วันเวลาปัจจุบัน 23 เม.ย. 2024, 22:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 18:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 18:38
โพสต์: 2

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องมีอยู่ว่าเราไปสัญญากับเพื่อนคนนึงไว้ว่า เราจะทำสิ่งนึงให้เค้า แต่พอวันนั้นมาถึงเราไม่ได้ทำค่ะเพราะเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ เราก็ขอโทษเค้าแล้ว บอกว่า เราเกือบจะได้ทำแล้วแต่ไม่ทัน แต่เค้ากลับตอบกลับมาว่า ไม่เห็นเธอจะตั้งใจทำเลยนะ เราคิดว่าเธอไม่อยากทำมากกว่า แล้วก็เมินหน้าหนีไปค่ะ แล้วเค้าก็หันไปพูดกับเพื่อนอีกคน ซึ่งคิดว่าพูดเรื่องที่เราผิดสัญญา พอเรียนเสร็จเราเลยถามเค้าว่า โกรธหรอ เค้าก็บอกว่าปล่าว หลังจากนั้นก็คุยกันปกติค่ะ

แต่พอมาวันต่อมา เค้าแทบจะไม่มองหน้าไม่ยอมคุยด้วย เหมือนกับโกรธจากที่เห็นได้ เราเลยไปถามเพื่อนอีกคนว่า สรุปเพื่อนคนนี้เป็นอะไรทำไมทำเหมือนโกรธเรา เค้าเลยบอกว่า เค้าโกรธที่เราผิดสัญญาเมื่อวาน เราเลย รู้สึกแย่มากๆที่ต้องผิดใจกับเพื่อนค่ะ

เราเลยคุยกับเพื่อนคนนั้นว่า เราอยากไปคุยตรงๆว่า สรุปแล้วโกรธเรื่องอะไร แล้วเพื่อนคนที่เราไปปรึกษาดันไปเล่าให้เพื่อนคนนั้นฟังว่าเราไปคุยอะไรกับเค้า เค้าเลยฝากมาบอกว่า ไม่ต้องมาคุยเรื่องนี้อีกแล้ว เค้าไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก

แต่ตอนดึกเราทนไม่ไหวเลยไปคุยค่ะ (อยู่หอ) เราก็บอกว่า เค้าโกรธเรื่องอะไร เรื่องที่เราผิดสัญญาใช่ไหม เค้าก็บอกว่า ปล่าว เค้าโกรธเรื่องที่เราไปคุยเรื่องนี้ให้เพื่อนอีกคนฟัง ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจว่าเกี่ยวอะไรกัน เพราะเพื่อนคนนั้นรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว เราเลยบอกว่า สรุปกลับมาคุยกันเหมือนเดิมได้มั้ย ส่วนเรื่องนั้นขอโทษจริงๆไม่ได้ตั้งใจ และเราก็ไม่ได้บอกเหตุผลไปว่าทำไมเราไม่ได้ทำ เพราะจะเหมือนคำแก้ตัวอีก เค้าก็บอก โอเค ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องจบแล้ว แต่ก็ไม่มองหน้ากันค่ะ

แล้ววันต่อไป เค้าแทบไม่มองหน้าเราเลยค่ะ เหมือนโกรธอยู่ พอนั่งเรียนข้างกัน เค้าก็ไม่พูดกับเราซักคำ พอเราคุยด้วย เค้าก็ อืม โอเค ไม่ ถามคำตอบคำยังงั้น ทั้งๆที่เราพยายามทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะได้เหมือนไม่เคยผิดใจกัน แต่เค้าก็ไม่ยอมรับอ่ะค่ะ เราก็ไม่รู้จะพยายามยังไงแล้ว

พอเราไปคุยกับเพื่อนอีกคนเวลาเราพูดเค้าก็จะเงียบแบบไม่อยากพูดด้วย และ บางทีเราพูดเล่นๆกับเพื่อน เค้าก็ตอกกลับมาแบบแรงๆเหมือนจะเล่นๆแต่ก็จริง

เราไม่รู้ว่าทำไมเค้าต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย ทั้งๆที่เราพยายามขอโทษและขอคืนดีด้วย เป็นคนง้อก่อน ทั้งๆที่ก็ไม่ใช่ความผิดของเราเพียงคนเดียว

จากตอนแรกที่รู้สึกอยากคืนดี กลายเป็น โกรธ เกลียด ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากได้ยินเสียง อะไรเกี่ยวกับคนๆนี้อีก

ไม่ทราบว่าควรทำยังไงดีคะ ขอคำแนะนำค่ะ

ปล. นั่งเรียนติดกัน อยู่กลุ่มเดียวกัน (ในกลุ่มมีอยู่ 8 คน)
อยู่หอด้วยกันค่ะ ห้องติดกัน ทำใจยากมากค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 19:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2010, 12:27
โพสต์: 91

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


lollipopzx เขียน:
ทำยังไงให้ใจไม่โกรธคะ

- มีสติ
- มีเมตตา

แต่เรื่องที่เล่าเป็นเรื่องที่ผิดสัญญาเพื่อนเลยโกรธ ง้อเพื่อนแล้วยังไม่หายโกรธ เลยเป็นทุกข์
แก้อย่างไร?

- ขอโทษกันเสีย เมื่อไม่หายโกรธก็ต้องปล่อยไปก่อน ไม่ต้องไปง้อไปคุยอีกเพราะขอโทษแล้ว
- ห่าง ๆ กันสักพัก ไม่ต้องพูดไม่ต้องคุย ไม่เป็นผู้เริ่มก่อนอีกแต่ก็พร้อมที่จะพูดคุยเสมอ
- แต่จำไว้อย่าง เพื่อนที่เอาชนะเพื่อนเขาไม่เรียกว่าเพื่อนนะจ้ะ
- ให้มีเมตตาพร้อมช่วยเหลือเพื่อนเสมอ
- ยิ้มให้เพื่อนด้วยความเต็มใจ ไม่ขุ่นเคืองใจ ไม่โกรธ

ฟังความเห็นคนอื่นด้วยนะ :b12:


แก้ไขล่าสุดโดย จันทร์เจ้าขา เมื่อ 13 ส.ค. 2010, 19:49, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 21:46 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องโกรธนี้..มันห้ามกันไม่ได้หรอกครับ..ไม่ใช่พระอนาคามีนี้นา
แต่..เมื่อโกรธแล้ว..จะทำอย่างไรให้คลายไปในทางที่ถูกที่ควรนี้ซิ..ปุถุชนอย่างเราต้องหาวิธีกัน

แต่ละคนก็มีเทคนิควิธีต่างกันไปแล้วก็ขึ้นกับจิตใจของแต่ละท่าน..

ถ้าคุณเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองสูง...ลองคิดว่า..
คนเรามันก็ผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น..เขา(เพื่อน)พลาดพลั้ง..มาต่อว่าเรา..ก็แค่เขาพลาด..เขาคิดผิดเท่านั้นเอง..เราอภัยให้และจะไม่คิดเล็กคิดน้อยอีกแล้วแหละ...

ถ้าคุณเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเองไม่สูงนัก...ลองคิดว่า..
คนเรามันก็ผิดพลาดกันได้ทั้งนั้น..เราพลาดไปเอง..เขา(เพื่อน)โกรธเราก็สมควรแล้ว..เขาไม่ผิดหากจะโกรธเรา..เราจะไม่ว่าเขา..เราอภัยให้และจะไม่คิดอะไรอีก...

ลองคิดบ่อย ๆ ..และคิดทุกครั้งที่รู้สึกว่าโกรธ..ลองดูซิว่า..โกรธมันจะน้อยลงไปไหม??

ส่วน...เทคนิดส่วนตัวคือ..ด่าตัวเองครับ..

...โง่จังวะ..ที่โกรธนี้.....ฯลฯ

ด่าให้มันดัง ๆ (ในใจนะครับ) :b12:

คำว่า..โง่..ตัวเดียวนี้ทำให้นึกถึงสายปฏิจสมุปบาทเลยละครับผม :b32: :b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 13 ส.ค. 2010, 21:47, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 21:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ส.ค. 2010, 18:54
โพสต์: 615

สิ่งที่ชื่นชอบ: พระไตรปิฏก อรรถกถา
ชื่อเล่น: พุทธฏีกา
อายุ: 0
ที่อยู่: ดอยสัพพัญญู

 ข้อมูลส่วนตัว www


อย่าคาดหวังสิว่าเพื่อนต้องให้อภัย ขอโทษแบบยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว แต่ไม่ต้องแบกความผิด ทำจิตอาสาประมาณนั้น ขอผิดก็ได้ แต่ไม่ขอทุกข์ใจ คือยอมรับในการตัดสินใจ หน้างอของเพื่อน จะไปบังคับใครได้ ถ้าบังคับได้ก็หัดบังคับ ให้ใจเลิกคาดหวัง เลิกโกรธก่อนดีไหม ยิ้มได้แล้ว เพื่อนมีแปดคนจะต้องมีบ้างละที่ไม่ชอบนิสัยหรือผิดใจกัน

แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือความรับผิดชอบต่อส่วนรวม อย่าทำเหมือนผู้ใหญ่ ที่แบ่งพรรคแบ่งพวกคราวต้องทำงานทำกิจกรรมรวมกันก็พังเพราะเอาแต่ใจตัวเอง นำเรื่องส่วนตัวมาปนกับเรื่องงาน ในมหาลัยก็เช่นกัน ฝึกที่จะไม่แบกโลก แบกความรู้สึกคนอื่น อะไรอยู่เหนือการควบคุมของเราก็อย่าไปเอามาทำหน้างอ ช่วงนี้เขาฮิตเหรอ ปั้นหน้าโกรธกัน บอกหน่อยว่าไม่จริง :b32:

เพื่อนมีสิทธิที่จะหน้างออยู่อย่างนั้น มองในแง่ดีเพื่อนสอนเรื่อง สัจจะสัญญานะ ว่ารับปากใครต้องดูให้ดี ๆ ความจริงสักวันหนึ่ีง(หวังว่า) การพึงพาอาศัยใครเพื่อนเองก็ต้องมองดูดี ๆ ว่าเพื่อนที่จะฝากความช่วยเหลือคน ๆ นั้นมีความรับผิดชอบหรือไม่

เอาเป็นว่า ยิ้ม ๆ ไว้ที่เจอ ยอมรับผิดแล้วก็ยอมรับในสิทธิของเพื่อน เรื่องส่วนตัว อาศัย การหยิบยื่นการ์ดเล็ก ๆ ขนมอร่อย ๆ เรื่องส่วนรวมเรื่องงานกลุ่ม ก็ขอความร่วมมือกับเพื่อนอีกครั้งเป็นกรณี ๆ ไป หากพูดถึงบุคคลที่สาม พูดเรื่องดีเอาไว้ จะได้ไม่สาดโคลนกันเองในกลุ่มให้วุ่นวายใจ

พูดน้อย ๆ เรื่องคนอื่น ถ้าจะพูด ให้หาข้อดีของเพื่อนออกมาพูด แล้วค่อยดูผลดี ๆ จะตามมา แน่นอนตรงข้ามและแรงมาก ที่พูดเรื่อคนอื่นลับหลังในทางไม่ดี ผลมันพอจะเห็น ๆ อยู่ เปิดใจนะยอมรับในสิทธิ์การตัดสินใจ เพื่อนชอบจะเอาของเสียสะสมไว้ในใจ เราก็ได้แต่หยิบยื่น ตามที่บอกไปแล้ว ถ้าไม่มีใครยิ้มเราควรยิ้ม ไม่มีใครคิดบวกเราคิดบวก

เราเองก็ปัดกวาดใจให้สะอาด ไม่ไปแบกความรู้สึกคนอื่นจนตัวเอง หมักหมมของเสียของรก สะสมแล้วหน้าก็งอ ไม่ใสปิ๊ง เพราะใจไม่ใส ใจหมอง เปิดใจยอมรับความผิดของเรา ยอมรับสิทธิผู้อื่น มองบวกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ทำผิดซ้ำ ไม่คิดมากหน้างอเจริญพร :b32:


รูปภาพ

.....................................................
39777.กฎกติกา มารยาท และบทลงโทษ ในการใช้บอร์ด

42529.สีลัพพตปรามาส - สีลัพพตุปาทาน (สมเด็จพระญาณสังวรฯ)
44772.e-Book สัมมาทิฏฐิ ตามพระเถราธิบายของท่านพระสารีบุตรเถระ
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 1 (ลานธรรมเสวนา)
พระไตรปิฎกมาแล้ว อรรถกถาอยู่ตรงไหน ตอนที่ 2 (ลานธรรมเสวนา)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 23:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ส.ค. 2010, 14:04
โพสต์: 12

แนวปฏิบัติ: กาย เวทนา จิต ธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: คำสอน ท่านพุทธฎีกา
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาสาธุค่ะตุ๊โย :b8: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2010, 00:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




VCwYJG813964-02.jpg
VCwYJG813964-02.jpg [ 21.43 KiB | เปิดดู 10670 ครั้ง ]
3ttBFy404044-02.jpg
3ttBFy404044-02.jpg [ 19.49 KiB | เปิดดู 10670 ครั้ง ]
gGtDcz157113-02.jpg
gGtDcz157113-02.jpg [ 11.39 KiB | เปิดดู 10668 ครั้ง ]
Mnjy3p109869-02.jpg
Mnjy3p109869-02.jpg [ 22.17 KiB | เปิดดู 10666 ครั้ง ]
บังเอิญได้ รับ fwd เมล์ มาพอดี
ก็เลย ก๊อปมาให้อ่าน คงจะได้ความสบายใจเพิ่มขึ้น

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2010, 08:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ส.ค. 2010, 18:38
โพสต์: 2

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาตอบนะคะ ตอนนี้กำลังพยายามทำใจอยู่ บางทีอยู่ต่อหน้ากันก็ไม่เหมือนไม่โกรธกันแล้ว แต่ไม่พูดกัน ไม่รู้เพราะอะไรค่ะ เราต้องเป็นคนเริ่มพูด ไม่งั้นเค้าจะไม่ตอบเลย เราไม่รู้ว่าเค้าคิดอะไรอยู่ถึงเป็นแบบนี้ค่ะ นี่ก็อาทิตย์นึงแล้ว

เราไม่อยากจะเห็นหน้าไม่อยากได้ยินเสียงเค้าเลยค่ะ พอได้เห็นได้ยินแล้วจิตใจมันร้อนรุ่มยังไงก็ไม่รู้ ช่วยออกความคิดเห็นด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2010, 08:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 มิ.ย. 2010, 07:34
โพสต์: 14

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านแล้วเห็นใจ ดูท่าเพื่อนคุณเขาไม่ใช่เพื่อนแท้แล้วละ ไม่สามารถฝากเป็นฝากตายกันได้
เขาเห็นประโยชน์จากคุณ พอไม่ได้เขาก็ไม่คบคุณอีก

เพื่อนกัน ให้อภัยกันง่าย เห็นอกเห็นใจ ไม่ทำให้เพื่อนเป็นทุกข์
ที่คุณเป็นทุกข์เพราะคุณแคร์เขามากไป เขาไม่มีค่าสำหรับคุณหรอกครับ

คุณยังเหลือเพื่อนอีกตั้งหกคน

ข้าน้อยด้อยค่า ไม่มีราคา :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2010, 17:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เราไม่อยากจะเห็นหน้าไม่อยากได้ยินเสียงเค้าเลยค่ะ พอได้เห็นได้ยินแล้วจิตใจมันร้อนรุ่มยังไงก็ไม่รู้ ช่วยออกความคิดเห็นด้วยค่ะ

ก้เพื่อนโกรธอยู่จะให้ทำยังไงดีละ จริงๆคุณก้มีส่วนผิดนะ รู้ว่าทำไม่ได้ไม่บอกให้เพื่อนรู้แต่แรก
แต่กลับมาบอกภายหลัง ทำให้เพื่อนเข้าใจผิดแล้วคุณก้ไม่ยอมขอโทษเพื่อนดีๆ เพื่อนก้เลยเข้าใจ
ว่าคุณหาข้ออ้างมาแก้ตัว เพื่อนเข้าใจผิดแล้วโกรธแล้วห้ามเพื่อนไม่ได้หรอก แต่ก้คงต้องทำตัวเอง
ให้ไม่ถือสาเพื่อนแล้วคุยกับเพื่อนตามปกติน่ะ หรือไม่อยากทำก้แกล้งทำดีก้ได้ พอเพื่อนหายโกรธ
แล้วเพื่อนถึงจะเข้าใจ ปํญหาอย่างนี้เป็นปัญหาของวัยรุ่นที่แก้ได้ไม่ค่อยยากแต่คนเรามีทิฏฐิใส่กัน
ก้เลยไม่อยากเข้าหน้ากัน ใครก้ต้องว่าตัวเองคิดถุกทั้งนั้นแหละ.... :b40:

ห้ามเพื่อนโกรธคงไม่ได้หรอกนะ แต่ห้ามตัวเองไม่ให้โกรธเพื่อนที่กำลังโกรธเราอยู่อย่างงี้ห้ามตัวเรา
เองได้ ผิดใจกันนิดนึงก้ไม่ต้องโกรธถึงไม่มองหน้ากันหรอก เพราะยังต้องพึ่งพากันอีกนานทำเป็นเฉยๆ
เสีย และก้คุยกับเพื่อนตามปกติ เพื่อนไม่คุยก้เรื่องของเขา ทำให้เหมือนกับเมื่อก่อน เขาจะเป็นอย่างไร
หรือเปนไรก้เป็นทุกข์เขา เราก้ทำหน้าทีเราตามปกติ เด่วหายโกรธกันก้จะรักกันเหมือนเดิม ความโกรธ
มันแค่ประเดี๋ยวประด๋าวเอง อย่าไปจริงจังอะไรมาก เรื่องขี้ประติ๋วในชีวิตมาก ทำใจกว้างๆเข้าไว้ครับ:b40: :b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2010, 18:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 มิ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1855

แนวปฏิบัติ: อานาปานสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: THAILAND

 ข้อมูลส่วนตัว


:b6: อ่านแล้ว ต้องขอบอกว่า ปัญหาระหว่างคุณกับเพื่อนเป็นเรื่องธรรมดา
โดยเฉพาะวัยขนาดนี้ ทุกอย่างมักจะแรงเสมอ
แต่เมื่อเวลาผ่านไป เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
เมื่อคุณมองย้อนหลัง..อาจจะยิ้มและรู้สึกว่า
เออหนอเรา..ช่างเป็นไปได้ มันแค่เรื่องเล็กๆ เอง

:b1: ลองนัดมาจับเข่าคุยกันดู(จับอย่างอื่นก็ได้)
บางคนอาจจะเรียกเปิดอกคุยกันก็ได้
ซึ่งก็คือปรับความเข้าใจกันเสีย
อย่าปล่อยให้เวลามีค่าผ่านไป
เพื่อทราบสาเหตุที่ทำให้โกรธกัน
บางทีมันเป็นเรื่องที่เราเองคาดไม่ถึงว่า
ทำไปแล้ว..จะทำให้เพื่อนโกรธได้
ส่วนเมื่อรู้แล้ว ยังจะโกรธกันอีก
ก็คงต้องยอมรับ จะได้ทำตัวถูกว่า
ยังจะคบเป็นเพื่อนกันอยู่ต่อไหม
ดีกว่ามาทำหน้ายักษ์ใส่กันเวลาเจอหน้า
:b24: หรือจะให้เวลาเป็นเครื่องรักษาดี

.....................................................
[สวดมนต์วันละนิด-นั่งสมาธิวันละหน่อย]
[ปล่อยจิตให้ว่าง-ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ]


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2010, 19:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 มิ.ย. 2010, 07:34
โพสต์: 14

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สมกับที่เป็นท่านผู้เฒ่า ผู้มีประสบการณ์ ขอคารวะท่านยาย เอ้ย..ท่านพี่
อิอิ :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2010, 05:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 มี.ค. 2010, 10:10
โพสต์: 104

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอาใจช่วยให้คืนดีกันนะค่ะ tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2010, 21:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ก.ย. 2010, 23:16
โพสต์: 77

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สิ่งที่โกรธไม่ใช่ใจแต่เป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นที่ใจและก็ดับไปที่ใจ แต่สิ่งที่ไม่เกิดไม่ดับคือใจหรือจิตดวงรู้ๆนั่นเองไม่ควรไปใส่ใจในสิ่งที่มันเกิดๆดับๆมันเป็นอาการของใจไม่ใช่ใจของเราแท้ๆถ้าความโกรธเป็นของเราจริงเวลาความโกรธดับไปทำไมใจของถึงไม่ดับแสดงว่าความโกรธนั้นมันใช่เราเพราะไม่รู้เท่าทันจึงถูกกิเลสมันหลอกเอานั่นเองพยายามเจริญสติรู้ที่จิตที่ไม่เกิดไม่ดับแล้วเราจะเข้าใจแจ่มแจ้งเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 06:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ก.ย. 2010, 16:27
โพสต์: 46

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ถือว่าเหตุการ์ณนี้เป็นครูครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ต.ค. 2010, 16:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 พ.ค. 2010, 13:34
โพสต์: 1654

งานอดิเรก: ฟังเพลง และฟังธรรมตามกาลเวลา
สิ่งที่ชื่นชอบ: อภัยทาน
อายุ: 39
ที่อยู่: กรุงเทพมหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว




Lotus418.jpg
Lotus418.jpg [ 3.41 KiB | เปิดดู 10217 ครั้ง ]
วิธีละความโกรธ

ความโกรธเมื่อเกิดขึ้นแก่ผู้ใด ทำให้จิตใจของผู้นั้นเร่าร้อน เป็นทุกข์ ไม่สบายใจ นอนไม่หลับ ฝันร้าย ถ้าโกรธมาก ๆ อาจทำให้ต้องไปฆ่าผู้อื่น ติดคุกติดตารางเป็นทุกข์ทั้งแก่ตัวเอง ทั้งแก่ผู้อื่น จะเจริญเมตตาจิตก็ลำบากเพราะเมื่อเจริญไปแก่ผู้ที่เราโกรธอยู่ ก็เจริญไม่ขึ้น แต่ถ้าเราละความโกรธได้ เราก็จะเป็นสุข ดังพระบาลีว่า โกธํ ฆตฺวา สุขํ เสติแปลว่าฆ่าความโกรธได้แล้วย่อมเป็นสุข ฉะนั้น อาตมาจะได้นำวิธีละความโกรธที่ท่านแสดงไว้ใน คัมภีร์วิสุทธิมรรค มาแนะนำท่านผู้อ่าน มีถึง ๙ วิธี ด้วยกัน คือ

๑. ระลึกถึงโทษของความโกรธ

บุคคลผู้มักโกรธนี้ ถูกความโกรธครอบงำแล้ว โกรธเต็มประดา ย่อมประพฤติชั่วด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจครั้นประพฤติชั่วด้วยกายวาจาใจแล้ว ย่อมเดือดร้อนในโลกนี้ตายไปแล้วย่อมเกิดในอบายภูมิทั้ง ๔ ภูมิ หรือเราจะระลึกถึงโอวาทที่พระพุทธเจ้าทรงสอน เช่นว่า ผู้ใดโกรธตอบผู้ที่โกรธ (ก่อน) เพราะเหตุที่โกรธตอบนั้น ผู้นั้นกลับเลวกว่าผู้ที่โกรธ (ก่อน) นั้นเสียอีก ผู้ไม่โกรธตอบผู้โกรธ (ก่อน) ชื่อว่าชนะสงครามที่ชนะได้ยาก ผู้ใดรู้ว่าผู้อื่นโกรธขึ้นมาแล้วมีสติระงับใจเสียได้ (ไม่โกรธตอบ) ผู้นั้นเชื่อว่าประพฤติเป็นประโยชน์ด้วยกันทั้ง ๒ ฝ่าย คือทั้งฝ่ายตนและฝ่ายผู้อื่นและผู้ที่มัวโกรธอยู่อย่างนี้ ไม่ชื่อว่าเป็นผู้ทำตามคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วย

๒. ระลึกถึงความดีของเขา

ถ้าวิธีที่ ๑ ไม่สำเร็จ ลองวิธีที่ ๒ คือ ระลึกถึงความดีของเขา เพราะบางคนความประพฤติทางกาย เขาปฏิบัติดีเป็นอันมาก ชนทั้งปวงก็รู้ได้ แต่วาจาและใจไม่เรียบร้อยเราก็ระลึกถึงแต่ความดีทางกายของเขาอย่างเดียว บางคนดีทางวาจาอย่างเดียว พูดจาอ่อนหวาน พูดให้คนอื่นสบายใจมีหน้าชื่นบาน ทักก่อน แต่ความประพฤติทางกายและใจไม่เรียบร้อย เราก็อย่าคิดถึงทางกายและใจ ระลึกถึงแต่ความดีทางวาจาของเขาอย่างเดียว บางคนดีทางใจเท่านั้นความเรียบร้อยทางใจของเขานั้น ปรากฏแก่ชนทั้งปวงในการทำกิจต่าง ๆ เช่น การไหว้พระเจดีย์ เขาย่อมไหว้โดยเคารพไม่นั่งใจลอย โงกง่วงอยู่ในที่ฟังธรรม เราก็ระลึกถึงแต่ความเรียบร้อยทางใจของเขาอย่างเดียวเถิด สำหรับบางคน ประพฤติไม่ทั้งทางกาย วาจา ใจ เราควรตั้งความกรุณาในบุคคลนั้นด้วยคิด (สงสาร) ว่า เวลานี้เขาอยู่ในโลกมนุษย์ แต่ว่าอีกไม่นาน เขาก็จะต้องไปเพิ่มให้มหานรกทั้ง ๘ ขุม เต็มขึ้น เมื่อทำใจเช่นนี้ ความอาฆาต โกรธแค้น ย่อมระงับลงได้ เพราะอาศัยความกรุณา

๓. พึงสอนตนว่า ความโกรธคือการทำความทุกข์ให้ตนเอง

เช่นว่า เจ้าไปพะนอความโกรธ อันเป็นตัวตัดมูลรากของศีลทั้งหลายที่เจ้ารักษาเสีย ขอถามหน่อย ใครโง่เหมือนเจ้าบ้างเล่า เจ้าโกรธว่า คนอื่นทำกรรมป่าเถื่อน (กรรมชั่ว) ให้อย่างไรหนอ เจ้าจึงปรารถนาจะทำกรรมเช่นเดียวกันนั้นเสียเองเล่า ถ้าคนอื่นอยากให้เจ้าโกรธ จึงทำความไม่พอใจให้ไฉนเจ้าจึงจะช่วยทำความตั้งใจของเขาให้สำเร็จ โดยปล่อยให้ความโกรธเกิดขึ้นเล่า น่าตำหนิ เจ้าโกรธแล้วจักได้ทำทุกข์ให้แก่เขาหรือไม่ก็ตาม แต่เดี๋ยวนี้ เจ้าก็ได้เบียดเบียนตนเองด้วยโกรธทุกข์ (ความทุกข์ใจเพราะความโกรธ) อยู่แท้ ๆ

๔. พิจารณาความที่สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของ ๆ ตน

ถ้ายังไม่หายโกรธ พึงพิจารณาให้เห็นว่าตนและคนอื่นต่างมีกรรมเป็นของ ๆ ตน เช่นว่า เจ้าโกรธเขาแล้ว เจ้าจักทำอะไร กรรมที่มีโทสะเป็นเหตุ จักเป็นไปเพื่อความเสื่อมเสียแก่ตัวเจ้าเองมิใช่หรือ เจ้าจักทำกรรมใดไว้ เจ้าจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น กรรมอันนี้จะสามารถให้สมบัติทั้งหลายมีความเป็นพระราชา พระอินทร์ เป็นต้น ก็หามิได้เลย กรรมนี้มีแต่จะทำให้เจ้าเสวยทุกข์ในเรือนจำ ทุกข์ในนรกเป็นต้น อย่างนี้แล้วจึงพิจารณาถึงฝ่ายคนอื่นบ้าง ดังที่พิจารณาในฝ่ายตน

๕. พิจารณาถึงความประพฤติในกาลก่อนของพระศาสดา

เช่นว่า พระศาสดาของเจ้าในกาลก่อนแต่การตรัสรู้แม้เป็นพระโพธิสัตว์ ทรงบำเพ็ญพระบารมีอยู่ตลอด ๔ อสงไขยกับแสนกัป มิได้ทรงยังจิตให้คิดประทุษร้ายในบุคคลทั้งหลายผู้เป็นศัตรู แม้เป็นผู้ปลงพระชนม์เอาในชาตินั้น ๆ เช่น เรื่องในขันติวาทีชาดก พระโพธิสัตว์ เมื่อพระราชาพระนามว่ากลาพุ ผู้โง่เขลาถามว่า สมณะ แกกล่าววาทะอะไร ตอบว่าอาตมากล่าววาทะคือขันติ (ความอดทน) ถูกโบยด้วยหวายทั้งหนามแล้ว ตัดมือและเท้าเสีย ก็ทรงมิได้ทำแม้แต่อาการขุ่นเคือง หรือเรื่องในมหากปิชาดก พระโพธิสัตว์เกิดเป็นกระบี่ใหญ่ (ลิง) เมื่อถูกชายผู้หนึ่งผู้ที่ตนเองช่วยฉุดขึ้นจากเหวรอดชีวิตแล้ว ยังคิดร้ายว่า ลิงนี่ก็เป็นอาหารของพวกมนุษย์เหมือนสัตว์ป่าอื่น ๆ ในป่านั่นเอง อย่ากระนั้นเลย เราก็หิวแล้ว ฆ่าลิงตัวนี้กินเสียเถิดน่ะ เรากินอิ่มแล้ว จะถือเอาเนื้อมันเป็นเสบียงไปด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็จักข้ามทางกันดารไปได้เสบียงก็จักมีแก่เราด้วย ดังนี้แล้ว ยกก้อนหินทุ่มหัวเอากระบี่ใหญ่ก็ยังมองชายผู้นั้น ด้วยดวงตาอันนองด้วยน้ำตากล่าวกะเขาด้วยดีว่า นายจ๋า นายอย่าทำกะข้าซิ น่าติ! นายทำกรรมเช่นนี้ได้ (ลงคอ) นายก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีอายุยืนควรแต่จะห้ามคนอื่น (มิให้ทำร้ายกัน แต่นี่นายกลับทำร้ายเสียเอง) ไม่ยังจิตให้คิดร้ายในชายผู้นั้น ไม่คิดถึงความทุกข์ของตนเลย ยังพาชายผู้นั้นให้ถึงที่ ๆ ปลอดภัยเสียด้วย

๖. พิจารณาถึงความที่เคยเกี่ยวข้องกันในสังสารวัฏ

พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า สัตว์ผู้ที่ไม่เคยเป็นมารดา ไม่เคยเป็นบิดา ไม่เคยเป็นพี่น้องชาย ไม่เคยเป็นพี่น้องหญิง ไม่เคยเป็นบุตร ไม่เคยเป็นธิดา มิใช่หาได้ง่ายเพราะฉะนั้น เราพึงยังจิตอย่างนี้ให้เกิดขึ้นในผู้นั้นว่า ผู้นี้เป็นมารดาในอดีตของเรา รักษาเราอยู่ในท้อง ไม่แสดงอาการเกลียดสิ่งปฏิกูลทั้งหลาย มีอุจจาระ ปัสสาวะ น้ำลาย และน้ำมูล เป็นต้น ของเรา เช็คได้ราวกะจันทร์แดง (ต้นไม้หอมชนิดหนึ่ง) ให้เรานอนแนบอก อุ้มเราไป เลี้ยงเรามา...เป็นบิดาในอดีตของเรา ประกอบอาชีพต่าง ๆ ทำงานที่ยากอื่น ๆ บ้างเพื่อประโยชน์แก่ตัวเรา คิดว่า จักเลี้ยงลูกน้อยรวบรวมทรัพย์ด้วยการงานนั้น ๆ เลี้ยงเรามา... การทำใจร้าย โกรธเคืองในบุคคลนั้น ไม่สมควรแก่เราเลย

๗. พิจารณาอานิสงส์เมตตา

ถ้ายังไม่อาจดับความโกรธได้ ลองพิจารณาอานิสงส์ของเมตตา ถ้าเราละความโกรธได้ มีจิตเมตตาปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข ก็จะได้รับอานิสงส์ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้มีถึง ๑๑ อย่าง คือ

๑. หลับเป็นสุข
๒. ตื่นเป็นสุข
๓. ไม่ฝันร้าย
๔. เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย
๕. เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย
๖. เทวดาย่อมรักษาผู้นั้น
๗. ไฟ พิษ หรือศัสตรา ย่อมไม่ทำร้ายผู้นั้น
๘. จิตตั้งมั่นเป็นสมาธิเร็ว
๙. สีหน้าผ่องใส
๑๐. ไม่หลงตาย คือมีสติก่อนตาย
๑๑. เมื่อไม่บรรลุคุณวิเศษที่ยิ่ง ย่อมเข้าถึงพรหมโลก

๘. ใช้วิธีแยกธาตุ

พึงสอนตนอย่างนี้ว่า ตัวเจ้าเมื่อโกรธบุคคลนั้นโกรธอะไร โกรธผมหรือ หรือว่า โกรธขน โกรธเล็บ ฯลฯ หรือมิฉะนั้น ก็โกรธธาตุดิน โกรธธาตุน้ำ โกรธธาตุไฟ หรือโกรธธาตุลม เมื่อเห็นว่ามีแต่ธาตุ แล้วเราจะโกรธไปทำไม

๙. วิธีสุดท้าย-ทำการให้และการแบ่ง

ถ้ายังไม่หายโกรธอีก พึงให้ของ ๆ ตนแก่เขา รับของ ๆ เขามาเพื่อตนเอง แต่ถ้าเขามีอาชีพไม่บริสุทธิ์ ก็พึงให้แต่ของ ๆ ตนไปฝ่ายเดียว อย่ารับของ ๆ เขาเลย เมื่อเราทำไปอย่างนั้นความอาฆาตในบุคคลนั้น จะระงับไปได้ ส่วนความโกรธของอีกฝ่ายหนึ่ง แม้จะติดตามมาตั้งแต่อดีตชาติ ก็จะระงับไปในทันทีเหมือนกัน ดังที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า ททมาโน ปิโย โหติ แปลว่า ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก (ของผู้รับ)

เขาว่าเรา เราอย่าโกรธ ลงโทษเขา

ในเมื่อเรา นี้ไม่เป็น เช่นเขาว่า

หากเราเป็น จริงจัง ดังวาจา

เมื่อเขาว่า อย่าโกรธเขา เราเป็นจริง

คัดจากหนังสือ ตายแล้วไปไหน ?
เรียบเรียงโดย พระมหาสุสวัสดิ์ จนฺทปญฺโญ ป.ธ.๙
พิมพ์โดย สุวิภา กลิ่นสุวรรณ์

ที่มา :: วิธีละความโกรธ "มันไม่ใช่ความล้มเหลว เพียงแค่ค้นพบว่านั่นเป็นอีก 1 วิธีที่ทำไม่สำเร็จ" โทมัส อัลวา เอดิสัน

กราบอนุโมทนาบุญกับท่านผู้เจริญในธรรมและกัลยาณมิตรทุกท่านอย่างสูงค่ะ tongue tongue tongue

.....................................................
ธรรมอำนวยพร
ขอให้.....มีจิตที่รู้ ที่ตื่น ที่เบิกบาน (พุทธะ)
ขอให้.....ทำการงานด้วยความสุข (อิทธิบาทสี่)
ขอให้.....ขจัดทุกข์ได้ด้วยปัญญา (อริยสัจสี่)
ขอให้.....มีดวงตาที่เห็นความจริง (ไตรลักษณ์)
ขอให้.....เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปด้วยไตรสิกขา (ศีล, สมาธิ, ปัญญา)
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 17 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 57 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร