วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 03:32  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ส.ค. 2011, 19:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


สิงคาลกสูตร เป็นพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงถึงข้อประพฤติปฏิบัติที่ดีที่เหมาะ

สม และข้อที่ควรเว้น อันเหมือนเข็มทิศ และทางดำเนินชีวิต ของผู้ที่เป็นคฤหัสถ์ครับ

พระธรรม ที่พระองค์ทรงแสดง ย่อมเป็นไปเพื่อละคลายอกุศล และความเจริญขึ้นของ

กุศลธรรม การได้รับประโยชน์ในโลกนี้ คือการดำรงชีวิตด้วยความสุข ในปัจจุบัน และ

ประโยชน์ในโลกหน้า คือ ย่อมนำมาซึ่งความสุขในโลกหน้า และประโยชน์อย่างยิ่ง คือ

ถึงการดับกิเลส แม้ในเรื่อง อบายมุข 6


คำว่า อบายมุข หมายถึง ทางแห่งความเสื่อม ทางแห่งความพินาศ


สำหรับอบายมุข 6 นั้น พระองค์ทรงแสดงถึง ความเสื่อมโภคทรัพย์ ทรัพย์สิน แต่ใน

ความเป็นจริง พระธรรมมีนัยและอรรถลึกซึ้ง พระสูตร จึงลึกซึ้งด้วยอรรถ ไม่ใช่เพียง

แค่ความเสื่อมในโภคทรัพย์เท่านั้น แม้ความเสื่อมในประโยชน์สุขในโลกนี้ เช่น เสื่อม

เสียชื่อเสียง อายุ เสื่อมญาติ ฯลฯ ความเสื่อมประการต่าง ๆ ก็เพราะ อบายมุข 6 ประการ

และที่สำคัญที่สุด ทำให้เสื่อมจากคุณธรรม เสื่อมจากคุณความดี และเสื่อมจากปัญญา

ในขณะที่เจริญอบายมุข 6 ครับ

เมื่อเสื่อมจากคุณความดี สิ่งที่เจริญขึ้น คือ อกุศลกรรมธรรม และ สิ่งที่ชั่วร้ายประการ

ต่าง ๆ รวมทั้ง ผลของกรรมที่ไม่ดี ก็มีโอกาสให้ผลมากขึ้น เพราะการกระทำที่ไม่ดีใน

ปัจจุบันด้วย.

อบายมุข ทางแห่งความเสื่อม ความพินาศของโภคทรัพย์และความเสื่อมประการอื่น ๆ

ได้แก่ เสื่อมจากกุศลธรรม และ เสื่อมปัญญา มี 6 ประการ คือ

1. การเสพน้ำเมา คือ สุราเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่ง

โภคะทั้งหลาย และ เสื่อมจากคุณธรรมและปัญญา โทษของการดื่มสุรา อันนำมาซึ่ง

ความเสื่อม มีประการต่าง ๆ ดังนี้

1.1 ความเสื่อมทรัพย์ อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง

การดื่มสุรา นำมาซึ่งความเสื่อมทรัพย์ เพราะไม่รู้จักพอ ย่อมใช้จ่ายทรัพย์ในการดื่ม

สุรา เมื่อมีการเมาสุรา ก็อาจทำทรัพย์สินของผู้อื่นให้เสียหาย และ ต้องจะชดใช้ทรัพย์

หรือเป็นหนี้ ทำให้เสื่อมจากทรัพย์ ดังนั้น จากคำถาม คือ อะไรเจริญ อะไรเสื่อม.?

จากอบายมุข ได้แก่การดื่มสุรา คือ หนี้เจริญ แต่เสื่อมทรัพย์ ครับ

1.2 ก่อการทะเลาะวิวาท

เมื่อดื่มสุรา ย่อมขาดความยั้งคิด ก็ย่อมทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท จากคำถาม ว่า

อะไรที่เจริญขึ้น อะไรเสื่อม การทะเละวิวาท ทำให้อกุศลเจริญขึ้น เพราะการทะเลาะ

วิวาท เจริญการแตกความสามัคคี กุศลธรรมเสื่อม เพราะการดื่มสุรา และการทะเลาะ

วิวาท ครับ

1.3 เป็นบ่อเกิดแห่งโรค

การดื่มสุรา ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ดังนั้น จากคำถาม อะไรเจริญ อะไรเสื่อมจากอบายมุข

คือ การดื่มสุรา โรคเจริญขึ้น เพิ่มขึ้น ความไม่มีโรคเสื่อม สุขภาพเสื่อม ครับ

1.4 เป็นเหตุให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

การดื่มสุรา ย่อมทำให้ประพฤติไม่ดี และเป็นการกระทำที่ไม่สมควร ก็มีแต่คนว่า เสีย

ชื่อเสียง ดังนั้นจากคำถาม สิ่งที่เจริญเมื่อมีการดื่มสุรามากขึ้น คือ เจริญด้วย ชื่อเสียงที่

ไม่ดี เสื่อมเสียจากชื่อเสียงที่ดี

1.5 เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย

การดื่มสุรา เป็นเหตุให้หลงลืมสติ กล้าในสิ่งที่ไม่ควรกล้า เพราะฉะนั้น สิ่งที่เจริญ คือ

อกุศลธรรม คือ ไม่มีหิริ โอตตัปปะ สิ่งที่เสื่อม คือ คุณธรรมความดี คือ เสื่อมจาก หิริ

โอตตัปปะ

1.6 ทอนกำลังปัญญา

ผู้ที่ดื่มสุรา ย่อมทำให้หลงลืมสติได้ง่าย ปัญญาที่จะเกิด ก็ไม่เกิด และก็ทำให้เสื่อม

จากปัญญาด้วยครับ เพราะฉะนั้น จากคำถามที่ว่า สิ่งใดเจริญขึ้นเมื่อประพฤติอบายมุข

คือ ดื่มสุรา ได้แก่ การเจริญความไม่มีสติ เจริญอกุศลธรรม คือ ความหลงลืมสติ

ส่วนคำถามที่สองที่ว่า อะไรเสื่อมไปจากการประพฤติอบายมุข คือ ดื่มสุรา สิ่งที่เสื่อม

คือ ปัญญาที่จะเกิด ก็ไม่เกิดในขณะนั้นครับ

ซึ่งในความเป็นจริง โทษของการดื่มสุรา มีมากมาย หลายนัย ดังนั้น การดื่มสุรา

นำมาซึ่งความเจริญขึ้นของอกุศลธรรม และนำมาซึ่งความเสื่อมของกุศลธรรม นำมาซึ่ง

ผลที่ไม่น่าปรารถนา นำมาซึ่งความเจริญในสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา เช่น ทำให้ตกนรก และ

เมื่อกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็เป็นเหตุให้เป็นบ้า ครับ
2.การเที่ยวไปในตรอกต่าง ๆ ในเวลากลางคืน มีโทษ 6 อย่าง คือ

- ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาตัว

- ผู้นั้นชื่อว่าไม่คุ้มครอง ไม่รักษาบุตรภรรยา

- ผู้นั้นชื่อว่าไม่รักษาทรัพย์สมบัติ

- ผู้นั้นเป็นที่ระแวงของคนอื่น

- คำพูดอันไม่เป็นจริงในที่นั้นๆ ย่อมปรากฏในผู้นั้น

- อันเหตุแห่งทุกข์เป็นอันมากแวดล้อม

ดังนั้นการเที่ยวไปในกลางคืน ก็ทำให้เจริญอกุศลธรรม เช่นกัน และนำมาซึ่งความ

เสื่อมของกุศลธรรม และจากโทษ 6 ประการที่กล่าวมา ก็นำมาซึ่งความเจริญคือสิ่งที่

ไม่ดีกับตนและครอบครัว และทำให้เสื่อมจากความปลอดภัยกับตนและครอบครัวครับ

ทำเสื่อมโภคทรัพย์ เมื่อมีการเที่ยวกลางคืน และสิ่งที่เจริญ คือ ความเป็นหนี้เพราะ

การใช้จ่ายในการเที่ยวกลางคืน ครับ

3. การเที่ยวดูมหรสพ

รำที่ไหนไปที่นั่น ขับร้องที่ไหนไปที่นั่น ดนตรีที่ไหนไปที่นั่น เสภาที่ไหนไปที่นั่น

เพลงที่ไหนไปที่นั่น เถิดเทิงที่ไหนไปที่นั่น

จากข้อความในอรรถกถา อธิบายว่าเมื่อรู้ว่ามีการแสดงที่ไหนก็รีบไปที่นั่น โดยละทิ้ง

การงานที่ควรจะทำ แทนที่งานจะเสร็จก็ทิ้งงานไป ทำให้งานนั้นเสียหายครับ เพราะ

ความเป็นผู้ติดในการดูมหรสพ การดูการแสดง เป็นต้น ซึ่งความเจริญที่ได้จากการดู

มหรสพ คือ เจริญด้วยอกุศล เจริญในสิ่งที่ไม่ดีกับตน ในความหมกมุ่นกับการละเล่น

ส่วนความเสื่อมที่เกิดจากการดูมหรสพ คือ การเสื่อมจากโภคทรัพย์ ทรัพย์สมบัติ

เพราะต้องมีการใช้เงินในการดูการแสดง ถึงไม่มีการใช้เงิน แต่ก็ทิ้งการงาน ที่ควรทำ

อันเป็นงานที่จะเป็นรายได้ ก็ไม่ได้ทำ เพราะทิ้งไปดูการละเล่นเสีย ก็ทำให้เสื่อมจาก

โภคทรัพย์เพราะไม่ทำการงาน และความเสื่อมที่สำคัญ คือ เจริญอกุศลเพิ่มขึ้น ด้วย

ความหมกมุ่นที่มีมากนั่นเองครับ นี่คือ สิ่งที่เจริญและเสื่อมจากการดูมหรสพ หรือการ

ละเล่นครับ
4.การเล่นการพนัน มีโทษ 6 ประการคือ

- ผู้ชนะย่อมก่อเวร

- ผู้แพ้ย่อมเสียดายทรัพย์ที่เสียไป

- ความเสื่อมทรัพย์ในปัจจุบัน

- ถ้อยคำของคนเล่นการพนัน ซึ่งไปพูดในที่ประชุมฟังไม่ขึ้น

- ถูกมิตรอมาตย์หมิ่นประมาท

- ไม่มีใครประสงค์จะแต่งงานด้วย เพราะเห็นว่า ชายนักเลงเล่นการพนันไม่สามารถจะ

เลี้ยงภรรยา

การเล่นการพนันก็ทำให้เจริญความเป็นหนี้ เจริญศัตรู(ผู้ชนะก่อเวร) เจริญชื่อเสียง

ไม่ดี และเจริญอกุศล และทำให้เสื่อมทรัพย์ เสื่อมจากคำพูดที่น่าเชื่อถือ เสื่อมจากการ

ได้คู่ครองที่ดี เป็นต้นครับ

5. การคบคนชั่วเป็นมิตร

โทษของการคบมิตรชั่ว คือ ตัวเองก็ไม่ดีตามไปด้วย เช่นทำให้เป็นนักเลงสุรา เล่น

การพนัน ทำสิ่งที่ไม่ดีต่าง ๆ ตามไปด้วย เพราะฉะนั้นสิ่งที่เจริญของการคบมิตรชั่ว คือ

อกุศลธรรมเจริญขึ้น เพราะมิตรชั่วย่อมแนะนำสิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่เป็นอกุศลธรรม และมิตรที่

ไม่ดี ที่เข้าใจธรรมผิด ก็อาจทำให้คนเสพคุ้น เจริญความเห็นผิดตามไปด้วย เป็นโทษ

มาก พระองค์ถึงตรัสมงคลข้อที่ 1 ไว้ก่อนครับว่า ไม่คบคนพาลนั่นเอง

ทำให้เจริญ ชื่อเสียงที่ไม่ดี่ ถ้ามีเพื่อนไม่ดี แม้เราจะไม่เป็นอย่างนั้น คนอื่นก็ต้องคิดว่า

เราก็เป็นอย่างเขา อยู่ในวงสุรา เราไม่ดื่ม แต่มีเพื่อนที่ดื่ม คนก็ต้องเข้าใจว่าเราก็เป็นนัก

ดื่มสุราเช่นกัน ก็ทำให้เจริญในชื่อเสียงที่ไม่ดี

ส่วนที่ทำให้เสื่อมจากการคบมิตรชั่ว คือ เสื่อมจากความดี จากกุศลธรรม เสื่อมจาก

ปัญญา เสื่อมจากความเห็นถูก เสื่อมจากการเกิดในสุคติ เพราะมีการทำบาป เป็นต้น

6.ความเกียจคร้าน

ความเกียจคร้าน ไม่ทำในสิ่งที่ควรทำ โดยหาเหตุผลต่าง ๆ ที่จะไม่ทำการงาน ย่อม

ทำให้เสื่อมจากการงาน และก็ทำให้เสื่อมจากโภคทรัพย์ด้วย เพราะงานนั้นไม่สำเร็จครับ

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 80

สิงคาลกสูตร

กถาว่าด้วยอบายมุข ๖

[๑๗๘] อริยสาวกไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลาย เป็นไฉน

ดูก่อนคฤหบดีบุตร การเสพน้ำเมา คือสุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความ

ประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลายประการ ๑ การเที่ยวไปในตรอก

ต่าง ๆ ในเวลากลางคืน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลายประการ ๑ การ

เที่ยวดูมหรสพเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลายประการ ๑ การเล่นการพนัน

อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลายประการ ๑

การคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลายประการ ๑ ความ

เกียจคร้าน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลายประการ ๑

เหตุ ๖ ประการเหล่านี้คือ การนอนสาย ๑

การเสพภรรยาผู้อื่น ๑ การผูกเวร ๑ ความเป็นผู้

ทำแต่สิ่งหาประโยชน์มิได้ ๑ มิตรชั่ว ๑ ความ

เป็นผู้ตระหนี่เหนี่ยวแน่น ๑ ย่อมกำจัดบุรุษ

เสียจากประโยชน์สุขที่จะพึงได้ พึงถึง.

คนมีมิตรชั่ว มีมารยาทและโคจรชั่ว ย่อม

เสื่อมจากโลกทั้งสองคือจากโลกนี้และจากโลกหน้า.

เหตุ ๖ ประการ คือ การพนันและหญิง ๑

สุรา ๑ ฟ้อนรำขับร้อง ๑ นอนหลับในกลางวัน

บำเรอตนในสมัยมิใช่กาล ๑ มิตรชั่ว ๑ ความ

ตระหนี่เหนียวแน่น ๑ เหล่านี้ย่อมกำจัดบุรุษ

เสียจากประโยชน์ที่จะพึงได้ พึงถึง.

ชนเหล่าใดเล่นการพนัน ดื่มสุรา เสพหญิง

ภรรยาที่รักเสมอด้วยชีวิตของผู้อื่น คบแต่คน

ต่ำช้า และไม่คบหาคนที่มีความเจริญ ย่อม

เสื่อมดุจดวงจันทร์ในข้างแรม ผู้ใดดื่มสุรา

ไม่มีทรัพย์ หาการงานทำเลี้ยงชีวิตมิได้ เป็น

คนขี้เมาปราศจากสิ่งเป็นประโยชน์ เขาจักจม

ลงสู่หนี้เหมือนก้อนหินจมน้ำฉะนั้น จักทำ

ความอากูลแก่ตนทันที.

คนที่ปกตินอนหลับในกลางวัน เกลียด-

ชังการลุกขึ้นในกลางคืน เป็นนักเลงขี้เมา

เป็นนิจไม่อาจครอบครองเรือนให้ดีได้ ประ-

โยชน์ทั้งหลาย ย่อมล่วงเลย ชายหนุ่มที่

ละทิ้งการงาน ด้วยอ้างว่า หนาวนัก ร้อนนัก

เวลานี้เย็นเสียแล้วดังนี้เป็นต้น ส่วนผู้ใดไม่

สำคัญความหนาว ความร้อน ยิ่งไปกว่าหญ้า

ทำกิจของบุรุษอยู่ ผู้นั้นย่อมไม่เสื่อมจาก

ความสุข ดังนี้.
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 77

ข้อความบางตอนจาก สิงคาลกสูตร

[๑๗๔] ดูก่อนคฤหบดีบุตร ถ้าอย่างนั้น ท่านจงฟัง จงตั้งใจให้ดี

เราจักกล่าว. สิงคาลกคฤหบดีบุตรกราบทูลรับพระดำรัสของพระผู้มีพระ-

ภาคเจ้า พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนคฤหบดีบุตร อริยสาวกละ

กรรมกิเลส ๔ ได้แล้ว ไม่ทำบาปกรรมโดยฐานะ ๔ และไม่เสพทางเสื่อม

แห่งโภคะ ๖ อริยสาวกนั้น เป็นผู้ประศากจากกรรมอันลามก ๑๔ อย่างนี้แล้ว

ย่อมเป็นผู้ปกปิดทิศ ๖ ย่อมปฏิบัติเพื่อชนะโลกทั้งสอง และเป็นอันอริย-

สาวกนั้นปรารภแล้วทั้งโลกนี้ และโลกหน้า. เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกาย

แตก อริยสาวกนั้นย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์.



เว้นอบายมุข ๖

[๑๗๘] อริยสาวกไม่เสพทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลาย เป็นไฉน

ดูก่อนคฤหบดีบุตร การเสพน้ำเมา คือสุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความ

ประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลายประการ ๑ การเที่ยวไปในตรอก

ต่างๆ ในเวลากลางคืน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลายประการ ๑ การ

เที่ยวดูมหรสพเป็นทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลายประการ ๑ การเล่นการพนัน

อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลายประการ ๑

การคบคนชั่วเป็นมิตร เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลายประการ ๑ ความ

เกียจคร้าน เป็นทางเสื่อมแห่งโภคะทั้งหลายประการ ๑

ทิศ ๖

[๑๙๘] ดูก่อนคฤหบดีบุตร ก็อริยสาวก เป็นผู้ปกปิดทิศทั้ง ๖

อย่างไร. ท่านพึงทราบทิศ ๖ เหล่านี้คือ พึงทราบมารดาบิดาว่า เป็นทิศ

เบื้องหน้า อาจารย์เป็นทิศเบื้องขวา บุตรและภรรยาเป็นทิศเบื้องหลัง มิตร

และอำมาตย์เป็นทิศเบื้องซ้าย ทาสและกรรมกรเป็นทิศเบื้องต่ำ สมณ-

พราหมณ์ เป็นทิศเบื้องบน.

ฯลฯ


เอาบุญมาฝากจะถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ สักการะพระธาตุ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาทสร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ ให้อาหารสัตว์เป็นทานเป็นประจำ กรวดน้ำอุทิศบุญ อนุโมทนากับพ่อแม่ญาติพี่น้องที่รักษาศีล ฟังธรรม ให้ทาน อนุโมทนากับน้องคนหนึ่งและเพื่อนๆของน้องที่รักษาศีล ศึกษาการรักษาโรค ให้ยานพาหนะเป็นทาน ให้ที่อยู่อาศัยเป็นทาน ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ถวายสังฆทานมาโดยตลอด ที่ผ่านมาได้ปิดทองพระ รักษาอาการป่วยของผู้อื่นกับผู้ร่วมงาน และที่ผ่านมาได้รักษาอาการป่วยของมารดา ปล่อยชีวิตสัตว์มาโดยตลอด ถวายยาแก่ภิกษุ ที่ผ่านมาคุณแม่ได้ทำบุญหลายอย่างมาโดยตลอด และตั้งใจว่าจะสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอให้อนุโมทนาบุญด้วย


ขอเชิญถวายสังฆทาน เจริญวิปัสสนา ให้ธรรมะเป็นทาน ให้อภัยทาน บอกบุญ ให้อาหารสัตว์เป็นทาน สักการะพระธาตุ ฟังธรรม สวดมนต์ ช่วยพ่อแม่ทำงานบ้าน
รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ สร้างพระสร้างเจดีย์สร้างธรรมจักรสร้างรอยพระพุทธบาท
สร้างระฆังและอัครสาวกซ้ายขวาสร้างพระสีวลีสร้างพระกัสสะปะสร้างพระอุปคุตสร้างพระองคุลีมารผสมทองคำเปลวพร้อมนำดอกไม้มาบูชาถวายพระรัตนตรัย กรวดน้ำอุทิศบุญ ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น สนทนาธรรม
ถวายข้าวพระพุทธ อนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รักษาอาการป่วยของผู้อื่น รักษาอาการป่วยของบิดามารดา
ปิดทอง สักการะพระธาตุ กราบอดีตสังขารเจ้าอาวาสที่ไม่เน่าเปื่อย ที่วัดแจ้ง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี ปิดทองพระ ปล่อยชีวิตสัตว์ถวายยาแก่ภิกษุ
และสร้างบารมีให้ครบทั้ง 10 อย่างขอเชิญร่วมบุญกุศลร่วมกันนะครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 69 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร