วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 13:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 73 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 19:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ช่ายย...ไม่รู้จะบอกคนอื่นได้งั้ย..เน๊าะ

ผมถึงปลง ๆ นี้งัยละ..อโสกะ :b9: :b9:

:b12: :b12:
ปลงเป็นด้วยหรือ?ครับคุณกบ......ปลงได้ก็ดีแล้วนะครับ จะได้พบความสงบและสุขเย็น .......อนุโมทนา
:b8: :b16: :b1: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 20:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ก็มันละได้ไม่จริง..นะซิ

สังโยชน์ 1 นะ...ฮุ..ฮุ..ฮุ...

ไม่เห็นเข้าใจยากเลย..อโสกะ
:b13: :b13: :b13:

:b12: :b32: :b20:
ก็เคยบอกแล้วไงคุณกบ...อ้อบๆ.....ว่า
:b42:
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ
:b13: :b13:


ก็เจอคนแบบนี้....ไม่ปลงก็ไม่รู้จะทำงัยเหมือนกัน

นอกจากไม่พิจารณา...แล้ว

ยังโยนกลองไปให้..ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ ..อีก

อ่อนน้อมไม่เป็น..แล้วมันจะโอปนยิโก..ได้อย่างไร

โอปนยิโกไม่ได้....ไม่เป็น....การจะบรรลุธรรมขั้นใดขั้นหนึ่ง...จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 21:14 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


กระทู้ กำจัด อวิชชา กิเลส อาสวะ อนุสัย เหตุไฉน กลายเป็นเพิ่มมัน ให้เพื่อนไปละเนีย

อนุสัย ลดจนดับได้โดย ตัดกระแส ปฏิจจสมุปบาท ทำบ่อยๆ อนุสัยจะลดไปเรื่อยๆ จนอนุสัยดับ อาสวะ ก็ดับด้วย อวิชชา ก็ดับด้วย ใช้ สมาธิ นำ หรือ เจโตวิมุติ .... เจโต นี้ ช่ายป่าวไม่แน่ใจ

อาสวะ อวิชชา ลดจนดับได้โดย เห็นส่วนทุกข์(ตั้งแต่อุปทานไป) เห็นส่วนสมุทัย (ตั้งแต่ผัสสะถึงตัณหา) เห็นกระบวนการขันธ์5 สร้างรับรู้ สร้างนึกคิด สร้างรู้สึก ที่ทุกการเห็น เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จน เบื่อหนาย คลายกำหนัด ในขันธ์5 ใช้ปัญญานำ ใช้สมาธิเล็กน้อย หรือ ปัญญาวิมุต อันนี้ก็ไม่แน่ใจ

ทุกอย่างเริ่มที่ สติ

ทำทั้ง2 อย่างร่วมกัน โดยไม่ยึดมั่นถือมั่น ดีนักแล

ได้บ้างมั้ยนิ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 21:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อื่มม..ก็คงใช่แหละนะ...

เป็นแผนผังคร้าว ๆ..

หากเป็นรายละเอียด...นั้นมันจะเป็นของใครของมัน

ทีนี้...เมื่อเป็นของใครก็ของมัน...แล้วเรา ๆ จะไปปรึกษาใครได้

ก็ต้องคนที่เคยเดินผ่านมาแล้ว...กลเม็ดที่ใช้แต่ละจุด..ของแต่ละจริต...มีลักษณะเฉพาะ...จะใช้เปรอะไปหมดไม่ได้..แก้ไม่ได้...

แต่หากบอกกันใว้ล่วงหน้า...ว่าถึงจุดนั้นต้องทำอย่างนั้นนะ...

ก็เสร็จกิเลส...กิเลสอยากได้..อยากดี

มันก็สร้างภาพว่า...ตัวถึงจุดนั้น..จุดนี้แล้ว...ทีนี้มันก็จะเอาสัญญาจากอาจารย์มาแก้...

เมื่อยังไม่จุดนั้นจริง..แล้วเอากลเม็ดตรงจุดนั้นมาแก้ปัญหา...มันก็แก้ไม่ได้...

ครูบาอาจารย์...จึงสั่งให้..ทำไป..ทำไป...ถ้าครูอาจารย์ที่รู้...เมื่อเจอปัญหาแต่ละจุดก็แก้ให้ลูกศิกษได้...

นี้แหละ...สาวกะ...รู้ตามได้ก็ด้วยวิธีนี้...เพราะบำเพ็ญมาแค่ 1 อสงไขยกับเศษแสนกัลป์เท่านั้นเอง..

แต่ถ้าว่า..ไม่อยากเป็นผู้รู้ตาม....ก็บำเพ็ญเพียรเป็นพระปัจเจกเอาก็ได้..ซึ่งก็ต้องใช้เวลานานเข้าไปอีก

เอ้าว..แฉลบไปอีกแล้ว...รึเปล่า. :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 06:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
asoka เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ก็มันละได้ไม่จริง..นะซิ

สังโยชน์ 1 นะ...ฮุ..ฮุ..ฮุ...

ไม่เห็นเข้าใจยากเลย..อโสกะ
:b13: :b13: :b13:

:b12: :b32: :b20:
ก็เคยบอกแล้วไงคุณกบ...อ้อบๆ.....ว่า
:b42:
ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ
:b13: :b13:


ก็เจอคนแบบนี้....ไม่ปลงก็ไม่รู้จะทำงัยเหมือนกัน

นอกจากไม่พิจารณา...แล้ว

ยังโยนกลองไปให้..ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ ..อีก

อ่อนน้อมไม่เป็น..แล้วมันจะโอปนยิโก..ได้อย่างไร

โอปนยิโกไม่ได้....ไม่เป็น....การจะบรรลุธรรมขั้นใดขั้นหนึ่ง...จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย...

:b16:
ยกมาให้กบเปิดกะลาอ่านดูนะครับ
:b27:
สวากขาโต ภควตาธัมมโม......พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้วนั้น ...(คืออะไร?)

สันทิฐิโก......คือสิ่งที่ "ผู้มีความเห็นถูกต้องจักรู้ได้ด้วยตนเอง"(เห็นถูกต้องคือเห็นอนัตตา)

อะกาลิโก.....เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้และให้ผลได้ไม่จำกัดกาลเวลา(สถานที่ บุคคล เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ วรรณะ ศาสนา ภาษา ระดับการศึกษา เพศ วัย และการแต่งกาย) (ผู้เข้าถึงแล้วย่อมอยู่เหนือกาลเวลาด้วย)(สิ่งที่เข้าถึง ก็อยู่เหนือกาลเวลาด้วย)

เอหิปัสสิโก......เป็นสิ่งที่เรียกร้องให้เราเข้าไปดูอยู่เสมอ (ลองนั่งนิ่งๆ หลับตาอยู่เฉยๆ เราจะได้เห็นการเอหิปัสสิโกของธรรมชาติทั้งหลายในกายและจิต)

โอปนยิโก......(ความเห็นธรรม)นั้น เป็นสิ่งที่ควรพอกพูนให้มากขึ้นๆ เมื่อมากขึ้นได้ที่แล้ว จะส่งให้ถึงมรรค ถึงผล ถึงนิพพาน

ปัจจัตตังเวทิตัพโพ วิญญูหีติ.....เป็นสิ่งที่ผู้รู้ก็รู้ได้เฉพาะตน ดังนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2012, 07:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


กระต่ายขาเดียว


วันหนึ่งเมื่อมีคนฝากกระต่ายป่าเพื่อให้ลูกศิษย์นำไปมอบให้กับผู้เป็นอาจารย์ เจ้าลูกศิษย์แสนดีก็จัดแจงจัดเตรียมทำเป็นอาหารมื้อเย็นให้กับผู้เป็นอาจารย์

กระต่ายตัวใหญ่ถูกย่างส่งกลิ่นหอมฉุยอยู่บนเตาไฟนั้นช่างยั่วใจยิ่งนัก เจ้าลูกศิษย์จึงคิดที่จะลองชิมดูสักหน่อย

แต่ด้วยรสชาดอันแสนอร่อยเจ้าลูกศิษย์ก็ชิมเพลินจนกระต่ายหมดไปสามขา กระต่ายตัวนั้นจึงเหลือขาอยู่เพียงข้างเดียว

เย็นนั้นเมื่อผู้เป็นอาจารย์กลับมา อาจารย์นั้นรู้ว่ามีคนฝากกระต่ายมาให้ก็ถามหา ลูกศิษย์บอกว่าตนได้ย่างไว้เรียบร้อยแล้วพร้อมกับยกสำรับกับข้าวมา แต่กระต่ายย่างเหลือขาเพียงข้างเดียว

เมื่ออาจารย์ถามเจ้าลูกศิษย์ก็ตอบว่ากระต่ายตัวนี้มีขาเพียงข้างเดียว อาจารย์ไม่เชื่อเพราะรู้ว่าลูกศิษย์ต้องแอบกินแน่

แต่ไม่ว่าอย่างไรลูกศิษย์ก็ยืนยันว่ากระต่ายมีเพียงขาเดียว ไม่ว่าอาจารย์จะคาดคั้นอย่างไร หรือจะใช้หวายหวดหลังก็แล้ว เจ้าลูกศิษย์ก็ยังยืนยันว่ากระต่ายมีเพียงขาเดียว

ด้วยความเป็นผู้ร้ายปากแข็งของเจ้าลูกศิษย์จึงเกิดสำนวน "ยืนกระต่ายขาเดียว" อย่างที่เราได้ยินกัน

สำนวนนี้หมายถึงคนปากแข็งที่ไม่ยอมรับความผิด แม้ว่าจะมีใครรู้ทันหรือหาข้อแก้ตัวไม่ได้ แต่ก็ยังจะยืนยันในคำตอบเดียว



ความผิดพลาด ล้วนเป็นครู เฉกเช่นเดียวกับเรื่อง กระต่ายขาเดียว

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2012, 07:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านรู้จัก อวิชชา อาสวะ อนุสัย มั้ย ว่ามันต่างกันอย่างไร
ทำไมพระพุทธองค์จึงว่า อาสวะก่อเกิด อวิชชา อวิชชาก่อเกิด อาสวะ
แล้วทำไม จึงเรียกกันว่า กิเลสตัณหา

อธิบายแบบธรรมดา ง่ายๆ
ท่านรู้จัก สันดาน หรือความเคยชิน มั้ย นั้นแหละ อนุสัย
อะไรทำให้เกิดความเคยชิน และอะไรที่ทำให้ความเคยชิน มากขึ้น และอะไรที่ไหลออกมาจากความเคยชิน นั้น แหละ อาสวะ
แล้วท่านเห็นมั้ยว่า อาสวะทำให้เกิดอะไรขึ้น ก็ตามืดบอดนะสิ เลยไม่รู้ความจริง ที่มันเป็นนะซิ นั้นแหละที่เขาเรียก อวิชชา
แล้วท่านเห็นมั้ย ว่า ความมืดบอด ไม่รู้ความจริงนั้น ทำให้ อาสวะ มันไหลเข้ามาได้ นะซิ คราบ
เห็นยังว่า ทำไมพระพุทธองค์จึงว่า อาสวะก่อเกิด อวิชชา อวิชชาก่อเกิด อาสวะ

:b8: :b8: :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย ฝึกจิต เมื่อ 03 ก.ค. 2012, 22:17, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2012, 21:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
กระต่ายขาเดียว


วันหนึ่งเมื่อมีคนฝากกระต่ายป่าเพื่อให้ลูกศิษย์นำไปมอบให้กับผู้เป็นอาจารย์ เจ้าลูกศิษย์แสนดีก็จัดแจงจัดเตรียมทำเป็นอาหารมื้อเย็นให้กับผู้เป็นอาจารย์

กระต่ายตัวใหญ่ถูกย่างส่งกลิ่นหอมฉุยอยู่บนเตาไฟนั้นช่างยั่วใจยิ่งนัก เจ้าลูกศิษย์จึงคิดที่จะลองชิมดูสักหน่อย

แต่ด้วยรสชาดอันแสนอร่อยเจ้าลูกศิษย์ก็ชิมเพลินจนกระต่ายหมดไปสามขา กระต่ายตัวนั้นจึงเหลือขาอยู่เพียงข้างเดียว

เย็นนั้นเมื่อผู้เป็นอาจารย์กลับมา อาจารย์นั้นรู้ว่ามีคนฝากกระต่ายมาให้ก็ถามหา ลูกศิษย์บอกว่าตนได้ย่างไว้เรียบร้อยแล้วพร้อมกับยกสำรับกับข้าวมา แต่กระต่ายย่างเหลือขาเพียงข้างเดียว

เมื่ออาจารย์ถามเจ้าลูกศิษย์ก็ตอบว่ากระต่ายตัวนี้มีขาเพียงข้างเดียว อาจารย์ไม่เชื่อเพราะรู้ว่าลูกศิษย์ต้องแอบกินแน่

แต่ไม่ว่าอย่างไรลูกศิษย์ก็ยืนยันว่ากระต่ายมีเพียงขาเดียว ไม่ว่าอาจารย์จะคาดคั้นอย่างไร หรือจะใช้หวายหวดหลังก็แล้ว เจ้าลูกศิษย์ก็ยังยืนยันว่ากระต่ายมีเพียงขาเดียว

ด้วยความเป็นผู้ร้ายปากแข็งของเจ้าลูกศิษย์จึงเกิดสำนวน "ยืนกระต่ายขาเดียว" อย่างที่เราได้ยินกัน

สำนวนนี้หมายถึงคนปากแข็งที่ไม่ยอมรับความผิด แม้ว่าจะมีใครรู้ทันหรือหาข้อแก้ตัวไม่ได้ แต่ก็ยังจะยืนยันในคำตอบเดียว



ความผิดพลาด ล้วนเป็นครู เฉกเช่นเดียวกับเรื่อง กระต่ายขาเดียว

:b27:
เก่งจังครับคุณวลัยพร.....
:b41:
ยืนกะต่ายขาเดียว...กับ....ยืนยันสัจธรรม......เป็นคนละอันกันนะครับอย่าเข้าใจไขว้เขว
:b39:
สัจธรรม....ปรมัตถธรรม.....ธรรมธาตุ.....เป็น หนึ่งเดียวของเขาอย่างนั้น ไม่อาจบอกบรรยายได้ด้วภาษามนุษย์ ต้องรู้ที่ใจอย่างเดียว จึงต้องกล่าวว่า "ปัจจัตตัง...."
:b43:
ถ้าคุณวลัยพรหรือคุณกบยังเห็นว่าบอกกล่าวกันได้ ลองช่วยอธิบายสภาวะของผู้ที่จะบรรลุโสดาปัตติมรรคให้ฟังหน่อยซิครับ"หรือง่ายกว่านั้นลองช่วยเขียนอธิบาย "รสขม" ว่าเป็นอย่างไร?ให้ฟังหน่อยครับ ฤา "รสขม"อาจง่ายไปเพราะคนไทยเกือบทุกคนล้วนเคยสัมผัสรสขมมาแล้ว งั้นจะลองอธิบายลักษณะของ"พระพุทธบาทฮางฮุ้ง" ในเมืองไทยใหญ่ให้ฟังหน่อยนะครับ
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2012, 22:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


ฝึกจิต เขียน:
ท่านรู้จัก อวิชชา อาสวะ อนุสัย มั้ย ว่ามันต่างกันอย่างไร
ทำไมพระพุทธองค์จึงว่า อาสวะก่อเกิด อวิชชา อวิชชาก่อเกิด อาสวะ
แล้วทำไม จึงเรียกกันว่า กิเลสตัณหา

อธิบายแบบธรรมดา ง่ายๆ
ท่านรู้จัก สันดาน หรือความเคยชิน มั้ย นั้นแหละ อนุสัย
อะไรทำให้เกิดความเคยชิน และอะไรที่ทำให้ความเคยชิน มากขึ้น และอะไรที่ไหลออกมาจากความเคยชิน นั้น แหละ อาสวะ
แล้วท่านเห็นมั้ยว่า อาสวะทำให้เกิดอะไรขึ้น ก็ตามืดบอดนะสิ เลยไม่รู้ความจริง ที่มันเป็นนะซิ นั้นแหละที่เขาเรียก อวิชชา
แล้วท่านเห็นมั้ย ว่า ความมืดบอด ไม่รู้ความจริงนั้น ทำให้ อาสวะ มันไหลเข้ามาได้ นะซิ คราบ
เห็นยังว่า ทำไมพระพุทธองค์จึงว่า อาสวะก่อเกิด อวิชชา อวิชชาก่อเกิด อาสวะ

:b8: :b8: :b8:



เลิกเอา อาสวะ ไปใส่ลงจิตลงใจ จนเป็น อนุสัย กัน ไม่ได้เลยหรือ ไงหนอ เพื่อน กัลยาณมิตร ทั้งหลาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2012, 22:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่อ .. มีคนเดือดร้อนกับนิทานเรื่อง กระต่ายขาเดียว


เมื่อไม่ยึด ก็สักแต่ว่า

เมื่อมีการยึด ความฟุ้งซ่าน จะปรากฏ


จะนิทานหรือธรรมะ ล้วนเป็นสภาวะเดียวกัน แตกต่างเพียงการเขียน และความรู้สึกนึกคิดที่เกิดขึ้น(ผัสสะ)

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2012, 23:41 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


แล้ว..ถ้าจะมีคนที่มีความสุขกับนิทาน..เรื่องนี้

ละ... s002


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ค. 2012, 00:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b27:
เก่งจังครับคุณวลัยพร.....
:b41:
ยืนกะต่ายขาเดียว...กับ....ยืนยันสัจธรรม......เป็นคนละอันกันนะครับอย่าเข้าใจไขว้เขว
:b39:
สัจธรรม....ปรมัตถธรรม.....ธรรมธาตุ.....เป็น หนึ่งเดียวของเขาอย่างนั้น ไม่อาจบอกบรรยายได้ด้วภาษามนุษย์ ต้องรู้ที่ใจอย่างเดียว จึงต้องกล่าวว่า "ปัจจัตตัง...."
:b43:
ถ้าคุณวลัยพรหรือคุณกบยังเห็นว่าบอกกล่าวกันได้ ลองช่วยอธิบายสภาวะของผู้ที่จะบรรลุโสดาปัตติมรรคให้ฟังหน่อยซิครับ"หรือง่ายกว่านั้นลองช่วยเขียนอธิบาย "รสขม" ว่าเป็นอย่างไร?ให้ฟังหน่อยครับ ฤา "รสขม"อาจง่ายไปเพราะคนไทยเกือบทุกคนล้วนเคยสัมผัสรสขมมาแล้ว งั้นจะลองอธิบายลักษณะของ"พระพุทธบาทฮางฮุ้ง" ในเมืองไทยใหญ่ให้ฟังหน่อยนะครับ
:b4: :b4:


อโสกะ...เข้าใจอะไร..ผิดไปแล้วละ...

นี้มันนิทาน..ใว้สอนใจคนว่า...อย่าทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า...ปกปิดความผิดอันที่ 1...ด้วยการทำผิดอันที่ 2...และ...ทำผิดอันที่ 3 เพื่อปกปิดความที่ 2..กะที่ 1..และ..จะทำผิดอย่างนี้เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ...หากไม่รู้จักยอมรับผิด...

แต่อโสกะกลับดึงมาที่..ธรรมเป็นปัจจัตตัง...เลยต้องยืนกระต่ายขาเดียว...นี้นะ?

คนประเภทไหนกัน...ที่กังวลว่าใครจะเข้าใจเราผิด...จึงต้องยืนยันเป็นกระต่ายขาเดียว

คนประเภทไหนกัน...ที่อยากให้เขาเข้าใจเราถูก...จึงต้องยืนยันเป็นกระต่ายขาเดียว

คนประเภทนี้....เป็นคนพร่องใน..อุเบกขาธรรม

แม้แต่อุเบกขาธรรมยังบกพร่อง....มรรคผลอะไรจะเกิดขึ้นได้กับคนประเภทนี้..ละ

คนประเภทนี้...ก็ปุถุชนเราดี ..ดี..นี้เอง...

ธรรมะเป็นปัจจัตตัง..ยังไม่เกิดกับคนประเภทนี้..หรอก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ค. 2012, 06:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


กบเต้น......
อโสกะ...เข้าใจอะไร..ผิดไปแล้วละ...

นี้มันนิทาน..ใว้สอนใจคนว่า...อย่าทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า...ปกปิดความผิดอันที่ 1...ด้วยการทำผิดอันที่ 2...และ...ทำผิดอันที่ 3 เพื่อปกปิดความที่ 2..กะที่ 1..และ..จะทำผิดอย่างนี้เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ...หากไม่รู้จักยอมรับผิด...

แต่อโสกะกลับดึงมาที่..ธรรมเป็นปัจจัตตัง...เลยต้องยืนกระต่ายขาเดียว...นี้นะ?

คนประเภทไหนกัน...ที่กังวลว่าใครจะเข้าใจเราผิด...จึงต้องยืนยันเป็นกระต่ายขาเดียว

คนประเภทไหนกัน...ที่อยากให้เขาเข้าใจเราถูก...จึงต้องยืนยันเป็นกระต่ายขาเดียว

คนประเภทนี้....เป็นคนพร่องใน..อุเบกขาธรรม

แม้แต่อุเบกขาธรรมยังบกพร่อง....มรรคผลอะไรจะเกิดขึ้นได้กับคนประเภทนี้..ละ

คนประเภทนี้...ก็ปุถุชนเราดี ..ดี..นี้เอง...

ธรรมะเป็นปัจจัตตัง..ยังไม่เกิดกับคนประเภทนี้..หรอก
:b12:
กบ ก็ดึงกลับไปหาความเห็นเดิมของตนอยู่ดี ........ไหนว่าจะอุเบกขาไม่ใช่หรือ....อดรนทนไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?..."ว่าให้เขา อิเหนาเป็นเอง".....
cool
ผมแสดงข้อคิดเห็นเรื่องกระต่ายขาเดียวให้น้องวลัยพรพิจารณา เพราะน้องวลัยพรยกเรื่องมาแทรกระหว่างกลาง จึงจะว่าไม่เกี่ยวก็ต้องกี่ยว....นิทานเรื่องกระต่ายขาเดียวก็มองได้หลายมุม แสดงได้หลายแนวความเห็น ....คนที่ใจเป็นอุเบกขา น่าจะฟังดูอยู่เฉยๆ จะเสบยกว่า...แม่นบ่หละ...ก้บเฒ่า...คือสิเว้าเห็ดหยัง....อยากดังแม่นบ้อหละ.......มาญกต๋นข่มท่าน....บ้อแม่นก๋านกัลยาณซนเด้.........
เว้าเหอาม่วนเด้อ...ย้าได้ถือสา....อุ๊เบกขาไว้โลด......จักได้พะโยชน์แต่ม่องเดี๋ยว เด้....
smiley
:b10:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ค. 2012, 08:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


บอกแล้วว่า แล้วแต่จะคาดเดา ทุกๆคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน :b12:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แก้ไขล่าสุดโดย walaiporn เมื่อ 04 ก.ค. 2012, 09:36, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ค. 2012, 09:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
:b12:
กบ ก็ดึงกลับไปหาความเห็นเดิมของตนอยู่ดี ........ไหนว่าจะอุเบกขาไม่ใช่หรือ....อดรนทนไม่ได้ใช่ไหมล่ะ?..."ว่าให้เขา อิเหนาเป็นเอง".....
cool
ผมแสดงข้อคิดเห็นเรื่องกระต่ายขาเดียวให้น้องวลัยพรพิจารณา เพราะน้องวลัยพรยกเรื่องมาแทรกระหว่างกลาง จึงจะว่าไม่เกี่ยวก็ต้องกี่ยว....นิทานเรื่องกระต่ายขาเดียวก็มองได้หลายมุม แสดงได้หลายแนวความเห็น ....คนที่ใจเป็นอุเบกขา น่าจะฟังดูอยู่เฉยๆ จะเสบยกว่า...แม่นบ่หละ...ก้บเฒ่า...คือสิเว้าเห็ดหยัง....อยากดังแม่นบ้อหละ.......มาญกต๋นข่มท่าน....บ้อแม่นก๋านกัลยาณซนเด้.........
เว้าเหอาม่วนเด้อ...ย้าได้ถือสา....อุ๊เบกขาไว้โลด......จักได้พะโยชน์แต่ม่องเดี๋ยว เด้....
smiley
:b10:

:b32: :b32: เอิ๊ก....เอิ๊ก....เอิ๊ก...

เพราะรัก..ถึงบอก..เป็นธรรมทาน...นะอโสกะ...

ไม่มีตรงไหน...เป็นคำแก้ตัวให้ตัวเองเลยนิ....อิ..อิ..อิ

อย่างที่ว่านั้นแหละ....ผมทำไมไม่อุเบกขา...ก็เป็นธรรมดาของคนไม่บรรลุธรรม..งั้ยละ

ง่าย..ง่าย..แค่นี้เอง....

แต่กับคนที่เข้าใจตนเป็นอริยะเจ้า..ก็ให้ดูตัวเอง..มาก..มาก..ใว้นะ

ดูแล้ว...คอจะตก..แต่อย่าหมดกำลังใจ..นะจ๊ะ..

เพียรต่อไป...สู้...สู้....
:b32:
เอิ๊ก...เอิ๊ก...เอิ๊ก...


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 73 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 70 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร