วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 19:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 118 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2011, 13:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ถามโฮฮับทีกรัชกายรู้เรื่องวินัยบัญญัติ(พุทธบัญญัติ)บ้างนั่นใช้ผิดที่ผิดทางตรงไหนไม่ทราบ

ตอบกรัชกาย เรื่องพระวินัยผมกล่าวแบบลอยๆครับ เอาเป็นว่าเหมารวมก็แล้วกัน
แต่สำหรับตัวท่านถ้าชี้ให้ตรงๆมันก็เรื่องหลักการไงครับ

ท่านเคยได้ยินเพลงเก่าๆเพลงนี้มั้ยครับ
ลามะลิลา ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหล่าลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา :b32:


:b12: เพลงนั้นไม่เคยฟังครับ เคยแต่ฟังเพลงไม้หลักปักขึ้เลนขอรับ :b9:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2011, 14:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ธ.ค. 2010, 11:11
โพสต์: 94


 ข้อมูลส่วนตัว


นิดหนึ่ง เขียน:
"ธรรมและวินัยที่ตถาคตให้ไว้ จะเป็นศาสดาสอนเธอต่อไป"
ตรัสไว้กับพระอานนท์ ครั้งพุทธกาลก่อนปรินิพพาน

ผ่านมา ๒๕๕๔ ปี ศาสนาพุทธแบ่งเป็นหลายนิกาย บางประเทศก็เอาแต่พระธรรมและพระสูตรพระวินัยเพียงบางส่วน มีประเทศไทยนี่แหละที่ครบทั้ง พระสูตร พระธรรม และพระวินัย บริบูรณ์ มีแต่ประเทศไทยนี่แหละ ที่จะสามารถดำรงพระพุทธศาสนาได้ครบ ๕,๐๐๐ ปี

น่าเสียดาย..

น่าเสียดาย...แล้วพุทธศาสนาในเมืองไทย ใครจะช่วยปกป้องหนอ.. :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2011, 14:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต้อยตีวิด เขียน:
โฮฮับ เขียน:
ตลกดีครับ แบบนี่เรียกประชดแบบขาดสติ ขาดทั้งหิริโอตัปปะนะครับ
ก็ไหนพวกคุณบอกว่า ภิกษุณีรูปนี้ไม่ใช่พระในนิกายเถรวาทไง แล้วทางวัดนิโรก็บอกแล้ว
ว่าท่านไม่ใช่พระนิกายเถรวาทหรือพระไทย ท่านเป็นพระลังกาเป็นมหายาน
ถามจริงคุณไปเกี่ยวข้องอะไรกับท่านครับ

จะบอกให้ครับ คนที่ต้องเอาเรื่องหรือว่ากล่าวก็คือ นักบวชเถรวาทของท่านต่างหากครับ
ผมขอถามหน่อยทำไมมานั่งให้ภิกษุณีสอนอยู่ได้

อย่าอ้างนะว่า วินัยมีมาก่อนแตกนิกาย เห็นชอบว่านักว่ามหายาทชอบเปลี่ยนพระบัญญัติ

พระที่นั่งฟังนั่น ถือว่าต้องอาบัติคะ ต้องด้วยสำคัญว่าควรในของที่ไม่ควร เพราะไม่ศึกษาพระวินัยให้ครบถ้วน
เห็นความเศร้าหมองของพระศาสนาแล้วหรือยัง ทำอยู่ ๗ ปี อาบัติอยู่ ๗ ปี

สรุปว่าคุณจะว่าใครกันแน่ครับ ภิกษุณีที่ไม่ได้ขึ้นกับคณะสงฆ์ไทย
หรือว่าพระไทยที่บวชมาถูกต้องตามแบบเถรวาทไทยทุกอย่างกันครับ :b9:

ถ้าเป็นแบบนี้ผมขอยืมคำพูดกรัชกายมาใช้กับคุณหน่อย
กรัชกาย เขียน:
:b12: เพลงนั้นไม่เคยฟังครับ เคยแต่ฟังเพลงไม้หลักปักขึ้เลนขอรับ :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2011, 15:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 มี.ค. 2010, 10:10
โพสต์: 104

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต้อยตีวิดไม่ติดใจคำสอนของใครๆ หรอกคะ แม่ชีแก้ว แม่ชีศันสนีย์ ท่าน ก.เขาสวนหลวง หรือหมู่กัลยาณมิตรใน webboard นี้ก็รับได้และนำมาคิดมาสอนตนเสมอ และคิดว่าหลายๆ ท่านคงติดใจในเรื่องการได้มาซึ่งพระภิกษุณี ขอถามว่า การบวชที่ศรีลังกานั้น ยอมรับพระวินัยของพระพุทธเจ้าที่แสดงไว้ครั้งแรก คือ ครุธรรมแปดข้อนั้นหรือไม่?

อีกเรื่องคือ เห็นคุณโฮฮับตอบคำถามคุณ eragon_joe แล้วสงสัย เห็นตอบคนอื่นฉาดฉาน แต่เรื่องนี้กับอ้ำอึ่ง หรือว่ารู้ว่าถ้าตอบแล้วมันจะทำลายความน่าเชื่อถือของคุณไป

eragon_joe เขียน:
ทำไม...พระพุทธองค์จึง...ให้การมีภิกษุณีเป็นเรื่องที่ยาก...พระพุทธองค์มองเห็นอะไร...กันนะ...
ท่านถึงได้บัญญัติเช่นนั้น...


ขออนุญาตคุณ eragon_joe ด้วยนะค่ะ อยากได้คำตอบจริงๆ คะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2011, 17:03 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ต้อยตีวิด เขียน:
ต้อยตีวิดไม่ติดใจคำสอนของใครๆ หรอกคะ แม่ชีแก้ว แม่ชีศันสนีย์ ท่าน ก.เขาสวนหลวง หรือหมู่กัลยาณมิตรใน webboard นี้ก็รับได้และนำมาคิดมาสอนตนเสมอ และคิดว่าหลายๆ ท่านคงติดใจในเรื่องการได้มาซึ่งพระภิกษุณี ขอถามว่า การบวชที่ศรีลังกานั้น ยอมรับพระวินัยของพระพุทธเจ้าที่แสดงไว้ครั้งแรก คือ ครุธรรมแปดข้อนั้นหรือไม่?

อีกเรื่องคือ เห็นคุณโฮฮับ ตอบคำถามคุณ eragon_joe แล้วสงสัย เห็นตอบคนอื่นฉาดฉาน แต่เรื่องนี้กับอ้ำอึ้ง หรือว่ารู้ว่าถ้าตอบแล้วมันจะทำลายความน่าเชื่อถือของคุณไป

eragon_joe เขียน:
ทำไม...พระพุทธองค์จึง...ให้การมีภิกษุณีเป็นเรื่องที่ยาก...พระพุทธองค์มองเห็นอะไร...กันนะ...
ท่านถึงได้บัญญัติเช่นนั้น...


ขออนุญาตคุณ eragon_joe ด้วยนะค่ะ อยากได้คำตอบจริงๆ คะ :b8:


คงเป็นการถามคุณโฮฮับใช่มั๊ยคะ...
หรือว่า...เป็นคำถาม...ถามเอกอน... :b1:

ต้องขอโทษคุณโฮฮับด้วย...ถ้าคำถามของเอกอนดูจะย้อนกลับมาพันคุณ...
เพื่อรับผิดชอบกับคำถามตัวเอง...เอกอนจะขอตอบในส่วนที่เอกอนคิดไปเองก่อนนะ......
แม้จะเป็นความคิดแบบงู ๆ ปลา ๆ ก็ตาม...
ความคิดที่เอกอนมองจากมุมมองของเอกอน...นะคะ...

...เดี๋ยวขอไปตั้งตัวแป๊บบบบ นุง... :b12:


แก้ไขล่าสุดโดย eragon_joe เมื่อ 07 ม.ค. 2011, 18:19, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2011, 18:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ตรงนี้...เอกอนพิจารณาเองนะ...
ไม่ได้อิงหลักการอะไรเลย...
คิดไปเองแบบเรื่อยเปื่อย... :b12:

...คือนึกไปถึงการมองเห็นเหตุการณ์...ค่ะ...

นั่นคือ...เอกอนพิจารณาไปในอดีต...
มองโครงสร้างทางสังคมของชนในยุคก่อน...
ขอใช้คำว่า "โครงสร้างทางสังคม" โดยไม่ขยายความ...
โดยเฉพาะบทบาท...สตรี...ในยุคนั้น...
รวมถึงการแบ่งชั้นวรรณะ...

การที่สตรีจะเป็นผู้บรรลุธรรมนั้น...ไม่ใช่ปัญหา...
เพศไม่ใช่สิ่งกีดขวางการเข้าถึงสัจจะธรรม...

การมีผู้หญิงบรรลุธรรม...ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเหล่าอริยะ...
การมีสตรีเข้ามาบวชในศาสนา...ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเหล่าอริยะ...

แต่...ในหมู่พุทธศาสนิกชน...มีอริยะอยู่เท่าใด เมื่อเทียบกับจำนวนผู้ออกบวชทั้งหมด ....
และรวมถึง...เหล่าอุบาสก อุบาสิกา...
ดังนั้น...ยังมีทิฐิต่าง ๆ ที่ยังปนเปื้อนระคนกันไปในหมู่พุทธศาสนิกชน...
...

โอย๋...จะหาคำพูดมาใช้นี่ช่างลำบากจัง... :b5:
อืมมมม...เอางี้เลยดีกว่า...ง่ายดี...
เหมือนเอกอนมีลูก...เอกอนจะไม่ค่อยห่วงลูกที่ฉลาดเอาตัวรอด...ดูแลรับผิดชอบตัวเองได้...
แต่เอกอนจะห่วงลูกที่ยังไม่เป็นโล้ไม่เป็นพาย...เหลวไหล...ไม่เอาอ่าว...ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว
ดูแลตัวเองไม่ได้...
กับลูกที่เอาตัวรอดนั้น...เห็นก็โล่งอกแล้ว...ไม่ห่วงแล้ว...เพราะเขานั้นมีปัญญาหาเลี้ยงชีพ ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต...
แต่กับลูกที่ยังลูกผีลูกคนนี่สิ่...คงต้องพยายามทำอะไรมากมายเพื่อเกื้อหนุนลูก ๆ เหล่านี้อยู่...หง่ะ...
...
คือ...เป็นเรื่องที่เอกอนก็คิดไปเรื่อยเปื่อยเพลิน ๆ น่ะ...ตามประสาคนช่างฝัน...อิ อิ :b9:
ซึ่งเอกอนก็คงจะเป็นลูกคนหนึ่งในครอบครัวพุทธศาสนิกชน...น่ะ...
ก็เป็นลูก...ก็ทำตามหน้าที่ลูก...พิจารณาธรรมที่พ่อทิ้งไว้...
ก็ต้องพิจารณาเอาเอง...ว่าตอนนี้เราเป็นลูกอย่างไร...
เพราะคิดเรื่อยเปื่อยเช่นนี้...
จึงเกิดเป็นคำถาม...ถามคุณโฮฮับ...ขอโทษถ้าคำถามเอกอนจะทำให้ท่านตอบลำบาก...

:b8: :b8: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2011, 18:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 มี.ค. 2010, 10:10
โพสต์: 104

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณนะค่ะ ต้อยตีวิดชอบใจคำถามคุณ eragon_joe มากเป็นสิ่งที่สื่อถึงสิ่งที่พระองค์ทรงบัญญัติขึ้น เป็นเหตุเป็นผลเสมอ ขอบคุณอีกครั้งนะค่ะ น่ารักจังเลยคะ :b17: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2011, 18:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
ผู้จัดการ
ผู้จัดการ
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มี.ค. 2006, 17:34
โพสต์: 7781

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ
จากภาพ : เป็นพิธีบรรพชาเป็น “สามเณรี” ของท่านแม่ชีนันทญาณี
ณ วัดสัทธัมมการะ กรุงโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา
ต่อมาท่านได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็น “พระภิกษุณี”
เมื่อวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๕๑ ณ ประเทศศรีลังกา อีกครั้ง



ขอเชิญชวนเพื่อนๆ ลานธรรมจักรทุกท่าน ร่วมกันศึกษาเรียนรู้
“ท่านภิกษุณีนันทญาณี ภิกษุณีจากประเทศศรีลังกา”
:b8:

ข้อที่ 7 เรื่อง รู้จักภิกษุณี 1 และ ข้อที่ 8 เรื่อง รู้จักภิกษุณี 2
http://www.nirotharam.com/dhamma52-04.html

♥ ภิกษุณีไทย เป็นเถรวาท หรือ มหายาน ? โดย ภิกษุณีนันทญาณี
http://nirotharam.com/index.php?showtopic=32968

♥ เหตุเพราะ..พระภิกษุสงฆ์ไทย..แท้ๆ โดย ภิกษุณีนันทญาณี
http://nirotharam.com/index.php?showtopic=32975

♥ ภิกษุณีสงฆ์ที่เชียงใหม่ พุทธศักราช ๒๕๕๑ โดย สามเณรีวรญาณี
http://nirotharam.com/index.php?showtopic=32971

♥ บทบาทและหน้าที่ของภิกษุณีสงฆ์ต่อสังคม โดย สามเณรีวรญาณี
http://nirotharam.com/index.php?showtopic=32965

♥ เนื้อหาบทความส่วนอื่นๆ ที่น่าสนใจ ♥
http://nirotharam.com/index.php?act=SF&s=&f=8

“ท่านภิกษุณีนันทญาณี” ท่านรับว่า... ได้บวชเป็นภิกษุณีที่ประเทศศรีลังกา
ท่านจึงเป็นภิกษุณีจากประเทศศรีลังกา เพียงแต่มาพำนักในประเทศไทยเท่านั้น



*******************************************************************

หมายเหตุ : อีกสัก ๑-๒ วัน
สาวิกาฯ จะเข้ามาโพสต์แสดงข้อสรุปของกระทู้นี้
แล้วจะทำการ lock กระทู้ต่อไปค่ะ
ตอนนี้ขอเวลาไปทำภาระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนนะคะ

:b8: ขอบุญรักษาเพื่อนๆ ทุกท่านด้วยค่ะ tongue

.....................................................
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2011, 20:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: บวชมันมีหลายวัตถุประสงค์(ความจริงไม่อยากกลับมากล่าวอีก)
บวชเพื่อหวังหลุดพ้นมันก็ปฏิบัติอย่างหนึ่ง
บวชเพื่อสร้างศรัทธา หวังเป็นเจ้าลัทธิ มันก็ปฏิบัติอย่างหนึ่ง
บวชเพื่อลาภ ยศ สรรเสริญ มันก็ดิ้นรนอีกอย่างหนึ่ง
นักบวชเรามีหลายประเภท หลายวัตถุประสงค์ บางคนซ่อนกิเลสไว้ได้ตั้ง 20-30 ปี ความจึงมาแตกภายหลัง
อันนี้ความจริง มันขึ้นอยู่ว่าบวชเพื่อ เอาหรือละ คนมีปัญญา ดูออก แต่จะพูดหรือไม่พูดเท่านั้น
ก็พิจารณากันเอา ทำไมเราจึงไม่ยอมเป็นศิษย์ คนที่อยากเป็นอาจารย์
คนที่ไม่รู้ย่อมไม่ผิด จะนับถือศรัทธาใคร ย่อมไม่เป็นไปด้วยอกุศลจิต เราจึงไม่คิดกล่าวโทษใครในการที่ต้องมาโต้แย้งกันขนาดนี้ มันยุติไม่ได้หรอก ถ้ายังเข้าใจไม่ตรงกัน หากอยากยุติ ต่างต้องกลับไปอ่านหนังสือชื่อ บวชทำไม ของท่านพุทธทาสสัก 3 จบ คิดว่ายุติได้แน่ นี่ไม่ได้ประชด.....เจโตวิมุติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2011, 21:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ตรงนี้...เอกอนพิจารณาเองนะ...

อืมมมม...เอางี้เลยดีกว่า...ง่ายดี...
เหมือนเอกอนมีลูก...เอกอนจะไม่ค่อยห่วงลูกที่ฉลาดเอาตัวรอด...ดูแลรับผิดชอบตัวเองได้...

แต่เอกอนจะห่วงลูกที่ยังไม่เป็นโล้ไม่เป็นพาย...เหลวไหล...ไม่เอาอ่าว...ไม่ได้เรื่องไม่ได้ราว
ดูแลตัวเองไม่ได้...


กับลูกที่เอาตัวรอดนั้น...เห็นก็โล่งอกแล้ว...ไม่ห่วงแล้ว...เพราะเขานั้นมีปัญญาหาเลี้ยงชีพ ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต...

แต่กับลูกที่ยังลูกผีลูกคนนี่สิ่...คงต้องพยายามทำอะไรมากมายเพื่อเกื้อหนุนลูก ๆ เหล่านี้อยู่...หง่ะ...
...
คือ...เป็นเรื่องที่เอกอนก็คิดไปเรื่อยเปื่อยเพลิน ๆ น่ะ...ตามประสาคนช่างฝัน...อิ อิ :b9:


:b8: :b8: :b12: :b12:

:b12: :b12: :b12:
ฝันดี..ฝันดี..
ฝันได้ชัดเจนดี.. :b17: :b17:

ฝันดีแบบนี้...มีใครจะตีความได้บ้าง
(จะเหมือนผมรึเปล่า) :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2011, 21:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เจโตวิมุติ เขียน:
:b42: บวชมันมีหลายวัตถุประสงค์(ความจริงไม่อยากกลับมากล่าวอีก)
.......
นี่ไม่ได้ประชด.....เจโตวิมุติ

:b8: :b8: :b8:
..มัน (อาจ) เป็นเรื่องของ..วิถี..ของจิต..
..เป็นแรงผลักดัน..เนื่องจากจิต..ตั้งใว้..มานานแสนนาน..
..เป็นครู..เป็นอาจารย์..เป็นคนช่วยคนให้เจริญ..จิตตั้งใว้
..ไม่ได้มีจิตเจตนาร้าย..ทำลายใครให้เสื่อม..

..พระพุทธองค์..ทรงทราบ..วิถีของจิต..ทั้งหลายทั้งสิ้น..ดี..
..จึงทราบว่า..ศาสนาอยู่ต่อไปได้..5000 ปี..
..5000 ปี..ไม่ได้เป็นเจตนาของใคร..
..มันเป็นของมันอย่างนั้น..เอง..


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2011, 22:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:

:b8: :b8: :b8:
..มัน (อาจ) เป็นเรื่องของ..วิถี..ของจิต..
..เป็นแรงผลักดัน..เนื่องจากจิต..ตั้งใว้..มานานแสนนาน..
..เป็นครู..เป็นอาจารย์..เป็นคนช่วยคนให้เจริญ..จิตตั้งใว้
..ไม่ได้มีจิตเจตนาร้าย..ทำลายใครให้เสื่อม..

..พระพุทธองค์..ทรงทราบ..วิถีของจิต..ทั้งหลายทั้งสิ้น..ดี..
..จึงทราบว่า..ศาสนาอยู่ต่อไปได้..5000 ปี..
..5000 ปี..ไม่ได้เป็นเจตนาของใคร..
..มันเป็นของมันอย่างนั้น..เอง..


:b22: :b22: :b22:

อิ อิ ... ช่วงนี้ท่าทางวงโคจรจะมาเข้าใกล้วิถีท่าน อ๊บซ์ อ๊บซ์ แฮะ...
ช่วงนี้...เหมือนท่าน อ๊บซ์ อ๊บซ์ จะกำลังเป็นเจ้าของกิจการโรงนุ่น...อิ อิ
เพราะ... สังเกตหลายกระทู้แล้ว...มาดท่าน...ดูนุ๊ม นุ่ม ... อิ อิ

:b12: :b12: :b12:

ส่วนเอกอนกำลังไปแอบเข้าคอร์สบำบัดจิต...อยู่ค่ะ... :b4: :b4:

จากข้อความข้างบน...
ราวกับว่าท่านอ๊บซ์ อ๊บซ์ ไปจ๊ะเอ๋อะไรมา... มีโอกาสอย่าลืมเล่าสู่กันฟังบ้างนะ... :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ม.ค. 2011, 23:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: อีกนิดเราก็ไม่ได้ไปปรักปรำท่าน ว่าท่านเป็นอย่างโน้น หรืออย่างนี้ เพราะเราไม่ได้อ่าน และไม่ได้สนใจที่จะอ่าน เรื่องราว ชีวประวัติ หรือแนวปฏิบัติของท่านทั้งสิ้น ถามว่าทำไม เพราะเรารู้สึกว่าธรรมมะและแนวการปฏิบัติที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้นั้นสมบูรณ์ที่สุดแล้ว หรืออย่างน้อยหลักธรรมคำสอนของครูบาอาจารย์เก่าๆ ที่เราได้พิสูจน์แล้ว ว่าตรงกับคำสั่งสอนของพุทธองค์ เช่น ท่านพุทธทาส หลวงพ่อชา หรือแม้แต่หลวงพ่อสุทัศน์อุปชฌาเราเอง และอีก 2-3 ท่านที่ไม่ได้เอ่ยนาม นั้นเพียงพอที่เราจะนำมาศึกษา ปฏิบัติแล้ว เราคิดเอาเองว่าถ้าธรรมมะของพระพุทธองค์ที่เราหาอ่านได้เอง ครูบาอาจารย์ที่เอ่ยนามมานี้ สอนเราแล้ว เรายังมืดบอดหาแสงสว่างไม่ได้ ความหวังที่จะได้สัมผัสความเป็นพุทธะก็เป็นอันโมฆะเสีย เป็นที่ตัวเราเองแล้ว ป่วยการวิ่งไปหาอาจารย์โน้น อาจารย์นี้เพิ่มเติม ทำให้ครูบาอาจารย์เก่าๆ ที่ปฏิบัติดีแล้ว อาจมัวหมองเพราะความเขลาของตัวเราเองได้ นี่เป็นคติส่วนตัวไม่ได้เพื่อแนะนำใครให้เชื่อและปฏิบัติตาม สำหรับข้อคิดที่ให้ไว้นั้นเป็นเพียงหลักการกว้างๆ ว่าใครจะสนใจ ศรัทธา เรื่องอะไรเป็นสิทธิส่วนบุคคลอยู่แล้ว แต่ในฐานะกัลยาณมิตร อะไรที่เราเคยเห็น เคยรู้ เคยโง่มาก่อน เราเพียงบอกไว้ เพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการตามหาพุทธรรมของใครหลายๆ คน ก็เท่านั้นเอง....เห็นทีจะต้องพอจริงๆ แล้วนะ.../เจโตวิมุติ.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2011, 04:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต้อยตีวิด เขียน:
อีกเรื่องคือ เห็นคุณโฮฮับตอบคำถามคุณ eragon_joe แล้วสงสัย เห็นตอบคนอื่นฉาดฉาน แต่เรื่องนี้กับอ้ำอึ่ง หรือว่ารู้ว่าถ้าตอบแล้วมันจะทำลายความน่าเชื่อถือของคุณไป

eragon_joe เขียน:
ทำไม...พระพุทธองค์จึง...ให้การมีภิกษุณีเป็นเรื่องที่ยาก...พระพุทธองค์มองเห็นอะไร...กันนะ...
ท่านถึงได้บัญญัติเช่นนั้น...


ขออนุญาตคุณ eragon_joe ด้วยนะค่ะ อยากได้คำตอบจริงๆ คะ :b8:

คุณต้อยตีวิด ความเห็นคุณนี้มันเป๋ไปเป๋มา ผมว่าคุณควรมีความพอดีบ้างนะครับ
อย่าแสดงอาการ
ไม่ได้อย่างนี้จะเอาอย่างโน้น เคยอ่านนิทานอีสปเรื่องหมาป่ากับลูกแกะหรือเปล่า
แต่ไม่เป็นไรครับ ผมจะตอบให้ในส่วนที่ถามมา แต่ก่อนอื่นขออธิบายความที่เกี่ยว
กับคุณเอกอนหน่อยนะครับ

คุณต้อยตีวิดครับถ้าคุณมีวิจารณญาณในเรื่องของการพิจารณาเนื้อหาหรือคำพูดของคนแล้ว
คุณจะต้องเข้าใจว่า การไม่อยากคุยด้วยกับการไม่ตอบหรือตอบไม่ได้มันไม่เหมือนกันนะครับ
แต่ผมว่าคุณคงดูไม่ออก เพราะพิจารณาดูแล้วระดับความคิด และการกลั่นกรองคำพูด
ของคุณกับคุณเอกอนมันไม่ต่างกันเท่าไร

พูดกันตามตรงเลยนะครับว่า ตอนแรกที่อ่านความเห็นของคุณเอกอน เห็นการใช้คำพูด
การใช้คำการให้ความหมายต่างๆผมไม่อยากสนใจครับ แต่เป็นเพราะแกอ้างอิงชื่อผม
ผมก็ต้องลงไปคุยกับแก ทั้งๆที่ในใจมีความรู้สึกว่าแกทั้งเกรียนทั้งไร้สาระครับ
เอาเป็นว่า ที่ผมตอบลงไม่คุยด้วยเพราะมรรยาทล้วนๆ ครับ

ดังนั้นคำตอบที่ได้จากผมจึงไม่สมบูณณ์นัก มันก็เป็นผลมาจากคำถามของคุณเอกอนเอง
ที่คนอย่างผมอ่านแล้ว รู้สึกว่าผู้ถามขาดความตั้งใจที่ใคร่รู้ในสิ่งที่ถาม มันเป็นเพียงการอยาก
แสดงตนในที่มีคนหมู่มาก เหมือนเด็กๆที่อยากมีความสำคัญในหมู่เพื่อนฝูงครับ


อนึ่งกรุณาอย่าถามในสิ่งที่เราๆท่านๆก็รู้อยู่แล้วว่าจะหาคำตอบได้ที่ไหน
เพราะขณะนี้เรากำลังใช้คอมพ์กันอยู่และรู้ดีว่า มีวิธีหาคำตอบได้อย่างไร


(มีต่อ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ม.ค. 2011, 06:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต้อยตีวิด เขียน:
eragon_joe เขียน:
ทำไม...พระพุทธองค์จึง...ให้การมีภิกษุณีเป็นเรื่องที่ยาก...พระพุทธองค์มองเห็นอะไร...กันนะ...
ท่านถึงได้บัญญัติเช่นนั้น...


ขออนุญาตคุณ eragon_joe ด้วยนะค่ะ อยากได้คำตอบจริงๆ คะ :b8:

คุณต้อยตีวิตครับ เรื่องบางเรื่องผู้รู้ที่เขารู้จริง เขาไม่อยากตอบก็เพราะมีคนจำพวกนกแก้วนกขุนทอง
ชอบอ้างพระพุทธองค์ อ้างครูบาอาจารย์ ผู้รู้เขาตรองดูแล้วมันมีเสียกับเสีย อธิบายไปคนถามก็ไม่รู้เรื่อง
มิหน่ำซ้ำยังมีผู้เจตนาร้าย คอยโจมตีอีกหาว่า เป็นยักษ์เป็นมารอีก เซ็งจิตจริงๆ!

เอาไม่เป็นไรครับตอบให้นิดหน่อย คิดว่าเป็นการเพิ่มเรตติ้งให้กระทู้แล้วกัน
ก่อนอื่นคุณต้องรู้ก่อนว่า พระไตรปิฎกหรือพระวินัยต่างๆไม่ได้บัญญัติโดยตรง
เป็นเพียงคำกล่าวอ้างของบุคคลที่ไม่ใช่พระพุทธเจ้า ที่สำคัญการทำสังคายนา
ก็เป็นการทำหลังจากที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว พระองค์ท่านไม่ได้รับรอง
ในสิ่งที่ทำขึ้นภายหลัง ไม่ใช่ว่าผมจะไม่เชื่อหรือกล่าวหาว่าพระสงฆ์สมัยก่อนบิดเบือน
สอดไส้อะไร เพียงแต่ว่าการทำสังคายนาแต่ละครั้ง ต้องอาศัยสภาพแวดล้อม
ความเป็นจริงของปัจจุบัน ฉะนั้นพระธรรมบางข้ออาจเพิ่มหรือลดได้ตามความเป็นจริง
ของปัจจุบันครับ

สิ่งที่คุณถามมา ใครๆก็รู้ครับว่า เป็นการป้องกันไม่ให้พุทธศาสนาสูญไปก่อน
แต่ที่พระพุทธตรัสในช่วงเวลาของท่าน จิตใจของคนก็เป็นคนที่มีสภาพแวดล้อม
แบบของท่าน แต่สมัยนี้มันไม่ใช่ครับ ยุคสมัยเปลี่ยนวัตถุเปลี่ยน
นิสัยใจคอของคนก็เปลี่ยนไป
ถ้าจะพูดเรื่องนี้มันยาว แต่จะยกตัวอย่างให้ดูครับ

สมัยก่อนผู้หญิงไม่ต้องรับผิดชอบอะไร ต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูก
มีกฎเกณท์สารพัดที่ฝ่ายชายตั้งขึ้น เพื่อกำหนดให้ฝ่ายหญิงอยู่ในกรอบที่ตัวเองต้องการ
คุณลองคิดดูคนเราถ้าไม่มีอะไรทำ เวลาว่างก็มาก เขาจะเป็นอย่างไร นอกจากเอาเวลา
ไปซุบซิบนินทากับเพื่อนบ้านที่เป็นหญิง ที่สำคัญจะต้องแต่งหน้าเพื่อรอเวลาเอาใจผัว
สภาพแวดล้อมแบบนี้ไงที่ทำให้เป็นนิสัยติดตัวของผู้หญิงสมัยก่อน
ถ้าดูกันจริงๆแล้ว ผู้ชายไม่ใช่จะไม่มีนิสัยหรือการกระทำแบบหญิง มันมีครับแต่ที่ไม่ทำหรือทำไม่ได้
เพราะสิ่งแวดล้อมต่างกัน หรือไม่มีเวลาให้ทำครับ ลองให้ผู้ชายมาเจอแบบผู้หญิง
มันก็ไม่หนีกันไปไกลหรอก

แต่สมัยนี้มันไม่ใช่ครับ ผู้ชายไม่สามารถออกกฎบังคับผู้หญิงได้แล้ว
จิตใจมันไม่แตกต่างกันครับ แต่ผู้หญิงมีความรับผิดชอบมากกว่าซะด้วยซ้ำ

ผมว่าคุณไปทำใจให้เป็นกลาง แล้วดูสภาพของศาสนาพุทธก่อนที่จะมีประเด็นภิกษุณีในไทย
คุณว่ามีสภาพอย่างไร ถ้ายอมรับความจริงแล้วจะเห็นเองว่า ศาสนาจะเสื่อมเพราะใคร

มีเหตุผลหลายข้อครับ อยากรู้อยากหาเรื่องก็ถามมาครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 118 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 140 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron