธ์ห้าในรูปมั้ย
ผมถามลุงเลย ทำไมเขาถึงได้แยก ไตรลักษณ์ออกมาจากขันธ์ห้า


ตอบได้ก็ตอบ ตอบไม่ได้ก็อย่างตอบแบบครึ่งๆกลาง แล้วมาแก้ที่หลัง
ผมอ่านแล้วงง อันนี้ผมถามได้เพราะมันเป็นรูปของลุง

แล้วก็อีกอย่างอย่าพูดคุยเป็นเด็กแบบนี้ รู้อะไรก็บอกมา ไม่ใช่มาย้อนถาม
สมมุติถ้าลุงจินตนาการคำถามขึ้นมา ใครเข้าจะไปเข้าใจภาษาของลุงครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2012, 14:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว




1252382054.jpg
1252382054.jpg [ 33.45 KiB | เปิดดู 3918 ครั้ง ]
อ้างคำพูด:
ผมว่าเราคุยกันให้เป็นเรื่องๆ เอาเรื่องรูปของลุงให้มันจบก่อน
สัมมาทิฐิเป็นอย่างไรยังไม่รู้ เดาะจะไปนิพพานซะแล้ว

ในรูปของลุงน่ะ ถามหน่อย เข้าใจไตรลักษณ์กับขันธ์ห้าในรูปมั้ย
ผมถามลุงเลย ทำไมเขาถึงได้แยก ไตรลักษณ์ออกมาจากขันธ์ห้า

ตอบได้ก็ตอบ ตอบไม่ได้ก็อย่างตอบแบบครึ่งๆกลาง แล้วมาแก้ที่หลัง
ผมอ่านแล้วงง อันนี้ผมถามได้เพราะมันเป็นรูปของลุง

แล้วก็อีกอย่างอย่าพูดคุยเป็นเด็กแบบนี้ รู้อะไรก็บอกมา ไม่ใช่มาย้อนถาม
สมมุติถ้าลุงจินตนาการคำถามขึ้นมา ใครเข้าจะไปเข้าใจภาษาของลุงครับ


ก็ดูให้เป็นหน่อยซิ สัมมาทิฎฐิ ก็คือเห็นตรงตามความเป็นจริง นิพพานแยกออกมาจากสังขตธรรม เป็นอสังขตธรรม คือเป็นธรรมที่ไม่ใช่ขันธ์ ๕ จึงไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง ไม่ได้อยู่ในกฎเกณท์ของไตรลักษณ์

เขารวบขันธ์ ๕ ทั้งหมด อยู่ในกฎเกณท์ของไตรลักษณ์ คือ เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
แต่นิพพาน เป็นขันธวิมุติคือพ้นจากขันธ์ และพ้นจากกฏไตรลักษณ์ คือ เป็น นิจจัง สุขัง อนัตตา
นิพพานมีข้อตกอยู่ในกฎไตรลักษณ์ข้อเดียวคือ เป็น อนัตตา

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2012, 15:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
เขาแปล...ว่า...เห็นนิพพาน..เป็นทุกข์...เป็นสุข...อย่างนี้ตรง ๆ เลยหรอ?

ถ้าจะแปลว่า...เห็นนิพพานด้วยความเป็นทุกข์บีบคั้น...เป็นสุขสันติ...อิอิ...จะเป็นงั้ยหนอ...

ไม่สงบก่อนก็เห็นนิพพานไม่ได้..ว่างั้นเถอะ....อิอิ...แปลเลอะเทอะดี...
:b32: :b32:


ไม่สงบ แล้วไปเห็น นิพพานได้ ด้วยเหร๋อ ท่านอ๊บซ์ :b6: :b10:


อิอิ...ผมก็งง..ๆ...ภาษาไทยของตัวเองอยู่เมียนกัน...

ปฏิเสธ...ซ้อน..ปฏิเสธ....เป็น...อิอิอิ...

.....(หาก) ไม่สงบ ( เสีย) ก่อน ก็เห็นนิพพาน ไม่ได้....

แบบนี้เป็นงัย.. :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2012, 17:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


นิพพานทำให้สงบ ไม่ใช่ความสงบแล้วเห็นนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ธ.ค. 2012, 21:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


ไข่...กับ...ไก่....อะไรขึ้นต้นก็ถูก...อิอิ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 66 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 41 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร