วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 11:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 50 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2012, 21:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ขณะจิต เขียน:
พอดีได้อ่านในหลายๆกระทู้มักมีคำกล่าวถึงบ่อยๆว่า"เห็นธรรมจึงชื่อว่าเห็นเราตถาคต"

จึงอยากสอบถามท่านทั้งหลายว่า ท่านทั้งหลายเห็นธรรมใด

หรือการเห็นธรรมใดจึงชื่อว่าเห็นพระตถาคต :b8:

:b8:
...พระอรหันต์ท่านบรรลุธรรมโดยการคิดค้น ฝึกหัดตนเอง ดัดตนเองด้วยการปฏิบัติตามคำสอนค่ะ...
...พระอรหันต์ในปัจจุบันที่ยังทรงธาตุขันธ์อยู่...ท่านรู้และเห็นธรรมและหายสงสัยในพระพุทธเจ้าแล้ว...
...ผู้ที่จะเข้าถึงธรรมได้ก็โดยการปฏิบัติจิตตภาวนาขณะยังมีชีวิตมีกายและจิตที่จะรับรู้สภาวธรรมที่เกิดขึ้น...
...คนตายทำไม่ได้ซึ่งไม่ใช่การด้นเดาเอาเองหรือการอ่านมาจากตำราหรือการท่องจำได้โดยไม่ปฏิบัติตามค่ะ...
...ส่วนจะรู้ตามได้ระดับไหน ขั้นสมาธิ ขั้นฌาน ก็ต้องฝึกฝนตนเองให้ขยันทำจิตภาวนาหรือกรรมฐานค่ะ...
:b39: :b39:
:b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ค. 2012, 22:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ม.ค. 2010, 20:54
โพสต์: 163

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นอริยสัจ4


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2012, 09:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 14:17
โพสต์: 260

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นปฏิจจสมุทปบาทน่ะแหละถูกแล้ว ยืนยัน นะยืนยัน

ฮาฮ๊านา นะเค๊อะ นะเค๊อะ :b12:

.....................................................
สิ่งใดในโลกล้วน อนิจจัง คงแต่บาปบุญยัง เที่ยงแท้
คือเงาติดตัวตรัง ตรึงแน่ อยู่นา ตามแต่บุญบาปแล้ ก่อเกื้อ รักษา

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2012, 20:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะจิต เขียน:
พอดีได้อ่านในหลายๆกระทู้มักมีคำกล่าวถึงบ่อยๆว่า"เห็นธรรมจึงชื่อว่าเห็นเราตถาคต"

จึงอยากสอบถามท่านทั้งหลายว่า ท่านทั้งหลายเห็นธรรมใด

หรือการเห็นธรรมใดจึงชื่อว่าเห็นพระตถาคต :b8:


สรุปแล้ว บรรดาบุคคลที่เข้ามาตอบความสงสัยของคุณ ไม่ได้รู้ ไม่ได้เห็น พระตถาคต กันสักคน แม้แต่ข้าพเจ้า(ในชาตินี้นะ) เพราะข้าพเจ้าก็ตอบมั่ว ไปตามเรื่อง

ความจริงแล้ว คำว่า "เห็นธรรมจึงได้ชื่อว่าเห็นเราตถาคต" ในพระไตรปิฎก ก็ซ่อนหลักธรรมเหล่านั้นเอาไว้ จนยากที่จะมีบุคคลใดเข้าถึง ต่างคนก็ต่างตอบไปตามความอวดรู้อวดฉลาดของตัวเองกันทั้งนั้น
"ธรรม"ที่ทำให้ได้ชื่อว่า ตถาคต นั้น ในทางที่เป็นจริง ถ้าเหล่าบรรดา ผู้ที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา ฉลาดสักนิด ไม่หัวดื้อ มี ทิฎฐิ พวกเขาก็อาจจะได้รู้ ธรรม เหล่านั้น สักครื่งหนึ่ง ก็เป็นได้
ข้าพเจ้าเองก็เข้าเวบฯธรรมะมานานพอสมควร อยากจะแนะนำ ตามหลักการของข้าพเจ้าว่า
ความจริงแล้ว "มรรค อันมี องค์ ๘ " ก็ใช้ได้นะ เพียงแต่ต้องตัดคำว่า "สัมมา" ออกไปทุกข้อ เท่านี้แหละ เหล่าบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนา ก็จะเห็นธรรม อันเปรียบเสมือน เห็นตถาคต แล้วละขอรับ

ที่เป็นเช่นนั้น ก็เหตุเพราะ มรรค อันมีองค์ ๘ ที่ปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกนั้น เป็นเพียงการสอนให้บุคคล ประพฤติตน ในการสังคมเป็นอยู่ร่วมกัน ปฏิบัติตน ในการปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมในชุมชนที่อาศัยอยู่
ถ้าหาก ตัดเอาคำว่า "สัมมา"ออกจาก หัวข้อแห่ง มรรค อันมีองค์ ๘ แล้ว ก็ถือว่า ได้เห็นธรรมที่แท้จริงเพียงครึ่งหนึ่งแล้ว
ขอรับ

อีกทั้งยังเป็นไปตามหลักธรรมชาติของมนุษย์ ฯ(ในที่นี้หมายเอาเฉพาะมนษย์) เป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ ขอรับ
จ่าสิบตรี เทวฤทธิ์ ทูลพันธ์
ผู้สอน ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๕


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 09:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


wink
อ้างคำพูด:
sriariya:เขียน
สรุปแล้ว บรรดาบุคคลที่เข้ามาตอบความสงสัยของคุณ ไม่ได้รู้ ไม่ได้เห็น พระตถาคต กันสักคน แม้แต่ข้าพเจ้า(ในชาตินี้นะ) เพราะข้าพเจ้าก็ตอบมั่ว ไปตามเรื่อง

...การตีความแบบสุ่มเดาเอาเอง แล้วก็เหมารวมว่าคนอื่นตอบมั่ว ไม่ใช่วิธีของนักปราชญ์...
...นักปราชญ์ระดับพระอรหันต์ยุคปัจจุบันก็ไม่มีใครเห็นตัวจริงของพระพุทธเจ้าหร็อกคุณศรีฯ...
...ข้าพเจ้าว่าคุณศรีฯ คงลืมไปมั๊งคะ ว่าพระอาจารย์ที่เป็นครูบาอาจารย์สอนให้ทำกรรมฐาน...
...ถ้าคุณศรีฯเคยนั่งสมาธิได้ตามลำดับขั้น ขณิก อุปจาร อัปปนา จนถึงฌานต่างๆ...
...แต่ละอาการที่เกิดกับจิตที่ปฏิบัติจิตตภาวนามีจารึกในพระไตรปิฏกใช่หรือไม่...
...แล้วยังไม่รู้อีกหรือว่าบุคคลอันดับแรกที่สิ้นกิเลสเป็นผู้เริ่มต้นประกาศ...
...จนถึงปีพุทธยันตี...2600ปีเข้าไปแล้ว...คิดได้ไงว่าคนอื่นมั่วตอบ...
...เสียชื่อ sriariya หมดเลย...รู้ตัวไหม...
:b32: :b32:
:b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 09:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b12:
...คุณศรีฯ มีอีกหลายอย่างนะคะ...ที่มีผู้ปฏิบัติแล้วเอามาสนทนาธรรมปุจฉาถาม-ตอบกันในลานนี้เพียบ...
...ไม่ว่าจะเป็นธาตุ4ดินน้ำลมไฟ ขันธ์5 รูป-เวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาณ รูป-นาม กาย-จิต จากพระไตรปิฎก...
...ก็เป็นการศึกษามาจากคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นธรรมที่ละเอียด...เห็นตถาคตไหม...
...ถามจริงคุณศรีฯ ยังไม่ซาบซึ้งหรืออัศจรรย์ใจต่อธรรมอันละเอียดอย่างยิ่งที่พระองค์ทรงตรัสรู้เลยจริงๆหรือ...
:b8: :b20:
:b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 21:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธองค์มีหน้าตารูปร่างอย่างไร ข้าพเจ้ายังไม่อาจเห็นได้

แต่ข้าพเจ้าเพียรมองให้กระจ่างชัดอยู่ ถึงธรรมที่พระพุทธองค์ทรงเห็น

และที่เห็นชัดเจนมากยิ่งขึ้นทุกที ทุกที คือ ทุกข์อันเนื่องด้วยกาย-ใจนี้ ที่มากมาย

ข้าพเจ้าปรารถนาความดับเย็นแห่งอัตภาพนี้เหลือเกิน :b55:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2012, 21:57 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2012, 19:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
wink
อ้างคำพูด:
sriariya:เขียน
สรุปแล้ว บรรดาบุคคลที่เข้ามาตอบความสงสัยของคุณ ไม่ได้รู้ ไม่ได้เห็น พระตถาคต กันสักคน แม้แต่ข้าพเจ้า(ในชาตินี้นะ) เพราะข้าพเจ้าก็ตอบมั่ว ไปตามเรื่อง

...การตีความแบบสุ่มเดาเอาเอง แล้วก็เหมารวมว่าคนอื่นตอบมั่ว ไม่ใช่วิธีของนักปราชญ์...
...นักปราชญ์ระดับพระอรหันต์ยุคปัจจุบันก็ไม่มีใครเห็นตัวจริงของพระพุทธเจ้าหร็อกคุณศรีฯ...
...ข้าพเจ้าว่าคุณศรีฯ คงลืมไปมั๊งคะ ว่าพระอาจารย์ที่เป็นครูบาอาจารย์สอนให้ทำกรรมฐาน...
...ถ้าคุณศรีฯเคยนั่งสมาธิได้ตามลำดับขั้น ขณิก อุปจาร อัปปนา จนถึงฌานต่างๆ...
...แต่ละอาการที่เกิดกับจิตที่ปฏิบัติจิตตภาวนามีจารึกในพระไตรปิฏกใช่หรือไม่...
...แล้วยังไม่รู้อีกหรือว่าบุคคลอันดับแรกที่สิ้นกิเลสเป็นผู้เริ่มต้นประกาศ...
...จนถึงปีพุทธยันตี...2600ปีเข้าไปแล้ว...คิดได้ไงว่าคนอื่นมั่วตอบ...
...เสียชื่อ sriariya หมดเลย...รู้ตัวไหม...
:b32: :b32:
:b16:


เออ...เฮ้อ....อพิโธ่..อพิถัง...คุณไปอยู่ที่ไหนมาขอรับ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถึงได้กล่าวว่า ข้าพเจ้าตีความแบบสุ่มเอาเอง ต้องขออภัยต่อท่านทั้งหลาย ถ้าหากข้าพเจ้าจะกล่าวว่า พวกคุณทุกคน อย่างมากก็แค่อวดอุตริฯ ไม่ได้รู้ธรรมอะไรเลย ได้แต่แสดงความคิดเห็น คุณเข้าใจคำว่าแสดงความคิดเห็นไหมขอรับ

ข้าพเจ้าไม่ใช่นักปราชญ์ดอกนะ แต่ข้าพเจ้า ยิ่งกว่านักปราชญ์ด้วยซ้ำ
ข้าพเจ้า ไม่ใช่พระอรหันต์ดอกนะ แต่ข้าพเจ้า ยิ่งกว่า อรหันต์ด้วยซ้ำ เข้าใจไหมขอรับ

ข้าพเจ้าจะสาธยายให้พวกคุณทั้งหลายได้รู้เอาไว้ว่า ข้าพเจ้าได้รับการฝึกอบรม ขัดเกลา มาทาง พุทธศาสนา ดังนั้น วิธีการปฏิบัติในทางพุทธศาสนา ข้าพเจ้า ศึกษา ค้นคว้า วิจัย และทดลองปฏิบัติมาแล้วทั้งสิ้น ไม่อย่างนั้น ข้าพเจ้าจะประกาศตัวว่าคือ "ศรีอาริยเมตไตรย" ได้อย่างไร นั่นก็เพราะข้าพเจ้าได้ค้นพบแล้วว่า หลักธรรมทางพุทธศาสนาที่มีในพระไตรปิฎก เป็นเพียงมองแต่ตัวเอง มิได้มองสิ่งรอบข้าง มิได้มองมนุษย์ที่อาศัยอยู่รอบข้างที่อยู่ไกลออกไป ข้าพเจ้า จึงได้สอน หลักธรรมศรีอาริย์ฯ ซึ่งเป็นหลักธรรม เฉพาะของพุทธศาสนา ๔ คู่ ๘ ข้อ อันเป็นหลักธรรมที่เป็นกลาง เป็นหลักธรรมที่ใช้ได้ตั้งแต่ ระดับปุถุชนทุกชนชั้น ไปจนถึงระดับ อริยะบุคคล นอกเหนือจากหลักธรรมแห่งข้าพเจ้า ไม่มีหลักธรรมใดที่จะทำให้บรรลุนิพพพาน หรือปรินิพพานได้ อย่างแน่นอน

ปัจจุบัน ข้าพเจ้ายังค้นพบอีกว่า ในชั้นหรือขั้นการปฏิบัติหรือฝึกตนทั้งหลายนั้น ยังมีชั้นหรือขั้นที่สูงกว่า นิพพาน หรือ ปรินิพพาน อย่างน้อย อีกหนึ่งชั้น หรือหนึ่งขั้น ตอนนี้ยังไม่รู้ว่า มันเป็นชั้นที่มีชื่อว่าอะไรกันแน่ เพราะการฝึก การปฏิบัติ หรือการทดลอง ต้องใช้เวลา เท่าที่จะขยันมากหรือน้อย

อนึ่ง คุณไม่ต้องสาธิยาย เรื่อง สมาธิ อะไรเหล่านั้นดอกนะ คุณไม่รู้จริงรู้แจ้งอะไรเกี่ยวกับคำศัพท์เหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย ข้าพเจ้าเคยสอนไปแล้วเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้น อย่าทำมาเป็นอวดอุตรีฯ อวดภูมิความรู้ที่ไม่เอาไหนของคุณเลยขอรับ
ท่านผู้ใดอ่านแล้ว ก็ให้ใช้วิจารญาณให้ดี จะคิดว่า ข้าพเจ้าเยาะเย้ย เสียดสี ถากถาง ก็ย่อมได้ หรือถ้ามีจิตใจสูงสักหน่อย ก็ย่อมคิดว่า ข้าพเจ้าว่ากล่าวตักเตือน ด้วยเมตตาต่อผู้เป็น พุทธศาสนิกชน ก็ย่อมได้เช่นกัน ฮ่า ฮ๋า ฮ่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 พ.ค. 2012, 05:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
เออ...เฮ้อ....อพิโธ่..อพิถัง...คุณไปอยู่ที่ไหนมาขอรับ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถึงได้กล่าวว่า ข้าพเจ้าตีความแบบสุ่มเอาเอง ต้องขออภัยต่อท่านทั้งหลาย ถ้าหากข้าพเจ้าจะกล่าวว่า พวกคุณทุกคน อย่างมากก็แค่อวดอุตริฯ ไม่ได้รู้ธรรมอะไรเลย ได้แต่แสดงความคิดเห็น คุณเข้าใจคำว่าแสดงความคิดเห็นไหมขอรับ

ข้าพเจ้าไม่ใช่นักปราชญ์ดอกนะ แต่ข้าพเจ้า ยิ่งกว่านักปราชญ์ด้วยซ้ำ
ข้าพเจ้า ไม่ใช่พระอรหันต์ดอกนะ แต่ข้าพเจ้า ยิ่งกว่า อรหันต์ด้วยซ้ำ เข้าใจไหมขอรับ

ข้าพเจ้าจะสาธยายให้พวกคุณทั้งหลายได้รู้เอาไว้ว่า ข้าพเจ้าได้รับการฝึกอบรม ขัดเกลา มาทาง พุทธศาสนา ดังนั้น วิธีการปฏิบัติในทางพุทธศาสนา ข้าพเจ้า ศึกษา ค้นคว้า วิจัย และทดลองปฏิบัติมาแล้วทั้งสิ้น ไม่อย่างนั้น ข้าพเจ้าจะประกาศตัวว่าคือ "ศรีอาริยเมตไตรย" ได้อย่างไร นั่นก็เพราะข้าพเจ้าได้ค้นพบแล้วว่า หลักธรรมทางพุทธศาสนาที่มีในพระไตรปิฎก เป็นเพียงมองแต่ตัวเอง มิได้มองสิ่งรอบข้าง มิได้มองมนุษย์ที่อาศัยอยู่รอบข้างที่อยู่ไกลออกไป ข้าพเจ้า จึงได้สอน หลักธรรมศรีอาริย์ฯ ซึ่งเป็นหลักธรรม เฉพาะของพุทธศาสนา ๔ คู่ ๘ ข้อ อันเป็นหลักธรรมที่เป็นกลาง เป็นหลักธรรมที่ใช้ได้ตั้งแต่ ระดับปุถุชนทุกชนชั้น ไปจนถึงระดับ อริยะบุคคล นอกเหนือจากหลักธรรมแห่งข้าพเจ้า ไม่มีหลักธรรมใดที่จะทำให้บรรลุนิพพพาน หรือปรินิพพานได้ อย่างแน่นอน

ปัจจุบัน ข้าพเจ้ายังค้นพบอีกว่า ในชั้นหรือขั้นการปฏิบัติหรือฝึกตนทั้งหลายนั้น ยังมีชั้นหรือขั้นที่สูงกว่า นิพพาน หรือ ปรินิพพาน อย่างน้อย อีกหนึ่งชั้น หรือหนึ่งขั้น ตอนนี้ยังไม่รู้ว่า มันเป็นชั้นที่มีชื่อว่าอะไรกันแน่ เพราะการฝึก การปฏิบัติ หรือการทดลอง ต้องใช้เวลา เท่าที่จะขยันมากหรือน้อย

อนึ่ง คุณไม่ต้องสาธิยาย เรื่อง สมาธิ อะไรเหล่านั้นดอกนะ คุณไม่รู้จริงรู้แจ้งอะไรเกี่ยวกับคำศัพท์เหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย ข้าพเจ้าเคยสอนไปแล้วเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้น อย่าทำมาเป็นอวดอุตรีฯ อวดภูมิความรู้ที่ไม่เอาไหนของคุณเลยขอรับ
ท่านผู้ใดอ่านแล้ว ก็ให้ใช้วิจารญาณให้ดี จะคิดว่า ข้าพเจ้าเยาะเย้ย เสียดสี ถากถาง ก็ย่อมได้ หรือถ้ามีจิตใจสูงสักหน่อย ก็ย่อมคิดว่า ข้าพเจ้าว่ากล่าวตักเตือน ด้วยเมตตาต่อผู้เป็น พุทธศาสนิกชน ก็ย่อมได้เช่นกัน ฮ่า ฮ๋า ฮ่า

อาการแบบนี้ หมอศิริราชบอกว่า "ไม่รับเย็บ"
แต่หมอศรีธัญญาหรือสมเด็เพระยาบอกว่า "แบบนี้เย็บไม่ได้ ต้องช็อทไฟฟ้าอย่างเดียว" :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2012, 01:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

ท่านทั้งหลายเห็นธรรมใด หรือการเห็นธรรมใดจึงชื่อว่าเห็นพระตถาคต?
" ธรรมข้อนั้น ชื่อว่า ศรัทธา"

ทำไมคนที่เป็นอริยะมักจะยึดหลักความเป็นจริงเป็นอัตตา แล้วทำไมต้อง เจริญวิปัสนาเพื่อละความเห็นเป็นอนัตตา?

"คำถามนี้ ไม่เป็นไปเพื่อสร้างศรัทธาให้เกิดกับผู้ที่กำลังศึกษา แต่หากท่านปรารถนาจะศึกษาพระธรรมเพื่อความหลุดพ้นแล้ว จงวางเสียซึ่งความสงสัยทั้งหลาย แล้วพิจารณาถึงสิงทั้งหลายทั้งปวงว่าไม่ใช่ตัวตน เป็นเพียงกองแห่งสังขาร ประกอบด้วยธาติดิน น้ำ ลม ไฟ อันเกิดจากความไม่รู้เป็นเหตุ มีอนุสัยกิเลสที่นอนเนื่องอยู่ในขันธสันดานเป็นตัวปรุงแต่ง ชักจูง ครอบงำปิดบัง ให้กระทำกรรมดีบ้าง กรรมชั่วบ้าง แล้วจึงเวียนว่ายตายเกิดอยู่ตามภพต่างๆ ละจากภพนี้ไปสู่ภพโน้น จากภพโน้น ไปสู่ภพนี้ จุติจากความเป็นสังขารนี้ ไปสู่สังขารโน้น แล้วๆ เล่าๆ ท่านเป็นอย่างไร คนอื่นก็เป็นอย่างนั้น จะหาที่ระหว่างมิได้ หากแต่เหล่าพระอริยะผู้เจริญวิปัสสนาภาวนาตามรู้ทั่วอยู่เท่านั้น จึงเห็นความแปรปรวนเหล่านั้น เืมื่อเห็นก็เบื่อหน่าย เืมื่อเบื่อหน่ายก็คลายความกำหนัด เมื่อคลายความกำหนัด ก็ปล่อย เมื่อปล่อยก็สำรอกเสียซึ่งกิเลสอันหมักหมมอยู่ในขันธสันดาน กรรมเพื่อความเกิดก็มิได้มี ชาติ ภพจบสิ้นแล้ว กิจที่ควรทำได้ทำเสร็จแล้ว กิจเพื่อความเป็นไปอย่างนี้จึงมิได้อีก"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2012, 01:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 พ.ค. 2012, 02:09
โพสต์: 456


 ข้อมูลส่วนตัว


อยากทราบว่าธรรมใหนครับที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้จริง ธรรมนั้นคืออะไร แล้วจะทราบได้อย่างไรครับ?

" ธรรมใดที่เป็นไปเพื่อหนทางแห่งการดับเหตุแห่งอวิชชา ธรรมนั้นคือ อริยสัจจ์ ๔ ผู้ปฏิบัติจึงรู้ได้ ผู้ไม่ปฏิบัติไม่อาจรู้.."


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2012, 01:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 พ.ค. 2010, 23:10
โพสต์: 194

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระอรหันต์ขัดเกลากิเลสตนเองจนหมดสิ้นไม่ยึดติดตนเองว่าถึงความเป็นอรหันต์ ไม่ยึดติดแม้แต่วลีวาจาใดๆในโลกทั้งสิ้น หลุดพ้นจากการกำหนดใดๆทั้งปวง

แต่บุรุษและสตรีผู้อ่านมากรู้มาก"แต่"หาได้ขัดเกลากิเลสในใจของตนเองยังยึดติดกับคำว่่า "อรหันต์" หรือมัวแต่นับขั้นการหมดไปของกิเลสผู้อื่นและมองหาปัญญาของชนเหล่าอื่นอยู่เป็นกิจวัตร.

ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา มาจากตอนหนึ่งในพระไตรปิฎกที่มีภิกษุณีรูปหนึ่งติดใจในการมองในการได้เห็นพระพุทธเจ้าจนลืมขัดเกลาละวางกิเลสตนเองพระพุทธองค์จึงกล่าวว่า ท่านจะมัวมาสนใจรูปกายของเราที่เปรียบเสมือนถุงหุ้มอุจจาระอาจมและสังขารที่เสื่อมลงทุกวันของเราไปทำไม ผู้ใดเห็น(ปฎิบัติ)ธรรม(ขัดเกลาเผากิเลส)เท่ากับได้เห็นเราตถาคตที่แท้จริง นั่นแล. ที่มาของพุทธสุภาษิตที่ว่า "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต" จร้า.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2012, 02:37 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:

ข้าพเจ้าไม่ใช่นักปราชญ์ดอกนะ แต่ข้าพเจ้า ยิ่งกว่านักปราชญ์ด้วยซ้ำ
ข้าพเจ้า ไม่ใช่พระอรหันต์ดอกนะ แต่ข้าพเจ้า ยิ่งกว่า อรหันต์ด้วยซ้ำ เข้าใจไหมขอรับ


ไม่มีใครเขาคิดว่าเอ่งเป็นอรหันต์ดอก....
ช่าย..เอ่งเป็นยิ่งกว่าอรหันต์....ที่ที่ผู้ตรัสรู้ชอบก็ไม่อยากเป็น
เข้าใจ....เข้าใจ...ดี

sriariya เขียน:

นอกเหนือจากหลักธรรมแห่งข้าพเจ้า ไม่มีหลักธรรมใดที่จะทำให้บรรลุนิพพพาน หรือปรินิพพานได้ อย่างแน่นอน


ด้วยหลักของเอ่ง....เอ่ง....ได้ไปอยู่คนเดียว..แน่ แน่....

sriariya เขียน:

ปัจจุบัน ข้าพเจ้ายังค้นพบอีกว่า ในชั้นหรือขั้นการปฏิบัติหรือฝึกตนทั้งหลายนั้น ยังมีชั้นหรือขั้นที่สูงกว่า นิพพาน หรือ ปรินิพพาน อย่างน้อย อีกหนึ่งชั้น หรือหนึ่งขั้น ตอนนี้ยังไม่รู้ว่า มันเป็นชั้นที่มีชื่อว่าอะไรกันแน่


ข้าจะบอกเอ่งให้.....มันเรียกว่าโลกัณตนรก...ที่ที่ของเอ่ง

sriariya เขียน:
ท่านผู้ใดอ่านแล้ว ก็ให้ใช้วิจารญาณให้ดี ............
ข้าพเจ้าว่ากล่าวตักเตือน ด้วยเมตตาต่อผู้เป็น พุทธศาสนิกชน ก็ย่อมได้เช่นกัน ฮ่า ฮ๋า ฮ่า


ช่ายยย...ต้องใช้วิจารณญาณ.......ขอบคุณที่เอ่งช่วยเตือน....ขอบคุณมาก :b22:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2012, 07:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ธ.ค. 2011, 21:40
โพสต์: 952


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
sriariya เขียน:

ข้าพเจ้าไม่ใช่นักปราชญ์ดอกนะ แต่ข้าพเจ้า ยิ่งกว่านักปราชญ์ด้วยซ้ำ
ข้าพเจ้า ไม่ใช่พระอรหันต์ดอกนะ แต่ข้าพเจ้า ยิ่งกว่า อรหันต์ด้วยซ้ำ เข้าใจไหมขอรับ


ไม่มีใครเขาคิดว่าเอ่งเป็นอรหันต์ดอก....
ช่าย..เอ่งเป็นยิ่งกว่าอรหันต์....ที่ที่ผู้ตรัสรู้ชอบก็ไม่อยากเป็น
เข้าใจ....เข้าใจ...ดี

sriariya เขียน:

นอกเหนือจากหลักธรรมแห่งข้าพเจ้า ไม่มีหลักธรรมใดที่จะทำให้บรรลุนิพพพาน หรือปรินิพพานได้ อย่างแน่นอน


ด้วยหลักของเอ่ง....เอ่ง....ได้ไปอยู่คนเดียว..แน่ แน่....

sriariya เขียน:

ปัจจุบัน ข้าพเจ้ายังค้นพบอีกว่า ในชั้นหรือขั้นการปฏิบัติหรือฝึกตนทั้งหลายนั้น ยังมีชั้นหรือขั้นที่สูงกว่า นิพพาน หรือ ปรินิพพาน อย่างน้อย อีกหนึ่งชั้น หรือหนึ่งขั้น ตอนนี้ยังไม่รู้ว่า มันเป็นชั้นที่มีชื่อว่าอะไรกันแน่


ข้าจะบอกเอ่งให้.....มันเรียกว่าโลกัณตนรก...ที่ที่ของเอ่ง

sriariya เขียน:
ท่านผู้ใดอ่านแล้ว ก็ให้ใช้วิจารญาณให้ดี ............
ข้าพเจ้าว่ากล่าวตักเตือน ด้วยเมตตาต่อผู้เป็น พุทธศาสนิกชน ก็ย่อมได้เช่นกัน ฮ่า ฮ๋า ฮ่า


ช่ายยย...ต้องใช้วิจารณญาณ.......ขอบคุณที่เอ่งช่วยเตือน....ขอบคุณมาก :b22:


ท่านกบ ขุ่นมัว หรือ เมตตา กันละนี้ :b27: :b27: :b27:
ช่างเขาเถิดท่านผู้นี้ เขา อัตตาคับโลกแล้ว จนต้องหาทางปลดปล่อยบ้าง แต่อย่างว่านะ เขาก็มีดี อยู่เช่นกัน เลือกๆเอา :b12:
:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 50 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 58 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร