วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 02:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2012, 21:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะจิต เขียน:
ขอบคุณท่านหลับอยู่ที่แนะนำ ไม่เป็นไรครับขอเอาความดับเย็นเป็นที่ตั้ง อันความรู้สึกที่ปรากฏขึ้นแจ่มชัดกับดวงจิตดวงนี้ ความแจ้งในดวงจิตของกระผมที่ถึงขนาดเปลี่ยนแปลงความเคยชินที่เป็นอกุศลมาเป็นกุศลมากมาย

s002
คุณขณะจิต...ทำมาถูกทางแล้ว...อย่าเพิ่งเข้าใจผิด

แต่...ต้องทำต่อ

ที่คุณหลับอยู่บอกว่า...ยังไม่ใช่วิปัสสนา...

เข้าใจว่า...ผลของคุณขณะจิตเป็นสมถะอยู่

เคยได้ยิน...ปัญญาอบรมสมาธิ..มั้ย?...นั้นแหละ

ต้องทำต่อ...อย่าหยุดแค่นี้...หลายคนเข้าใจว่านี้เป็นปัญญาแล้ว...เราเห็นแล้ว

หากพอแค่นี้...ใจมันก็ไม่หาทางไปต่อ

ทำต่อ..ทำอย่างไร?

ก็ทำอย่างเดิมนั้นแหละ...

จนมันเห็น...เห็นแล้วมันจะ...อ้อ...(สมถะมันก็..อ้อ...แต่นี้อ้อจะชัดเลย)

ปล่อยก็รู้ว่าปล่อย...วางก็รู้ว่าวาง...มันจะไม่หวนมาเป็นพิษอีก...รู้เลย

แม้ยังไม่วาง...มันก็รู้

พิจารณาดูนะ.... :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2012, 22:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ขณะจิต เขียน:
ขอบคุณท่านหลับอยู่ที่แนะนำ ไม่เป็นไรครับขอเอาความดับเย็นเป็นที่ตั้ง อันความรู้สึกที่ปรากฏขึ้นแจ่มชัดกับดวงจิตดวงนี้ ความแจ้งในดวงจิตของกระผมที่ถึงขนาดเปลี่ยนแปลงความเคยชินที่เป็นอกุศลมาเป็นกุศลมากมาย

s002
คุณขณะจิต...ทำมาถูกทางแล้ว...อย่าเพิ่งเข้าใจผิด

แต่...ต้องทำต่อ

ที่คุณหลับอยู่บอกว่า...ยังไม่ใช่วิปัสสนา...

เข้าใจว่า...ผลของคุณขณะจิตเป็นสมถะอยู่

เคยได้ยิน...ปัญญาอบรมสมาธิ..มั้ย?...นั้นแหละ

ต้องทำต่อ...อย่าหยุดแค่นี้...หลายคนเข้าใจว่านี้เป็นปัญญาแล้ว...เราเห็นแล้ว

หากพอแค่นี้...ใจมันก็ไม่หาทางไปต่อ

ทำต่อ..ทำอย่างไร?

ก็ทำอย่างเดิมนั้นแหละ...

จนมันเห็น...เห็นแล้วมันจะ...อ้อ...(สมถะมันก็..อ้อ...แต่นี้อ้อจะชัดเลย)

ปล่อยก็รู้ว่าปล่อย...วางก็รู้ว่าวาง...มันจะไม่หวนมาเป็นพิษอีก...รู้เลย

แม้ยังไม่วาง...มันก็รู้

พิจารณาดูนะ.... :b8: :b8:


ขอบคุณครับ :b12: คุณกบฯ ที่แนะนำ

ผมไม่ได้สับสนหรอกครับ เพียงแต่ได้รู้ว่าการปฏิบัติมีหลายแนวทางต่างคนต่างมีภาวะแห่งตน ผมยังมั่นใจในความรู้ความเห็นของตนและแนวทางของครูบาอาจารย์ ตอนนี้รู้สึกว่ายังอยู่กลางทางอย่างคุณกบว่า แต่สภาวะต่างๆก็ค่อยๆลงตัว ความชัดแจ้งมากขึ้นตามกำลังศรัทธา สมาธิ สติ ความเพียร เพียงหวังนี้ ชีวิตนี้คงไม่สั้นเกินไปจนถึงวันนั้น :b4:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2012, 22:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ครับ...ทำต่อแล้วมันจะเห็น...เห็นละเอียดไปเรื่อย ๆ

:b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2012, 05:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ครั้งปฏิบัติใหม่ๆ เห็นสารพัดสีนิ เราดีใจเพราะไม่เคยเห็น เล่าให้อาจารย์ฟัง อ.ต้องดุ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2012, 10:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


หลับอยุ่ เขียน:
ลูกพระป่า เขียน:
ตามแนวปฏิบัติที่ผมถือเป็นแนวทาง พ่อแม่ครูอาจารย์ท่านไม่ให้เอาให้ข้ามมันไปเสีย...แต่ถ้าเป็นอุคหนิมิตกับปฏิภาคนิมิตนั้น ท่านให้ใช้เป็นเครื่องมือพิจารณาธรรม แต่ปฏิภาคนิมิตเกิดขึ้นเฉพาะกับผู้มีวาสนาเท่านั้นแหละ

ถ้าลูกพระป่านับถือหลวงปู่มั่น ควรหมายมั่นที่จะเอาดวงพุทโธ

สวัสดีครับพี่หลับอยุ่ :b8:
อย่างที่พี่กล่าวเลยครับเพราะพระอาจารย์ท่านก็สอนให้หาผู้รู้ให้เจอและอยู่กับผู้รู้คือพุทโธครับ ขอบคุณพี่หลับอยู่มากครับที่เมตตาแนะนำครับ
ขอบคุณครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2012, 10:44 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ขณะจิต เขียน:
ขอบคุณท่านหลับอยู่ที่แนะนำ ไม่เป็นไรครับขอเอาความดับเย็นเป็นที่ตั้ง อันความรู้สึกที่ปรากฏขึ้นแจ่มชัดกับดวงจิตดวงนี้ ความแจ้งในดวงจิตของกระผมที่ถึงขนาดเปลี่ยนแปลงความเคยชินที่เป็นอกุศลมาเป็นกุศลมากมาย

s002
คุณขณะจิต...ทำมาถูกทางแล้ว...อย่าเพิ่งเข้าใจผิด

แต่...ต้องทำต่อ

ที่คุณหลับอยู่บอกว่า...ยังไม่ใช่วิปัสสนา...

เข้าใจว่า...ผลของคุณขณะจิตเป็นสมถะอยู่

เคยได้ยิน...ปัญญาอบรมสมาธิ..มั้ย?...นั้นแหละ

ต้องทำต่อ...อย่าหยุดแค่นี้...หลายคนเข้าใจว่านี้เป็นปัญญาแล้ว...เราเห็นแล้ว

หากพอแค่นี้...ใจมันก็ไม่หาทางไปต่อ

ทำต่อ..ทำอย่างไร?

ก็ทำอย่างเดิมนั้นแหละ...

จนมันเห็น...เห็นแล้วมันจะ...อ้อ...(สมถะมันก็..อ้อ...แต่นี้อ้อจะชัดเลย)

ปล่อยก็รู้ว่าปล่อย...วางก็รู้ว่าวาง...มันจะไม่หวนมาเป็นพิษอีก...รู้เลย

แม้ยังไม่วาง...มันก็รู้

พิจารณาดูนะ.... :b8: :b8:

ขออนุโมทนาครับพี่กบนอกกะลา :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2012, 13:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 13:38
โพสต์: 376

ชื่อเล่น: ต้น
อายุ: 0
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


นั่งสมาธิแล้วเห็นแสงสีม่วงครับ..?

เมื่อพระโยคาพจรประกอบเนือง ๆ ดังนี้บ่มิช้าอุคคหนิมิตแลปฏิภาคนิมิต ก็ปรากฏแก่พระโยคาพจรนั้นแลอุคคหนิมิตปฏิภาคนิมิตจะเหมือนกันทุกพระโยคาพจรหาบ่มิได้ บางอาจารย์กล่าวว่าพระโยาคาพจรบางพระองค์อุคคหนิมิตเมื่อบังเกิดขึ้นนั้น มีสัมผัสอันเป็นสุขปรากฏดุจหนึ่งว่าเป็นปุยนุ่นบ้างปุยสำลีบ้าง แลนิมิตทั้ง ๓ นี้เล็งเอาอุคคหนิมิตสิ่งเดียว แลคำพิพากษาในอรรถกถานั้นว่าอุคคหนิมิตแลปฏิภาคนิมิตนี้ปรากฏแก่พระโยคาพจรบางพระองค์เป็นช่วงดังรัศมีดาว แลพวงแก้วมณี พวงแก้วมณีมุกดาแลพระโยคาพจรบางพระองค์ อุคคหนิมิตปฏิภาคนิมิตมีสัมผัสอันหยาบปรากฏดังเมล็ดในฝ้ายบ้าง ดังเสี้ยนสะเก็ดไม้แก่นบ้าง บางพระองค์ปรากฏดังด้ายสายสังวาลอันยาวแลเปลวควันเพลิงบ้าง บางพระองค์ปรากฏดุจหนึ่งใยแมลงมุมอันขึงอยู่แลแผ่นเมฆแลดอกบัวหลวงแลจักรรถ บางทีปรากฏดังดวงพระจันทร์พระอาทิตย์ก็มี แลกรรมอันเดียวนั้นก็บังเกิดต่าง ๆ กันด้วยสัญญาแห่งพระโยคาพจรมีต่าง ๆ กัน

อนึ่งธรรม ๓ ประการ คือลมออก ๑ ลมเข้า ๑ นิมิต ๑ จะได้เป็นอารมณ์แห่งจิตอันเดียวกันหามิได้ ลมออกก็เป็นอารมณ์แห่งจิตอัน ๑ ลมเข้าก็เป็นอารมณืแห่งจิตอัน ๑ ต่างกันดังนี้ ก็แลพระโยคาพจรพระองค์ใดบ่มิได้รู้ซึ่งธรรมทั้ง ๓ คือลมออกมิได้ปรากฏแจ้ง ลมเข้าก็มิได้ปรากฏแจ้ง นิมิตก็มิได้ปรากฏแจ้ง มิได้รู้ซึ่งธรรมทั้ง ๓ ประการนี้แล้ว พระกรรมฐานแห่งพระโยคาพจรพระองค์นั้นก็มิได้สำเร็จซึ่งอุปจารแลอัปปนา ต่อเมื่อใดธรรมทั้ง ๓ นี้ ปรากฏแจ้งพระกรรมฐานแห่งพระโยคาพจรนั้นจึงจะสำเร็จถึงซึ่งอุปจารฌานแลอัปปนาฌานในกาลนั้น

เมื่อนิมิตบังเกิดดังนี้แล้ว ให้พระโยคาพจรไปยังสำนักอาจารย์พึงถามดูว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า อาการดังนี้ปรากฏแก่ข้าพเจ้าพระมหาเถรสันทัดในคัมภีร์ทีฆนิกายนั้น ถ้าศิษย์มาถามดังนั้น อาจารย์อย่าพึงบอกว่านั่นแลคืออุคคหนิมิตแลปฏิภาคนิมิต และจะว่าใช่นิมิตก็อย่าพึงว่า พึงบอกว่าดูกรอาวุโส ดังนั้นแลท่านจงมนสิการไปให้เนือง ๆ เถิด ครั้นอาจารย์บอกว่าเป็นอุคคปฏิภาคแล้ว สตินั้นก็จะคลายความเพียรเสียมิได้จำเริญพระกรรมฐานสืบไป ถ้าบอกว่าดังนั้นมิใช่นิมิต จิตพระโยคาพจรก็จะถึงซึ่งนิราศสิ้นรักใคร่ยินดีในพระกรรมฐาน เหตุดังนั้นอย่าได้บอกทั้ง ๒ ประการ พึงเตือนแต่อุตสาหะมนสิการไปอย่าได้ละวาง

ฝ่ายพระมหาเถระผู้กล่าวคัมภีร์มัชฌิมนิกายว่า ให้อาจารย์พึงบอกดูกรอาวุโส สิ่งนี้คืออุคคหนิมิตสิ่งนี้คือปฏิภาคนิมิตบังเกิดแล้ว ท่านผู้เป็นสัตบุรุษจงอุตสาหะมนสิการพระกรรมฐานไปจงเนือง ๆ เถิด และพระโยคาพจรเป็นศิษย์พึงตั้งซึ่งภาวนาจิตไว้ในปฏิภาคนิมิตนั้น จำเดิมแต่ปฏิภาคนิมิตบังเกิดแล้วอันว่านิวรณธรรมทั้ง ๕ มีกามฉันทะเป็นต้นก็สงบลง บรรดากิเลสธรรมทั้งหลายมีโลภะ โทสะ เป็นต้นก็รำงับไป จิตแห่งพระโยคาพจรก็จะตั้งมั่นลงด้วยอุปจารสมาธิ แลพระโยคาพจรนั้น อย่าพึงมนสิการซึ่งนิมิต โดยวรรณมีสีดังปุยนุ่นเป็นต้น อย่าพึงพิจารณาโดยสีอันหยาบ แลลักษณะมีความไม่เที่ยงเป็นต้น พึงเว้นเสียซึ่งสิ่งอันมิได้เป็นที่สบาย ๗ ประการ มีอาวาสมิได้เป็นสบายเป็นต้น พึงเสพซึ่งสบาย ๗ ประการ มีอาวาสสบายเป็นต้น แล้วพึงรักษานิมิตนั้นไว้ ให้สถาพรเป็นอันดี ประดุจนางขัตติยราชมเหสีอันรักษาไว้ซึ่งครรภ์ อันประสูติออกมาได้เป็นบรมจักรพรรดิราชนั้น.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2012, 22:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ก.พ. 2011, 10:52
โพสต์: 256

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทโธ พุทโธค่ะ สาธุ

:b44: :b8: :b8: :b8: :b41: :b39:

.....................................................
ทำดี ดีแล้ว เป็นพร
ทำดี ดีแล้ว เป็นพร ไม่ต้อง อ้อนวอน ขอพร กะใคร ให้กวน
พรที่ ให้กัน ผันผวน เป็นเหมือน ลมหวน อวลไป อวลมา อย่าหลง
พรทำ ดีเอง มั่นคง วันคืน ยืนยง ซื่อตรง ต่อผู้ รู้ทำ
อยากรวย ด้วยพร เพียรบำ - เพ็ญบุญ กุศลนำ ให้ถูก ให้พอ ต่อตน
ทุกคน เกิดมา เป็นคน ชั่วดี มีจน เป็นผล แห่งกรรม ทำเอง
ถือธรรม เชื่อกรรม ยำเยง บาปชั่ว กลัวเกรง ทำแต่ กรรมดี ทวีพรฯ

ท่านพุทธทาสภิกขุ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 38 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 45 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร