วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 02:47  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2011, 12:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 มิ.ย. 2010, 07:34
โพสต์: 14

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การลดอัตตาตนลง หรือการละมานะทิฏฐินี้ เราทำเพื่อเราคนเดียว ไม่ต้องอาศัยผู้อื่น ไม่ใช่การเสียหน้า เสียเปรียบ หรือโง่เง่าอะไร

อัตตาหรือมานะทิฏฐินี้แหละที่ทำให้เราเดือดร้อนวุ่นวาย ทะเลาะคนนั้น จับผิดคนนี้ ล้วนเกิดจาก มานะ ความแข็งกระด้าง ทิฏฐิ ความดื้อรั้น ไม่ยอมคนอื่นทั้งสิ้น

มานะทิฏฐิ พระอริยเจ้าทั้งหลายท่านที้งไปแล้ว ท่านบอกให้ละให้วางเสีย เราท่านยังเห็นว่าเป็นของดีเป็นของวิเศษอยู่ ไม่ยอมละ ยอมวาง หรือเมื่อที้งไปแล้วก็กลัวว่า จะไม่มีอะไรให้ยึดให้ถือ

อยู่ด้วยกัน ท่านให้เอาความปรารถนาดี ความมีเมตตา มาแบ่งปันกัน กรุณาอย่าเอามานะทิฏฐิมาอวดกันเลย

เจริญธรรม

:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2011, 16:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.ย. 2007, 23:29
โพสต์: 1065


 ข้อมูลส่วนตัว


ข้าน้อยด่อยค่า เขียน:
การลดอัตตาตนลง หรือการละมานะทิฏฐินี้ เราทำเพื่อเราคนเดียว ไม่ต้องอาศัยผู้อื่น ไม่ใช่การเสียหน้า เสียเปรียบ หรือโง่เง่าอะไร

อัตตา หรือมานะทิฏฐินี้แหละที่ทำให้เราเดือดร้อนวุ่นวาย ทะเลาะคนนั้น จับผิดคนนี้ ล้วนเกิดจาก มานะ ความแข็งกระด้าง ทิฏฐิ ความดื้อรั้น ไม่ยอมคนอื่นทั้งสิ้น

มานะทิฏฐิ พระอริยะเจ้าทั้งหลายท่านที้งไปแล้ว ท่านบอกให้ละให้วางเสีย เราท่านยังเห็นว่าเป็นของดีเป็นของวิเศษอยู่ ไม่ยอมละ ยอมวาง หรือเมื่อที้งไปแล้วก็กลัวว่า จะไม่มีอะไรให้ยึดให้ถือ

อยู่ด้วยกัน ท่านให้เอาความปรารถนาดี ความมีเมตตา มาแบ่งปันกัน กรุณาอย่าเอามานะทิฏฐิมาอวดกันเลย

เจริญธรรม


:b8: :b8: :b8:

:b8: ขออนุโมทนาด้วยค่ะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2011, 02:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 เม.ย. 2011, 01:57
โพสต์: 324

แนวปฏิบัติ: อริยสัจ4
อายุ: 27
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: อนุโมทนาครับ

หลงยึดอะไรเข้าก็เป็นที่วุ่นวายเมื่อนั้น จะยึดมั่นในความรู้ เราถูก เขาผิดไปทำไม คิดว่าเราถูก กิเลสของเราก็ไม่ได้ลดลง คิดว่าเขาผิด กิเลสของเราก็ไม่ได้ลดลงอีกเหมือนกัน

ได้มาแล้วก็ปล่อยไปเถอะครับ ความรู้น่ะ

.....................................................
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นคือความจริง การฝืนความจริงทำให้เกิดทุกข์ การเห็นและยอมตามความจริงทำให้หายทุกข์

คนที่รู้ธรรมะ มักจะชอบเอาชนะผู้อื่น แต่คนเข้าใจธรรมะ มักจะเอาชนะใจตนเอง

สัพเพ ธัมมา อะนัตตาติ ยะทา ปัญญายะ ปัสสะติ
เมื่อใดบุคคลเห็นด้วยปัญญาว่า, ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา

อะถะ นิพพินทะติ ทุกเข เอสะ มัคโค วิสุทธิยา
เมื่อนั้น ย่อมเหนื่อยหน่ายในสิ่งที่เป็นทุกข์ ที่ตนหลง,
นั่นแหละเป็นทางแห่งพระนิพพานอันเป็นธรรมหมดจด

.....ติลักขณาทิคาถา.....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2011, 05:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ธ.ค. 2010, 08:25
โพสต์: 326


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: :b20:

.....................................................
สุดปลายฟ้า... เชื่อมั่นและสัทธาในพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ ผู้รู้แจ้ง เห็นจริง ยึดถือพระองค์เป็นสรณะ อย่างไม่มีสิ่งใดเหนือกว่า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2011, 17:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
...ขออนุโมทนาในหัวข้อเจ้าของกระทู้...การละมานะทิฏฐิ เราละเพื่อตัวเราเอง...
:b8:
...จิตแต่ละดวงที่มาเสวยภพชาติมนุษย์ขณะนี้....ต่างคนต่างมาและมาทำกรรมใหม่ของตนด้วย...
...ก็จิตแต่ละดวงนี้แหละจึงต้องศึกษาหลักพระธรรมคำสอนเพื่อให้ตัวเองเอาตัวรอดได้...
...ไม่มีคน ไม่มีสัตว์ ไม่มีสิ่งของ มีแต่สัณฐานของธาตุดิน น้ำ ไฟ ลมปรากฏให้รู้ที่ตั้ง...
...เพื่อให้สามารถที่จะหยิบจับและกระทำทุกสิ่งทุกอย่างได้ตามที่มี ที่ได้ ที่เห็น ที่เป็น...
:b44:
...ไม่ใช่เราเป็นคนกระทำ...แต่เป็นธรรมะทำหน้าที่ตามเหตุปัจจัย...ที่ทุกคนมีเหมือนกัน...
...คือมีเห็น มีได้ยิน มีได้กลิ่น มีลิ้มรส มีรับสัมผัส แต่ไม่รู้ว่าเป็นธรรมะ เพราะติดในตัวตน...
...หลงในรูปที่เห็น หลงในเสียงที่ได้ยิน หลงในกลิ่นที่ดม หลงในรสที่ลิ้มลอง หลงสัมผัส...
...ทุกขณะก็เป็นเราทำทุกอย่าง...อันนี้ที่หลงเรียกอีกชื่อว่าโมหะ...นี่แหละคือมิจฉาทิฏฐิ...
:b44:
...เพราะติดข้องในตัวตนของเราไปทำทุกอย่าง...ทำให้ไม่เข้าใจสภาพธรรม...
...ขณะนี้จิตแต่ละดวงกำลังฉายภาพความคิดแบบมิจฉาทิฏฐิให้ตนเองดูทุกวัน...
...แล้วก็สะสมความคิดด้วยความติดข้องทุกอย่าง...กลายเป็นกรรมเรียบร้อยแล้ว...
...ทุกขณะที่ไม่เข้าใจว่าเป็นธรรมะ...มีแต่กิเลสในใจก็สะสมภพชาติการเกิดสูงๆต่ำๆ...
:b44:
...ถ้าไม่ทำความเข้าใจว่าขณะนี้ ไม่มีเรามีแต่ธรรมะ ก็จะสะสมแต่ความหลงผิดเรื่อยไป...
...หากจะแก้ก็ต้องแก้ที่ความหลงผิดของตนเองให้ได้ก่อน...เพราะมีเราไปติดข้องทุกอย่าง...
...แก้ก็ต้องแก้ที่จิตเราให้มีความเห็นถูกในคำสอนก่อน จิตต้องการความช่วยเหลือจากเจ้าของ...
...ที่เห็นทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ขณะนี้เป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา เข้าใจปัจจุบันแล้วเตือนจิตตนเสมอ...
:b44:
grin


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2011, 07:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุค่ะ

เราก็ฝึกตัวเองอยู่ีค่ะ นิสัยชอบเอาชนะ ไม่ยอมใครเราก็มีเยอะเหมือนกัน แหะๆ ก็ฝึกไปเรื่อยๆ ลองแพ้ดูก็อืม...แรกๆ ก็ฝืนๆ ต่อมาเริ่มสนุก มาอยู่ฝั่งที่คนอื่นคิดว่าเราแพ้ดูบ้าง ได้เห็นบรรยากาศอีกแบบ หลังๆ เริ่มสบายๆ เพราะรู้สึกว่า แบบนี้ดีกว่า แพ้คนอื่นแต่ชนะตัวเอง ชนะปากที่อยากด่าคน ชนะใจที่คิดร้ายต่อเขา สบายกว่าเยอะๆ เลยค่ะ

แต่ก็ยังพลาดๆ นะ บางครั้งก็ยังมีอยู่ จะพยายามไปเรื่อยๆ

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2011, 11:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มิ.ย. 2010, 22:55
โพสต์: 213

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ

ตน ชนะได้ยากที่สุด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2011, 19:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ธ.ค. 2010, 18:22
โพสต์: 70


 ข้อมูลส่วนตัว


เรียนถามเพิ่มเติมครับ ชนะที่ไม่ก่อเวร แพ้ที่ไม่เกิดทุกข์ ละทั้งแพ้ทั้งชนะอยู่เป็นสุขทุกเมื่อ ต้องทำอย่างไรครับ? ขอขอบพระคุณล่วงหน้านะครับ สาธุ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2011, 12:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 มิ.ย. 2010, 07:34
โพสต์: 14

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ธงชาติ เขียน:
เรียนถามเพิ่มเติมครับ ชนะที่ไม่ก่อเวร แพ้ที่ไม่เกิดทุกข์ ละทั้งแพ้ทั้งชนะอยู่เป็นสุขทุกเมื่อ ต้องทำอย่างไรครับ? ขอขอบพระคุณล่วงหน้านะครับ สาธุ :b8:

ชนะที่ไม่ก่อเวร คือ "ชนะโดยธรรม"

ชนะผู้ตะหนี่ โดยการให้
ชนะผู้เบียดเบียนอยู่ โดยการไม่เบียดเบียนตอบ
ชนะผู้โกรธอยู่ โดยการไม่โกรธตอบ เป็นต้น


แพ้ที่ไม่ก่อทุกข์ คือเป็นผู้เห็นประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย คือ
- เห็นฝ่ายหนึ่ง ขุ่นเคือง จะเกิดความโกรธ เกิดโทสะ เราก็หยุดเสียโดยใช้ขันติ คือความอดทน เรียกว่ารักษาประโยชน์ท่าน
- รักษาประโยชน์ตน คือ รักษาใจ เห็นความสงบ ความเย็นของใจ ของตนเป็นสำคัญ ไม่ให้เกิดความร้อน ความวุ่นวายได้

เรียกว่าการให้อภัย ให้ความเมตตากับตนและผู้อื่นก็ได้ ฝึกไปนานๆ จะรู้สึกว่า ถึงจะไม่มีการขอโทษก็ยังให้อภัยได้เสมอ การแพ้แบบให้ อภัยนี้ มีคุณกับผู้ให้มากกว่าผู้รับเสียอีก

ทั้ง "ชนะและแพ้" ล้วนเป็นไตรลักษณ์ คือ อนิจจังไม่เที่ยง ทุกขังเป็นทุกข์ อนัตตาไม่ยั่งยืน พิจารณาอย่างนี้จน "จิต" ยอมรับความจริง ผู้นั้นย่อมสงบระงับ คือละได้ทั้งแพ้ทั้งชนะ

โดยรวมเราเรียก ชนะที่ไม่ก่อเวรแพ้ไม่เกิดทุกข์ว่า "ชนะตน" และผู้ที่ชนะตนได้...ย่อมอยู่เป็นสุขทุกเมื่อ ดังนี้..

สาธุ.. :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 มิ.ย. 2011, 16:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 ธ.ค. 2010, 18:22
โพสต์: 70


 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุ ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ :b8: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2011, 23:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 11 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 101 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร