ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

นรกมี สวรรค์มี พรหมมี...นิพพานไม่มี
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=40194
หน้า 1 จากทั้งหมด 3

เจ้าของ:  ปล่อยรู้ [ 23 พ.ย. 2011, 21:53 ]
หัวข้อกระทู้:  นรกมี สวรรค์มี พรหมมี...นิพพานไม่มี

มีไม่นิพพาน
นิพพานต้องไม่มี

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 23 พ.ย. 2011, 22:00 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นรกมี สวรรค์มี พรหมมี...นิพพานไม่มี

ถูก....นิพพานต้องไม่มี

ใครยังมีอยู่...ไม่ได้เข้า..นะเอ้อ :b4: :b4:

เจ้าของ:  ชิดชัย [ 24 พ.ย. 2011, 10:18 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นรกมี สวรรค์มี พรหมมี...นิพพานไม่มี

โลกุตรธรรมเก้า มรรค ๔ ผล ๔ นิพพาน ๑ พระพุทธองค์ตรัสไว้
ปล่อยรู้ เขียน:
นรกมี สวรรค์มี พรหมมี...นิพพานไม่มี
ล้อเล่นหรือเปล่า

เจ้าของ:  world2/2554 [ 24 พ.ย. 2011, 13:12 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นรกมี สวรรค์มี พรหมมี...นิพพานไม่มี

นิพพานที่กล่าวกัน ณ ที่นี้ หมายความถึงอย่างไรล่ะ ถ้าหมายถึง นิพพานที่ท่านสมมติเรียกขึ้นมาเพื่อให้เข้าใจบอกกล่าวสอนกัน ก้เป็นนิพพานที่มีอยู่ แต่ถ้าหมายความถึง นิพพานอันธรรมชาติภายในจิตใจที่บ่งบอกว่า คือนิพพานนั้น ก้เป็นนิพพานที่ไม่มี ไม่ใช่ไม่มีนิพพาน แต่ไม่มีอะไรจะมาสมมติบัญญัติ

เจ้าของ:  ชาติสยาม [ 24 พ.ย. 2011, 13:22 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นรกมี สวรรค์มี พรหมมี...นิพพานไม่มี

เลข 0 มันก็แทนคำว่าไม่มี

เจ้าของ:  ชิดชัย [ 24 พ.ย. 2011, 13:33 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นรกมี สวรรค์มี พรหมมี...นิพพานไม่มี

เห็นด้วยจ้าาา เพราะ นิพพาน ไม่ใช่ภาษาพูด นิพพาน เป็นภาษาปฏิบัติ ถ้าเอาแต่พูดว่า นิพพาน เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ชาวบ้านเรียก ขี้โม้ขี้อวด เป็นพระเป็นเจ้าท่านปรับอาบัติปาราชิก ข้ออวดอุตริมนุษย์ธรรม

เจ้าของ:  govit2552 [ 24 พ.ย. 2011, 20:19 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นรกมี สวรรค์มี พรหมมี...นิพพานไม่มี

ปรมัตถสัจจะ คือสิ่งที่มีจริง 4 ประการ

คือ 1.จิต 2.เจตสิก 3.รูป 4.นิพพาน

จิต.......................มีจริง
เจตสิก(คือ เวทนา สัญญา สังขาร) ................มีจริง
รูป ......................มีจริง
นิพพาน ................มีจริง

แต่ถามว่า ธรรมทั้ง4 เหล่านี้ เป็นอัตตา หรือไม่ .......................ตอบว่า ไม่
ธรรมทั้ง4 เหล่านี้ เป็นอนัตตา ใช่ไหม .................................ตอบว่า ใช่

จิตและเจตสิก เกิดขึ้นพร้อมกัน ตั้งอยู่ และดับไปพร้อมกัน ด้วยปัจจัย24
อันได้แก่ อนันตรปัจจัย สหชาตปัจจัย กัมปัจจัย วิปากปัจจัย ....... เป็นต้น
รูป เกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อม และดับไป
เกิดขึ้นด้วยเหตุปัจจัย24 เช่นกัน คือต่างเป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน ระหว่าง จิตเจตสิก และรูป

นิพพาน ไม่มีเกิด ไม่มีดับ ไม่ขึ้นกับเหตุปัจจัยใดๆ

คำว่า อนัตตา จึงไม่ควรแปลว่า เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล

แต่ควรแปลว่า ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่มีใครเป็นเจ้าของ บังคับบัญชาไม่ได้

จะถูกต้องกว่า

เจ้าของ:  ปล่อยรู้ [ 24 พ.ย. 2011, 21:45 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นรกมี สวรรค์มี พรหมมี...นิพพานไม่มี

เพราะไม่เกิด...จึงไม่มี
เพราะเกิด...จึงมี


สงบ ไม่มี
มี ไม่สงบ


เห็นพูดได้...แต่ไม่ได้เห็น
ได้เห็น...แต่พูดไม่ได้

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 24 พ.ย. 2011, 22:36 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นรกมี สวรรค์มี พรหมมี...นิพพานไม่มี

มี...ไม่มี...กันใหญ่เลย

นรก..สวรรค์..พรหม...มีเกิด...(เลย...มีดับ)

นิพพาน..ไม่มีเกิด..(เลย..ไม่มีดับ)

เจ้าของ:  ปล่อยรู้ [ 25 พ.ย. 2011, 07:31 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นรกมี สวรรค์มี พรหมมี...นิพพานไม่มี

ยิ่งทำ ยิ่งเป็น ยิ่งมี ยิ่งทุกข์

ยิ่งธรรม ยิ่งไม่เป็น ยิ่งไม่มี ยิ่งไม่ทุกข์

เจ้าของ:  ธรรมดาครับ [ 25 พ.ย. 2011, 08:30 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นรกมี สวรรค์มี พรหมมี...นิพพานไม่มี

พูดเก่ง เขียนเก่ง สำนวนดี กิเลสไม่กลัวนะ จะบอกให้ :b11:

เจ้าของ:  ปล่อยรู้ [ 25 พ.ย. 2011, 14:56 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นรกมี สวรรค์มี พรหมมี...นิพพานไม่มี

พูดได้ เขียนได้ แต่เห็นไม่ได้
เห็นได้ แต่พูดไม่ได้ เขียนไม่ได้...

เจ้าของ:  ปล่อยรู้ [ 25 พ.ย. 2011, 20:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นรกมี สวรรค์มี พรหมมี...นิพพานไม่มี

:b8: สิ่งสมมุติทั้งนั้นครับคุณmes
อย่าไปเชื่อมันครับ

รู้อย่างเดียวเท่านั้นครับ
อย่าเผลอครับ เผลอมีเขามีเราขึ้นมาเมื่อใด โดนครับ

เจ้าของ:  หลับอยุ่ [ 25 พ.ย. 2011, 22:33 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นรกมี สวรรค์มี พรหมมี...นิพพานไม่มี

Quote Tipitaka:
บทว่า ชญฺญา นิพฺพานมตฺตโน
ความว่า พระนิพพานอันเป็นอสังขตธาตุ นำมาซึ่งความสุขอย่างแท้จริง โดยเป็นอารมณ์อันดีเยี่ยมแก่มรรคญาณและผลญาณ ซึ่งได้บัญญัติว่า อัตตา เพราะไม่เป็นอารมณ์ของปุถุชนอื่น แม้โดยที่สุดความฝัน แต่เพราะเป็นแผนกหนึ่งแห่งมรรคญาณและผลญาณนั้นๆ ของพระอริยเจ้าทั้งหลาย และเพราะเป็นเช่นกับอัตตา จึงเรียกว่า อตฺตโน ของตน
พึงรู้ คือพึงทราบพระนิพพานนั้น อธิบายว่า พึงรู้แจ้ง คือพึงทำให้แจ้งด้วยมรรคญาณและผลญาณทั้งหลาย. ด้วยคำนั้น ทรงแสดงถึงความที่พระอริยเจ้าทั้งหลายมีจิตน้อมไปในพระนิพพาน.
จริงอยู่ พระอริยะเจ้าทั้งหลายย่อมอยู่ แม้ในเวลาที่อธิจิตเป็นไป ก็อยู่โดยภาวะที่น้อมโน้มโอนไปในพระนิพพานโดยส่วนเดียวเท่านั้น. ก็ในที่นี้ สติเป็นไปในกายปรากฏแก่ภิกษุใด ภิกษุนั้นสำรวมแล้วในผัสสายตนะ ๖ ต่อแต่นั้น ก็มีจิตตั้งมั่นเนืองๆ พึงรู้พระนิพพานของตน ด้วยการกระทำให้ประจักษ์แก่ตน พึงทราบการเชื่อมบทแห่งคาถาอย่างนี้ด้วยประการฉะนี้.

Quote Tipitaka:
ด้วยบทว่า สตตํ ภิกฺขุ สมาหิโต นี้ ทรงแสดงอนุบุพพวิหารสมาบัติ ๙ โดยแสดงถึงความเป็นผู้มากด้วยสมาบัติ.
ก็ภิกษุผู้เป็นอย่างนี้ พึงรู้นิพพานของตน คือพึงรู้ พึงคิดถึงอนุปาทิเสสนิพพานธาตุของตนอย่างเดียวเท่านั้น เพราะไม่มีกรณียกิจอันยิ่ง เพราะทำกิจเสร็จแล้ว
อธิบายว่า แม้กิจอื่นที่เธอจะพึงคิดก็ไม่มี.

จบอรรถกถาโกลิตสูตรที่ ๕
--------------------------------
.. อรรถกถา ขุททกนิกาย อุทาน นันทวรรคที่ ๓ โกลิตสูตร จบ.

อ่าน เนื้อความในพระไตรปิฎก
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.p ... 266&Z=2277
- -- ---- --------------------------------------------

นิพพานรวมทั้งมรรคญาณผลญาณขั้นนี้พระอริยะเจ้าเป็นวิสังขารอสังขตธาตุอสังขตธรรมเป็นปรมัตถ์ธรรมมีเจ้าของ
ไม่ใช่พระนิพพานที่เป็นธรรมมารมณ์ของพระโยคาวจรที่กำลังเข้าสู่โครตภูบุคคล นิพพานนั้นเป็นอนัตตาแน่นอนเป็นบัญญัติธรรมไม่ใช่ปรมัตถ์ธรรม พระโยคาวจรในขณะนั้นยังเป็นปุถุชน เหมารวมไม่ได้กับนิพพานของพระอริยะ :b4:

เจ้าของ:  โฮฮับ [ 26 พ.ย. 2011, 04:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: นรกมี สวรรค์มี พรหมมี...นิพพานไม่มี

govit2552 เขียน:
ปรมัตถสัจจะ คือสิ่งที่มีจริง 4 ประการคือ
1.จิต 2.เจตสิก 3.รูป 4.นิพพาน
จิต.......................มีจริง
เจตสิก(คือ เวทนา สัญญา สังขาร) ................มีจริง
รูป ......................มีจริง
นิพพาน ................มีจริง

แต่ถามว่า ธรรมทั้ง4 เหล่านี้ เป็นอัตตา หรือไม่ .......................ตอบว่า ไม่
ธรรมทั้ง4 เหล่านี้ เป็นอนัตตา ใช่ไหม .................................ตอบว่า ใช่

จิตและเจตสิก เกิดขึ้นพร้อมกัน ตั้งอยู่ และดับไปพร้อมกัน ด้วยปัจจัย24
อันได้แก่ อนันตรปัจจัย สหชาตปัจจัย กัมปัจจัย วิปากปัจจัย ....... เป็นต้น
รูป เกิดขึ้น ตั้งอยู่ เสื่อม และดับไป
เกิดขึ้นด้วยเหตุปัจจัย24 เช่นกัน คือต่างเป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน ระหว่าง จิตเจตสิก และรูป

นิพพาน ไม่มีเกิด ไม่มีดับ ไม่ขึ้นกับเหตุปัจจัยใดๆ

คำว่า อนัตตา จึงไม่ควรแปลว่า เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล

แต่ควรแปลว่า ไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่มีใครเป็นเจ้าของ บังคับบัญชาไม่ได้
จะถูกต้องกว่า

ขออนุญาติแนะนำครับ การกล่าวบัญญัติใด ควรจะกล่าวถึงที่มาของคำๆนั้นด้วย
เพราะบัญญัติบางคำเหมือนกัน แต่มันต่างกันในสภาวะหรือต่างกันในแง่ของปรมัตถ์

สภาวะธรรมที่เป็นปรมัตถ์บ้างอย่าง บางคนรู้ บางคนไม่รู้ แล้วก็มาเถียงกัน
ในลักษณะไปไหนมาสามวาสองศอก มันเสียเวลาเปล่าๆ

อย่างเช่นในความเห็นนี้ก็เช่นกันครับในเรื่องของ"อนัตตา"
เจ้าของความเห็นจำเป็นต้องกล่าว เน้นด้วยว่าที่มาที่ไปของคำๆนี้มาจากไหน
เพราะสภาวะปรมัตถ์ กล่าวมาเป็นสมมุติบัญญัติบางทีคนอื่นไม่เข้าใจ จะเกิดสับสนครับ

สรุปก็คือ "อนัตตา" ที่เป็นไตรลักษณ์หรือไม่ต้องบอกเน้นด้วย
คุณสมบัติที่เป็น"อนัตตา"ในปรมัตถ์ มันเกิดได้ในสองสภาวะ
คือสภาวะไตรลักษณ์ที่เป็น"สังขตธรรม" กับสภาวะที่ไม่ใช่ไตรลักษณ์
เรียกว่า "อสังขตธรรม"ครับ

หน้า 1 จากทั้งหมด 3 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/