วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 00:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2012, 16:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


๓. อวัณณารหสูตร
ว่าด้วยผู้กล่าวสรรเสริญผู้ควรติเตียนและผู้กล่าวติเตียนผู้ควรติเตียน
[๘๓] ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ ๑ ย่อมดำรงอยู่ในนรก
เหมือนถูกนำไปฝังไว้
ธรรม ๔ ประการ อะไรบ้าง คือ
๑. ไม่พิจารณา ไม่ไตร่ตรอง กล่าวสรรเสริญผู้ควรติเตียน
๒. ไม่พิจารณา ไม่ไตร่ตรอง กล่าวติเตียนผู้ควรสรรเสริญ
๓. ไม่พิจารณา ไม่ไตร่ตรอง แสดงความเลื่อมใสในฐานะที่ไม่ควรเลื่อมใส
๔. ไม่พิจารณา ไม่ไตร่ตรอง แสดงความไม่เลื่อมใสในฐานะที่ควรเลื่อมใส
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แลย่อมดำรงอยู่ในนรก
เหมือนถูกนำไปฝังไว้

ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ ๑ ย่อมดำรงอยู่ในสวรรค์
เหมือนได้รับอัญเชิญไปประดิษฐานไว้
ธรรม ๔ ประการ อะไรบ้าง คือ
๑. พิจารณา ไตร่ตรองแล้ว กล่าวติเตียนผู้ควรติเตียน
๒. พิจารณา ไตร่ตรองแล้ว กล่าวสรรเสริญผู้ควรสรรเสริญ
๓. พิจารณา ไตร่ตรองแล้ว แสดงความไม่เลื่อมใสในฐานะที่ไม่ควร
เลื่อมใส
๔. พิจารณา ไตร่ตรองแล้ว แสดงความเลื่อมใสในฐานะที่ควรเลื่อมใส
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แลย่อมดำรงอยู่ใน
สวรรค์ เหมือนได้รับอัญเชิญไปประดิษฐานไว้

ความเห็นส่วนตัว...คำว่า"อนุโมทนา" ก็คงต้องอยู่ในความสรรเสริญ เลื่อมใส ในทั้ง ๔ ข้อนี้ด้วย เพราะความหมายของคำว่า อนุโมทนา คือความยินดีตาม, ความยินดีด้วย, การพลอยยินดี, การแสดงความเห็นชอบ; เห็นด้วย, แสดงความชื่นชมหรือซาบซึ้งเห็นคุณค่าแห่งการกระทำของผู้อื่น ฉะนั้นการสรรเสริญกับผู้ทำกุศลก็เหมือน หรือตรงกันกับคำว่าอนุโมทนา ผู้ที่อนุโมทนาย่อมได้รับในบุญที่ผู้อื่นได้กระทำด้วยเพราะมีจิตเลื่อมใสในการกระบุญของผู้อื่น อนุโมทนา นั้นยังหมายถึง การแสดงความยินดีในบุญหรือความดีที่ผู้อื่นได้กระทำด้วยการพูดการเขียนหรือกิริยาก็ได้ เช่นเมื่อได้ยินเสียงฆ้องกลองย่ำค่ำตอนเย็น แสดงว่าพระทำวัตรตอนเย็นจบ เราก็ยกมือพนมไหว้เปล่งวาจาว่าสาธุ เป็นการอนุโมทนาต่อพระสงฆ์ หรือพระตีกลองเพลบอกเวลาว่าพระฉันอาหารที่เราใส่บาตร พระจะให้พรเราก็ควรยกมืออนุโมทนา หรือมีใครทำบุญแล้วนำมาบอกให้เราทราบเมื่อทราบแล้วก็ยินดีสรรญเสริญในการกระทำดีของผู้นั้น จึงยกมือขึ้นสาธุเป็นการอนุโมทนาในการทำบุญของเขาด้วย

ที่นี้เราก็ต้องเข้าถึงปัญหาที่ว่าอนุโมทนานั้นจะเป็นบุญได้ทั้งหมดจริงหรือ อาจอนุโมทนาอาจเป็นบาปก็ได้ เช่นว่าการกล่าวธรรมของผู้ที่กล่าวผิดไปจากคำสอนที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ดีแล้ว ก็เป็นการสรรเสริญเลื่อมใสในการกล่าวธรรมผิดของผู้นั้น หรือว่ากล่าวสรรเสริญผู้ทำบาป เช่นว่าเห็นคนไปหาปลามาได้มากมายก็ชื่นชมสรรเสริญผู้นั้นว่าหาปลาเก่งจัง หรือโจรที่ถูกเจ้าหน้าที่ฆ่าตายเราก็สรรเสริญว่าดีตายเสียได้ก็ดีจะได้สบาย เป็นต้น ฉะนั้นก็ต้องเป็นบาปด้วย หรืออาจมีผู้ทำบุญเพื่อหวังการให้ผู้อื่นสรรเสริญว่าเราเป็นคนดี เป็นคนใจบุญ ที่ทำบุญมาก อย่างนี้ก็ถือว่าเป็นบุญที่ไม่ใช่บุญที่แท้จริงคงเป็นบุญที่เคลือบแฝงไปด้วยอกุศลเป็นการหวังเพื่อสิ่งอื่นอันมิใช่กุศลเป็นการหวัง ลาภ สักการะ ชื่อเสียง เป็นต้น แล้วเขามาบอกให้เราก็อนุโมทนากับเขาด้วย ก็เท่ากับเราอนุโมทนากับการกระทำของเขาผู้นั้น เรียกว่ายินดีในบาปอกุศลไปโดยปริยาย จริงไหม?

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2012, 17:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกอย่าง สำเร็จด้วยจิต ไม่ว่าจะมีการกระทำร่วมด้วยหรือไม่ก็ตาม

เรื่องบาป-บุญ เป็นเพียงอุปทาน แต่ไม่ใช่ตามความเป็นจริง

บาป-บุญ มีอยู่จริง ที่กล่าวว่าไม่จริง เพราะ เป็นเพียงความคิด ที่เกิดขึ้นว่า นี่คือ บุญ นี่คือ บาป แท้จริงแล้ว เป็นเรื่องของเหตุปัจจัย

เหมือนคนหาปลา คนฆ่าสัตว์ แม้กระทั่งพระ ไม่แตกต่างกับอาชีพอื่นๆ เพราะชื่อว่า การเกิดเป็นมุนษย์ ใช่สักแต่ว่าเกิด

การทบทวนตัวเอง เป็นการสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับตัวเองและผู้อื่น

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2012, 17:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

อนุ...แปลว่า..ด้วย...ร่วมด้วย
โมทนา..แปลว่า..ยินดี..

อนุโมทนา....ก็แปลว่า..ยินดีด้วย...

ไปยินดีด้วย...กะคนทำบุญ....มันก็ได้บุญด้วย

ไปยินดีด้วย..กะคนทำบาป...มันก็ได้บาปไปด้วยเท่านั้นเอง..

ไปยินดีกะอะไร...มันก็ได้อันนั้น..แหละคราบ

:b13: :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2012, 18:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


คุนน้องไม่ค่อยอนุโมทนา คือคุนน้องจะเฉยๆ เพราะในห้องสนทนาเป้นการแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนธรรมมะกัน แต่เห้นบางคนไม่มีความเห็นทางธรรม สักแต่ว่าไปอนุโมทนาฝ่ายนึง(เค้ากำลังถกธรรมกัน) แต่อีกฝ่ายนึงไม่อนุโมทนา เพราะเป็นคู่กรณีของตน คุนน้องเห็นพฤติกรรมแบบนี้ก็นึกขำๆเหมือนกัน แบบนี้ได้บุญ รึ บาปก็ไม่รู้ :b32: :b32: :b43:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.ค. 2012, 20:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


หากโมทนาพร้อมด้วยใจที่ไม่เป็นกุศล...เช่น..อยากประชดอีกฝั่งหนึ่ง...ฯลฯ ..อันนี้ย่อมไม่ได้บุญแน่...แล้วถ้าหากคนที่เราอนุโมทนากับเขา....ไม่ใช่คนที่ควรไปยินดีด้วย....ก็ยิ่งไปกันใหญ่..

ส่วนใครที่ไม่เคยไปโมทนาสาธุ...กับคนที่ตนไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าไร...นั้นมันก็ขึ้นอยู่กับภาวะใจของเขานะ...อย่างน้อยเขาก็ทำอะไรที่ตรงกับใจของเขา...ไม่เสแสร้ง...และเมื่อภาวะใจเขาพัฒนาขึ้นไป...ความอาฆาต..ความริษยา...เขาลดลงเมื่อใด....ใจเขามีความเป็นกลางมากขึ้น...ก็จะเริ่มมองเห็นอะไรดี ดี...มากขึ้นไปเอง

ยังดีกว่าคนที่ชอบเสแสร้งแกล้งเป็นคนดี...มีเมตตาอารีย์...เป็นไหน ๆ...นะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2012, 20:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ก.ค. 2010, 15:02
โพสต์: 146

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
หากโมทนาพร้อมด้วยใจที่ไม่เป็นกุศล...เช่น..อยากประชดอีกฝั่งหนึ่ง...ฯลฯ ..อันนี้ย่อมไม่ได้บุญแน่...แล้วถ้าหากคนที่เราอนุโมทนากับเขา....ไม่ใช่คนที่ควรไปยินดีด้วย....ก็ยิ่งไปกันใหญ่..

ส่วนใครที่ไม่เคยไปโมทนาสาธุ...กับคนที่ตนไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าไร...นั้นมันก็ขึ้นอยู่กับภาวะใจของเขานะ...อย่างน้อยเขาก็ทำอะไรที่ตรงกับใจของเขา...ไม่เสแสร้ง...และเมื่อภาวะใจเขาพัฒนาขึ้นไป...ความอาฆาต..ความริษยา...เขาลดลงเมื่อใด....ใจเขามีความเป็นกลางมากขึ้น...ก็จะเริ่มมองเห็นอะไรดี ดี...มากขึ้นไปเอง

ยังดีกว่าคนที่ชอบเสแสร้งแกล้งเป็นคนดี...มีเมตตาอารีย์...เป็นไหน ๆ...นะ

เราจะสามารถแยกแยะคนเหล่านี้ ได้อย่างไรบ้างค่ะ สาธุ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2012, 21:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


ทำตนเองให้ดี..ยิ่ง..ยิ่ง..ขึ้นไปเท่าไร....ความคิดความเห็นมันจะดีขึ้นตามมาเอง...

ดังนั้น..กลับมาทำที่ตน....ค้นหาปัญหาของตน...แก้ไขที่ตน...วิสัยทัศน์จะเป็นผลพลอยได้...ครับ
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ค. 2012, 07:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


จัทร์เพ็ญ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
หากโมทนาพร้อมด้วยใจที่ไม่เป็นกุศล...เช่น..อยากประชดอีกฝั่งหนึ่ง...ฯลฯ ..อันนี้ย่อมไม่ได้บุญแน่...แล้วถ้าหากคนที่เราอนุโมทนากับเขา....ไม่ใช่คนที่ควรไปยินดีด้วย....ก็ยิ่งไปกันใหญ่..

ส่วนใครที่ไม่เคยไปโมทนาสาธุ...กับคนที่ตนไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าไร...นั้นมันก็ขึ้นอยู่กับภาวะใจของเขานะ...อย่างน้อยเขาก็ทำอะไรที่ตรงกับใจของเขา...ไม่เสแสร้ง...และเมื่อภาวะใจเขาพัฒนาขึ้นไป...ความอาฆาต..ความริษยา...เขาลดลงเมื่อใด....ใจเขามีความเป็นกลางมากขึ้น...ก็จะเริ่มมองเห็นอะไรดี ดี...มากขึ้นไปเอง

ยังดีกว่าคนที่ชอบเสแสร้งแกล้งเป็นคนดี...มีเมตตาอารีย์...เป็นไหน ๆ...นะ

เราจะสามารถแยกแยะคนเหล่านี้ ได้อย่างไรบ้างค่ะ สาธุ :b8:

:b11:
ดูที่ความเป็นกลางครับ.....
:b45:
ใครที่เฉออกจากศูนย์กลางไปแขวะซ้าย กระทบขวา เหมือนคนเมาเดิน ก็แสดงว่าไม่ใช่.....
:b34: .
ใครที่มั่นอยู่บนหลักการแห่งความดี อย่างเสมอต้นเสมอปลายใน "องค์ของวาจาสุภาษิต" นั่นแหละครับ น่าเชื่อถือ
:b20:
องค์ของวาจาสุภาษิต (องค์ในที่นี้หมายถึงต้องมีครบทั้ง 5 ข้อจึงจะสมบูรณ์เป็นวาจาสุภาษิตขาดข้อใดข้อหนึ่งไม่ได้)
1. กาเลน ภาสิตา (คำที่พูดถูกกาลเทศะ)
2. สจฺจา ภาสิตา (คำที่เป็นความจริง)
3. สณฺหา ภาสิตา (คำที่สุภาพ)
4. อตฺถสญฺหิตา ภาสิตา (คำที่มีประโยชน์)
5. เมต์ตจิตฺเตน ภาสิตา (คำที่พูดด้วยเมตตา)

:b44:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2018, 17:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุครับ

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 52 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร