วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 18:08  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 48 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 19:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
โถ..พิโถ...พิโถ...เจ้าเด็กน้อยกรัชกายผู้น่าสงสาร ข้าพเจ้าไม่หายไปไหนดอก แต่ข้าพเจ้าต้องแบ่งเวลาในการประกอบกิจกรรมต่างๆ ของข้าพเจ้า เสาร์ อาทิตย์ ก็ต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม อ่านหนังสือหนังหาทบทวนบ้างเพราะบางครั้งไม่ได้ใช้ก็จำผิด อย่างนี้เป็นต้น

เอ็งมันไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ ไม่รู้จักที่ควรหรือไม่ควร อายละซิท่า เลยแก้เก้อ กล่าวแบบสันดานคนพาล.......โถ..พิโถ..พิโถ..น่าสงสาร...น่าสมเพช...น่าสงสาร...น่าสมเพช....เจ้าเด็กน้อยกรัชกาย ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม (คงดื่มนมวัวละมั้ง) สมองมันเลยใกล้จะเป็นวัวซะแล้ว..อิ อิ อิ อิ



อ้อ :b1: อ่านหนังสือทบทวนความจำหรอขอรับ สาธุเห็นด้วยดีขอรับ แล้วที่พูดมาสามบรรทัดล่างจำมาจากหนังสืออะไรใครแต่ง :b10: จำชื่อผู้เขียนได้มั้ยขอรับ :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ย. 2009, 13:38
โพสต์: 376

ชื่อเล่น: ต้น
อายุ: 0
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๒ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๔ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์
โอปัมมวรรค
๑. กกจูปมสูตร

เปรียบเหมือนบุรุษเขียนรูปในอากาศ

[๒๖๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษ ถือเอาครั่งก็ตาม สีเหลืองสีเขียว หรือสีเหลืองแก่ก็ตามมาแล้ว กล่าวอย่างนี้ว่า เราจักเขียนรูปต่างๆ ในอากาศนี้ กระทำให้เป็นรูปเด่นชัด ดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน บุรุษนั้นจะเขียนรูปต่างๆในอากาศนี้ กระทำให้เป็นรูปเด่นชัดได้หรือไม่? ไม่ได้พระเจ้าข้า ข้อนั้นเพราะเหตุอะไร?เพราะธรรมดาอากาศนี้ ย่อมเป็นของไม่มีรูปร่าง ชี้ให้เห็นไม่ได้ เขาจะเขียนรูปในอากาศนั้นทำให้เป็นรูปเด่นชัดไม่ได้ง่ายเลย ก็แหละบุรุษนั้นจะต้องเหน็ดเหนื่อยลำบากเสียเปล่าเป็นแน่แท้ดังนี้ แม้ฉันใด ดูกรภิกษุทั้งหลาย ทางแห่งถ้อยคำที่บุคคลอื่นจะพึงกล่าวกะท่าน มีอยู่ ๕ ประการคือ กล่าวโดยกาลอันสมควรหรือไม่สมควร ๑ กล่าวด้วยเรื่องจริงหรือไม่จริง ๑ กล่าวด้วยคำอ่อนหวานหรือคำหยาบคาย ๑ กล่าวด้วยคำประกอบด้วยประโยชน์ หรือไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ๑ มีจิตเมตตาหรือมีโทสะในภายในกล่าว ๑ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อบุคคลอื่นจะกล่าวโดยกาลอันสมควรหรือไม่สมควรก็ตาม จะกล่าวด้วยเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ตาม จะกล่าวถ้อยคำอ่อนหวานหรือหยาบคายก็ตาม จะกล่าวถ้อยคำประกอบด้วยประโยชน์ หรือไม่ประกอบด้วยประโยชน์ก็ตาม จะมีจิตเมตตาหรือมีโทสะในภายในกล่าวก็ตาม ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ในข้อนั้นพวกเธอพึงศึกษาอย่างนี้ว่า จิตของเราจักไม่แปรปรวน เราจักไม่เปล่งวาจาลามก เราจักอนุเคราะห์ด้วยสิ่งอันเป็นประโยชน์ เราจักมีจิตเมตตา ไม่มีโทสะในภายใน เราจักแผ่เมตตาจิตไปถึงบุคคลนั้น และเราจะแผ่เมตตาจิตอันไพบูลย์ ใหญ่ยิ่ง หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท ไปตลอดโลก ทุกทิศทุกทาง ซึ่งเป็นอารมณ์ของจิตนั้น ดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาด้วยอาการดังกล่าวมานี้แล.

พระโอวาทแสดงการเปรียบด้วยเลื่อย

[๒๗๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย หากจะมีพวกโจรผู้มีความประพฤติต่ำช้า เอาเลื่อยที่มีที่จับทั้งสองข้าง เลื่อยอวัยวะใหญ่น้อยของพวกเธอ แม้ในเหตุนั้นภิกษุหรือภิกษุณีรูปใดมีใจคิดร้ายต่อโจรเหล่านั้น ภิกษุหรือภิกษุณีรูปนั้น ไม่ชื่อว่าเป็นผู้ทำตามคำสั่งสอนของเรา เพราะเหตุที่อดกลั้นไม่ได้นั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้ในข้อนั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า จิตของเราจักไม่แปรปรวน เราจักไม่เปล่งวาจาที่ลามก เราจักอนุเคราะห์ผู้อื่นด้วยสิ่งที่เป็นประโยชน์ เราจักมีเมตตาจิตไม่มีโทสะในภายใน เราจักแผ่เมตตาจิตไปถึงบุคคลนั้น และเราจักแผ่เมตตาอันไพบูลย์ใหญ่ยิ่ง หาประมาณมิได้ ไม่มีเวร ไม่มีพยาบาท ไปตลอดโลกทุกทิศทุกทาง ซึ่งเป็นอารมณ์ของจิตนั้น ดังนี้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอพึงศึกษาด้วยอาการดังที่กล่าวมานี้แล.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v ... 208&Z=4442


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.พ. 2012, 18:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
sriariya เขียน:
โถ..พิโถ...พิโถ...เจ้าเด็กน้อยกรัชกายผู้น่าสงสาร ข้าพเจ้าไม่หายไปไหนดอก แต่ข้าพเจ้าต้องแบ่งเวลาในการประกอบกิจกรรมต่างๆ ของข้าพเจ้า เสาร์ อาทิตย์ ก็ต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม อ่านหนังสือหนังหาทบทวนบ้างเพราะบางครั้งไม่ได้ใช้ก็จำผิด อย่างนี้เป็นต้น

เอ็งมันไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ ไม่รู้จักที่ควรหรือไม่ควร อายละซิท่า เลยแก้เก้อ กล่าวแบบสันดานคนพาล.......โถ..พิโถ..พิโถ..น่าสงสาร...น่าสมเพช...น่าสงสาร...น่าสมเพช....เจ้าเด็กน้อยกรัชกาย ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม (คงดื่มนมวัวละมั้ง) สมองมันเลยใกล้จะเป็นวัวซะแล้ว..อิ อิ อิ อิ



อ้อ :b1: อ่านหนังสือทบทวนความจำหรอขอรับ สาธุเห็นด้วยดีขอรับ แล้วที่พูดมาสามบรรทัดล่างจำมาจากหนังสืออะไรใครแต่ง :b10: จำชื่อผู้เขียนได้มั้ยขอรับ :b12:


ฮ่า ... ฮ่า ...ฮ๋า .....เจ้ากรัชกายผู้น่าสงสาร เจ้ามันก็ดีแต่เก่งที่จะยอกย้อน ข้าพเจ้าไม่จำเป็นต้องตอบคำถามสุดท้ายของเจ้าดอกนะ เพราะมันเป็นคำถามของคน...(..) ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.พ. 2012, 14:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เอ็งมันไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ ไม่รู้จักที่ควรหรือไม่ควร อายละซิท่า เลยแก้เก้อ กล่าวแบบสันดานคนพาล.......โถ..พิโถ..พิโถ..น่าสงสาร...น่าสมเพช...น่าสงสาร...น่าสมเพช....เจ้าเด็กน้อยกรัชกาย ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม (คงดื่มนมวัวละมั้ง) สมองมันเลยใกล้จะเป็นวัวซะแล้ว..อิ อิ อิ อิ

อ้อ อ่านหนังสือทบทวนความจำหรอขอรับ สาธุเห็นด้วยดีขอรับ แล้วที่พูดมาสามบรรทัดล่างจำมาจากหนังสืออะไรใครแต่ง จำชื่อผู้เขียนได้มั้ยขอรับ

ฮ่า ... ฮ่า ...ฮ๋า .....เจ้ากรัชกายผู้น่าสงสาร เจ้ามันก็ดีแต่เก่งที่จะยอกย้อน ข้าพเจ้าไม่จำเป็นต้องตอบคำถามสุดท้ายของเจ้าดอกนะ เพราะมันเป็นคำถามของคน...(..) ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า

เป็นคำถามของคน...(พิเศษ) :b1: :b12:

“คน”

ดวงดาววับวาวเคยเด่นพราวยังหล่น
เมฆลอยเบื้องบนยังตกลงสู่ดิน
หมู่มวลนกกามีปีกหลีกปืนของพรานโผบิน
ไม่วายร่วงดินลงตาย

ทะเลลึกมีมวลหมู่ปลามากอยู่
ทั่วบึงหนองคูมวลหมู่ปลามากมาย
ก็ยังมิวายโดนเบ็ดเด็ดชีวิตมันถึงตาย
ละม้ายคล้ายชีวิตคน
มืดมัวเด่นดีเพียงใด ร่ำรวยหรือเข็ญใจอับจน
ไม่มีวันพ้นความตาย สุดที่หมายเคียงกัน

เป็นคนทั้งทีควรให้มีประโยชน์
ชาติไทยของเราควรรุ่งโรจน์เท่าทัน
อย่ามัวระเริงความสุข ส่วนตัวเห็นเป็นสำคัญ
ชีวิตคนสั้นนิดเดียว.



.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.พ. 2012, 15:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




untitled.bmp
untitled.bmp [ 148.45 KiB | เปิดดู 2653 ครั้ง ]
เห็นหน้ากันเมื่อเช้า สายตาย
สายอยู่สุขสบาย บ่ายม้วย
บ่ายยังรื่นเริงกาย เย็นดับ ชีพนา
เย็นอยู่หยอกล้อลูกด้วย ค่ำม้วยดับสูญ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มี.ค. 2012, 19:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


ฮ่า...ฮ่า ....ฮ๋า

จะยากดี มีจน คนทั้งหลาย
จะเกิดแก่ เจ็บตาย มลายฝัน
ธรรมดา ของมนุษย์ ที่เป็นกัน
แล้วอย่างนั้น จะคิดถึง ไปทำไม

จะยากดี มีจน คนทั้งหลาย
จะแก่ตาย หรือเจ็บตาย ด้วยเหตุไหน
มันก็เป็น ธรรมชาติ หรืออกลไก
วัฎจักร หมุนวนไป ไม่รั้งรอ

จะยากดี มีจน คนทั้งหลาย
สิ่งนอกกาย สิ่งในกาย ทุกฝ่ายหนอ
เป็นเพียงสร้าง อารมณ์ จนเพียงพอ
รู้สึกท้อ รู้สึกทุกข์ สุขเวทนา

จะยากดี มีจน คนทั้งหลาย
แม้แต่กาย ยังไม่เหลือ ให้เสาะหา
คงเหลือแต่ ความดี จำนรรจา
ให้เล่าขาน เจรจา ก็เท่านั้น

แล้วเอ็งยัง จะเอา อะไรอีก
เอ็งจะหลีก ความตาย ก็เพียงฝัน
เรื่องความตาย ใช่น่ากลัว อะไรกัน
เรื่องที่ฉัน ว่ายิ่งใหญ่ คือเรื่องกิน (วะ) ฮ่า ฮ่า ฮ่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มี.ค. 2012, 20:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




F8055214-0.jpg
F8055214-0.jpg [ 10.79 KiB | เปิดดู 2616 ครั้ง ]
sriariya เขียน:

เรื่องที่ฉัน ว่ายิ่งใหญ่ คือเรื่องกิน (วะ) ฮ่า ฮ่า ฮ่า



ไม่มีกินต่างหากล่ะพี่เทยิ่งใหญ่ เรื่องกินเป็นเรื่องรอง จะนั่งกินตรงไหนก็ได้ ก็แค่ตักใส่ปากเคี้ยวๆๆกลืนแค่นี้เอง แต่ไม่มีกินนี่สิยิ่งใหญ่มโหฬาร ที่ขโมยขโจรปล้นจี้กันเนี่ยปัญหาหนึ่งคือไม่มีกิน :b1: :b12: :b32: สองฮ่าฮ่าฮ่า รึพี่เทจะเถียง
ไม่เชื่อถามเด็กที่คลานตามกระสอบบรรจุอาหารนั่นดิว่า "กิน" กับ "ไม่มีกิน" เนี่ย (ข้อ) เรื่องไหนยิ่งใหญ่กว่ากัน :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มี.ค. 2012, 08:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




imagesCAUW7YUV.jpg
imagesCAUW7YUV.jpg [ 8.88 KiB | เปิดดู 2595 ครั้ง ]
พี่เทจะให้ดูความจริง (เลี่ยงที่จะเรียก ธรรมะ เดี๋ยวจะฟุ้งซ่านกันไปใหญ่) ว่าปัญหาสังคมเกิดจากไร้ทรัพย์ เมื่อไร้ทรัพย์ก็ไม่มีจะกินอดอยากหิวโหยแล้วอะไรต่ออะไรจะเกิดตามมาเป็นกระบวน ลองพิจารณาดู :b1:


(ผู้ปกครองรัฐ) ไม่จัดสรรปันทรัพย์ให้แก่เหล่าชนผู้ไร้ทรัพย์ => ความยากจนระบาดทั่ว => อทินนาทานระบาดทั่ว=>การใช้อาวุธระบาดทั่ว=> ปาณาติบาด คือ การฆ่าฟันกันในหมู่มนุษย์ ระบาดทั่ว => มุสาวาทระบาด - การส่อเสียด – กาเมสุมิจฉาจาร – ผรุสวาทและสัมผัปปลาป - อภิชฌาและพยาบาท-มิจฉาทิฏฐิ- อธรรมราคะ ความละโมบ มิจฉาธรรม - ความไม่นับถือพ่อแม่สมณพราหมณ์ และการไม่เคารพนับถือกันตามฐานะ ระบาดทั่ว => อายุวรรณะเสื่อม…


จากจักกวัตติสูตรซึ่งแสดการเกิดขึ้นแห่งอาชญากรรม และความชั่วร้ายเดือดร้อนต่างๆ ในสังคมตามแนวปัจจยาการ (ปฏิจจสมุปบาททางสังคม)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มี.ค. 2012, 08:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


"ชาวบ้านกาญฯได้เฮ ศาลไกล่เกลี่ย ให้อยู่ที่ดินของรัฐได้

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 1 มีนาคม ชาวบ้านจากหมู่ที่ 2,3,6 ต. ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จำนวน 120 ราย...
http://breakingnews.nationchannel.com/r ... sid=554771"


ที่ดินซักตารางนิ้วที่เป็นกรรมสิทธิ์ตนเองก็ไม่มี ที่อยู่หลับนอนก็ไม่มี ท้องก็ยังหิวแล้วจะให้เขามานั่งฟังธรรมให้เขามาปฏิบัติดีปฏิบัติตามธรรม คงเป็นไปได้ยาก
เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าจะแสดงธรรมแก่พราหมณ์ผู้หนึ่ง...ก็ยังสั่งให้หาอาหารให้เขากินให้อิ่มหน่ำก่อนแล้วจึงแสดงธรรมให้ฟัง
ช่องว่างระหว่างผู้มีอันจะกิน กับ ผู้ไม่มีจะกิน ในสังคมไทยยังกว้างเหลือเกิน




.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มี.ค. 2012, 19:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
sriariya เขียน:

เรื่องที่ฉัน ว่ายิ่งใหญ่ คือเรื่องกิน (วะ) ฮ่า ฮ่า ฮ่า



ไม่มีกินต่างหากล่ะพี่เทยิ่งใหญ่ เรื่องกินเป็นเรื่องรอง จะนั่งกินตรงไหนก็ได้ ก็แค่ตักใส่ปากเคี้ยวๆๆกลืนแค่นี้เอง แต่ไม่มีกินนี่สิยิ่งใหญ่มโหฬาร ที่ขโมยขโจรปล้นจี้กันเนี่ยปัญหาหนึ่งคือไม่มีกิน :b1: :b12: :b32: สองฮ่าฮ่าฮ่า รึพี่เทจะเถียง
ไม่เชื่อถามเด็กที่คลานตามกระสอบบรรจุอาหารนั่นดิว่า "กิน" กับ "ไม่มีกิน" เนี่ย (ข้อ) เรื่องไหนยิ่งใหญ่กว่ากัน :b1:


ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอาอีกแล้ว เจ้าเด็กน้อยกรัชกาย.....
ที่เจ้ากล่าวมา นั่นแหละ เขาเรียกว่า "เรื่องกินเรื่องใหญ่" เฮ้อไม่อยากว่าเจ้ากรัชกาย สมองน้อยจริงๆ (เปล่าด่านะจะบอกให้) อิ อิ อิ อิ ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มี.ค. 2012, 21:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความสุขของคฤหัสถ์ (ผู้ครองเรือน) 4 ประการ คือ

“ดูกรคหบดี ความสุข 4 ประการ เป็นสิ่งที่คฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม ควรได้ควรถึงอยู่เรื่อยๆ ตามกาล ตามสมัย ความสุข 4 ประการนั้นคือ อัตถิสุข โภคสุข อนณสุข อนวัชชสุข


1. อัตถิสุข สุขเกิดจากการมีทรัพย์ เป็นไฉน คือ กุลบุตรมีโภคะอันหามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร สะสมขึ้นได้ด้วยกำลังแขน อย่างอาบเหงื่อต่างน้ำ เป็นของชอบธรรม ได้มาโดยธรรม เธอย่อมได้ความสุข ได้ความโสมนัสว่า เรามีโภคะที่หามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร สะสมขึ้นได้ด้วยกำลังแขน อย่างอาบเหงื่อต่างน้ำ เป็นของชอบธรรม ได้มาโดยธรรม นี้เรียกว่า อัตถิสุข


2. โภคสุข สุขเกิดจากการใช้จ่ายทรัพย์บริโภค เป็นไฉน คือ กุลบุตรกินใช้และทำสิ่งดีงามเป็นบุญทั้งหลาย ด้วยโภคะที่หามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร สะสมขึ้นได้ด้วยกำลังแขน อย่างอาบเหงื่อต่างน้ำ เป็นของชอบธรรม ได้มาโดยธรรม เธอย่อมได้ความสุข ได้ความโสมนัสว่า ด้วยทรัพย์ที่หามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร...ได้มาโดยธรรม เราก็กินใช้และได้ทำสิ่งดีงาม อันเป็นบุญทั้งหลาย นี้เรียกว่าโภคสุข


3. อนณสุข สุขเกิดจากความไม่เป็นหนี้ เป็นไฉน คือ กุลบุตรไม่ติดหนี้สินไรๆ ของใครๆ ไม่ว่าน้อยหรือมาก เธอย่อมได้ความสุข ได้ความโสมนัสว่า ไม่ติดหนี้สินไรๆ ของใครๆ ไม่ว่าน้อยหรือมาก นี้เรียกว่า อนณสุข
4. อนวัชชสุข สุขเกิดจากความประพฤติสุจริตไร้โทษ เป็นไฉน คือ อริยสาวกเป็นผู้ประกอบด้วยกายกรรมไม่มีโทษ ประกอบด้วยวจีกรรมไม่มีโทษ ประกอบด้วยมโนกรรมไม่มีโทษ เธอย่อมได้ความสุข ได้ความโสมนัสว่า เราเป็นผู้ประกอบด้วยกายกรรมไม่มีโทษ ประกอบด้วยวจีกรรมไม่มีโทษ ประกอบด้วยมโนกรรมไม่มีโทษ นี้เรียกว่า อนวัชชสุข

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มี.ค. 2012, 21:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


“เมื่อตระหนักถึงความสุขจากความไม่เป็นหนี้แล้ว คนจะพึงระลึกถึงสุขที่เกิดจากความมีทรัพย์ เมื่อกินใช้ ก็เห็นแจ้งชัดด้วยปัญญาถึงโภคสุข เมื่อเห็นอย่างแจ้งชัด เขามีปัญญาดี ย่อมเข้าใจ ทั้งสองส่วนเทียบกันได้ แลเห็นว่า ความสุขทั้ง 2 อย่างนั้น มีค่าไม่ถึงเสี้ยวที่ 16 ของความสุขที่มีความประพฤติสุจริตไร้โทษ”

องฺ.จตุกฺก. 21/62/90

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มี.ค. 2012, 19:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


เฮอ...เฮอ....เฮอ....
เจ้าเด็กน้อยกรัชกาย
สุขจะเกิดจากอะไรก็ตามแต่ หรือทุกข์จะเกิดจากอะไรก็ตามแต่ มันก็เป็นแค่ความว่างเปล่า สิ่งที่ทุกคนได้จากความสุข หรือความทุกข์ ทั้งหลายเหล่านั้น ก็คือ อารมณ์,ความรู้สึก,ความคิด นอกเหนือจากนั้นไม่ได้อะไรเลย
เจ้าจงจำหลักสำคัญอันนี้เอาไว้เถอะ กิเลสในตัวเจ้าจะได้เบาบางลง เฮอ..เฮอ..เฮอ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มี.ค. 2012, 20:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


sriariya เขียน:
เฮอ...เฮอ....เฮอ....
เจ้าเด็กน้อยกรัชกาย
สุขจะเกิดจากอะไรก็ตามแต่ หรือทุกข์จะเกิดจากอะไรก็ตามแต่ มันก็เป็นแค่ความว่างเปล่า สิ่งที่ทุกคนได้จากความสุข หรือความทุกข์ ทั้งหลายเหล่านั้น ก็คือ อารมณ์,ความรู้สึก,ความคิด นอกเหนือจากนั้นไม่ได้อะไรเลย

เจ้าจงจำหลักสำคัญอันนี้เอาไว้เถอะ กิเลสในตัวเจ้าจะได้เบาบางลง เฮอ..เฮอ..เฮอ


อือ...จำได้แค่นั้น กิเลสจะเบาบางแล้วหรอขอรับ :b10: ง่ายนิ :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 มี.ค. 2012, 20:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


“ภิกษุทั้งหลาย ความพยายามจะมีผล ความเพียรจะมีผลได้อย่างไร ภิกษุในธรรมวินัยนี้

1. ไม่เอาทุกข์ทับถมตนที่ไม่มีทุกข์ทับถม

2. ไม่ละทิ้งความสุขที่ชอบธรรม

3. ไม่หมกมุ่นสยบในความสุขนั้น”

ม.อุ.14/12/13

นี้เป็นหลักเกณฑ์มาตรฐานที่ชาวพุทธจะพึงปฏิบัติในการเกี่ยวข้องกับความสุข

ความสุขท่านจัดไว้ถึง 10 ขั้น หรือ 10 ระดับด้วยกัน

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=755.0

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 48 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 52 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร