ปัจจุบันมีผู้คนจำนวนมาก ทั้งสำนักหมอดู ชี พรหมณ์ คนทรง นักสัก ต่างๆนาๆ
พากันกล่าวอ้างว่าพระแม่ธรณีนั้นเป็นส่วนหนึ่งของพระพุทธศาสนา
เลยเถิดไปจนถึงว่า มีความสำคัญกับการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

เพื่อไม่ให้ศาสนาแห่งเหตุและผลของเรา กลายเป็นศาสนาเทวนิยม
ที่เต็มไปด้วยเรื่องอภินิหารและความช่วยเหลือจากทวยเทพต่างๆ
ผมจึงต้องเปิดประเด็นนี้เอาไว้


ประเด็นที่มักกล่าวอ้างกัน ...
..ในคืนวันที่พระพุทธเจ้าจะทรงสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้านั้น
มีเหล่ามารจะมาทำร้ายรบกวนพระพุทธเจ้า
พระแม่ธรณีจึงได้ออกมาบีบมวยผมเพื่อใช้น้ำเหล่านั้นกวาดไล่ชะล้างเหล่ามาร
จนพระพุทธเจ้าไปตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า...

ในความเป็นจริงแล้ว แม่ธรณีไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับพระพุทธเจ้าเลย
และไม่มีความเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา

พระแม่ธรณี ไม่มีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฏก

จะว่าไปแล้ว ก็มีคำเดียว แต่ไม่ได้มีบทบาทอย่างที่กล่าวอ้างกัน
"แม่ธรณี" มีปรากฏคำเดียว ครั้งเดียว ในบทพูดของพรหมณ์ชูชก ในพระเวสสันดรชาดก
ที่พรหมณ์ชูชุกกล่าวกับผู้อื่นเมื่อตอนถามทางไปหาพระเวสสันดร
โดยพร่ำเพ้อพรรณาไปตามคติพรหมณ์ของตน เปรียบเทียบพระเวสสันดรเป็นเหมือนพระแม่ธรณี
แต่จุดมุ่งหมายที่แท้จริงคือ เพื่อล่อลวงนายพรานให้บอกทางไปหาพระเวสสันดร
โดยอ้างบุญกุศลจะบังเกิดแก่ผู้บอกทาง

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=28&A=6511
ดูวรรคที่ 1135


ผมได้พบว่าที่มาของความเชื่อดังกล่าว ก็มาจากงานเขียนของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส (พระองค์เจ้าวาสุกรี) เรื่องปฐมสมโพธิกถา ตอนมารวิชัยปริวรรต
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=13661

หากท่านใดพบหลักฐานว่าพระแม่ธรณีเป็นผู้มีบทบาทอย่างที่ระบุในงานเขียนของสมเด็จฯจริง โปรดได้ชี้แจงแสดงเหตุผลให้ทราบกับด้วยนะครับ

ขออนุโมทนา

ความเห็นส่วนตัว พระแม่ธรณีปรากฏในเรื่องราวของพระพุทธเจ้าตอนก่อนตรัสรู้ ด้วยอาศัยญาณหยั่งรู้ของพระพุทธเจ้าก่อนตรัสรู้ที่ไม่มีพระอนุพุทธะองค์ใดที่จะรู้ตามได้ แม้มนุษย์ก็รู้ตามยาก ความเห็นคือ การถือกำเนิดนับครั้งไม่ถ้วนของพระพุุทธเจ้าจึงไม่มีพยานรู้เห็น เพราะต่างคนก็ต่างเกิดและตายภายในเวลาอันสั้น แผ่นดินเท่านั้นจึงเป็นที่รองรับเรื่องราวของพระพุทธเจ้าทุกยุคทุกสมัย สิ่งที่ถูกสะสมมาคือความดีของพระพุทธเจ้า หากเปรียบเหมือนน้ำนั้นก็ล้นฟ้าล้นแผ่นดิน

หากกล่าวถึงอภิธรรมนั้นเกียวข้องโดยตรงกับการทำกรรมดี หรือการสะสมความดี ที่มีพยานรู้เห็นแน่นอน นั่นคือหลักปฏิจจสมุปบาท แม้พระแม่ธรณีจะไม่ใช่ความหมายเดียวกันกับปฏิจจสมุปบาท แต่แสดงถึงการสืบต่อของกรรมดีและกรรมชั่วในแต่ละภพชาตินั่นเอง

ปัญญาจึงจะเกิดขึ้นได้จากการพิจารณาด้วยอาศัยศรัทธาในเรื่องพระแม่ธรณี

ส่วนตัวนั้นจึงยกเอาพระแม่ธรณีไว้เป็นพยานรู้เห็นนั่นเอง

เกี่ยวข้อง
แต่ไม่ทราบว่า มีจริงเป็นตัวเป็นตนหรือไม่

ถ้าพูดภาษาคน..นะ

ถ้าพระอุปคุต..ปราบมาร...มีจริง...พระยามารที่เป็นเทวดาชั้นปรมินต...ก็ต้องมีจริงด้วย

พระยามารที่เป็นเทวดามิจฉาทิฏฐิ..เมื่อมีจริงได้....แม่ธรณีที่เป็นเทวดาสัมมาทิฏฐิก็ต้องมีได้..จริง.ๆ

ภพภูมิทั้งหลาย...ทั้งสัตวนรก..เปรต..อสุรกาย..เดรัจฉาน..มนุษย์..เทวดา..พรหม..ก็ล้วนอยู่ในวัฏสงสาร...เรียกรวม ๆ ว่า...สัตวโลก...

แม้ในสัตวเหล่านั้น...พระพุทธองค์...ยังสรรเสริญในความดี

ทรงยกย่องคนดี....สอนว่า..คบคนดีเป็นมงคลอย่างยิ่ง

ทรงยกย่องเทวดาและพรหมที่ดี....สอนเป็นกรรมฐาน....เทวตานุสติกรรมฐาน...

แม้...ทั้งคนดี..และ..เทวดาดี...ยังไม่ใช่สรณะ..คือที่พึ่งอันประเสริฐ...ก็ตาม...แต่มิได้ทรงสอนให้รังเกียจแต่อย่างใด

แต่...คนที่เชื่อแบบงมงาย...อะไร ๆ ก็เอาแต่อ้อนวอนขอ...แต่ไม่ทำอะไร...นี้คือพวกมิจฉาทิฏฐิ...

หรือแม้แต่ท่าน..จขกท..ที่เดือดร้อนที่ใคร ๆ เขาจะมองว่า..ศาสนาของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า...เป็นศาสนาเทวะนิยม

ก็อาจเป็นมิจฉาทิฏฐิ...ได้...หากมัวแต่เดือดกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง...ถือสิ่งที่ไม่เป็นสาระ..ว่าเป็นสาระ.

.ท่านก็จะเป็นมิจฉาอย่างคนที่งมงายที่ท่านกำลังรังเกียจอยู่...นั้นแหละ

อย่าหลงประเด็นนะครับ ท่านทั้งหลาย

ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่า มีจริง หรือไม่มีจริง



ประเด็นอยู่ที่ว่า
พระแม่ธรนี ไม่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา
โดยเฉพาะที่กล่าวอ้างว่าเป็นผู้ไล่มารให้พระพุทธเจ้าในคืนวันตรัสรู้ ด้วยการบีบน้ำออกจากมวยผม
ในพระไตรปิฏกก็ไม่มีเรื่องดังกล่าวอยู่

ในเมื่อไม่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนา และเป็นเทพในคติของศาสนาอื่นๆ ผมจึงไม่มีความประสงค์จะวิพากย์วิจารณ์แต่อย่างใดครับ

ถ้าพระแม่ธรณีไม่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา ทำไมมีบทสวดคาถาพระแม่ธรณี(ไปเสริทหาดูเอานะค่ะ)แล้วทำไมเวลาไปวัด เวลาทำบุญ ทำสังฆทาน(อุทิศส่วนกุศล) เวลาหยาดน้ำแล้วทำไมต้องไปเทลงดินเพื่อให้พระแม่ธรณีเป็นพยานละเจ้าค่ะ คือแค่อยากรู้ว่าถ้าไม่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา ทำไมมีพิธีกรรมขึ้นมาหละเจ้าค่ะ จริงม่ะ คือไม่ได้หลงประเด็นนะเจ้าค่ะ

พระแม่ธรณีไม่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา แต่มนุษย์(เฉพาะมนุษย์) ก็อาศัยพระแม่ธรณีเป็นที่ซุกหัวนอน ถ้าพระแม่ธรณี มาได้ยินว่าท่านไม่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา อาจจะทรงกริ้ว คุนน้องกลัวแผ่นดินไหว หรือบ้านจะพังเอาน่ะสิเจ้าค่ะ

กฎกติกา มารยาท ในการแสดงความคิดเห็น

(๑) โปรดงดเว้น การใช้คำหยาบคาย ส่อเสียด ใส่ความ
กล่าวหาให้ร้าย ดูหมิ่น หมิ่นประมาท สร้างความแตกแยก
หรือกระทบถึงสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
หรือครูบาอาจารย์ ตลอดจน บุคคลอันเป็นที่เคารพในสังคม

(๒) โปรดงดเว้น การนำเสนอรูปภาพ วิดีโอ หรือข้อความที่ลบหลู่ จาบจ้วง
ดูหมิ่นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือศาสนา ไม่ว่าจะเป็นศาสนาใดๆ ก็ตาม

(๔) โปรดงดเว้น การนำเสนอรูปภาพ หรือข้อความที่เป็นการนินทา
ใส่ร้าย วิพากษ์วิจารณ์บุคคลอื่น หรือต้องการยุยงส่งเสริมให้ผู้อื่นเกลียดชัง

(๘) โปรดงดเว้น การใช้ข้อความอวดอ้าง หรือบิดเบือนคัดค้าน
คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยกเว้นในกรณีเกิดข้อสงสัย

(๑๐) คณะทีมงานผู้ดูแลขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น
โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น
เพราะถือว่าได้ทำการตกลงเห็นชอบร่วมกันแล้ว

(๑๑) ลานธรรมจักรเป็นบอร์ดธรรมะ คณะทีมงานผู้ดูแลจึงขอความร่วมมือ
ให้สมาชิกทุกท่านแสดงความเห็นในเรื่องที่สร้างสรรค์ และจรรโลงหลักธรรมความดีงาม
อันจะก่อให้เกิดความอาจหาญ ร่าเริงในสัมมาปฏิบัติให้ยิ่งๆ ขึ้นไป
สมาชิกไม่พึงประทุษร้ายผู้อื่นด้วยวาจาอันประกอบด้วย วจีทุจริต ๔ ประการ
กล่าวคือ พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ และพูดเพ้อเจ้อเหลวไหล
สมาชิกพึงพูดคุยกันเยี่ยงบัณฑิตทั้งหลายคุยกัน มีเมตตามีความปรารถนาดีต่อกัน
ตลอดจน เคารพในเหตุผลของกันและกัน พร้อมที่จะให้อภัยซึ่งกันและกัน

(๑๒) ขอความร่วมมือสมาชิกทุกท่านช่วยกันรณรงค์ใช้ภาษาไทยอย่างถูกต้อง

บทลงโทษ

๑) ตักเตือน
๒) ระงับการใช้ ๗ วัน
๓) ระงับการใช้ตั้งแต่ ๑ เดือนขึ้นไป
๔) ระงับการใช้ถาวร

หมายเหตุ : สมาชิกท่านใดกระทำการละเมิดกฎกติกา มารยาท
ในการใช้บอร์ดดังกล่าว บางกรณีอาจมีผลทำให้ต้องรับโทษตาม
พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐
และ/หรือ ประมวลกฎหมายอาญา ฯลฯ
ทางคณะทีมงานผู้ดูแลจึงขอความร่วมมือจากสมาชิกทุกท่าน
ให้พึงสังวร และสำรวมระวังในการแสดงความคิดเห็นด้วย

การลงโทษในกรณีละเมิดกฎกติกา มารยาทในการใช้บอร์ด ถ้าพิจารณาเห็นว่าควรตักเตือน ก็จะส่งข้อความด้วยระบบของบอร์ดไปยังสมาชิกท่านนั้นให้รับทราบเป็นการส่วนตัว ถ้าตักเตือนแล้ว ยังละเมิดกฎกติกา มารยาท ในกรณีเดียวกันนั้นซ้ำอีก จะใช้วิธีการระงับการใช้งาน หรือแบนแบบชั่วคราว ๗ วัน, ตั้งแต่ ๑ เดือนขึ้นไป หรือแบบถาวร ตามแต่ทางคณะทีมงานผู้ดูแลจะพิจารณาเห็นสมควรลงโทษหนักเบาเพียงไร โปรแกรมเว็บบอร์ดมีระบบการแบน และมีการบันทึกการตักเตือนของสมาชิกแต่ละท่านไว้ นอกจากนี้ ยังแสดงรายชื่อของผู้ที่ถูกแบน โดยทุกท่านสามารถเข้าไปตรวจสอบรายชื่อ วัน เวลา และเหตุผลของการแบนซึ่งได้แสดงไว้อย่างชัดเจน

ประกาศ ณ วันจันทร์ที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๔
admin/คณะทีมงานผู้ดูแลบอร์ดลานธรรมจักร


- กฏกติกาบอร์ด
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=11&t=39777

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=28&A=6511

ลองอ่านทบทวน ก่อนตีความ แสดงความเห็นอีกหลายๆ ครั้งดีไหมครับ

ก็เป็นไปได้ครับว่าไม่มีในพระไตรปิฏก ทำถูกแล้วครับที่พิจารณาก่อนที่จะเชื่อ

สมเด็จพุทธจารย์โ ตพรหมรังษีท่านเคยกล่าวไว้ว่า

ปราชญ์แท้ ไม่คุยฟุ้งอวดตน
คนดี ไม่เที่ยวยกสอพลอ
คนเก่ง ย่อมทะนงอย่างเงียบ
คนชั่ว อวดรู้ดีทั่วภพ
คนโง่ อวดฉลาดมากมาย
สิ่งทั้งหลายท่านเห็นมีทุกที่เอย....

สาธุ ขอน้อมสักการะท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจาร์ยโต พรหมรังษีจร้า.

...

ผู้เห็นปกิจจสมุปบาท ย่อมเห็นความเกี่ยวข้องกันของสิ่งต่างๆว่า เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี

เมื่อสิ่งนี้ดับ สิ่งนี้จึงดับ โดยไม่ต้องเชื่อหรือไม่เชื่อใครๆ ด้วยปัญญาอันแจ้งแล้วของตนอยู่

เนี้ยมันก็แค่นี้ล่ะ ไม่เห็นน่าอายถึงขนาดต้องลบความเห็นเลย

(๑๐) คณะทีมงานผู้ดูแลขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็น
โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ต่อเจ้าของความคิดเห็นนั้น
เพราะถือว่าได้ทำการตกลงเห็นชอบร่วมกันแล้ว

บทลงโทษ

ตักเตือน
๒) ระงับการใช้ ๗ วัน
๓) ระงับการใช้ตั้งแต่ ๑ เดือนขึ้นไป
๔) ระงับการใช้ถาวร


ขอความกรุณา มีสัมมาวาจาเถอะครับคุณโฮฮับ
กรุณาอยู่ในความสงบ อโหสิกรรมที่ต้องตักเตือนจน
ทำให้โกรธขนาดนี้ ขออภัยด้วยนะครับ