วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 10:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 74 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 00:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ในเมื่อเราต่างปฏิญานตนว่าเป็นผู้ถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีศรัทธาเต็มเปี่ยม แต่ทำใมเราถึงบรรลุธรรมช้า เร็วต่างกันหนอ :b10:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 01:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


เมล็ดส้ม จากส้มลูกเดียวกัน ยังงอกบ้างไม่งอกบ้าง งอกช้าบ้างเร็วบ้างไม่เท่ากันเลยครับคุณขณะจิต

เมล็ดที่สมบูรณ์ดีก็มี ที่ข้างในฝ่อลีบก็มี
เมล็ดที่โดนหนอนแมลงเจาะก็มี ที่ไม่โดนก็มี
เมล็ดที่ไปตกบนดินที่เหมาะกับการงอกก็มี ที่ไปตกในที่ๆไม่อาจงอกได้ก็มี
เมล็ดที่ยังไม่แก่ดีก็มี ที่แก่ดีก็มี
เมล็ดที่ยังรอน้ำ รอแสงเพื่อการงอกก็มี ที่ได้น้ำได้แสงแล้วก็มี

คนก็คงอย่างเดียวกันนั้นแหละ

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 08:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


อันนี้เป็น ปัจจัตตัง เอามาเล่าเป็นวิทยาทานให้ฟัง ส่วนจะเชื่อไม่เชื่อก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่เป็นปัญหาเจ้าค่ะ :b16:

1.คนที่กระทำดีทั้งกายและใจไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ ก่อให้เกิดวิบากกรรมดี(ตั้งใจทำไรก็จะได้อานิสงค์ผลของการทำดีหนุนนำเพื่อให้บรรลุผล)
2.เป็นคนที่มีบารมีสะสม มานาน(คนที่ชอบให้ทานผู้อื่น)
3.คนที่มี เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา มาตั้งแต่เกิด (เพราะบารมีเก่าที่ทำมา)
4.คนที่มีศีล5บริสุทธิ์
5.คนที่มีหิริโอตัปปะอยู่ในใจ
6.คนที่มีสติปัญญาดี
7.คนที่เข้าใจธรรมชาติในโลกใบนี้(อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)
ส่วนสาเหตุที่บรรลุธรรมช้าเร็วต่างกันนั้นคือ กรรมเจ้าค่ะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 10:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


พืชทุกชนิด...มีผลมีเมล็ด..เป็นที่สุด

ถ้าพืชล้มลุก...ก็ว่ากันเป็นเดือน

หากเป็นไม้พุ่ม....ก็ว่ากันเป็นหลายๆเดือน..จนถึงปี

เป็นไม้ยืนต้น...ว่ากันเป็นหลายๆปี...จนถึงสิบๆปี

พืชต่างๆ นั้น...ต่างกันเริ่มตั้งแต่ส่วนที่เล็กที่สุด... DNA

คน..ต่างกันเริ่มตั้งแต่ส่วนที่เล็กที่สุด...คือ..จิต...ความปราถรณาของจิต

บางจิต..ปราถรณาเป็นพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าก็มี 3 แบบ...แบบปัญญาธิกะ....ใช้เวลา..4 อสงขัย..กับอีกแสนกัลป์

แบบศรัทธาธิกะ...ก็ใช้เวลา..8 อสงขัยกับ...แสนกัลป์

ขณะที่บางองค์..ตรัสรู้แล้ว....บางจิตยังอยู่ระหว่างทางดำเนินอยู่เลย

นี้เป็นต้น....

นี้ว่ากันที่ส่วนที่เล็กที่สุด...

จากส่วนที่เล่กที่สุด....จึงทำให้ส่วนที่หยาบขึ้นมาต่างกัน...คือการกระทำ


เมื่อทำต่างกัน....ก็ยิ่งทำให้ร่างกันมากเข้าไปอีก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 11:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 12:01
โพสต์: 376


 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะจิต เขียน:
ในเมื่อเราต่างปฏิญานตนว่าเป็นผู้ถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีศรัทธาเต็มเปี่ยม แต่ทำใมเราถึงบรรลุธรรมช้า เร็วต่างกันหนอ :b10:

คะ ท่านถามความคิดเห็นส่วนตัวใช่หรือเปล่าคะ
ดิฉันก็ขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ และขอออกตัวไว้ก่อนว่าท่านผู้บรรลุแจ้งธรรมหลายๆท่าน
โปรดอย่ามองว่าดิฉันสอนหนังสือแก่สังฆราชเลยนะคะ เพราะนี่คือความเห็นส่วนตัวของดิฉันค่ะ ไม่ได้เป็นวิชาการอะไร เป็นแค่ความเข้าใจส่วนตัวน่ะค่ะ ต้องขออภัยไว่ล่วงหน้านะคะ

ดิฉันคิดว่าน่าจะเป็น กิเลส นะคะ ที่เป็นตัวแปรสำคัญ ที่ทำให้เราต่างกัน

กิเลส ก่อให้เกิด อวิชชา
กิเลส ทำให้เรา ยึดติด
กิเลส ก่อให้เกิด นิมิต ภาพลวงตา
กิเลส บดบัง ปัญญา

มีกิเลสน้อย ก็เข้าใจได้มาก มีกิเลสมาก ก็เข้าใจได้น้อย

พระพพุทธเจ้าท่านทรงสอนเน้นให้มนุษย์มองสิ่งต่างๆด้วยปัญญา
และถ้าหากมีอะไรมาบดบังปัญญา มันจะทำให้ปัญญาทำงานไม่สะดวก
การเข้าใจธรรม เมื่อมีอะไรมาบดบังปัญญา มันก็เข้าใจลำบาก เพราะมองอะไรไม่ค่อยแตกฉาน

อย่างดิฉันไงคะ ดิฉันคงเป็นคนที่มีกิเลสหนาทีเดียว ดิฉันเป็นคนโง่ เข้าไม่ถึงพระไตรปิฎก หมายถึงไม่สามารถแปลสำนวนในพระไตรปิฎกให้แตกฉานได้ ก็ได้แต่อาศัยคำสอนของครูอาจารย์ อย่าเช่นท่านพุทธทาส สมเด็จโต ฯลฯ ก็เรียกได้ว่าตามมีตามเกิดน่ะค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 12:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ต.ค. 2010, 10:42
โพสต์: 249

แนวปฏิบัติ: ไม่เอา ไม่เป็น ไม่ยึด
สิ่งที่ชื่นชอบ: ทุกเล่มของท่านพุทธทาส
อายุ: 32
ที่อยู่: สงขลา

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นกิเลส คือธรรม นำพ้นผิด
โปรดหยุดคิด สรรพสิ่ง สร้างสุขสันต์
เรียกปัญญา มาใช้ ให้รู้ทัน
กิเลสนั้น แปลงกาย ได้ถึงธรรม


ผู้หนึ่งท่านประพันธ์ไว้ ให้พิจารณา

.....................................................
วงว่างยงอยู่ยั้ง อนันตกาล
ในถิ่นที่ทุกสถาน แหล่งหล้า
ยึดมั่นไป่พบพาน ประจักษ์
ยามปล่อยหยุดไขว่คว้า ถึงได้โดยพลัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 12:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ค. 2011, 14:20
โพสต์: 8123


 ข้อมูลส่วนตัว


ปปัญจธรรม แปลว่าธรรมที่เป็นครื่องเนิ่นช้า
มีธรรม ๓ ประการ คือ โลภะ ทิฏฐิ มานะ

โลภะ เป็นความอยากได้ติดข้องในกามคุณ ๕
ทิฏฐิ มีความเห็นผิดไปจากความเป็นจริง
มานะ สำคัญตนว่าดีกว่าผู้อื่น

.....................................................
พระธรรมคำสอน บัญญัติ ตรัส ไว้ดีแล้ว ไม่ต้องลด ไม่ต้องเพิ่ม ไม่ต้องแก้ไข ใดๆ ทั้งสิ้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 12:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะจิต เขียน:
ในเมื่อเราต่างปฏิญานตนว่าเป็นผู้ถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีศรัทธาเต็มเปี่ยม แต่ทำใมเราถึงบรรลุธรรมช้า เร็วต่างกันหนอ :b10:

อินทรีย์ 5 คือ
สัทธินทรีย์
วิริยินทรีย์
สตินทรีย์
สมาธินทรีย์
ปัญญิณทรีย์

พละ 5 คือ
สัทธาพละ
วิริยะพละ
สติพละ
สมาธิพละ
ปัญญาพละ

ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยแก่การบรรลุธรรม
ลำพังอาศัย แต่สัทธินทรีย์ และสัทธาพละ ย่อมไม่อาจบรรลุธรรมได้
จำเป็นต้องอาศํย อินทรีย์ อื่นๆ พละอื่นๆ เข้าช่วยอุดหนุนกัน แก่จิตนั้น เพื่อบรรลุธรรม

การบรรลุธรรมช้าหรือ เร็วจึงขึ้นอยู่กับ อินทรีย์ และพละของเวไนยสัตว์ นั้นว่าบริบูรณ์ปานใด
การกระทำการบ่มอินทรีย์จึงจำต้องอาศัย ศีลภาวนา จิตตภาวนา และปัญญาภาวนา

เจริญธรรม

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 13:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: เท่าที่ท่านทั้งหลายแสดงความเห็นมาผมพอเห็นเนื้อความดังนี้

การบรรลุธรรมช้าหรือ เร็วเพราะ

ภูมิกำเนิด(ดั่งเมล็ดพันธ์)

กรรมเก่า(ที่สั่งสมมาไม่ว่าแต่เมื่อใดก็ตาม)

กิเลส (ที่มีอยู่ในปัจจุบัน)

การเติมเต็มแห่งธรรม(ที่มียังไม่ถึงพร้อม)


:b10: แล้วเราจะทำเช่นไรเล่า เพื่อให้เข้าถึงการบรรลุธรรมให้ทันในเวลาอันใกล้ที่สุด :b19:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


แก้ไขล่าสุดโดย ขณะจิต เมื่อ 07 เม.ย. 2012, 19:12, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 17:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ธ.ค. 2010, 06:57
โพสต์: 50


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
แล้วเราจะทำเช่นไรเล่า เพื่อให้เข้าถึงการบรรลุธรรมให้หันในเวลาอันใกล้ที่สุด

วาสนาและโอกาสครับ :b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 19:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะจิต เขียน:

:b10: แล้วเราจะทำเช่นไรเล่า เพื่อให้เข้าถึงการบรรลุธรรมให้หันในเวลาอันใกล้ที่สุด :b19:


ตั้งใจ....ให้จริง

อย่าให้กิเลสมันหลอกเราว่า..การบรรลุธรรม..นี้ยากแสนยาก

อย่าให้ความรู้ความจำมันสั่งเราว่า...ให้สะสมบุญบารมีไปต่อชาติหน้า

ทำได้ง่าย ๆ ...แค่เริ่มจาก...เราไม่เอามัน...

มันที่เป็นร่างกาย...บอกสอนจิตให้เข้าใจเหตุและผลว่าทำไมเราไม่เอามัน...มันที่เป็นรังของโรค...มันที่เป็นกองปฏิกูลหาความสะอาดไม่ได้....และอื่น ๆ...ที่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราไม่เอามัน

เราจะเอาพระนิพพาน....มีชีวิตอยู่ก็ขอมีเพียงพระพุทธ..พระธรรม...พระอริยสงฆ์...เป็นสรณะ..ไม่มีที่ให้ติดใจสงสัย...ไม่หวังความสุขจากอะไรนอกจากนี้แล้ว

มีอารมณ์อย่างนี้..ตลอดทั้งวัน..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 19:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 14:17
โพสต์: 260

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ขณะจิต เขียน:

:b10: แล้วเราจะทำเช่นไรเล่า เพื่อให้เข้าถึงการบรรลุธรรมให้หันในเวลาอันใกล้ที่สุด :b19:


ตั้งใจ....ให้จริง

อย่าให้กิเลสมันหลอกเราว่า..การบรรลุธรรม..นี้ยากแสนยาก

อย่าให้ความรู้ความจำมันสั่งเราว่า...ให้สะสมบุญบารมีไปต่อชาติหน้า

ทำได้ง่าย ๆ ...แค่เริ่มจาก...เราไม่เอามัน...

มันที่เป็นร่างกาย...บอกสอนจิตให้เข้าใจเหตุและผลว่าทำไมเราไม่เอามัน...มันที่เป็นรังของโรค...มันที่เป็นกองปฏิกูลหาความสะอาดไม่ได้....และอื่น ๆ...ที่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราไม่เอามัน

เราจะเอาพระนิพพาน....มีชีวิตอยู่ก็ขอมีเพียงพระพุทธ..พระธรรม...พระอริยสงฆ์...เป็นสรณะ..ไม่มีที่ให้ติดใจสงสัย...ไม่หวังความสุขจากอะไรนอกจากนี้แล้ว

มีอารมณ์อย่างนี้..ตลอดทั้งวัน..


เหมือนจะฟังดูดี แต่ก็มิได้นำพานะเจ้าข่ะ

ฮาดีนะเจ้ามะฮะ :b13: :b32:

.....................................................
สิ่งใดในโลกล้วน อนิจจัง คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่ อยู่นา ตามแต่บุญบาปแล้ ก่อเกื้อ รักษา

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 19:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เอิ๊ก...เอิ๊ก....เอิ๊ก.... :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 20:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะจิต เขียน:
ในเมื่อเราต่างปฏิญานตนว่าเป็นผู้ถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีศรัทธาเต็มเปี่ยม แต่ทำใมเราถึงบรรลุธรรมช้า เร็วต่างกันหนอ :b10:


ถ้าจะว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว เหตุปัจจัยที่ทำให้บุคคลบรรลุธรรมช้า เร็วแตกต่างกัน ย่อมขึ้นอยู่กับ
๑.สมอง สติปัญญา รวมไปถึง ความมุ่งมั่น ตั้งใจที่จะเรียนรู้
๒.เวลา ซึ่งเกี่ยวข้องกับอาชีพ เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ
๓.หลักวิชชาการด้านศาสนา หรือ ตัวธรรมะ อันนี้สำคัญ เพราะถ้าเป็นหลักธรรมที่เอนเอียงไปในทางด้านใดด้านหนึ่ง ไม่ใช่หลักธรรมตัวแก่น ก็ยากที่จะทำให้ผู้ปฏิบัติ หรือผู้ฝึก ฝึกตนให้บรรลุธรรมได้
๔.ความเข้าใจในหลักธรรมทั้งหลายเหล่านั้น แม้จะมีหลักธรรมตัวแก่น แต่ถ้าไม่สามารถทำความเข้าใจ มัวแต่ติดหลง โดยไม่ได้คิดถึงหลักความจริง มองเพียงด้านเดียว ไม่ได้เหลียวมองสิ่งที่อยู่รอบตัว ไม่ได้รู้ว่า เราหรือประเทศเรา หรือศาสนาไม่ได่มี ประเทศเดียวไม่ได้มีศาสนาเดียว หากเรียนรู้ถึงหลักความจริงของสิ่งแวดล้อมตัวเราได้ คลายทิฏฐิความหลงแบบคนเขลาลงได้ บุคคลย่อมบรรลุธรรมได้เหมือนกัน แต่จะช้าจะเร็ว ก็ต้องขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย ตั้งแต่ข้อที่ ๑ เป็นต้นมา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2012, 20:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
การได้พบกัลยาณมิตรหรือบัณฑิตผู้รู้จริงถึงจริงแล้วได้รับความรู้ที่ถูกต้องแท้จริงจากท่านมาลงมือประพฤติปฏิบัติด้วยวิริยะ อุตสาหะอย่างเยี่ยมยอด ย่อมจะทำให้ได้ถึงธรรมบรรลุธรรมอย่างรวดเร็ว

พึงดูตัวอย่างท่านอุปติสสะ ตอนพบพระอัสชิ

ท่านพาหิยะ ที่รบเร้าขอเข้าเฝ้าพระมหากัลยาณมิตร พระมหาบัณฑิตในเวลาอันจวนแจ
:b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 74 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 97 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร