วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 11:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2011, 09:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2009, 18:30
โพสต์: 165

แนวปฏิบัติ: มหายาน
งานอดิเรก: ทรงพระสูตร
ชื่อเล่น: พุทธศานติ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำแปลพระคาถาธารณปริตร

๑. อันชีวิตแห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย อันใคร ๆ ไม่อาจกระทำอันตรายได้ฉันท์ใด ขอชีวิตความเป็นอยู่แห่งข้าพเจ้าจงเป็นเหมือนเช่นนั้น อันว่าญาณที่ไม่มีเครื่องกระทบของพระพุทธเจ้าผู้มีบุญ ย่อมมีในอดีต ในอนาคต ในปัจจุบัน

๒. อันว่ากายกรรมทั้งปวงของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรมทั้งหลายสามเหล่านี้ มีญาณเป็นประธาน เป็นไปตามญาณ
อันว่าวจีกรรมทั้งปวงของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรมทั้งหลายสามเหล่านี้ มีญาณเป็นประธาน เป็นไปตามญาณ
อันว่ามโนกรรมทั้งปวงของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรมทั้งหลายสามเหล่านี้ มีญาณเป็นประธาน เป็นไปตามญาณ

๓. อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงของประโยชน์ที่ประสงค์ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีบุญ ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรม ๖ ประการเหล่านี้
อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงแห่งการแสดงธรรม ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงของความเพียร ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงของวิปัสสนาญาณ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
อันว่าความเสื่อมถอยน้อยลงแห่งกามาวจร และรูปาวจร ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

๔. อันว่าการพูดเล่นย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีบุญผู้ประกอบด้วยคุณธรรมทั้งหลาย ๑๒ ประการเหล่านี้อันว่าการพูดพลั้งเผลอโดยขาดสติ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอันว่าความไม่แพร่หลายในเญยยะ ธรรม๕ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันว่าการกระทำใดๆ อย่างผลุนผลัน โดยไม่มีการพิจารณาเสียก่อน ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันว่าความมีใจวุ่นวายด้วยกิเลส ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันว่าการกระทำที่ไม่มีอุเบกขาในเตภูมิสังขาร ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

๕. อันว่าความเคารพนอบน้อมขอจงมีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีบุญ ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรม ๑๘ ประการเหล่านี้ ทั้ง ๗ พระองค์
อันว่ากายทุจริต ย่อมไม่มีแด่พระตถาคต
อันว่าวจีทุจริต ย่อมไม่มีแด่พระตถาคต
อันว่ามโนทุจริต ย่อมไม่มีแด่พระตถาคต
อันว่าญาณ อันมีเครื่องกระทบของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีบุญ ย่อมไม่มีในอดีต อันว่าญาณ อันมีเครื่องกระทบของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีบุญ ย่อมไม่มีในปัจจุบัน อันว่าญาณ อันมีเครื่องกระทบของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีบุญย่อมไม่มีในอนาคตอันว่ากายกรรมทั้งปวง ไม่มีญาณเป็นประธาน ไม่เป็นไปตามญาณ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอันว่า วจีกรรมทั้งปวง ไม่มีญาณเป็นประธาน ไม่เป็นไปตามญาณ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอันว่ามโนกรรมทั้งปวง ไม่มีญาณเป็นประธาน ไม่เป็นไปตามญาณ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอันว่าธารณปริตรนี้ ไม่มีเครื่องเทียบ ไม่มีเครื่องเสมอเหมือน เป็นที่ต่อต้าน เป็นที่หลบซ่อนของสัตว์ ผู้กลัวภัยในสังสารวัฏทั้งหลาย อัคคังประเสริฐ มหาเตชังมีเดชมาก

๖. ดูกรอานนท์ ท่านจงท่องจดจำ สอบถาม ซึ่งธารณปริตรนี้อันว่ากายของผู้ท่องบทสวดมนต์ธารณปริตรนี้ ไม่พึงตายด้วยพิษงู พิษนาค ไม่พึงตายในน้ำ อันว่าไฟไม่พึงไหม้ เป็นผู้พ้นพิบัติภัยต่างๆ ใครคิดทำร้ายในวันเดียวก็ไม่สำเร็จ ใครคิดทำร้ายทำลายในสองวันสามวันสี่วัน...ก็ไม่สำเร็จ ไม่พึงเป็นโรคหลงลืม ไม่พึงเป็นบ้าใบ้ อันมนุษย์ทั้งหลายและอมนุษย์ทั้งหลาย ไม่สามารถเบียดเบียนได้

๗. อันว่าธารณปริตรนี้ มีความศักดิ์สิทธิ์ คือ
ชาโล มีอานุภาพเหมือนพระอาทิตย์ประชุมกัน ๗ ดวงที่ขึ้นมาในเวลาโลกาพินาศ
มหาชาโล มีอานุภาพเหมือนมุ้งเหล็กที่สามารถป้องกันภัยจากเทวดา อินทร์ นาค ครุฑ ยักษ์ เป็นต้น
ชาลิตเต มีอานุภาพประหารศัตรูทั้งหลายมหาชาลิตเต มีอานุภาพให้พ้นจากกัปทั้ง ๓ คือ โรคันตรกัป สัตถันตรกัป และทุพภิกขันตรกัป มีอานุภาพให้พ้นจากโรคต่าง ๆ ในเวลาปฏิสนธิ คือ การเป็นใบ้ เป็นคนพิการ เป็นคนหูหนวกตาบอด อีกทั้งไม่พึงตกต้นไม้ ตกเหว ตกเขาตาย สามารถได้สมบัติที่ยังไม่ได้ ทรัพย์สมบัติที่ได้มาแล้วก็เจริญขึ้นโดยความเป็นจริง สามารถประหารความมืด แล้วได้ความสว่าง

๘. ดูกรอานนท์ อันธารณปริตร ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายทรงตรัสไว้ พึงสมาคมคนดี ไม่พึงสมาคมคนชั่ว พึงนำมาซึ่งกลิ่นและรสอันเป็นธรรม พึงน้อมนำมาซึ่งน้ำใจดี ไม่พึงน้อมนำมาซึ่งน้ำใจร้าย พึงทำกายให้เป็นกายดี พึงนำมาแต่สิ่งอันเป็นกุศล ไม่พึงนำมาซึ่งสิ่งอันเป็นอกุศล พึงฟังแต่สิ่งที่ดี ไม่พึงฟังสิ่งที่ไม่ดี พึงเห็นแต่นิมิตที่ดี ไม่พึงเห็นนิมิตร้าย โยรุกเข ต้นไม้ที่ตายแล้วสามารถฟื้นคืนมาได้มหาโยรุกเข ต้นไม้ที่ยังเป็นอยู่ก็ทำให้เจริญงอกงามโดยความเป็นจริง สามารถประหารความมืด แล้วได้ความสว่าง

๙. ดูกรอานนท์ อันธารณปริตรนี้ สามารถรู้ความคิดร้ายของผู้อื่น อาวุธต่าง ๆ มีเครื่องประหาร เช่น มีด หอก ปืน ไฟ เป็นต้น ไม่สามารถทำอันตรายได้มันติลา สามารถทำมนต์คาถาให้มีความศักดิ์สิทธิ์ขึ้น สามารถประหารโรคต่าง ๆ ได้ และโรคร้ายแรงต่าง ๆ ไม่อาจทำอันตรายได้ทุพพิลา สามารถหลุดพ้นจากเครื่องผูกมัด

*******************************************จบพระคาถาธารณปริตร************************************************************

คำถามที่ ๑ คำว่า "ญาณที่ไม่มีเครื่องกระทบของพระพุทธเจ้าผู้มีบุญ ย่อมมีในอดีต ในอนาคต ในปัจจุบัน" ญาณที่ไม่มีเครื่องกระทบ หมายความว่าอย่างไรครับ

คำถามที่ ๒ คำว่า "พระพุทธเจ้าผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรมทั้งหลาย?สามเหล่านี้ มีญาณเป็นประธาน เป็นไปตามญาณ" คุณธรรม ๓ เหล่าคืออะไร?? คำว่าเป็นไปตามญาณหมายถึง??

คำถามที่ ๓ คำว่า "พระพุทธเจ้าผู้มีบุญ ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรม ๖ ประการ" มีอะไรบ้างในคุณธรรม ๖ ประการ??

คำถามที่ ๔ คำว่า "การกระทำที่ไม่มีอุเบกขาในเตภูมิสังขาร" หมายถึงอะไร และเตภูมิสังขารคืออะไร???

คำถามที่ ๕ คำว่า "เตภูมิสังขารสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีบุญผู้ประกอบด้วยคุ?ณธรรมทั้งหลาย ๑๒ ประการเหล่านี้" มีอะไรบ้างในคุณธรรม ๑๒ ประการ??

คำถามที่ ๖ คำว่า "ความไม่แพร่หลายในเญยยะ ธรรม๕ ย่อมไม่มีแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า" เญยยะ ธรรม๕คืออะไร?? หมายถึงยังไง??

คำถามที่ ๗ คำว่า "พระพุทธเจ้าผู้มีบุญ ผู้ประกอบแล้วด้วยคุณธรรม ๑๘ ประการเหล่านี้ ทั้ง ๗ พระองค์" มีอะไรบ้างในคุณธรรม๑๘ ประการ และทั้ง ๗ พระองค์คือพระองค์ไหน

คำถามที่ ๘ คำว่า "อันว่าญาณ อันมีเครื่องกระทบของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีบุญ ย่อมไม่มีในอดีต อันว่าญาณ อันมีเครื่องกระทบของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีบุญ ย่อมไม่มีในปัจจุบัน อันว่าญาณ อันมีเครื่องกระทบของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีบุญย่อมไม่มีในอนาคต" ข้อความนี้หมายถึงยังไง งง ขอคำอธิบายหน่อยได้มั้ย ญาณ อันมีเครื่องกระทบนี่คือยังไง อ่านแล้ว งงๆๆ

คำถามที่ ๙ คำว่า "โรคันตรกัป สัตถันตรกัป และทุพภิกขันตรกัป" พวกนี้หมายความว่าอย่างไร??

คำถามที่ ๑๐ ขอบทสวดพร้อมคำแปลอาการวัตตะสูตรหน่อยได้มั้ยครับ และขอบทสวดพร้อมคำแปลพระคาถายอดพระกัณไตรปิฏกด้วยครับขอบพระคุณทุกท่านมากมาย

.....................................................
สัตว์ทั้งหลายย่อมต้องการความสุข ผุ้ใดแสวงหาสุขเพื่อตน
เบียดเบียนผู้อื่นด้วยอาชญา เมื่อละโลกแล้ว ย่อมไม่ได้สุข


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2011, 21:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ส.ค. 2011, 20:09
โพสต์: 82

แนวปฏิบัติ: รู้ตัวเสมอ ก่อนพูด ก่อนคิด ก่อนทำ
อายุ: 17
ที่อยู่: ระยอง

 ข้อมูลส่วนตัว


โห ถามขนาดนี้เชียวหรือ??


แต่ไม่เป็นไรหรอก เว็บนี้มีแต่คนเก่งๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2011, 22:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.ย. 2011, 23:14
โพสต์: 10

อายุ: 20

 ข้อมูลส่วนตัว


ตามสิ่งที่ดิฉันเข้าใจและสรุปได้
ความหมายของ" ญาณ" คือ รู้กายและรู้จิตโดยใช้สติสัมปชัญญะในการควบคุม ญาณเป็นเครื่องมือที่ทำให้เกิด"ปัญญา"เอาไว้กำจัดกิเลสปัญญาตัวนี้ก็คือ ญาณ องค์รูปญาณทั้งหลาย วิตก วิจารณ์ ปิติสุข เอกัคตาจิต
วิตกยกขึ้นสู่อารมณ์ วิจารณ์เสวยอารมณ์ ปิติความอิ่มเอิบซาบซ่านจากในจิต
สู่วิถีสูงขึ้นไปอีกเป็นสุข สุขพัฒนาขึ้นสู่วิถีของความเป็นเอกัคตาสู่ความเป็นหนึ่ง หรืออุเบกขาไม่สุขไม่ทุกข์ ละกลางๆ สภาวะธรรมทั้งหมดนี้ยังเป็นโลกียะธรรมอยู่
ความหมาย *โลกียะธรรม* คือธรรมที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ในโลก เพื่อความสุขสงบในชีวิตโลก
(การละอกุศล เจริญกุศล ศีล ขันติ วิริยะ สมาธิ และปัญญาทางโลก)
*โลกุตระธรรม* คือธรรมที่เป็นไปเพื่อความไม่ข้องอยู่กับโลก เป็นไปเพื่อความพ้นโลก พ้นทุกข์ พ้นวัฏสงสาร(การทำจิตให้ละวาง การเห็นแจ้งในธรรมชาติทั้งหลายล้วนว่างเปล่าจากตัวตน ขันธ์5เป็นมายาอันลวงหลอก)


คำถามที่ ๘ คำว่า "อันว่าญาณ อันมีเครื่องกระทบของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีบุญ ย่อมไม่มีในอดีต อันว่าญาณ อันมีเครื่องกระทบของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีบุญ ย่อมไม่มีในปัจจุบัน อันว่าญาณ อันมีเครื่องกระทบของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้มีบุญย่อมไม่มีในอนาคต" ข้อความนี้หมายถึงยังไง งง ขอคำอธิบายหน่อยได้มั้ย ญาณ อันมีเครื่องกระทบนี่คือยังไง อ่านแล้ว งงๆๆ

ในเมื่อ"ญาณ" ทำให้เกิดสภาวะธรรมต่างๆ วิตก วิจารณ์ ปิติ เอกัคตาจิต อุเบกขา นั่นแหละคือเครื่องกระทบ ถ้าเรายังมีเครื่องกระทบเหล่านี้ก็เท่ากับว่าเราทั้งหลายยังเป็นโลกียะธรรมอยู่ ยังไม่หลุดพ้น แต่สำหรับพระพุทธองค์ไม่มีการเกิดของ "ญาน"อีกแล้ว ดับแล้ว ท่านจึงเข้าสู่โลกุตระธรรม หลุดพ้น



http://larndham.org/index.php?/topic/31 ... ge__st__10
http://dmbodhiyan.com/q-and-a/08


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ย. 2011, 11:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2009, 18:30
โพสต์: 165

แนวปฏิบัติ: มหายาน
งานอดิเรก: ทรงพระสูตร
ชื่อเล่น: พุทธศานติ
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ทราบว่ามีใครพอจะตอบได้หมดทุกข้อมั้ยครับ รออยู่

.....................................................
สัตว์ทั้งหลายย่อมต้องการความสุข ผุ้ใดแสวงหาสุขเพื่อตน
เบียดเบียนผู้อื่นด้วยอาชญา เมื่อละโลกแล้ว ย่อมไม่ได้สุข


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ย. 2011, 17:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2011, 10:28
โพสต์: 439


 ข้อมูลส่วนตัว




567.jpg
567.jpg [ 33.53 KiB | เปิดดู 4237 ครั้ง ]
แวะเข้ามาอ่าน :b8: :b8: :b8: อนุโมทนากับทุกๆคำตอบที่มีสาระดีๆคะ

.....................................................
สรรพสิ่งทุกอย่าง ล้วนมี เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

.................................................................................................
ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีเหตุและผลอยู่ในตัว
การกระทำของตนย่อมเป็นกรรมที่ตนกำหนดเอง
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 5 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 140 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร