ธรรมมีประเภทละ ๓ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้โดยชอบแล้ว
พวกเราทั้งหมดด้วยกันพึงสังคายนา ไม่พึงกล่าวแก่งแย่งกันในธรรมนั้น
การที่พรหมจรรย์นี้จะพึงยั่งยืนตั้งอยู่นาน นั้นพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ชนมาก
เพื่อความสุขแก่ชนมาก เพื่อความอนุเคราะห์แก่โลก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูล
เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ธรรมมีประเภทละ ๓ เป็นไฉน

จะขอยกเอามาส่วนนึงเพื่อประกอบการอธิบาย

อกุศลมูล ๓ อย่าง
อกุศลมูล คือ โลภะ
คือ โทสะ
คือ โมหะ

กุศลมูล ๓ อย่าง
กุศลมูล คือ อโลภะ
คือ อโทสะ
คือ อโมหะ

ทุจริต ๓ อย่าง
กายทุจริต [ความประพฤติชั่วทางกาย]
จีทุจริต [ความประพฤติชั่วทางวาจา]
มโนทุจริต [ความประพฤติชั่วทางใจ]

สุจริต ๓ อย่าง
กายสุจริต [ความประพฤติชอบทางกาย]
วจีสุจริต [ความประพฤติชอบทางวาจา]
มโนสุจริต [ความประพฤติชอบทางใจ]

ในการสนทนาที่ผ่านๆมา ผมได้มองๆดูแล้วนำมาคิด ก็พอจะมองออกว่าหลายท่าน
ที่เข้ามาสนทนานั้น ไม่ได้ต้องการจะเข้ามาสนทนาด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ เพียง
แต่ต้องการเข้ามาอวดตริ และอัตตาของตน คือรู้มาก(ถูกไม่ถูกไม่รู้) ร้อนวิชาแต่
ทุกคนต่างเก่งกันทุกคน พยายามเอาชนะกัน เพราคิดว่าคู่สนทนาคือคู่ต่อสู้ตลอด
เวลา

การสนทนาคือการแลกเปลี่ยนทัศนคติ มุมมอง แล้วนำมาตรึกตรอง เมื่อเห็นว่ามีส่วนจริง
อยู่ก็นำไปพิจารณา แต่หากไม่มีส่วนจริงก็รับฟังและไปหาความรู้มาใหม่ แต่เท่าที่อ่านๆมา
มันเหมือนการโต้คารมมัธยมศึกษา ซะมากกว่า เพราะแต่ละคนอัตตาเกาะแน่น

จากข้อธรรมที่ยกมา ท่านลองถามใจท่านดูว่า ท่านมีพร้อมแล้วหรือยัง ควรปรับปรุง
ในข้อใดบ้าง โดยเฉพาะผู้ที่กำลังโต้เถียงกันอยู่ หยุดเถอะครับ เจ้าของเวบเขาสร้างเวบ
มาเพื่อให้พวกท่านสร้างสรรสิ่งที่เป็นประโยชน์ ไม่ได้สร้างไว้ให้มาเอาชนะกัน

คิดใหม่ มองใหม่ ทำใหม่ เพื่อลานธรรมที่น่าอยู่ ดีกว่าครับ

ความหลากหลาย ล้วนประกอบด้วยธรรมทั้งหมด ดุจเช่นป่าไม้ที่ดีต้องหลากหลายไม้นานาพันธุ์ เราเป็นผู้เข้าป่าจงเลือกเอาแต่ไม้ที่เราต้องการเถอะ แต่อย่าแบกป่า เพราะป่าคือป่า นั้นเอง

ผู้มีสายตาดี มีปัญญา ย่อมรู้จักแยกเมล็ดหญ้ากับเมล็ดข้าว

ผู้พูดย่อมบอกให้รู้ ผู้รู้ย่อมอยากฟังเขาพูดมากกว่าจะพูด และหากจะพูดก็พูดเพื่อให้เขาพูด
พูดเพื่อจะดูสิ่งที่เขาพูด ฟังเขาพูดสำหรับจะหาคำพูดไปพูดให้เขาพูด

จนกว่าจะพอใจว่าผู้พูด ได้พูดจนหมดใส้หมดพุง จึงพูดเพื่อให้เธอหยุดพูด

"การฟังธรรมและการสนทนาธรรมตามกาล เป็นมงคลอันประเสริฐ"

ผู้คนที่ยังทำลายอัตตาและมานะทิฐิให้หมดเกลี้ยงไม่ได้ ย่อมยึดถือความเห็นของตนว่าถูกต้องที่สุด ดีที่สุดอยู่เสมอ

พระอริยเจ้า 2 ประเภทแรกเราอาจได้พบเห็นท่านมาแสดงความเห็นเมตตาชี้แนะในลานธรรมต่างๆอยู่บ้าง ส่วนอีก 2 ประเภทหลังท่านคงไม่ขวันขวายมาแสดงธรรมในลานธรรมต่างๆแล้ว

ดังนั้นทุกท่านที่เข้ามาแสดงความเห็น สนทนาธรรมกันในลานธรรมจักรและลานธรรมอื่นๆนี้ คงมาด้วยเมตตาเป็นส่วนใหญ่ สำหรับผู้ใหม่ก็มาหากัลยาณมิตรและสุตตมยปัญญา จินตมยปัญญา เพื่อจะนำตนเข้าสู่ภาวนามยปัญญา พาจิตใจให้หลุดพ้นจากอวิชชาความเห็นผิด

จึงควรทำใจให้สบาย สนทนาปราศัยกันด้วยเมตตา ชักพากันไปสู่ธรรม นำกันเข้าทางสายกลาง
วางสิ้นความยึดถือ ฝึกปรือ สติ ปัญญา พาตนเข้านิพพานทุกท่านทุกคนเทอญ

อนุโมทนาครับ

สาธุค่ะ การตักเตือนด้วยคำพูดที่ดีและมีเมตตาก็ถือว่ามีประโยชน์

กัลยาณมิตรต้องพูดเตือนกันได้เนอะ

แวะเข้ามาอ่าน อนุโมทนากับทุกๆคำตอบที่มีสาระดีๆคะ