วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 07:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 89 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 09:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีเรื่องเล่าให้ฟัง ..

เริ่มฝึกสมาธิใหม่ ๆ ใจมันกล้า เคยตั้งสัจจะ จะนั่งสมาธิให้ได้ ๓ ชั่วโมง
พอเริ่มนั่ง ๓๐ นาทียังพอทนได้ หลังจากนั้น มดเริ่มรุม กัดตั้งแต่ขาจนถึง
หน้าอก แล้วก็มาถึงคอ มันสุดแสนทรมาน

คนไม่เคยนั่งให้มดกัด คงนึกไม่ออกหรอกว่า โหดแค่ไหน ทนอยู่อีก ไม่ถึง ๓๐ นาที
บัลลังก์สมาธิเลยแตกกระจาย สัจจะที่เราตั้งไว้ก็เลยถูกทำลายด้วยตัวเอง ... :b2:

การตั้งสัจจะ หรือ ตั้งอธิษฐานนั้นดี หากท่านฝึกตนมาพอสมควร
มีมั่นใจตัวเองว่า จะไม่เป็นผู้ทำลายสัจจะ ทำลายอธิษฐาน ของตน
เห็นด้วยและขอสนับสนุน .. :b4:

สำหรับท่านที่ พึ่งเริ่มต้น เริ่มออกเดิน
ทางสายกลางดีไหม .. :b1:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 09:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2012, 21:02
โพสต์: 127


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
หลังจากเราได้เล่าเรียนกันมามากมายแล้วลงมือ ลงสนามจริงกันสักที เอาเฉพาะคนโสดนะครับ คนมีครอบครัวมันมีข้ออ้างเยอะน่าเบื่ออิๆๆ :b12: ผมมีเคล็ดลับในการปฎิบัติ ถ้าใครอยากบรรลุไวๆนะครับ งดเว้นกิจกรรมทางเพศ แล้วจะสำเร็จไว เรื่องกินเอาไว้ที่หลัง มันลึกซึ้งเกินไป เอาแค่เรื่องเพศก่อนจะได้ไม่มีข้อโต้แย้งเพราะไม่ทำก็ไม่ตาย และไม่ทำก็ไม่เป็นอะไรกับสุขภาพ ใจล้วนๆถ้าชนะได้ก็ไปไกลเกินครึ่งแล้วครับ ใครกล้าบ้างมาร่วมอธิฐานกัน ผมอธิฐานตลอดชีวิตเพื่อบูชาพระพุทธเจ้า


กบนอกกะลา เขียน:
บิกทู...โม้มาเนี้ย....งดมากี่ปีแล้วละ?

หากเกิน..4 ปี....แล้วค่อยมากระโตกกระตาก...ดีมั้ย?

เห็นไอ้คน..ทำมา.2 เดือน...ภูมิใจมากจนอดใจเกรียนไม่ได้..ใน...ใว้คุยธรรมะ...นะ

อิอิ.....



ตะวัน เขียน:

ทุกอย่างมันต้องได้เริ่มต้นกันที่เลข 1 หมดทั้งนั้นแหละครับท่าน
ใครที่เริ่มจากหลัก 100 ไปเลยกันบ้างเล่า?????
ก็ต้องรอดูกันต่อไปนานๆแล้วกัน
หวังว่าคงไม่มีใครหนีหายหรือตายจากกันไปง่ายๆก่อนแล้วกันเน้อ

ผมว่าคนที่พยายามเริ่มนับ 1 ขึ้นมาบ้างแล้ว
เขาก็ยังดีกว่าพวกที่ไม่พยายามที่จะเริ่มต้นนับอะไรเลยนะ
ในการที่จะทำให้การปฏิบัติของตัวเองได้ก้าวหน้าสูงขึ้นไปเรื่อยๆนั่นน่ะ

ยังย่ำอยู่กับที่ยังไงก็ยังย่ำอยู่กับที่อยู่อย่างนั้นตลอดทั้งปีทั้งชาติ
ผมไม่ยอมนอนจมปลักอยู่กับที่เหมือนใครบางคนหรอกครับท่าน


กบนอกกะลา เขียน:
อิอิ....ผมชอบสบาย ๆ...ไม่ชอบผูกพันกับสัญญา....

นี้ก็สบาย ๆ มาหลายปีแล้ว...ได้ 4 แล้วมั้ง....ไม่ได้จำ

เอิ๊ก...เอิ๊ก... โม้แอบแฝง...อีกแระ.. :b32: :b32:



ตะวัน เขียน:

อย่าพูดกำกวมให้เข้าใจผิดเน้อ 4 ปีที่ว่าเนี่ย???
ผมถามจริงเถอะใช่ 4 ปี
ที่ท่านกบฯรักษาศีลพรหมจรรย์ข้อ3ของศีลแปดมาได้ตั้ง 4 ปีแล้วใช่หรือเปล่า???

หรือว่าไม่ใช่....แต่เป็นแค่เพียง 4 ปีที่ท่านกบฯเริ่มหันมา
จะสนใจ
ปฏิบัติธรรมแบบสไตล์ชอบสบายๆเฉยๆตะหาก
แต่ยังพัฒนาไม่ถึงขั้นจะรักษาศีลพรหมจรรย์ข้อสามได้เลยใช่ไหม???

พูดระบุให้ชัดเจนๆหน่อยเน้อ....อย่ากำกวมให้ผู้อ่านเข้าใจผิดนะครับท่าน
ไม่งั้นมุสาวาทาเวระมะณีนะจะบอกให้...แล้วจะอดได้บรรลุธรรมเอานะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 10:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณตะวันคราบ.....คุณจะรักษาพรหมจรรย์...ก็ทำไปเถอะ...

ผมจะพรหมจรรย์หรือไม่...ผมเองยังไม่สนใจเลย...แล้วคุณมาสนใจอะไรกับผม...

แค่ตรงไหนรู้ว่าทุกข์...ก็ไม่ทำมัน..แค่นั้น...

ไม่ทำ...เพราะไม่อยากทุกข์...ไม่ทำแล้วมันสบาย...นะ...ไม่ได้อยากได้ศีลข้อไหนหรอก...มันจะศีลแปดหรือเปล่า...ผมไม่สนใจ...

รึ...คุณตะวัน..กลัวว่า...ผมจะทำได้ยิ่งกว่าคุณ...แล้วคุณจะโม้ไม่ออก...อิอิ...

หลายท่านในนี้..เขาทำได้อะไร ได้เยอะ..ได้ยิ่งกว่านี้มาก...นัก...เขาก็คุยธรรมดา ๆ

คนมีทองเยอะ...เขาไม่ใส่ออกโชว์ทั้งหมดหรอก...

เคยได้ยินนิทานเรื่องกิ่งก้าได้ทองมั้ย...มีทองอันเดียว...แต่ชูคอทั้งวัน.อิอิ..

มีทองมันก็ดีอยู่...สาธุด้วย...

แต่แบกโชว์ทั้งวัน..นี้นะ....มันตลก..งะ...

:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 11:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คุณตะวันคราบ.....คุณจะรักษาพรหมจรรย์...ก็ทำไปเถอะ...

ผมจะพรหมจรรย์หรือไม่...ผมเองยังไม่สนใจเลย...แล้วคุณมาสนใจอะไรกับผม...

แค่ตรงไหนรู้ว่าทุกข์...ก็ไม่ทำมัน..แค่นั้น...

ไม่ทำ...เพราะไม่อยากทุกข์...ไม่ทำแล้วมันสบาย...นะ...ไม่ได้อยากได้ศีลข้อไหนหรอก...มันจะศีลแปดหรือเปล่า...ผมไม่สนใจ...

รึ...คุณตะวัน..กลัวว่า...ผมจะทำได้ยิ่งกว่าคุณ...แล้วคุณจะโม้ไม่ออก...อิอิ...

หลายท่านในนี้..เขาทำได้อะไร ได้เยอะ..ได้ยิ่งกว่านี้มาก...นัก...เขาก็คุยธรรมดา ๆ

คนมีทองเยอะ...เขาไม่ใส่ออกโชว์ทั้งหมดหรอก...

เคยได้ยินนิทานเรื่องกิ่งก้าได้ทองมั้ย...มีทองอันเดียว...แต่ชูคอทั้งวัน.อิอิ..

มีทองมันก็ดีอยู่...สาธุด้วย...

แต่แบกโชว์ทั้งวัน..นี้นะ....มันตลก..งะ...

:b32: :b32:
พอดีไม่มีทอง รอดตัวไป มีทีไรเอาไปจำนำหมดอิๆๆ :b12:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 12:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2012, 21:02
โพสต์: 127


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คุณตะวันคราบ.....คุณจะรักษาพรหมจรรย์...ก็ทำไปเถอะ...

ผมจะพรหมจรรย์หรือไม่...ผมเองยังไม่สนใจเลย...แล้วคุณมาสนใจอะไรกับผม...

แค่ตรงไหนรู้ว่าทุกข์...ก็ไม่ทำมัน..แค่นั้น...

ไม่ทำ...เพราะไม่อยากทุกข์...ไม่ทำแล้วมันสบาย...นะ...ไม่ได้อยากได้ศีลข้อไหนหรอก...มันจะศีลแปดหรือเปล่า...ผมไม่สนใจ...

รึ...คุณตะวัน..กลัวว่า...ผมจะทำได้ยิ่งกว่าคุณ...แล้วคุณจะโม้ไม่ออก...อิอิ...

หลายท่านในนี้..เขาทำได้อะไร ได้เยอะ..ได้ยิ่งกว่านี้มาก...นัก...เขาก็คุยธรรมดา ๆ

คนมีทองเยอะ...เขาไม่ใส่ออกโชว์ทั้งหมดหรอก...

เคยได้ยินนิทานเรื่องกิ่งก้าได้ทองมั้ย...มีทองอันเดียว...แต่ชูคอทั้งวัน.อิอิ..

มีทองมันก็ดีอยู่...สาธุด้วย...

แต่แบกโชว์ทั้งวัน..นี้นะ....มันตลก..งะ...

:b32: :b32:




ตะวัน เขียน:

หึหึ แหลและแถ ไปได้อีกนะท่าน
ถามสามวาตอบสองศอกเฉยเลย ก๊ากกกๆๆๆๆๆๆๆ
อ้างเอาแม่น้ำทั้งห้า
ที่ไม่เกี่ยวกับสิ่งที่ผมถามมาตอบไปข้างๆคูๆซะงั้น


แต่ไม่เป็นไรหรอกครับท่านกบฯ
ผมไม่อยากจะคาดคั้นถามแบบ...เอาจริง..กับท่าน
เพื่อคาดคั้นจะให้ท่านตอบออกมาตามความเป็นจริงให้ได้นักหรอก
ไม่งั้นเดี๋ยวท่านอดได้บรรลุธรรมกันพอดี
เพราะไปละเมิดข้อมุสาวาทาเวระมะณีเข้า


ที่ท่านแหลและแถมานี่ก็แสดงว่าท่านก็ยังมีความละอายบ้างอยู่
ไม่อยากจะผิดข้อมุสาวาทมากนัก ผมก็อนุโมทนาด้วยแล้วกัน
ที่ท่านยังพอมีความตั้งใจในการพยายามจะรักษาศีลห้าให้ได้บ้าง


แต่ท่านอย่าไปพยายามพูดกำกวมจะให้คนเข้าใจผิด
ว่าตัวเองทำได้ในสิ่งที่ตัวเองยังทำไม่ได้อย่างนั้นสิ่ครับ


ให้คนที่เริ่มนับ 1 อย่างผมชูคอเหมือนกิ้งก่าดีกว่า
ถ้าตัวเองแค่ทองเหมือนกิ้งก่าก็ยังไม่มีจะโชว์
ก็อย่าไปพูดให้คนอ่านเขาเข้าใจผิดว่าตัวเองมีสิ่


อย่าไปประมาทนะครับ...ศีลข้อพรหมจรรย์...
นี่แหละเป็นประตูทางเข้าสู่มรรคผลพระนิพพานเลยล่ะ
ถ้าใครตั้งใจจะพยายามรักษาศีลพรหมจรรย์ข้อนี้ให้ได้อย่างจริงจังแล้ว
ก็จะทำให้เขาพยายามขวนขวายที่จะไปปฏิบัติธรรมะ
ข้ออื่นๆเช่นธุดงควัตร และ สมาธิ และปัญญา
เพื่อมาช่วยให้เขารักษา...ศีลพรหมจรรย์...ข้อนี้
ให้ได้ตลอดไปอย่างไรเล่าครับ


คุณกบอย่ามาประมาทศีลข้อนี้นะว่าไม่สำคัญ
เพราะเห็นยกคุณค่าของการที่รักษาศีลข้อนี้ได้...
คุณกบฯดันยกเอาไปเทียบกับก้อนทองเท่านิ้วก้อยที่แขวนบนคอกิ้งก่าเฉยเลย


สำหรับผมไม่เห็นว่าคนที่รักษาศีลข้อนี้ได้
จะเหมือนกับมีทองเท่าแค่นิ้วก้อยที่แขวนอยู่บนคอกิ้งก่าหรอกครับ


แต่ผมเห็นว่าเขามี....โคตรเพชร....ได้โคตรเพชรก้อนโต
อันมีค่ามากมายมหาศาลจนประเมินค่าไม่ได้เลยล่ะ

ฤทธิ์อภิญญาอย่างอื่นเช่นรู้วาระจิต ถอดจิตได้
รู้เหตุการณ์ล่วงหน้า หรืออะไรต่อมิอะไร
นั่นน่ะไปจากไหนกันเล่าครับ
ก็ไปจากการรักษาศีลพรหมจรรย์ข้อนี้ให้ได้หมดนั่นแหละ
ถึงจะทำให้ฌานสมาธิสมาบัติเกิดขึ้นได้ง่าย
แต่เรื่องฤทธิ์เรื่องอภิญญาผมไม่ค่อยได้สนใจมากนักหรอก

เพราะมันไม่เกี่ยวกับการเอาไปฆ่าไปทำลายกิเลส
เพื่อให้เราพ้นทุกข์ได้อย่างถาวรตลอดอนันตกาลอะไรนี่นา
ได้ก็เอา ไม่ได้ก็แล้วไป
แต่สิ่งที่ขอให้ทำให้ได้ก็คือฝึกใจให้รักษาศีลพรหมจรรย์ข้อนี้
ให้ได้อยู่ตลอดเพื่อจะนำศีลข้อนี้ไปช่วยหนุนให้ทำสมาธิได้ง่าย
พิจารณาทางปัญญาได้รวดเร็ว


เพื่อจะกำจัดทำลายกามตัณหาราคะ
ให้หมดสิ้นไปจากจิตใจให้ได้

จะได้ทำให้ผมรักษาศีลพรหมจรรย์ข้อนี้
ได้อย่างถาวรตลอดไปตลอดอนันตกาล
ให้ได้เท่านั้นแหละครับ
เป็นสิ่งที่ผมปรารถนาสูงสุดในการปฏิบัติธรรม

ไม่ใช่ปรารถนาอยากจะได้ฤทธิ์
เหาะเหินเดินอากาศได้เหมือนอย่างเทวทัตนั่น
เพราะได้ไปแล้วก็ไม่ได้ช่วยให้ฆ่ากิเลสได้อะไร
จะอยากได้ไปทำไม

ที่ผมมาพูดเรื่อง...ศีลพรหมจรรย์...เนี่ย
ไม่ได้เจตนาที่จะโชว์เน้อให้รู้ไว้ด้วย
แต่มารณรงค์ให้พากันได้เห็นความสำคัญของศีลข้อนี้ต่างหาก
จะได้เริ่มสนใจที่จะพากันน้อมนำไปปฏิบัติ
เพื่อรักษาใจของตัวเองให้สะอาดจากกามตัณหาราคะต่างหาก
ไม่ได้คิดต่ำๆว่าจะมาโชว์เหมือนอย่างที่ท่านกบฯคิดเน้อ


ส่วนที่คุณกบฯบอกว่า
รึ...คุณตะวัน..กลัวว่า...ผมจะทำได้ยิ่งกว่าคุณ...แล้วคุณจะโม้ไม่ออก...อิอิ...
นั้นผมขอให้คุณกบฯได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ก่อนผมให้ได้เลยก็แล้วกันนะ

แต่จะสำเร็จได้ไวอย่างที่ผมอยากจะให้คุณกบฯสำเร็จได้ยังไงน๊อ???
เพราะแค่...ศีลพรหมจรรย์ข้อสามของศีลแปดแค่ข้อเดียว...
................ไม่เกี่ยวกับศีลแปดข้ออื่นๆ...................
คุณกบฯก็ยังไม่กล้าตอบฟันธงแบบจะจะเป๊ะเป๊ะไปเลย
ว่า....ผมรักษาศีลข้อนี้มาได้ตั้ง 4 ปีแล้วนะคร๊าบบบบบ......
..............ก๊ากกกกกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...............


แก้ไขล่าสุดโดย <ตะวัน> เมื่อ 21 ส.ค. 2012, 14:17, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 12:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2012, 21:02
โพสต์: 127


 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
หลังจากเราได้เล่าเรียนกันมามากมายแล้วลงมือ ลงสนามจริงกันสักที เอาเฉพาะคนโสดนะครับ คนมีครอบครัวมันมีข้ออ้างเยอะน่าเบื่ออิๆๆ :b12: ผมมีเคล็ดลับในการปฎิบัติ ถ้าใครอยากบรรลุไวๆนะครับ งดเว้นกิจกรรมทางเพศ แล้วจะสำเร็จไว เรื่องกินเอาไว้ที่หลัง มันลึกซึ้งเกินไป เอาแค่เรื่องเพศก่อนจะได้ไม่มีข้อโต้แย้งเพราะไม่ทำก็ไม่ตาย และไม่ทำก็ไม่เป็นอะไรกับสุขภาพ ใจล้วนๆถ้าชนะได้ก็ไปไกลเกินครึ่งแล้วครับ ใครกล้าบ้างมาร่วมอธิฐานกัน ผมอธิฐานตลอดชีวิตเพื่อบูชาพระพุทธเจ้า



ตะวัน เขียน:

ขอเป็นกำลังใจให้ท่านBigฯทำได้สำเร็จตามที่ตั้งใจเอาไว้ให้ได้นะครับ
แต่ถ้าอธิษฐานไปอย่างนี้แล้วจะประมาทในการปฏิบัติไม่ได้เลยนะท่าน
ต้องฟิตตัวเองในการปฏิบัติอยู่ตลอดเวลา ถ้าเผลอขี้เกียจในการปฏิบัติเมื่อไร
ก็จะทำให้กิเลสมันได้โอกาสที่จะสั่งสมกำลังของมันให้มีกำลังมากขึ้น
แล้วทีนี้มันก็จะฉุดจะลากเราให้ออกจากสิ่งที่เราได้อธิษฐานเอาไว้
แบบที่ท่านอโศฯเรียกว่า...มันตีกลับ...นั่นแหละ

แต่ถ้าเราไม่ประมาท
ด้วยการใช้ข้อปฏิบัติทั้ง...สังวรธรรมสำรวมอายะตนะ...
สำรวมทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ ไม่ให้ไปแตะต้องสิ่งที่มันจะไปเพิ่มกำลัง
โดยอัติโนมัติให้กับกิเลส
และเพียรสร้างกำลังของสติด้วยการขยันหมั่นเดินจงกรม
หรือนั่งสมาธิภาวนาให้มากๆ เพื่อเป็นการตรวจสอบจิตใจของเราดูว่าในระหว่างตลอดวัน
ทั้งวันนั้นเราตั้งสติได้ต่อเนื่องดีหรือเปล่า???

ถ้าวันไหนเราตั้งสติในช่วงตลอดทั้งวันนั้นได้ต่อเนื่อง
เมื่อเรามาตรวจสอบจิตใจของเราด้วยการนั่งสมาธิหรือเดินจงกรมในรูปแบบในวันนั้น
จะทำให้เรานั่งสมาธิ หรือ เดินจงกรมนานๆ ระดับ 2 - 3ชั่วโมงได้อย่างสบายๆ
ไม่รู้สึกเหมือนใจจะขาดจะเป็นจะตายเอาให้ได้แบบทำนองนั่งแค่ 1 ชั่วโมง
แต่ว่ารู้สึกยาวนานเหลือเกินเหมือนยังกับนั่งตั้ง 3 - 4 ชั่วโมง
ถ้าเกิดเป็นในลักษณะกรณีนี้ขึ้นมาในวันไหน
ก็แสดงว่าในวันนั้นเราตั้งสติได้ไม่ดี มีการเผลอสติบ่อยมาก
จนแสดงผลให้เราได้รู้ได้เห็น
ตอนเรานั่งสมาธิเดินจงกรมทดสอบจิตใจในแต่ละวันนั่นแหละ


คือเราต้องหมั่นทดสอบจิตใจในแต่ละวัน
ด้วยการเดินการนั่งในรูปแบบด้วยนะผมว่า
ถ้าจะมีแต่แค่การทำนอกรูปแบบอย่างเดียวจะพลาดได้ง่ายมาก
เพราะไม่มีอะไรเป็นเครื่องวัดใจ
ของเราว่าในช่วงระหว่างตลอดทั้งวันนั้นเราตั้งสติได้ดีแค่ไหน???


ส่วนเรื่องปัญญานั้น สำหรับผมก็ อ่านก็ศึกษาจากธรรมะขององค์หลวงตา
แล้วพยายามพิจารณาให้เข้าใจตามหลักความจริง ที่ท่านสอนชี้แนะเอาไว้ให้ได้
ต้องหมั่นขยันฟังเทศน์ด้วยนะครับ ปัญญาถึงจะก้าวรุดหน้าไปได้เร็ว
ถ้ามีแต่จะพิจารณาด้วยตัวเองมันช้านะ ไม่เร็วเหมือนกับได้ฟังเทศน์ท่านช่วยเราด้วย

ที่ผมว่ามาทั้งหมดนี้เป็นการปฏิบัติในแนว ศีล สมาธิ ปัญญา
อันเป็นแนวที่องค์หลวงตามหาบัว ท่านพาดำเนินมานะครับ

ศีล ก็คือ การนำข้อปฏิบัติในเรื่องสังวรธรรม และ ธุดงควัตรเข้ามาช่วย ตัดกำลังกิเลสไม่ให้
มันมีโอกาสสั่งสมกำลังขึ้นมา ทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ส่วนสมาธิ ก็คือการทำความเพียรสร้างสติ เพื่อให้สมาธิความสงบร่มเย็นเกิดขึ้นปรากฎขึ้น
ภายในจิตใจของเราให้ได้ จนเราพึ่งความสงบเย็นภายในใจของเราเองได้โดยไม่ต้องไปหาความสุขจากสิ่งภายนอกให้เข้ามาแปดเปื้อนใจเราให้สกปรกอีก
ส่วนด้านปัญญา ก็คือ ให้หมั่นขยันฟังเทศน์ครูบาอาจารย์องค์ที่ท่านได้รู้ได้เห็นธรรมที่แท้จริงแล้ว
เช่นองค์หลวงตามหาบัว แล้วก็พยายามพิจารณาให้รู้ให้เข้าใจตามที่ท่านแนะสอนเอาไว้ให้ได้
จนสามารถปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้า ปล่อยวางความยึดมั่นว่าเป็นเราเป็นเขาได้
และละการติดการข้องในสิ่งใดๆในโลกนี้ให้ได้ทั้งหมด
ก็จะพ้นจากโลกอันเต็มไปด้วยความทุกข์นี้ได้เสียทีครับ

ถ้าท่าน bigtoo ทำได้ตามนี้ผมว่า
...ไม่มีทางที่จะแพ้กิเลสได้แน่นอนครับ...และไม่มีทางตีกลับด้วย
มีแต่จะก้าวรุดหน้าไปเรื่อยๆ

ขอแต่ว่า จะทำได้ตามนี้หรือเปล่า???เท่านั้นเอง

ส่วนผมก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง
แต่ช่วงนี้สังวรธรรมทำได้ดี กิเลสก็เลยไม่ค่อยกำเริบรบกวน

แต่ทางด้านทำความเพียรตามรูปแบบ
ยอมรับว่าช่วงนี้เหลวไหลมาก ไม่ค่อยจะได้ทำเลย
อาศัยแต่การทำความเพียรนอกรูปแบบกำหนดสร้างสติระหว่างวันเอาเท่านั้นเองในตอนนี้

แต่ได้อาศัยธรรมะข้อ...สังวรธรรม...ช่วยได้มากหน่อย
ก็เลยพอต้านยันกิเลสได้บ้าง
ทำให้สามารถที่จะพอรักษาศีลแปดได้อย่างสบายๆอยู่

แต่จะไปมั่นใจตายใจแต่แค่ระดับรักษาศีลได้เท่านั้นไม่พอหรอกครับ
ต้องเอาให้ถึงขั้นทำลายกามตัณหาราคะให้ได้โน่น
เป็นอย่างน้อยถึงจะมั่นใจได้ว่าเราจะพ้นทุกข์
พ้นจากการเกิดแก่เจ็บตายในโลกวัฏฏะทุกข์นี้ได้อย่างแท้จริง

สำหรับผมขอแค่ได้ไปสุทธาวาสได้เท่านั้นผมก็พอใจสุดๆแล้ว
แต่ถ้าสามารถเอาให้ถึงพระนิพพานได้ในชาตินี้เลยก็ยิ่งดีครับ


แก้ไขล่าสุดโดย <ตะวัน> เมื่อ 21 ส.ค. 2012, 15:09, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 12:49 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
มีเรื่องเล่าให้ฟัง ..

เริ่มฝึกสมาธิใหม่ ๆ ใจมันกล้า เคยตั้งสัจจะ จะนั่งสมาธิให้ได้ ๓ ชั่วโมง
พอเริ่มนั่ง ๓๐ นาทียังพอทนได้ หลังจากนั้น มดเริ่มรุม กัดตั้งแต่ขาจนถึง
หน้าอก แล้วก็มาถึงคอ มันสุดแสนทรมาน

คนไม่เคยนั่งให้มดกัด คงนึกไม่ออกหรอกว่า โหดแค่ไหน ทนอยู่อีก ไม่ถึง ๓๐ นาที
บัลลังก์สมาธิเลยแตกกระจาย สัจจะที่เราตั้งไว้ก็เลยถูกทำลายด้วยตัวเอง ... :b2:

ก่อนนั่ง...ทำไมไม่ดู...ก่อน...อิอิ...

อ้างคำพูด:
การตั้งสัจจะ หรือ ตั้งอธิษฐานนั้นดี หากท่านฝึกตนมาพอสมควร
มีมั่นใจตัวเองว่า จะไม่เป็นผู้ทำลายสัจจะ ทำลายอธิษฐาน ของตน
เห็นด้วยและขอสนับสนุน .. :b4:

สำหรับท่านที่ พึ่งเริ่มต้น เริ่มออกเดิน
ทางสายกลางดีไหม .. :b1:

:b17:
ปัญหา...คือ...เพิ่งเริ่มก็เลยไม่รู้ว่า...ตรงไหนคือตรงกลาง..นะ...อิอิ..

:b2: :b2:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 13:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


<ตะวัน> เขียน:
bigtoo เขียน:
หลังจากเราได้เล่าเรียนกันมามากมายแล้วลงมือ ลงสนามจริงกันสักที เอาเฉพาะคนโสดนะครับ คนมีครอบครัวมันมีข้ออ้างเยอะน่าเบื่ออิๆๆ :b12: ผมมีเคล็ดลับในการปฎิบัติ ถ้าใครอยากบรรลุไวๆนะครับ งดเว้นกิจกรรมทางเพศ แล้วจะสำเร็จไว เรื่องกินเอาไว้ที่หลัง มันลึกซึ้งเกินไป เอาแค่เรื่องเพศก่อนจะได้ไม่มีข้อโต้แย้งเพราะไม่ทำก็ไม่ตาย และไม่ทำก็ไม่เป็นอะไรกับสุขภาพ ใจล้วนๆถ้าชนะได้ก็ไปไกลเกินครึ่งแล้วครับ ใครกล้าบ้างมาร่วมอธิฐานกัน ผมอธิฐานตลอดชีวิตเพื่อบูชาพระพุทธเจ้า



ตะวัน เขียน:

ขอเป็นกำลังใจให้ท่านBigฯทำได้สำเร็จตามที่ตั้งใจเอาไว้ให้ได้นะครับ
แต่ถ้าอธิษฐานไปอย่างนี้แล้วจะประมาทในการปฏิบัติไม่ได้เลยนะท่าน
ต้องฟิตตัวเองในการปฏิบัติอยู่ตลอดเวลา ถ้าเผลอขี้เกียจในการปฏิบัติเมื่อไร
ก็จะทำให้กิเลสมันได้โอกาสที่จะสั่งสมกำลังของมันให้มีกำลังมากขึ้น
แล้วทีนี้มันก็จะฉุดจะลากเราให้ออกจากสิ่งที่เราได้อธิษฐานเอาไว้
แบบที่ท่านอโศฯเรียกว่า...มันตีกลับ...นั่นแหละ

แต่ถ้าเราไม่ประมาท
ด้วยการใช้ข้อปฏิบัติทั้ง...สังวรธรรมสำรวมอายะตนะ...
สำรวมทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย และ ใจ ไม่ให้ไปแตะต้องสิ่งที่มันจะไปเพิ่มกำลัง
โดยอัติโนมัติให้กับกิเลส
และเพียรสร้างกำลังของสติด้วยการขยันหมั่นเดินจงกรม
หรือนั่งสมาธิภาวนาให้มากๆ เพื่อเป็นการตรวจสอบจิตใจของเราดูว่าในระหว่างตลอดวัน
ทั้งวันนั้นเราตั้งสติได้ต่อเนื่องดีหรือเปล่า???

ถ้าวันไหนเราตั้งสติในช่วงตลอดทั้งวันนั้นได้ต่อเนื่อง
เมื่อเรามาตรวจสอบจิตใจของเราด้วยการนั่งสมาธิหรือเดินจงกรมในรูปแบบในวันนั้น
จะทำให้เรานั่งสมาธิ หรือ เดินจงกรมนานๆ ระดับ 2 - 3ชั่วโมงได้อย่างสบายๆ
ไม่รู้สึกเหมือนใจจะขาดจะเป็นจะตายเอาให้ได้แบบทำนองนั่งแค่ 1 ชั่วโมง
แต่ว่ารู้สึกยาวนานเหลือเกินเหมือนยังกับนั่งตั้ง 3 - 4 ชั่วโมง
ถ้าเกิดเป็นในลักษณะกรณีนี้ขึ้นมาในวันไหน
ก็แสดงว่าในวันนั้นเราตั้งสติได้ไม่ดี มีการเผลอสติบ่อยมาก
จนแสดงผลให้เราได้รู้ได้เห็น
ตอนเรานั่งสมาธิเดินจงกรมทดสอบจิตใจในแต่ละวันนั่นแหละ


คือเราต้องหมั่นทดสอบจิตใจในแต่ละวัน
ด้วยการเดินการนั่งในรูปแบบด้วยนะผมว่า
ถ้าจะมีแต่แค่การทำนอกรูปแบบอย่างเดียวจะพลาดได้ง่ายมาก
เพราะไม่มีอะไรเป็นเครื่องวัดใจ
ของเราว่าในช่วงระหว่างตลอดทั้งวันนั้นเราตั้งสติได้ดีแค่ไหน???


ส่วนเรื่องปัญญานั้น สำหรับผมก็ อ่านก็ศึกษาจากธรรมะขององค์หลวงตา
แล้วพยายามพิจารณาให้เข้าใจตามหลักความจริง ที่ท่านสอนชี้แนะเอาไว้ให้ได้
ต้องหมั่นขยันฟังเทศน์ด้วยนะครับ ปัญญาถึงจะก้าวรุดหน้าไปได้เร็ว
ถ้ามีแต่จะพิจารณาด้วยตัวเองมันช้านะ ไม่เร็วเหมือนกับได้ฟังเทศน์ท่านช่วยเราด้วย

ที่ผมว่ามาทั้งหมดนี้เป็นการปฏิบัติในแนว ศีล สมาธิ ปัญญา
อันเป็นแนวที่องค์หลวงตามหาบัว ท่านพาดำเนินมานะครับ

ศีล ก็คือ การนำข้อปฏิบัติในเรื่องสังวรธรรม และ ธุดงควัตรเข้ามาช่วย ตัดกำลังกิเลสไม่ให้
มันมีโอกาสสั่งสมกำลังขึ้นมา ทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
ส่วนสมาธิ ก็คือการทำความเพียรสร้างสติ เพื่อให้สมาธิความสงบร่มเย็นเกิดขึ้นปรากฎขึ้น
ภายในจิตใจของเราให้ได้ จนเราพึ่งความสงบเย็นภายในใจของเราเองได้โดยไม่ต้องไปหาความสุขจากสิ่งภายนอกให้เข้ามาแปดเปื้อนใจเราให้สกปรกอีก
ส่วนด้านปัญญา ก็คือ ให้หมั่นขยันฟังเทศน์ครูบาอาจารย์องค์ที่ท่านได้รู้ได้เห็นธรรมที่แท้จริงแล้ว
เช่นองค์หลวงตามหาบัว แล้วก็พยายามพิจารณาให้รู้ให้เข้าใจตามที่ท่านแนะสอนเอาไว้ให้ได้
จนสามารถปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นในขันธ์ห้า ปล่อยวางความยึดมั่นว่าเป็นเราเป็นเขาได้
และละการติดการข้องในสิ่งใดๆในโลกนี้ให้ได้ทั้งหมด
ก็จะพ้นจากโลกอันเต็มไปด้วยความทุกข์นี้ได้เสียทีครับ

ถ้าท่าน bigtoo ทำได้ตามนี้ผมว่า
...ไม่มีทางที่จะแพ้กิเลสได้แน่นอนครับ...และไม่มีทางตีกลับด้วย
มีแต่จะก้าวรุดหน้าไปเรื่อยๆ

ขอแต่ว่า จะทำได้ตามนี้หรือเปล่า???เท่านั้นเอง

ส่วนผมก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง
แต่ช่วงนี้สังวรธรรมทำได้ดี กิเลสก็เลยไม่ค่อยกำเริบรบกวน

แต่ทางด้านทำความเพียรตามรูปแบบ
ยอมรับว่าช่วงนี้เหลวไหลมาก ไม่ค่อยจะได้ทำเลย
อาศัยแต่การทำความเพียรนอกรูปแบบกำหนดสร้างสติระหว่างวันเอาเท่านั้นเองในตอนนี้

แต่ได้อาศัยธรรมะข้อ...สังวรธรรม...ช่วยได้มากหน่อย
ก็เลยพอต้านยันกิเลสได้บ้าง
ทำให้สามารถที่จะพอรักษาศีลแปดได้อย่างสบายๆอยู่

แต่จะไปมั่นใจตายใจแต่แค่ระดับรักษาศีลได้เท่านั้นไม่พอหรอกครับ
ต้องเอาให้ถึงขั้นทำลายกามตัณหาราคะให้ได้โน่น
เป็นอย่างน้อยถึงจะมั่นใจได้ว่าเราจะพ้นทุกข์
พ้นจากการเกิดแก่เจ็บตายในโลกวัฏฏะทุกข์นี้ได้อย่างแท้จริง

สำหรับผมขอแค่ได้ไปสุทธาวาสได้เท่านั้นผมก็พอใจสุดๆแล้ว
แต่ถ้าสามารถเอาให้ถึงพระนิพพานได้ในชาตินี้เลยก็ยิ่งดีครับ
ลุย สู้ๆๆ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 14:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ก่อนนั่ง...ทำไมไม่ดู...ก่อน...อิอิ...
ดูแล้วอ่ะ ... ปัดกวาดเรียบร้อย ไม่เห็นมีสักตัว ไม่รู้มาจากไหน .. :b13:
กบนอกกะลา เขียน:
ปัญหา...คือ...เพิ่งเริ่มก็เลยไม่รู้ว่า...ตรงไหนคือตรงกลาง..นะ...อิอิ..
ตรงกลางเหรอ .. ก็ไม่ชิดทุกขอบ ไง อิอิ .. :b32:

+++

สำหรับธุดงค์วัตร ๑๓ ข้อนี้ สำหรับท่านที่มีความเพียรกล้า ประเภทเนยยะ ชอบสู้แบบหัวชนฝา
เป็นการปราบกิเลสแบบ เจ๊งเป็นเจ๊ง ตายเป็นตาย ประมาณนี้ ท่านชอบของท่าน แต่ไม่ใช่ทุกคน

บางท่าน ใช้ปัญญานำ (อุคฆฏิตัญญู)
บางท่าน ใช้ศรัทธานำ (วิปจิตัญญู)
บางท่าน ใช้วิริยะนำ (เนยยะ)

การปฏิบัติธรรมนี้ ท่านว่าเหมือนเด็กหัดเดิน ลุกขึ้นให้มั่นคงก่อน แล้วค่อยก้าวเดิน
จากนั้นค่อยวิ่ง เร็วขึ้น เร็วขึ้น ตามกำลังความเพียรของตน

ใครชอบแบบไหนก็เลือกเอา เพราะจริตนิสัยไม่เหมือนกัน
แต่เป้าหมายนั้นเหมือนกัน..

:b1:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 14:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b35: :b35: :b35:

อิอิ....เวลาตั้งใจทำดีเพื่อจะหลุดจากมัน..นะ...มันจะรีบมาทันที...เป็นงี้ประจำแหละ...อิอิ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 14:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่มีใครเป็นmemberเลย ไปทำธุรกิจอื่นดีกว่าอิ :b12:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 14:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


วิริยะ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ก่อนนั่ง...ทำไมไม่ดู...ก่อน...อิอิ...
ดูแล้วอ่ะ ... ปัดกวาดเรียบร้อย ไม่เห็นมีสักตัว ไม่รู้มาจากไหน .. :b13:
กบนอกกะลา เขียน:
ปัญหา...คือ...เพิ่งเริ่มก็เลยไม่รู้ว่า...ตรงไหนคือตรงกลาง..นะ...อิอิ..
ตรงกลางเหรอ .. ก็ไม่ชิดทุกขอบ ไง อิอิ .. :b32:

+++

สำหรับธุดงค์วัตร ๑๓ ข้อนี้ สำหรับท่านที่มีความเพียรกล้า ประเภทเนยยะ ชอบสู้แบบหัวชนฝา
เป็นการปราบกิเลสแบบ เจ๊งเป็นเจ๊ง ตายเป็นตาย ประมาณนี้ ท่านชอบของท่าน แต่ไม่ใช่ทุกคน

บางท่าน ใช้ปัญญานำ (อุคฆฏิตัญญู)
บางท่าน ใช้ศรัทธานำ (วิปจิตัญญู)
บางท่าน ใช้วิริยะนำ (เนยยะ)

การปฏิบัติธรรมนี้ ท่านว่าเหมือนเด็กหัดเดิน ลุกขึ้นให้มั่นคงก่อน แล้วค่อยก้าวเดิน
จากนั้นค่อยวิ่ง เร็วขึ้น เร็วขึ้น ตามกำลังความเพียรของตน

ใครชอบแบบไหนก็เลือกเอา เพราะจริตนิสัยไม่เหมือนกัน
แต่เป้าหมายนั้นเหมือนกัน..

:b1:
มันสำคัญตรงนี้แหละหลายๆคนมักจะคิดว่าตนเป็นผู้มีปัญญามากนะซิครับ มันก็เลยง่ายกันไปหมด พยามารก็ยิ้มแป้นเลยอิๆ :b12:

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 14:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ค. 2012, 21:02
โพสต์: 127


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ก่อนนั่ง...ทำไมไม่ดู...ก่อน...อิอิ...
ดูแล้วอ่ะ ... ปัดกวาดเรียบร้อย ไม่เห็นมีสักตัว ไม่รู้มาจากไหน .. :b13:
กบนอกกะลา เขียน:
ปัญหา...คือ...เพิ่งเริ่มก็เลยไม่รู้ว่า...ตรงไหนคือตรงกลาง..นะ...อิอิ..
ตรงกลางเหรอ .. ก็ไม่ชิดทุกขอบ ไง อิอิ .. :b32:

+++

วิริยะ เขียน:

สำหรับธุดงค์วัตร ๑๓ ข้อนี้ สำหรับท่านที่มีความเพียรกล้า ประเภทเนยยะ ชอบสู้แบบหัวชนฝา
เป็นการปราบกิเลสแบบ เจ๊งเป็นเจ๊ง ตายเป็นตาย ประมาณนี้ ท่านชอบของท่าน แต่ไม่ใช่ทุกคน

บางท่าน ใช้ปัญญานำ (อุคฆฏิตัญญู)
บางท่าน ใช้ศรัทธานำ (วิปจิตัญญู)
บางท่าน ใช้วิริยะนำ (เนยยะ)

การปฏิบัติธรรมนี้ ท่านว่าเหมือนเด็กหัดเดิน ลุกขึ้นให้มั่นคงก่อน แล้วค่อยก้าวเดิน
จากนั้นค่อยวิ่ง เร็วขึ้น เร็วขึ้น ตามกำลังความเพียรของตน

ใครชอบแบบไหนก็เลือกเอา เพราะจริตนิสัยไม่เหมือนกัน
แต่เป้าหมายนั้นเหมือนกัน..

:b1:



ตะวัน เขียน:


..............องค์พระมหากัสสปะ...............
ท่านก็ไม่ใช่ประเภท...เนยยะ...นะคุณวิริยะ
ท่านระดับอุคฆฏิตัญญู เลยล่ะนะผมว่า
เพราะท่านรักษาพรหมจรรย์ได้ตั้งแต่เล็กจนโตเลย
มีคู่บารมีมานอนอยู่ข้างๆท่านก็แค่เอาดอกไม้มากั้น
เอาไว้เป็นพยานว่าจะไม่ไปแตะต้องอะไรกัน
แล้วอธิษฐานเอาไว้ว่าขอให้ดอกไม้ที่กั้นไว้นี้
จงเป็นพยานว่าถ้ามีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด
ที่มีจิตคิดไม่ดีเพียงแค่คิดอยากจะไป...แตะอั๋งกัน...เท่านั้นก็ตาม
ก็ขอให้ดอกไม้นั้นได้เหี่ยวแห้งไปให้เห็นทันที
แต่ดอกไม้นั้นก็ไม่เคยเหี่ยวแห้งไปเลยยังคงสดอยู่เสมอ

เพื่อเป็นประจักษ์พยานยืนยันว่าคู่บารมีทั้งสองท่านนี้
ท่านเป็นผู้มีจิตใจอันสูงส่งบริสุทธิ์เป็นประเภทอุคฆฏิตัญญูทั้งคู่

องค์พระมหากัสสปะท่านก็เป็นบุคคลประเภทกิเลสเบาบางมาก
ที่เรียกว่าประเภทอุคฆฏิตัญญู วิปจิตัญญู นั่นแหละครับ
แต่ท่านก็น้อมนำธุดงค์วัตรที่พระพุทธองค์ได้ทรงประทานไว้
ได้น้อมนำมาปฏิบัติได้มากที่สุด ในบรรดาสาวกทุกองค์
จนพระพุทธองค์ได้ทรงสรรเสริญยกย่องท่านว่า
.....ท่านเป็นเลิศในธุดงค์วัตรไม่มีสาวกองค์ใดยิ่งไปกว่าท่าน...
.........ในด้านการนำข้อปฏิบัติธุดงค์มาปฏิบัติมารักษา.........


ผมว่าธุดงค์13 นี่ทำได้ทุกจริตนิสัยนะครับท่านวิริยะ
ยิ่งคนที่เป็นประเภทอุคฆฏิตัญญู หรือ วิปจิตัญญู
พวกประเภทที่ท่านมีกิเลสเบาบางถ้าได้น้อมนำธุดงค์13ไปปฏิบัติ
ก็ยิ่งจะทำให้ท่านสำเร็จมรรคผลได้เร็วขึ้นมากนะ
เหมือนกับนั่งเครื่องบินแทนการนั่งรถยนต์รถไฟไปสู่จุดหมายเลยล่ะ

แต่ถ้าพวกเนยยะ นั้น
จำเป็นต้องอาศัยธุดงค์เข้าช่วยอย่างมากๆ
เพราะกิเลสมากต้องใช้อาวุธหนัก ถึงจะเอากิเลสได้อยู่
ถ้าไม่ใช้ธุดงค์เข้าช่วยแล้วประเภทเนยยะจะไปได้ยากอยู่นะผมว่า
ส่วนพวกกิเลสเบาบางถ้าได้นำธุดงค์วัตรเข้ามาช่วยด้วย
ก็จะยิ่งทำให้ปฏิบัติธรรมได้พ้นทุกข์เร็วขึ้นไปอีกครับท่าน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 15:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


<ตะวัน> เขียน:

ผมมาพูดเรื่อง...ศีลพรหมจรรย์...เนี่ย
ไม่ได้เจตนาที่จะโชว์เน้อให้รู้ไว้ด้วย
แต่มารณรงค์ให้พากันได้เห็นความสำคัญของศีลข้อนี้ต่างหาก
จะได้เริ่มสนใจที่จะพากันน้อมนำไปปฏิบัติ
เพื่อรักษาใจของตัวเองให้สะอาดจากกามตัณหาราคะต่างหาก
ไม่ได้คิดต่ำๆว่าจะมาโชว์เหมือนอย่างที่ท่านกบฯคิดเน้อ[/size]

ส่วนที่คุณกบฯบอกว่า
รึ...คุณตะวัน..กลัวว่า...ผมจะทำได้ยิ่งกว่าคุณ...แล้วคุณจะโม้ไม่ออก...อิอิ...
นั้นผมขอให้คุณกบฯได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ก่อนผมให้ได้เลยก็แล้วกันนะ

แต่จะสำเร็จได้ไวอย่างที่ผมอยากจะให้คุณกบฯสำเร็จได้ยังไงน๊อ???
เพราะแค่...ศีลพรหมจรรย์ข้อสามของศีลแปดแค่ข้อเดียว...
................ไม่เกี่ยวกับศีลแปดข้ออื่นๆ...................
คุณกบฯก็ยังไม่กล้าตอบฟันธงแบบจะจะเป๊ะเป๊ะไปเลย
ว่า....ผมรักษาศีลข้อนี้มาได้ตั้ง 4 ปีแล้วนะคร๊าบบบบบ......
..............ก๊ากกกกกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ...............


ทำได้สักปีก่อนแล้วค่อยมาพูดกับผมเรื่องนี้...นะ...อิอิ..

แค่ 2-3 เดือน ยังไม่คู่ควรจะพูดถึงหรอก....

ผมอายแทน... :b3: :b3:

ไม่ใช่อะไรหรอก....หากทำสักพัก...มันจะพบข้อปัญหา...พูดถึงตอนนั้นมันจะมีประโยนช์กว่า

ศีลแปด...ก็อย่าลืม...ข้อสุดท้ายด้วยละ....มาเผลิดเพลินในแซทในเน็ต...นี้ก็อาจเข้าข่าย...

โดยเฉพาะคุณตะวัน....กระสันจะโต้กับคนนั้นคนนี้...ซะเหลือเกิน.....ดูจิตทันอะป้าว...อิอิ



ทำดีต่อไปเถอะ..ทาเคชิ...หุหุ :b3: :b3: ..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ส.ค. 2012, 15:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มี.ค. 2010, 16:12
โพสต์: 2298

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


<ตะวัน> เขียน:

ตะวัน เขียน:


..............องค์พระมหากัสสปะ...............
ท่านก็ไม่ใช่ประเภท...เนยยะ...นะคุณวิริยะ
ท่านระดับอุคฆฏิตัญญู เลยล่ะนะผมว่า


ต้องดูกันที่ ชาติต้น ๆ นะ ไม่ใช่มาดูกันชาติสุดท้าย
ถ้าไม่มีความเด็ดเดี่ยว มุมานะ ชอบความเด็ดขาด

ท่านก็คงไม่หวังเป็นเอตทัคคะทางธุดงค์วัตรแน่นอน

ปัญญา ศรัทธา วิริยะ มีกันทุกคนแหละครับ
แต่ตัวไหนที่เด่นกว่าต่างหากละ ..

:b1:

.....................................................
"พุทโธ .. พุทโธ .. พุทโธ"
ภาวนาวันละนิด จิตแจ่มใส


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 89 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 125 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร