วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 06:26  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2012, 03:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2012, 18:22
โพสต์: 309


 ข้อมูลส่วนตัว


ความรู้จากไตรโลกวิตถาร เรียบเรียงโดยท่านพระครูศิริปัญญามุนี
นำมาให้อ่าน เพื่อความพิจารณา เพื่อความไม่ประมาท ว่าระยะเวลาที่เหลือ อีกสองพันกว่าปีนี้
เราจะสามารถข้ามฝั่งแห่งวัฏฏได้หรือไม่ เวลามีอีกไม่มากแล้ว
๕๐๐ ปี นางภิกษุณีหมด
๑๐๐๐ ปี พระอรหันต์หมด
๒๐๐๐ ปี ผู้ทรงพระไตรปิฎกหมด
๒๐๐๐ ปี เศษ พระภิกษุที่เป็นอลัชชี จะไม่มีความละอายบาป
จะประพฤติบาปล่วงสิกขาบท ต่างๆ เช่น มีการเล่นหมากรุก การพนันต่างๆ จึงถึงเกี้ยวผู้หญิงเป็นที่สุด
ภิกษุจะนุ่งห่มดังฆราวาส มีผ้าลายและผ้าสีต่างๆ จะทำตัวเป็นหมอขับผีภูติพราย ด้วยมนต์คาถา
และเป็นหมอยารักษาไข้เอาปัจจัยของชาวบ้าน จะเป็นทูตนำจ่าวสารของคฤหัสถ์ จะรับเงินทองซื้อของจากฆราวาส
จะขาดลงพระอุโบสถ จะลงเพียงอนิยต และสังฆาทิเสส
จะทรงเพศแต่โกนผม และนุ่งห่มผ้าเหลือง สิกขาบทจะหมดไปเนืองๆ ไม่ครบ ๒๒๗
๓๐๐๐ ปี ภิกษุสงฆ์ไม่ลงอุโบสถ
๔๐๐๐ ปี พระภิกษุสงฆ์จะทรงไตรจีวรไม่ครบ ๓ ผืน
๕๐๐๐ ปี พระภิกษุสงฆ์จะทรงผ้าเหลืองน้อยผูกข้อมือ และพันคอเป็นที่สุด
จะมีบุตรภรรยาทำไร่ไถนาค้าขายเหมือนฆราวาส เรียกว่าโคตรภูสงฆ์
๕๐๐๐ ปีผ่านไป ไม่มีพระสงฆ์ปรากฎอยู่ เรียกว่า ลึงคะอันตรธาน
การเสื่อมแห่งศาสนา(อันตรธาน) ๕ ประการ
ปริยัติอันตธาน คือ ไม่มีผู้เล่าเรียน พระสูตร พระวินัย พระปรมัตถ์ โดย
เมื่อพระปริยัติจะเสื่อม จะเสื่อมพระปรมัติลงมา คัมภีร์พระมหาปัฏฐานเสื่อมก่อน
เมื่อพระสูตรเสื่อม จะเสื่อมจากคัมภีร์อังคุตรก่อน
เมื่อชาดกเสื่อม จะเสื่อมจาก เวสสันดรก่อน
เมื่อพระวินัยเสื่อม จะเสื่อมจากคัมภีร์บริวารก่อน แล้วไล่ลงมาจนถึงพระคาถา ๔ บาท
ปฎิบัติอันตรธาน คือ ไม่มีผู้ปฏิบัติสมาธิ ปัญญา ให้บริบูรณ์ขึ้น โดย เมื่อข้อปฏิบัติเสื่อม ปัญญาจะเสื่อมก่อนไล่ลงมาหาสมาธิ และ ไล่ไปถึง ศีล๒๒๗ข้อ เมื่อเมื่อศีล ๒๒๗ข้อจะเสื่อม เริ่มเสื่อมจาก เสขียวัตร(มารยาท) ก่อน
จากนั้น จะไม่มีการลงอุโบสถ มาจนถึงปาราชิก ๔ จนหมดศีล ๒๒๗ข้อ แล้วศีล๕ ไตรสรณคมน์หมดไป
ปฏิเวธอันตรธาน คือไม่มีผู้ตรัสรู้มรรค ผล คือการเสื่อมจากพระอรหันต์ ลงมาจนถึงพระโสดาบัน
ลึงคอันตรธาน คือ เพศธาตุจะสูญสิ้นหมดไป คือ การเสื่อมแห่งสงฆ์ จะเริ่มจากไตรจีวรก่อน(นุ่งห่มไม่ถูกตามบัญญัติ) ไปจนถึงผ้าน้อยห้อยหู และหมดไป
ธาตุอันตรธาน คือ การที่พระธาตุสูญไป โดยพระธาตุในที่ต่างๆ มาประชุมกันใน กระทำอาการเหมือนพระพุทธรูป
เปล่งออกซึ่งรัศมี ๖ ประการ เทพยาดาในหมื่นจักรวาฬ มาประชุมกันสักการบูชา เตโชธาตุ ก็ติดขึ้น
ลุกโชนตั้งแต่พระสารีริกธาตุรุ่งโรจน์ไปถึงพรหมโลกไหม้พระสารีริกธาตุให้สูญไป นับเป็นการสิ้นสุด แห่งพุทธศาสนาของโลกในยุคนี้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2012, 08:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:
รู้อย่างนี้แล้วเราควรทำฉันใดจึงจะดี
:b10:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 เม.ย. 2012, 12:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แสดงให้เห็นความเสื่อม(อนิจจัง) อย่ามัวนั่งท้อใจในความเสื่อม :b5: แสดงว่าตอนนี้ยังดีกว่าภายภาคหน้า มีกำลังควรรีบบำเพ็ญธรรมให้ถึงที่สุดทุกข์อย่ารอยุคสมัยหน้าเลย เพราะถ้าจริงดังว่าการเข้าถึงธรรมย่อมยากขึ้นยิ่งนัก s007

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2012, 02:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


หลบไปอยู่ชั้นสุทธาวาสแล้วนิพพานตามพระพุทธเจ้าดีกว่า เบื่อโลกมนุษย์ onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2012, 13:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ก.ย. 2011, 21:51
โพสต์: 4941


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
หลบไปอยู่ชั้นสุทธาวาสแล้วนิพพานตามพระพุทธเจ้าดีกว่า เบื่อโลกมนุษย์ onion

:b8:
สาธุกับน้องคงถึงวันนี้ ใช้เวลานั่งภาวนากี่นาทีจึงเข้าถึง ฌาณ 4 ได้
ถ้ายังไม่สามารถเข้าถึงฌาณ 4ได้ ในชั่วเวลาลัดนิ้วมือเดียว อาจไม่ได้ไปถึงชั้นพรหมนะครับ
ยิ่งพรหมชั้นสุทธาวาส ต้องละมานะทิฏฐิได้ถึง 75 % เป็นอย่างน้อย ละความยึดถือในกายได้หมด
นิวรณ์ 5 พ่ายแพ้เกือบหมดเหลือแต่อุทธัจจะในธรรม กามราคะ ปฏิฆะตาย ทรงฌาณอยู่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นต้น

แต่ยังไงเชื่อว่าน้องคงผู้ฉลาดเฉลียวและกล้าหาญต้องทำได้นะครับชาตินี้

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2012, 21:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
nongkong เขียน:
หลบไปอยู่ชั้นสุทธาวาสแล้วนิพพานตามพระพุทธเจ้าดีกว่า เบื่อโลกมนุษย์ onion

:b8:
สาธุกับน้องคงถึงวันนี้ ใช้เวลานั่งภาวนากี่นาทีจึงเข้าถึง ฌาณ 4 ได้
ถ้ายังไม่สามารถเข้าถึงฌาณ 4ได้ ในชั่วเวลาลัดนิ้วมือเดียว อาจไม่ได้ไปถึงชั้นพรหมนะครับ
ยิ่งพรหมชั้นสุทธาวาส ต้องละมานะทิฏฐิได้ถึง 75 % เป็นอย่างน้อย ละความยึดถือในกายได้หมด
นิวรณ์ 5 พ่ายแพ้เกือบหมดเหลือแต่อุทธัจจะในธรรม กามราคะ ปฏิฆะตาย ทรงฌาณอยู่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นต้น

แต่ยังไงเชื่อว่าน้องคงผู้ฉลาดเฉลียวและกล้าหาญต้องทำได้นะครับชาตินี้

:b8:

ยังไปไม่ถึงฌาน 4 เลยคงอีกยาวไกลเจ้าค่ะท่านโสกา ช่วงนี้จิตกำลังไม่พอไม่มีสมาธิเลย มีภาระทางโลกให้คิด วนเวียนอยู่แถวฌาน2 ตัวเบาลอยละล่องเหมือนมันจะปลิวไปตามลมแต่ไม่มีอาการหัวโยกเยกแล้ว แต่พอเริ่มจะขยับเข้าฌาน3เหมือนมันวอกแวกอ่ะเริ่มฟุ้งซ่านทั้งที่ก็ภาวนาพุทธานุสติ(ทั้งที่หลับตาและภาวนา) รู้สึกว่าเหมือนมีอาไรแว๊บไปแว๊บมาหรือกำลังจ้องมองดูเราอยู่ภายนอกไม่เห็นนิมิตอะไรนะเจ้าค่ะนอกจากแสงสีม่วงเป็นวงกว้างแล้ววนลงไปเหมือนน้ำวน ทนไม่ไหวเลยออกสมาธิทุกครั้งเลย แถมตอนออกสมาธิออกแบบปุ๊บปั๊บไม่ได้ขยับฌานลงไปเหมือนตอนกำลังเริ่มทำสมาธิ รู้สึกอึดอัดหน้าอกบอกไม่ถูกเลยเจ้าค่ะ จะเป็นไรไหมเนียะเจ้าค่ะ :b10:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2012, 07:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2012, 12:01
โพสต์: 376


 ข้อมูลส่วนตัว


แสงแห่งพระธรรม เขียน:
ความรู้จากไตรโลกวิตถาร เรียบเรียงโดยท่านพระครูศิริปัญญามุนี
นำมาให้อ่าน เพื่อความพิจารณา เพื่อความไม่ประมาท ว่าระยะเวลาที่เหลือ อีกสองพันกว่าปีนี้
เราจะสามารถข้ามฝั่งแห่งวัฏฏได้หรือไม่ เวลามีอีกไม่มากแล้ว
๕๐๐ ปี นางภิกษุณีหมด
๑๐๐๐ ปี พระอรหันต์หมด
๒๐๐๐ ปี ผู้ทรงพระไตรปิฎกหมด
๒๐๐๐ ปี เศษ พระภิกษุที่เป็นอลัชชี จะไม่มีความละอายบาป
จะประพฤติบาปล่วงสิกขาบท ต่างๆ เช่น มีการเล่นหมากรุก การพนันต่างๆ จึงถึงเกี้ยวผู้หญิงเป็นที่สุด
ภิกษุจะนุ่งห่มดังฆราวาส มีผ้าลายและผ้าสีต่างๆ จะทำตัวเป็นหมอขับผีภูติพราย ด้วยมนต์คาถา
และเป็นหมอยารักษาไข้เอาปัจจัยของชาวบ้าน จะเป็นทูตนำจ่าวสารของคฤหัสถ์ จะรับเงินทองซื้อของจากฆราวาส
จะขาดลงพระอุโบสถ จะลงเพียงอนิยต และสังฆาทิเสส
จะทรงเพศแต่โกนผม และนุ่งห่มผ้าเหลือง สิกขาบทจะหมดไปเนืองๆ ไม่ครบ ๒๒๗
๓๐๐๐ ปี ภิกษุสงฆ์ไม่ลงอุโบสถ
๔๐๐๐ ปี พระภิกษุสงฆ์จะทรงไตรจีวรไม่ครบ ๓ ผืน
๕๐๐๐ ปี พระภิกษุสงฆ์จะทรงผ้าเหลืองน้อยผูกข้อมือ และพันคอเป็นที่สุด
จะมีบุตรภรรยาทำไร่ไถนาค้าขายเหมือนฆราวาส เรียกว่าโคตรภูสงฆ์
๕๐๐๐ ปีผ่านไป ไม่มีพระสงฆ์ปรากฎอยู่ เรียกว่า ลึงคะอันตรธาน
การเสื่อมแห่งศาสนา(อันตรธาน) ๕ ประการ
ปริยัติอันตธาน คือ ไม่มีผู้เล่าเรียน พระสูตร พระวินัย พระปรมัตถ์ โดย
เมื่อพระปริยัติจะเสื่อม จะเสื่อมพระปรมัติลงมา คัมภีร์พระมหาปัฏฐานเสื่อมก่อน
เมื่อพระสูตรเสื่อม จะเสื่อมจากคัมภีร์อังคุตรก่อน
เมื่อชาดกเสื่อม จะเสื่อมจาก เวสสันดรก่อน
เมื่อพระวินัยเสื่อม จะเสื่อมจากคัมภีร์บริวารก่อน แล้วไล่ลงมาจนถึงพระคาถา ๔ บาท
ปฎิบัติอันตรธาน คือ ไม่มีผู้ปฏิบัติสมาธิ ปัญญา ให้บริบูรณ์ขึ้น โดย เมื่อข้อปฏิบัติเสื่อม ปัญญาจะเสื่อมก่อนไล่ลงมาหาสมาธิ และ ไล่ไปถึง ศีล๒๒๗ข้อ เมื่อเมื่อศีล ๒๒๗ข้อจะเสื่อม เริ่มเสื่อมจาก เสขียวัตร(มารยาท) ก่อน
จากนั้น จะไม่มีการลงอุโบสถ มาจนถึงปาราชิก ๔ จนหมดศีล ๒๒๗ข้อ แล้วศีล๕ ไตรสรณคมน์หมดไป
ปฏิเวธอันตรธาน คือไม่มีผู้ตรัสรู้มรรค ผล คือการเสื่อมจากพระอรหันต์ ลงมาจนถึงพระโสดาบัน
ลึงคอันตรธาน คือ เพศธาตุจะสูญสิ้นหมดไป คือ การเสื่อมแห่งสงฆ์ จะเริ่มจากไตรจีวรก่อน(นุ่งห่มไม่ถูกตามบัญญัติ) ไปจนถึงผ้าน้อยห้อยหู และหมดไป
ธาตุอันตรธาน คือ การที่พระธาตุสูญไป โดยพระธาตุในที่ต่างๆ มาประชุมกันใน กระทำอาการเหมือนพระพุทธรูป
เปล่งออกซึ่งรัศมี ๖ ประการ เทพยาดาในหมื่นจักรวาฬ มาประชุมกันสักการบูชา เตโชธาตุ ก็ติดขึ้น
ลุกโชนตั้งแต่พระสารีริกธาตุรุ่งโรจน์ไปถึงพรหมโลกไหม้พระสารีริกธาตุให้สูญไป นับเป็นการสิ้นสุด แห่งพุทธศาสนาของโลกในยุคนี้


ตัวอย่างมันก็มีให้เห็น อย่าง จขกท เป็นต้น จริงมั๊ยคุณคนแห่งความมืด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2012, 10:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 เม.ย. 2012, 18:22
โพสต์: 309


 ข้อมูลส่วนตัว


ไปเขาใหญ่ละ......... :b8: :b8:


หมดเวลามาต่อปากต่อคำกับพวกชาวบ้านแล้ว... :b29: :b29:


ขอให้ทุกคนโชคดี..... :b29: :b29:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 เม.ย. 2012, 13:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 13:38
โพสต์: 376

ชื่อเล่น: ต้น
อายุ: 0
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘ สังยุตตนิกาย นิทานวรรค

๑๓. สัทธรรมปฏิรูปกสูตร

[๕๓๑] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของ
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ท่านพระมหากัสสปเข้า
ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นเข้าไปเฝ้าแล้ว ถวายอภิวาทแล้วนั่ง ณ
ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นพระมหากัสสปนั่งเรียบร้อยแล้วได้กราบทูลถามว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอแล เป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้เมื่อก่อนสิกขาบทมีน้อย
และภิกษุตั้งอยู่ในพระอรหัตผลมีมาก และอะไรเป็นเหตุ เป็นปัจจัย ให้บัดนี้
สิกขาบทมีมาก และภิกษุตั้งอยู่ในพระอรหัตผลมีน้อย ฯ

[๕๓๒] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรกัสสป ข้อนั้นเป็นอย่างนี้คือ
เมื่อหมู่สัตว์เลวลง พระสัทธรรมกำลังเลือนหายไป สิกขาบทจึงมีมากขึ้น ภิกษุที่
ตั้งอยู่ในพระอรหัตผลจึงน้อยเข้า สัทธรรมปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นในโลกตราบใด
ตราบนั้นพระสัทธรรมก็ยังไม่เลือนหายไป และสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้นในโลกเมื่อ
ใด เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึงเลือนหายไป
ทองเทียมยังไม่เกิดขึ้นในโลก ตราบใด
ตราบนั้นทองคำธรรมชาติก็ยังไม่หายไป และเมื่อทองเทียมเกิดขึ้น ทองคำธรรม
ชาติจึงหายไป
ฉันใด พระสัทธรรมก็ฉันนั้น สัทธรรมปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นในโลก
ตราบใด ตราบนั้นพระสัทธรรมก็ยังไม่เลือนหายไป เมื่อสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้น
เมื่อใด เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึงเลือนหายไป ฯ

[๕๓๓] ดูกรกัสสป ธาตุดินยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้ ธาตุ
น้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ก็ยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้ ที่แท้โมฆบุรุษใน
โลกนี้ต่างหาก เกิดขึ้นมาก็ทำให้พระสัทธรรมเลือนหายไป เปรียบเหมือนเรือจะ
อัปปาง ก็เพราะต้นหนเท่านั้น พระสัทธรรมยังไม่เลือนหายไปด้วยประการฉะนี้ ฯ

[๕๓๔] ดูกรกัสสป เหตุฝ่ายต่ำ ๕ ประการเหล่านี้ ย่อมเป็นไปพร้อม
เพื่อความฟั่นเฟือน เพื่อความเลือนหายแห่งพระสัทธรรม เหตุฝ่ายต่ำ ๕ ประการ
เป็นไฉน คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้ ไม่เคารพ
ยำเกรงในพระศาสดา ๑ ในพระธรรม ๑ ในพระสงฆ์ ๑ ในสิกขา ๑
ในสมาธิ
๑ เหตุฝ่ายต่ำ ๕ ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความฟั่นเฟือน เพื่อ
ความเลือนหายแห่งพระสัทธรรม ฯ

[๕๓๕] ดูกรกัสสป เหตุ ๕ ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อ
ความตั้งมั่น ไม่ฟั่นเฟือน ไม่เลือนหายแห่งพระสัทธรรม เหตุ ๕ ประการเป็น
ไฉน คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในธรรมวินัยนี้ มีความเคารพ
ยำเกรงในพระศาสดา ๑ ในพระธรรม ๑ ในพระสงฆ์ ๑ ในสิกขา ๑ ในสมาธิ
๑ เหตุ ๕ ประการเหล่านี้แล ย่อมเป็นไปพร้อมเพื่อความตั้งมั่น ไม่ฟั่นเฟือน
ไม่เลือนหายแห่งพระสัทธรรม ฯ
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... 846&Z=5888


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 71 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร