วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 12:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2021, 07:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"... ถ้าเราโทรศัพท์ ถ้าเวลาโยมผู้หญิงโทรมามันต้องรับโทรศัพท์ที่เสียงมันออกลำโพง ไม่ใช่เอามาใส่หูได้ยินคนเดียว ถ้าใส่หูได้ยินคนเดียว เขาเรียกว่าพูดกับผู้หญิงสองต่อสอง มันต้องอาบัติตั้งแต่ปาจิตตีย์ไปจนถึงสังฆาทิเสส

โทรศัพท์มือถือมันมีทั้งคุณและโทษ ผู้มาบวชชื่อว่าเป็นผู้มีปัญญา เราอยากรู้เรื่องรู้ราวไม่จำเป็นที่จะต้องไปโทรกับผู้หญิง เราต้องใช้ปัญญา อย่าให้ผู้หญิงมาลบเหลี่ยม ลบคม เดี๋ยวจะเป็นคนไม่มีเหลี่ยม ไม่มีคม

ทุกวันนี้มันก็ยิ่งมีปัญหาหนักเพราะเรื่องเศรษฐกิจ มันมีเรื่องมีปัญหาเยอะ ชอบโทรมาปรึกษาเรื่องธุรกิจ หน้าที่การงาน เรื่องลูก เรื่องหลาน มันต้องอาบัติปาจิตตีย์นะ ไม่ได้พูดออกเสียงมาทางลำโพง ไม่มีใครนั่งฟัง

ถ้าเป็นรุ่นเก่าหลายปีก่อน วัดป่าวัดกรรมฐาน เวลาส่งจดหมายมาถึง จะต้องไปส่วนรวมไปหาสงฆ์ก่อน สงฆ์ก็เปิดอ่านดูก่อนว่าใครส่งอะไรมา เวลาส่งจดหมายออกก็ต้องตรวจ

ทุกวันนี้มันมีโทรศัพท์มือถือ ไม่ต้องเขียนจดหมายให้เหนื่อย พระคุณเจ้าตั้งแต่หลวงตาไปถึงสามเณรก็มีโทรศัพท์กันหมด #พวกโทรศัพท์มือถือมันพากันทำหมันพระทำหมันเณร ทำหมันยังไง ก็คือเอาผู้ที่มาบวชไม่สามารถที่จะเป็นพระได้ เพราะไปทางกามารมณ์ กามคุณกันหมด พระมีมือถือเรียกว่าพระกำลังจะถูกทำหมันแล้ว โดยธรรมชาติคือทำหมัน หมายถึงไม่มีโอกาสที่จะเป็นพระอริยเจ้าได้..."

บางส่วนจากโอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ที่หลวงพ่อกัณหา สุขกาโมเมตตาให้นำมาบรรยาย
วันศุกร์ที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๖๔
ณ วัดป่าทรัพย์ทวีธรรมาราม
ธรรมะสบายสบาย | Dhamma Sabaai Sabaai
โอวาทพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า






#ไก่ป่าขันตัวเดียว_และไม่ปลุกเสกพระ
#ไม่เอาไสยศาสตร์ไปพอก_ไม่เรี่ยไรบุญ

".. ครูบาอาจารย์องค์หลวงปู่มหาบัว
ก็ไม่ส่งเสริม และติเตียนฝ่ายที่เคยเป็น
ลูกศิษย์หลวงปู่มั่นที่เคยเอา หลวงปู่มั่นไปอ้างอิงว่าเป็นอาจารย์ของตน แล้วก็ทำรูปเหรียญขึ้น รุ่นนั้นรุ่นนี้.. "

ถ้าพระภิกษุที่เคารพพระธรรมวินัยอย่างแท้จริงเขาไม่ทะนงตัวหรอก แม้แต่ครูบาอาจารย์มานั่งอยู่ต่อหน้า.. อย่างหลวงพ่อ
นั่งพูดอยู่นี่ ครูบาอาจารย์อาวุโสมาปั๊บ
หลวงพ่อจะหยุดพูดทันที ยังเคยเล่าให้ฟัง
ว่า หลวงพ่อไปเยี่ยมหลวงปู่หล้า หลวงปู่หล้าอาวุโสอ่อนกว่าหลวงพ่อ สักพักหนึ่งพวกเจ้าใหญ่ ๆ โต ๆ มาจากกรุงเทพฯ มาเคี่ยวเข็ญหลวงปู่หล้า

“#หลวงพ่อขอฟังเทศน์ๆ”

หลวงปู่หล้าก็นั่งเฉย คือเขาอยากฟังเทศน์หลวงปู่หล้า หลวงปู่หล้าก็ไม่เทศน์แล้วท่าน
ก็ไม่พูดอะไร หลวงพ่อก็เลยบอกว่า

“ท่านทั้งหลายอยากฟังเทศน์หลวงปู่หล้า หลวงปู่หล้าเทศน์ให้ท่านฟังจนจบคัมภีร์พระวินัยปิฎก”

เขาพากันงง หลวงพ่อก็เลยบอกว่า..
“ธรรมเนียมพระธุดงคกรรมฐาน ท่านจะ
เคารพนับถือกันตามลำดับชั้น ถ้ามีผู้อาวุโส
อยู่ต่อหน้าท่าน จะไม่แสดงธรรม อาตมาก็สังเกตก็รู้สึกว่าพวกท่านอึดอัดรำคาญเต็มทีแล้ว แต่หลวงพ่อก็ไม่ลุกหนี เพราะอยากจะ
ให้พวกท่านรู้ความจริงของระเบียบพระสงฆ์ตามพระวินัย

เพราะฉะนั้น ท่านหล้าได้เทศน์ให้พวกท่าน
ฟังจนจบพระไตรปิฏกแล้ว ธรรมเนียมพระ
กรรมฐาน.. ถ้าหากว่ามีพระอาวุโสอยู่ท่านจะไม่แสดงธรรมหรือ เวลาท่านแสดงอยู่ ถ้า
หากพระอาวุโสเข้าไปนั่งด้วย ท่านจะหยุดทันที ท่านถือธรรมเนียมไก่ป่าไก่ป่าอยู่ในป่า
มีไก่ตัวผู้ตั้งร้อยตัวพันตัว มันจะขันเพียงตัวเดียวเท่านั้น ที่นี้ท่านถือคติว่า ถ้าหากว่าพระธุดงคกรรมฐาน ต่างคนต่างเทศน์ ต่างคน
ต่างขัน มันก็ไม่ดีกว่าไก่ป่า”

สมัยที่หลวงปู่เสาร์ท่านอยู่ เวลาท่านนั่งอยู่นั่นใครจะไปถามปัญหาอะไร ลูกศิษย์ลูกหาท่านจะนิ่งเงียบ บอกว่าให้ถามหลวงปู่ ที่นี้ถ้าหากมีใครอยากฟังเทศน์ ท่านก็เทศน์ไม่เป็น ถ้าท่านจะให้ใครเทศน์ ท่านจะบอกว่า ท่านดีเทศน์ซะ.. ท่านฝั้นเทศน์ซะ.. ท่านเทสก์เทศน์ซะ

มาถึงจังหวะนี้ สมมุติว่าหลวงพ่อเป็นพระอาวุโสอยู่นี่.. ท่านหล้าเทศน์ให้โยมฟังเดี๋ยวนี้ เสร็จแล้วท่านก็เทศน์ให้ฟังทันที พอฟังเทศน์ท่านหล้าจบ

“โอ๊ย! เราก็แสวงหาครูบาอาจารย์มานานนักหนาแล้ว จนเกือบตายเข้าโลงแล้ว”
หัวหน้าใหญ่เขาพูด

“.. เพิ่งจะมารู้เดี๋ยวนี้เอง สา..ธุ ที่มาพบพระ
คุณเจ้านี่ ได้ความรู้ความเข้าใจในระเบียบ
ของพระเจ้าพระสงฆ์ ไปที่ไหนก็เห็นแต่พระท่านแข่งกันเทศน์ เพิ่งจะมารู้ความจริง
วันนี้เอง กราบขอบพระคุณพระคุณเจ้าอย่างสุดซึ้ง.."

"#หลวงปู่มั่น_ภูริทัตโต" เคยกล่าวถึงเรื่อง "#การปลุกเสกพระพุทธรูป" ไว้ว่า..

" สมมติเป็นพระพุทธรูปแล้วก็เสร็จกัน
เราดีอย่างไรจึงจะไปบวชให้องค์ท่าน..
องค์ท่านบวชก่อนเราแล้ว..

เราดีอย่างไรจึงจะไปปลุกท่านให้ตื่น..ท่าน
ตื่นก่อนเรา เข้าสู่อนุปาทิเสสนิพพานแล้ว

เราดีอย่างไรจึงจะไปแคะหูแคะตาให้องค์ท่าน .. ตานอกตาใน หูนอกหูในขององค์ท่าน
ดีกว่าเราแล้ว

จะภิเษกภิษันให้องค์ท่านเป็นอะไรอีก..
องค์ท่านเป็นพระพุทธเจ้าเต็มภูมิแล้ว

จะเอาไสยศาสตร์ไปพอกไปทาองค์ท่าน
ทำไม นั้นแหละตัวบาป นั้นแหละขุมนรก
ขุมมิจฉาทิฏฐิ

เห็นผิดเต็มภูมิแล้วยังสำคัญว่าเห็นชอบ ...
เข้าข้างตัว แต่ไม่เข้าข้างธรรมวินัย

เพียงเท่านี้ก็ยังไม่รู้จักผิดรู้จักถูกแล้ว ...
ธรรมอันละเอียดลออก็ยังมีขึ้นไปกว่านี้มาก ไฉนจะรู้ได้.. !!

#ที่มาหนังสือ_ชีวประวัติ
#หลวงปู่หล้า_เขมปัตโต

".. เรื่องการรับกฐินหลังออกพรรษา ช่วงที่
องค์ท่านพำนักที่สำนักบ้านหนองผือนาใน จะไม่มีการรับกฐิน หากศรัทธาญาติโยมมีน้ำใจศรัทธานำมาถวาย ก็จะรับให้พอเป็นพิธี มิให้เสียน้ำใจ แต่การทำพิธีรับกฐิน กรานกฐิน หรือฉลองกฐินจะไม่มี ส่วนการแจกซองขาวเรี่ยไร หรือตู้รับบริจาค การบอกหวย สะเดาะเคราะห์ ถือฤกษ์งามยามดี ไม่มีในปฏิปทาขององค์ท่านเลย

การบอกบุญเรี่ยไร หารายได้เข้าวัด ไม่มีทั้งทางตรงและทางอ้อม ในปฏิปทาขององค์ท่าน พิธีบวชพระแกะหูแกะตาเบิกเนตรพระ องค์ท่านว่ามันเป็นบาปหนัก “#จะไปบวชให้ท่านทำไมในเมื่อพระพุทธองค์ท่านทรงบวชก่อนเราอีก” องค์ท่านว่า

ปฏิปทาพ่อแม่ครูอาจารย์ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
โดย หลวงปู่หล้า เขมปัตโต

".. ทุกวันนี้มีไสยศาสตร์ต่างๆ เกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา เป็นต้นว่าพวกรูป เหรียญ ล็อคเก็ตแขวนคอ เหล่านี้เป็นต้น สำหรับตัวของข้าพเจ้าไม่ได้ยินดีด้วยมาแต่ไรๆ แล้ว
และองค์หลวงปู่มั่นก็ไม่ส่งเสริมด้วย ครูบาอาจารย์องค์หลวงปู่มหาบัวก็ไม่ส่งเสริม และ
ติเตียนฝ่ายที่เคยเป็นลูกศิษย์หลวงปู่มั่นที่
เคยเอาหลวงปู่มั่นไปอ้างอิงว่าเป็นอาจารย์
ของตน แล้วก็ทำรูปเหรียญขึ้น รุ่นนั้นรุ่นนี้
แต่ข้าพเจ้าเป็นผู้มีกิเลสมาก ตายแล้วเกิด
เกิดแล้วตายมากกว่าเม็ดหิน เม็ดทรายใน
ท้องมหาสมุทร ๔ มหาสมุทรก็ตาม ย่อม ..
ไม่ยินดีด้วยทั้งนั้น

เมื่อเป็นดังนี้ เมื่อท่านผู้ใดทำรูป ทำเหรียญข้าพเจ้าไปขายก็ดี หรือเอาไปแจกฟรีก็ดี ข้าพเจ้าไม่ยอมอนุญาตเป็นอันขาด ถ้าใคร
ฝืน ก็จะขออารักขาต่อทางการ ถ้าไม่ฟังก็เอาเรื่องตามกฎหมายของบ้านเมือง เพราะทุก
วันนี้ยุ่งเหยิงในเรื่องเหล่านี้มาก ข้าพเจ้า
เข้าใจว่าการได้ผู้เล่นไสยศาสตร์มาเป็นพรรคพวกล้านๆ คน ไม่เท่าได้ผู้ถึงธรรมแท้มาเป็นพรรคคนเดียว

ปรารภน้อยไม่พออธิบาย ปรารภหลายหาว่าอวดดีจองหอง ถ้าความเห็นของข้าพเจ้าเป็นมิจฉาทิฏฐิก็มอบให้ทุกข์กับสมุทัยซะ ถ้าหากว่าเป็นสัมมาทิฏฐิก็ทูลถวายต่อมรรคกับนิโรธ ส่วนตัวข้าพเจ้ามีความเห็นอย่างนี้ถอนไม่ออกเสียแล้ว จะว่าอุปาทานก็ยอมรับ

ยุคสุดท้ายบ้านหนองผือ สกลนคร ข้าพเจ้า
ได้อยู่ร่วมองค์หลวงปู่มั่น ๔ พรรษาติดๆ กัน ๒๔๘๙, ๙๐, ๙๑, ๙๒, ๙๓ จนถึงฌาปนกิจองค์หลวงปู่มั่นเสร็จเรียบร้อย ใน พ.ศ. ๒๔๙๓
องค์หลวงปู่มั่นไม่มีปฏิปทาไสยศาสตร์ทำรูป ทำเหรียญ ล็อคเก็ต เครื่องลางของขลังอยู่ยงคงกระพัน และวิชาเสน่ห์ วิชาหุงปรอท เป็นต้น เหล่านี้ไม่มีในองค์ท่านเลย จึงลงไปปักษ์ใต้กับองค์หลวงปู่เทสก์ ๓ พรรษา แล้วกลับขึ้นมาจำพรรษากับองค์หลวงปู่มหาบัว ยุคบ้านห้วยทรายอีก ๓ พรรษา คราวอยู่กับองค์หลวงปู่มั่น ๔ พรรษาติดๆ กันนั้นจนถึงฌาปนกิจ ถ้าจะบวกกันเข้าก็คล้ายๆ ๔ ปีกว่า มีองค์หลวงปู่มหาบัวเป็นมือขวาขององค์หลวงปู่มั่นควบอยู่ด้วย ให้เข้าใจว่ายุคบ้านหนองผือนั้น องค์หลวงปู่มั่นไปอยู่ก่อน ๑ พรรษาแล้ว คือ พ.ศ. ๒๔๘๙ ติดต่อกันจนถึงฌาปนกิจ ๒๔๙๓ ดังกล่าวแล้วนั้น มีองค์หลวงปู่มหาบัวเป็นพยานได้

เมื่อเป็นดังนี้ ถ้าข้าพเจ้าปีนเกลียวส่วนนี้ ก็เท่ากับว่าข้าพเจ้าเอาหัวองค์หลวงปู่มั่นมาเหยียบเล่นจริงไหม เทวดาเอ๋ย..."
-----------------
#ขอขอบคุณที่มาจาก_หนังสืออัตตโนประวัติ #หลวงปู่หล้า_เขมปัตโต วัดบรรพตคีรี
(ภูจ้อก้อ) บ้านแวง อ.หนองสูง จ.มุกดาหาร





ผู้ที่มีความพอแล้ว
ย่อมมีความพอใจในภาวะและฐานะของตนเอง
จนกระทั่งไม่เห็นความสำคัญ
ที่จะต้องนำตนไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น
.
สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร







"อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"

อนิจจัง...ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ ไม่สามารถจะอยู่ยงคงทนต่อไปได้ ย่อมดับย่อมสลายไปตามกาล พระพุทธองค์ตรัสว่า ไม่เที่ยงแท้แน่นอนไปได้

ทุกขัง...เมื่อมีสิ่งที่เกิดขึ้นมาในโลก แล้วเข้าไปยึดถือว่าเป็นตัวตนของเรา ของเขา ยามจากไป ยามดับไปสลายสิ้น สิ่งที่รักที่พอใจนั่นแหละ พระพุทธองค์ตรัสว่า เป็นทุกข์อย่างยิ่ง

อนัตตา...ความจริงในโลกนี้ มันเกิดขึ้นโดยธรรมชาติของมันเอง ไม่มีใครไปต่อเสริมเติมแต่งได้ ถึงอย่างไรก็ยังเป็นธรรมชาติ แม้ร่างกายเรานี้จะยึดตัวตนว่า เป็นของเราของเขาไม่ได้ เพราะเขาเป็นเพียงธาตุๆ หนึ่งที่ประชุมกันเท่านั้น พระพุทธองค์ตรัสว่า ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล เรา เขา ทั้งสิ้น

ถ้าโยมไม่รู้สรณะ พุทธะ พระไม่รู้กรรมฐาน ศาสนาจะตั้งอยู่ไม่ได้เลยจะทำจะพูดจะคิดสิ่งใด ก็จงทำ จงพูด จงคิด แต่ในทางที่จะเป็นประโยชน์แก่ตนและผู้อื่นเถิด...

"หลวงปู่กงมา จิรปุญฺโญ"





















พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า พระองค์จะปรินิพพานต่อเมื่อพุทธบริษัท ๔ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ทั้งหลายทั้งปวง คือ พระภิกษุ ทั้งเถระ ทั้งมัชฌิมะ ทั้งนวกะ ภิกษุณีก็เช่นเดียวกัน พร้อมทั้งอุบาสก อุบาสิกา ทั้งที่ถือพรหมจรรย์ และที่เป็นผู้ครองเรือนทั้งหมด ต้องเป็นผู้มีคุณสมบัติที่จะรักษาพระศาสนาไว้ คือ

(๑) ต้องเป็นผู้มีความรู้ เข้าใจหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าได้ดีและประพฤติปฏิบัติได้ถูกต้องตามคำสอน

(๒) นอกจากรู้เข้าใจเอง และปฏิบัติได้ดีแล้ว ยังสามารถบอกกล่าวแนะนำสั่งสอนผู้อื่นได้ด้วย

(๓) เมื่อมีปรับวาทเกิดขึ้น คือ คำจ้วงจาบสอนคลาดเคลื่อน ผิดเพี้ยนจากพระธรรมวินัย ก็สามารถชี้แจงแก้ไขได้ด้วย

ตอนที่พระองค์จะปรินิพพานนั้น มารก็มากราบทูลว่าเวลานี้พุทธบริษัท ๔ มีคุณสมบัติพร้อมอย่างที่พระองค์ได้ตรัสเหมือนกับเป็นเงื่อนไขไว้แล้ว พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาเห็นว่าเป็นอย่างนั้น จึงทรงรับที่จะปรินิพพาน โดยทรงปลงพระชนมายุสังขาร

พุทธดำรัสนี้ ก็เหมือนกับว่าพระพุทธเจ้าทรงฝากพระพุทธศาสนาไว้กับพุทธบริษัททั้ง ๔ แต่ต้องมองให้ตลอดด้วยว่า ทรงฝากพระพุทธศาสนาไว้กับพุทธบริษัทที่เป็นอย่างไร

ชาวพุทธจะเป็นผู้มีคุณสมบัติถูกต้องที่จรรโลงพระศาสนาไว้ก็เริ่มด้วยมีคัมภีร์ที่จะให้เรียนรู้เข้าใจพระธรรมวินัยอันเป็นของแท้ก่อน

เป็นอันว่า ในแง่นี้พระไตรปิฏกก็เป็นหลักของพุทธบริษัท ต้องอยู่คู่กับพุทธบริษัท โดยเป็นฐานให้แก่พุทธบริษัท ซึ่งจะทำให้ชาวพุทธเป็นผู้มีคุณสมบัติที่จะรักษาพระศาสนาไว้ได้

สองฝ่ายนี้ คือ ตัวคนที่จะรักษาพระศาสนา กับตัวพระศาสนาที่จะต้องรักษา ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน พระศาสนาจะดำรงอยู่และจะเกิดผลประโยชน์ ก็ต้องมาปรากฏที่ตัวพุทธบริษัท ๔ ต้องอาศัยพุทธบริษัท ๔ เป็นที่รักษาไว้ พร้อมกันนั้นในเวลาเดียวกัน พุทธบริษัท ๔ จะมีความหมายเป็นพุทธบริษัทขึ้นมาได้และจะได้ประโยชน์จากพระพุทธศาสนาก็เพราะมีธรรมวินัยที่รักษาไว้ในพระไตรปิฏกเป็นหลักอยู่…”

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต)
เพชรน้ำเอกแห่งพระพุทธศาสนา
ผู้นิพนธ์หนังสืออันทรงคุณค่า หนังสือ “พุทธธรรม”









"เรียนธรรมะในป่า มีนิพพานเป็นอารมณ์, เรียนธรรมะในเมือง มีกิน – กาม – เกียรติเป็นอารมณ์ ..."

คติธรรม
ท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุ






…ถ้าไม่มีคู่
ก็จะไม่ไปมีทุกข์กับการมีคู่

.ถ้ามีคู่
ตราบใด ต่อให้สุขขนาดไหน
“ มันก็ต้องมีทุกข์ปนอยู่ด้วย “.

……………………………………………..
.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวราราม ฯ ชลบุรี
สนทนาธรรมทาง Zoom
21 กรกฎาคม 2564








"เมื่อถึงช่วงเวลาที่ต้องเจอความทุกข์รุมเร้า ต้องอดทนต่อทุกข์นั้น และเอาการภาวนานี่แหละเป็นตัวช่วยให้ผ่านพ้นไปให้ได้

ไม่ใช่ว่าพอเจอทุกข์รุมเร้าแล้วต้องเที่ยวไปหาคนอื่นให้ช่วยอยู่ทุกทีไป

นักภาวนาต้องภาวนาสู้กับวิกฤติ ปัญหาและทุกข์ต่างๆ ถ้าจะหลบก็ต้องหลบไปภาวนา"

ธรรมะคำสอน
หลวงปู่ไม อินทสิริ






"เขานินทาต้องหยุดนิ่ง พิจารณาดูว่า
เขาว่าอะไรกัน ถ้าไม่เป็นจริงก็แล้วไป
ถ้าเป็นจริงอย่างเขาว่า ก็แก้ไขตัวเราเสีย
ก็หมดเรื่องเท่านั้นเอง"

หลวงปู่ชา สุภัทโท








" แต่ละ​ภพละชาติ เมื่อมา
เกิดแล้ว เมื่อยังอยู่ในโลก​
ก็ต้องดิ้นรนวุ่นวายไปตาม
ประสาของโลก เวลา
สิ้นสุดลงไป​ พระพุทธ​เจ้า​
ตรัสว่า ตัวเราก็เป็นสมบัติ​
ของแผ่นดิน วัตถุ​ข้าวของ​
ทรัพย์สิน​เงินทอง​อันใดก็ตาม

เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม​
ที่อยู่อาศัย​ อาหาร​การกิน
ยาแก้โรคภัยไข้เจ็บ​
ผลที่สุด​ก็ลงทับถมแผ่นดิน "

โอวาทธรรม
หลวง​ปู่​สิ​ม​ พุทธ​า​จ​า​โร






มันภาวนาบ่ได้ดอก..หมู่หลาย มันต้องอยู่ผู้เดียว.. ถึงภาวนาเป็น

หลวงปู่คำตัน วัดป่าดานศรีสำราญ






ความกลัวเกิดขึ้นในใจ เกิดจากความคิดนะ ท่องพุทโธ พุทโธ ความกลัวก็หายไป

พระอาจารย์มาร์ติน ปิยธัมโม






ผู้ปฏิบัติ.. ใฝ่ใจในคำสอนของพระพุทธเจ้า ให้พยายามน้อมเอาพระนิพพานเข้ามาเป็นอารมณ์

คำที่ว่าพระนิพพาน ต้องเข้าใจในเรื่องของพระนิพพานด้วย เดี๋ยวจะเข้าใจว่าพระนิพพานนั้นเป็นแดนไกล

พระนิพพานในที่นี้ หมายถึงอารมณ์ที่ปราศจากโลภ โกรธ หลง เป็นอารมณ์ที่ผ่องแผ้วนี่เรียกว่าอารมณ์ดี นี่เป็นแสงของพระนิพพานดิบ

ถ้าใคร ๆ ลองทำนิพพานดิบให้เกิดขึ้นได้ในตนแล้ว เพียรชนะตนเองเสมอ ก็จะได้ชื่อว่าใกล้นิพพานตัวจริงของพระพุทธเจ้า

#คุณย่าบุญเรือน #โตงบุญเติม #ธรรมะ







#เขานินทาเรา_คงเป็นวิบากกรรมในอดีต
#ไม่ให้จองเวรกับใครให้อโหสิ_ให้อภัย

พวกเราถึงจะเกิดมาภพนี้ชาตินี้ก็เถอะ ถ้าเขามาพูดหาเรื่องให้เราหรือเขานินทาเรา เขาว่ากล่าวเรา มันก็คงเป็นวิบากกรรมในอดีตชาติ พวกเราต้องได้คิดอย่างนั้น เพราะพวกเราเกิดมาหลายภพหลายชาติ บางชาติก็คงอิจฉาตาร้อนคนอื่น ไปว่ากล่าวให้คนอื่น เพราะฉะนั้นเขาก็แก้คืนบ้าง

แต่บางครั้งเขาก็อาจจะตั้งตนใหม่ก็ได้ ถึงเขาตั้งตนใหม่เราก็อย่าไปพยาบาทอาฆาตเขา ถ้าเราให้อภัยแล้วเรื่องทั้งหลายทั้งปวงก็จบลง ถ้าเราไม่ให้อภัย ผูกพยาบาทอาฆาต เขากัดหางเราก็กัดขาเขา กัดไปกัดมาก็นัวเนียกันไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนกับหมากัดหมาอย่างนั้นเวรย่อมระงับได้ด้วยการไม่จองเวร เวรจะระงับไม่ได้ด้วยกรจองเวร

เพราะฉะนั้น พวกเราทุก ๆ ท่านนะ อย่าไปจองเวรกับใครๆ ทั้งหมด ไม่ให้จองเวรกับใครให้อโหสิ แล้วก็ให้อภัย แล้วก็มีเมตตาในใจ ข้าพเจ้าจงเป็นสุขผู้อื่นสัตว์อื่นวิญญาณอื่นทั่วไตรโลกธาตุ ก็ขอให้มีความสุขอย่างที่ข้าพเจ้าต้องการอย่างที่ข้าพเจ้าปรารถนา ถ้าเราคิดได้อย่างนี้เราอยู่ที่ใดก็เป็นสุขในใจ ถ้าคนภาวนามีเมตตาจะไม่มีเวรภัยเลย เวรภัยใหม่ที่จะก่อขึ้นมานี้จะไม่มี

ถ้าเป็นเรื่องของเก่าเป็นวิบากกรรมในอดีตชาติที่เราไปทำไว้แล้ว อันนั้นเราหลีกลี้หนีไม่พ้น เราจะต้องได้รับกรรมที่ตนได้กระทำไว้แล้วหนีไม่พ้นแน่ แต่ถ้ากรรมใหม่ที่จะเกิดขึ้นมานี้ ถ้าเรามีเมตตาอยู่ตลอด ถึงเขาจะก่อยังไงมันก็ไม่ติดว่างั้นเถอะ เพราะเรามีน้ำอยู่ในใจของเรา มีน้ำคือเมตตาของเราอยู่ในใจ เขาเอาไฟมาจี้ก็ดับไป แต่ถ้าเราไม่มีตัวนั้นขึ้นมาพอเขาจี้ขึ้นมาเราก็โพร่งขึ้นมาสู้กัน หนึ่งบวกหนึ่งเป็นสองล่ะทีนี้ มาพูดให้ข้าทำไมข้าไม่ได้เป็นอย่างนี้ ผลที่สุดเรื่องก็เลยเตลิดเปิดเปิงไปไม่มีที่สิ้นสุดถ้ามีการจองเวรกันอยู่ ถึงนิพพานเมื่อไหร่ต่างคนต่างไป นิพพานเมื่อไหร่เมื่อนั้นจึงจะจบว่างั้นเถอะ

เพราะฉะนั้นเราอย่าไปผูกพยาบาทอาฆาตจองเวรกับใคร ๆ ทั้งหมด ยินดีให้อภัยกับทุกคน นี้แหละธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าท่านสอนอย่างนั้นนะ สอนศิษยานุศิษย์ลูกศิษย์ลูกหาของพระพุทธองค์ เพราะฉะนั้นขอให้พวกเราฝึกหัดจิตใจของเรา แม้จะได้หน่อยหนึ่งก็ยังดีให้อภัยคนอื่นเขาได้นิดหน่อยก็ยังดีนะ

หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
จากพระธรรมเทศนา “ดับเวรภัยด้วยเมตตา”
แสดงธรรมเมื่อวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓









" การที่บุคคลคิดที่จะ
เผยแผ่ศาสนานั้น​เป็นสิ่งที่ดี

แต่ที่ถูกต้องควรเผยแผ่
ในใจตนก่อน เพราะจุด
ศูนย์กลางแห่งการปฏิบัติ
มิใช่อยู่ที่พระพุทธเจ้า​
หรือครูบาอาจารย์
เพียงอย่างเดียว
หากอยู่ที่ตัวผู้ปฏิบัติเอง "

โอวาทธรรม
ท่านพ่อลี ธัมมธโร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 26 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร