วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 23:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2012, 19:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ปัตติปิตา เขียน:
วันนี้ผมได้นั่งสมาธิ เป็นเวลาประมาณ เกือบ๑ชั่วโมง ก็สงบดีอยู่หรอก จนกระทั่งตอนออกจากสมาธิ รู้สึกหงุดหงิดใจเป็นบ้าเลย อะไรก็ไม่ถูกใจ อึดอัดใจ กระวนกระวายใจ ทำอะไรไม่ถูก จนมาเขียน กระทู้นี้แหละ ใครพอรู้ว่าผมเป็นอะไร ช่วยแนะนำผมด้วยนะ


ขออภัยขอรับ ข้าพเจ้าขอตอบตามตรง และตามประสบการณ์ที่ข้าพเจ้าปฏิบัติสมาธิมานานกว่า 40 ปี(สี่สิบ) ตามที่คุณถามมาเล่ามา ไม่น่าจะเป็นความจริงขอรับ เพราะ ถ้าขณะคุณนั่งสมาธิ สามารถสงบใจ ไม่คิด ไม่เห็นภาพหลอน ฯ แสดงว่า คุณสามารถควบคุมจิตใจ ควบคุมสมอง ถ้าหากจะกล่าวตามหลักพุทธศาสนาแล้วละก้อ คุณบรรลุถึง ฌาน(ชาน)สี่ แล้ว
เพราะ ขณะปฏิบัติสมาธิ คุณไม่มี วิตก วิจาร ปีติ สุข แต่คุณมี อุเบกขา เอกัคคตา จิตเป็นสมาธิดีแล้ว
ถ้าคุณกล่าวว่า คุณออกจากสมาธิ แล้วรู้สึกหงุดหงิดใจฯลฯ นั่นแสดงว่า ขณะปฏิบัติสมาธิ คุณไม่ได้สงบจริงอย่างที่คุณกล่าวมา แต่คุณมี วิตก วิจาร ในเรื่องราวต่างๆ พอออกจากการนั่งสมาธิ จึงรู้สึกหงุดหงิดตามเรื่องราวที่คุณ วิตก วิจาร ขณะนั่งสมาธิ
ข้าพเจ้าตอบตามประสบการณ์และเป็นหลักความจริงด้วยขอรับ เหตุเพราะถ้า บุคคลสามารถนั่งสมาธิ โดยสงบใจได้แล้วละก้อ พอออกจากการนั่งหรือปฏิบัติสมาธิ จะไม่รู้สึกหงุดหงิด ยกเว้น เกิด วิตก วิจาร หลังออกจากสมาธิโดยทันควัน เพราะเกิดความคิดในเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ตัวเองไม่ชอบ ตัวเองไม่เห็นด้วย หรือคิดถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง อันเกิดจากความโลภ ความหลง อยากได้แต่ไม่ได้ อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่ไม่เป็นอย่างนั้น ฯลฯ ขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2012, 22:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2011, 20:09
โพสต์: 82

แนวปฏิบัติ: รู้ตัวเสมอ ก่อนพูด ก่อนคิด ก่อนทำ
อายุ: 17
ที่อยู่: ระยอง

 ข้อมูลส่วนตัว


ปลงซะ เขียน:
ปัตติปิตา เขียน:
วันนี้ผมได้นั่งสมาธิ เป็นเวลาประมาณ เกือบ๑ชั่วโมง ก็สงบดีอยู่หรอก จนกระทั่งตอนออกจากสมาธิ รู้สึกหงุดหงิดใจเป็นบ้าเลย อะไรก็ไม่ถูกใจ อึดอัดใจ กระวนกระวายใจ ทำอะไรไม่ถูก จนมาเขียน กระทู้นี้แหละ ใครพอรู้ว่าผมเป็นอะไร ช่วยแนะนำผมด้วยนะ


โถๆๆ น่าฉงฉานนิ คิดได้ไงอ่ะ เลิกนั่งแล้วหงุดหงิด สงสัยเหน็บกินป่าว
วิธีแก้คือ คุณ ปิดหูปิตา ต้องออกมายืดเส้นบ้างนะ เส้นก๋วยเตี๋ยวก๋วยจั๊บก็ยืดไป

ฮ๊ากล้ง ปิ้งหมูนะจ๊ะนายยยยย โห่ หิ๊วววววววววววววววววววววววววววว :b13: :b13: :b13:




อันนี้ผมไม่ได้คิดครับ มันเป็นสภาวะที่เกิดขึ้น ถ้าหากผมคิดให้สุขแล้วมันสุข คิดให้หงุดหงิดแล้วมันหงุดหงิดได้ ผมคงไม่มาถามพวกคุณหรอก :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2012, 22:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


ฮา....5.5.5.... :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2012, 01:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ก้หาเพื่อนคุย หรือเปิดทีวี ดูบอลแมนยูVS ลิเวอรพลุ หรือดูข่าวสามมิติ ก้คงช่วยได้คับ.... :b40:

บางทีก่อนมานั่งจิตเราก้ฟุ้งซ่านกระวนกระวายอยู่แล้ว พอมานั่งก้เหมือนบังคับมันว่าให้สงบนะ
แต่พอนั่งครบชม.ปั๊บ จิตมันเรยแผลงฤทธิ อย่างที่คุนเป็นนี่ไง???? ก้ได้ความร้ว่าบางครั้งนั่งไปแล่้ว
เบาสบายเหลือเกิน แต่นั่งบางครั้งๆนั่งเสรจ มันแย่ซะยิ่งกว่าไม่ได้นั่งซะอีก แต่ถ้าสำหรับภาษาวิปัสสนา
เขาว่า เก็บเป็นความรู้ เพื่อไว้ศึกษาต่อ เพราะนี่คือธรรมชาติของจิต วันหลังก้นั่งสักสิบหรือสิบห้านาที
แล้วเอามาเปรียบกับวันนี้ดู ดูว่ามันจะเปนอย่างไร (จิตอาจจะอยากเปนสมาธิแค่5 นาทีก้เป็นได้ พอนั่งเยอะ
จิตเลยกระวนกระวายใหญ่เลย) :b30:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2012, 11:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


ปัตติปิตา เขียน:
ปลงซะ เขียน:
ปัตติปิตา เขียน:
วันนี้ผมได้นั่งสมาธิ เป็นเวลาประมาณ เกือบ๑ชั่วโมง ก็สงบดีอยู่หรอก จนกระทั่งตอนออกจากสมาธิ รู้สึกหงุดหงิดใจเป็นบ้าเลย อะไรก็ไม่ถูกใจ อึดอัดใจ กระวนกระวายใจ ทำอะไรไม่ถูก จนมาเขียน กระทู้นี้แหละ ใครพอรู้ว่าผมเป็นอะไร ช่วยแนะนำผมด้วยนะ


โถๆๆ น่าฉงฉานนิ คิดได้ไงอ่ะ เลิกนั่งแล้วหงุดหงิด สงสัยเหน็บกินป่าว
วิธีแก้คือ คุณ ปิดหูปิตา ต้องออกมายืดเส้นบ้างนะ เส้นก๋วยเตี๋ยวก๋วยจั๊บก็ยืดไป

ฮ๊ากล้ง ปิ้งหมูนะจ๊ะนายยยยย โห่ หิ๊วววววววววววววววววววววววววววว :b13: :b13: :b13:




อันนี้ผมไม่ได้คิดครับ มันเป็นสภาวะที่เกิดขึ้น ถ้าหากผมคิดให้สุขแล้วมันสุข คิดให้หงุดหงิดแล้วมันหงุดหงิดได้ ผมคงไม่มาถามพวกคุณหรอก :b8:



หากคุณไม่คิด คุณก็สงบ แต่ดับเหตุแห่งทุกข์ไม่ได้ (เป็นการข่ม โลภ โกรธ หลง ชั่วคราว เพราะความโลภ โกรธ หลงมีอยู่เต็มใจของคุณ มันจะออกมาได้ตลอดเวลาเมื่อถูกกระทบทางใดทางหนึ่ง)
หากคุณคิดเมื่อไหร่คุณก็ไม่สงบ เพราะใจถูกกระทบ คิดปรุงแต่ง คิดนั้นคิดนี้ เพราะโลภ โกรธ หลง เกิดได้ทั้ง 6 ทาง 1.ตา 2. หู 3. จมูก 4. ลิ้น 5. กาย 6. ใจ
ต้องวิปัสสนาภาวนาเท่านั้นเอาความจริงตามกฎไตรลักษณ์เข้าไปแทนที่หลังจากผัสสะ หรือ กระทบของอายตนะภายนอก และอายตนะภายใน ความโลภ โกรธ หลง ก็ไม่เกิด ตัณหาไม่เกิด อุปทานไม่เกิด ทุกข์ก็ไม่เกิด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2012, 17:18 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ม.ค. 2011, 12:57
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว


สภาวะธรรมความอึดอัด ร้อน ชา หงุดหงิด คัน สิ่งเหล่านี้เป๋นผลเกิดจากการปฏิบัติที่ถูกทางแล้ว หากคิดว่าสภาวะเหล่านี้คือปัญหา ความคิดนั่นแหละคือปัญหาอันเกิดจากความไม่เข้าใจหลักความจริงของกายและใจ ถ้าเปรียบทั้ง 2 สิ่งเป็นถังขยะ ในแต่ละวินาที นาที ชม.วัน เราปรุงแต่งสร้างขยะจากอนุสัย
(นาม)และอาสวะ(รูป) พิจารณาดูว่าขยะหรือของร้อนเหล่านี้อยู่ที่ใหน ถ้าของร้อนไม่ออกมาจะเย็นสงบได้อย่างไร หนามที่ตำเท้า เวลาบ่งออกก็ย่อมเจ็บเป็นธรรมดา แต่เป็นเจ็บที่จะทำให้หายเจ็บต่อไป แต่เนื่องจากขยะไม่ได้มีแค่กองเดียว และมีทั้งขยะเก่าใหม่ ปนเปกัน ตัณหาจึงมีกิจสร้างรอบของทุกข์ ส่วน
สติ สัมปชัญญะ และการปล่อยวาง มีกิจในการล้างรอบทุกข์ จึงต้องใช้ความเพียรเผากิเลส ทำให้มากเจริญให้มาก :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.พ. 2012, 17:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 13:38
โพสต์: 376

ชื่อเล่น: ต้น
อายุ: 0
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


ให้ปฏิบัติตามลำดับครับ

๑.มีศีลเป็นที่ตั้ง คือรักษากุศลกรรมบทสิบจนอิ่ม
๒.สำรวมอินทรีย์
คณกโมคคัลลานสูตร
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... 571&Z=1734

หลังจากที่ท่านออกจากสมาธิแล้วให้ท่านตั้งอยู่ในศีลแล้วสำรวมอินทรีย์อย่างต่อเนื่องสืบไป อย่าให้ความยินดียินร้ายครอบงำ เช่นที่พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่าคุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย เธอเห็นรูปด้วยจักษุแล้ว จงอย่าถือเอาโดยนิมิต อย่าถือเอาโดยอนุพยัญชนะ จงปฏิบัติเพื่อสำรวมจักขุนทรีย์ อันมีการเห็นรูปเป็นเหตุ ซึ่งบุคคลผู้ไม่สำรวมอยู่ พึงถูกอกุศลธรรมอันลามกคือ อภิชฌาและโทมนัสครอบงำได้ จงรักษาจักขุนทรีย์ ถึงความสำรวมในจักขุนทรีย์เถิด....ฯลฯ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 38 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร