วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 19:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1414 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 65, 66, 67, 68, 69, 70, 71 ... 95  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2014, 23:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2010, 12:46
โพสต์: 1010

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เนื้อหาใจความเป็นภาษาไทย

ขอนอบน้อมนมัสการแด่องค์พระอริยะ ผู้ห่างไกลจากบาปอกุศล
วัตถุประสงค์แห่งบทนี้ … พระโพธิสัตว์ทรงสั่งสอนชาวโลก
ให้ปฏิบัติทางจิตเป็นมูลฐาน
พระสัทธรรมทั้งหลายล้วนกำเนิดมาแต่จิต

เหตุนี้ผู้ปฏิบัติจะต้องมีความชัดแจ้งแห่งจิต
และมองเห็นสภาวะแห่งตน จึงจะสามารถบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ
เมื่อไม่แจ้งชัดในจิต ก็ไม่สามารถเห็นสภาวะแห่งตน
หากแต่จิตมีความมั่นคง ก็สามารถเดินทางสู่พระนฤพานได้

ขอนอบน้อมคารวะแด่องค์พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (เจ้าแม่กวนอิม)
ผู้เพ่งเสียงแห่งสรรพสัตว์ผู้ยาก
พระโพธิสัตว์ผู้สงสารชีวิตแห่งสรรพสัตว์ผู้ตกอยู่ในกองทุกข์
เขาเหล่านั้นล้วนมีความทุกข์อันเกิดจากการหลงลืมสภาวะเดิมของตน

จำต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏ พระองค์พิจารณาตามนี้
จึงเกิดเมตตาจิตที่จะโปรดสัตว์
ขอนอบน้อมคารวะต่อผู้ให้ความตรัสรู้แก่ทุกชีวิต
หากตั้งใจในธรรม นอบน้อมต่อความแจ้งในสภาวะเดิม

ก็จะถึงความหลุดพ้น
เมื่อน้อมคารวะผู้กล้าหาญก็มีโอกาสที่จะหลุดพ้น
มวลสรรพสัตว์ในโลกอันไพศาล ถ้ารู้สึกตัวแล้วลงมือปฏิบัติ
ล้วนถึงความหลุดพ้นได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2014, 23:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2010, 12:46
โพสต์: 1010

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอนอบน้อมคารวะต่อผู้มีมหากรุณาจิต
… พระโพธิสัตว์เป็นผู้มีความเมตตากรุณาไม่มีประมาณ
นำสัทธรรมอันเป็นความดับสูญโดยแท้จริง
ปลุกให้มนุษย์ฟื้นคืนสภาวะเดิมที่มีอยู่

เข้าถึงสัทธรรมอันบริสุทธิ์
องค์อริยะผู้อิสระ ผู้มีกายใจอันบริสุทธิ์สะอาด
… กาย ใจ จะบริสุทธิ์ได้ ต้องตั้งอยู่ในสัจธรรม
ปฏิบัติตนอยู่ในศีล

การปฏิบัติธรรมต้องถือความสัจเป็นพื้นฐาน
ใช้ความเพียรเป็นเครื่องมือเพื่อบรรลุสู่อริยสัจ
… หากการปฏิบัติธรรมไม่ประกอบด้วยความสัจ
ก็จะไม่พบหนทางสู่ความสำเร็จ

เนื่องจากความสัจนั้นเป็นธรรมที่ปราศจากการหลอกลวง
จิตจึงรวมเป็นหนึ่งได้
เมื่อมีความสัจ ก็จะมีความเข้าใจ
เมื่อเข้าใจ ก็จะมองเห็นความปลอดโปร่ง

เมื่อปลอดโปร่ง ก็จะเกิดความเปลี่ยนแปลง
และกลับกลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น
… ผู้ที่จะนอบน้อมเข้าถึงองค์อริยะ
จำต้องปฏิบัติธรรมโดยมานะพากเพียร

มีจิตใจมั่นคงเป็นหนึ่ง จะกระทำโดยเร่งรีบไม่ได้
ต้องทำใจให้ว่างเข้าถึงองค์แห่งพระธรรมคัมภีร์
หมั่นในการปฏิบัติตามหลักธรรม
มีความคิดดำริมั่นที่จะก้าวข้ามห้วงแห่งโอฆะ
(โอฆะ = การเวียนว่ายตายเกิดในโลกนี้)

คิดจะกระทำประโยชน์แก่สรรพชีวิต
… ผู้ปฏิบัติต้องจงใจมุ่งไปข้างหน้า
ฝึกฝนให้กายและจิตรวมเป็นหนึ่ง (เอกัคคตา)
เพื่อให้สำเร็จในมรรคผล

ด้วยความเมตตากรุณาของพระโพธิสัตว์
ทรงย้ำเตือนให้ยึดถือพระไตรสรณาคมน์
ต้องปฏิบัติตนอยู่ในมนุษยธรรม
ทำตนเป็นตัวอย่าง เพื่อให้สาธุชนรุ่นหลังได้รับรู้เป็นแบบอย่าง

และเจริญรอยตาม
สาธุชนผู้ปฏิบัติตามพระพุทธองค์และพระธรรม
ยิ่งต้องมีความเมตตากรุณาจิต และโพธิจิตเพื่อโปรดสัตว์
รักษาพระธรรมยิ่งกว่าชีวิต และเผื่อแผ่ทั่วไปไม่มีประมาณ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2014, 23:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2010, 12:46
โพสต์: 1010

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


… พระโพธิสัตว์เล็งเห็นว่าชาวโลกถือเอาความรวย,
มีชื่อเสียง, ศักดินา เป็นที่นิยมศรัทธา
อันเป็นการเพิ่มพูนความทุกข์
พระองค์จึงเตือนจิตให้มนุษย์ จงผ่อนใจในทางโลก

โน้มน้าวจิตใจมาในทางมรรคผล เมื่อจิตว่างแล้ว
พระสัทธรรมอันพิสุทธิ์ก็จะเจริญขึ้น
… ทุกคนที่ปฏิบัติสามารถรู้ได้เห็นได้
และบรรลุสู่พระพุทธภูมิได้โดยเสมอกัน

ผู้ที่ทำความดีย่อมได้รับการชมเชย
ผู้ทำบาปจะต้องสำนึก และขอขมาโทษ
… ไม่ว่านักปราชญ์ หรือผู้โง่เขลาเบาปัญญา
คนหรือสัตว์ ล้วนสามารถหลุดพ้นได้

ถ้าเขาเหล่านั้นปฏิบัติธรรมด้วยความสัจ
ผู้ปฏิบัติต้องถือพระสัทธรรมเป็นสูญ ไม่ข้องแวะ
ไม่ติดในรูป ไม่ยึดในจิต ถือเอาสัจธรรมเป็นใหญ่
และต้องละความวิตกกังวล กำจัดความโกรธ

ความโลภ ความหลง โดยใช้หลักแห่งปัญญาดับกิเลสให้จิตสงบ
เป็นอยู่ในโลกนี้โดยสันติสุข
ความศรัทธาจริงอันต่อเนื่องกัน จิตต้องตรงกับพระธรรม
ห้ามมิให้มีความคิดทางโลกเกิดขึ้นโดยเด็ดขาด

ทั้งนี้ เนื่องจากว่าหากปล่อยให้ความคิดทางโลกเกิดขึ้นในจิต
กายใจก็จะไม่บริสุทธิ์ ทำให้เกิดการขัดแย้งกับพระธรรม
ไม่อาจจะพบความสันติสุขได้
ความสะอาดจิตสะอาดสดใสไร้ราคะ

ผู้ปฏิบัติธรรมต้องมีจิตใจที่เด็ดเดี่ยว
ไม่หวั่นไหวต่อการก่อกวนของเหล่ามาร (กามกิเลส)
หากสามารถตั้งจิตข่มจิต สำรวมกาย วาจา และจิต
ละทิ้งโลกาวิสัยทั้งหมด ก็จะเข้าถึงพุทธสภาวะที่มีอยู่เดิม

.. ถ้าทำให้จิตมีความสงบนิ่งอยู่ทุกขณะ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน
ก็จะมีความสำเร็จในธรรมโดยมิรู้ตัว
.. พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ รวมทั้งพระโพธิสัตว์เจ้าได้หลุดพ้น
ในขณะที่อยู่ในโลกอันมากล้นไปด้วยกิเลสนี้

เป็นโลกนาถ มีความเป็นอิสระ
… มีกุศลจิตสะอาดบริสุทธิ์ ไม่มัวหมอง มีรัศมีสว่างรอบกาย
และสามารถร่วมกับดินฟ้าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
รักษาความมีกุศลจิต อย่าทำลายตนเอง อย่าหลงผิดเป็นชอบ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2014, 23:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2010, 12:46
โพสต์: 1010

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สิ่งสำคัญ … ต้องรักษาจิตให้บริสุทธิ์
ผู้มีความกรุณา ผู้ปลดปล่อยทุกข์ เป็นผู้มีจิตในทางธรรม
ดำรงมรรคมั่นคง มีสติปัญญาเฉียบแหลมยิ่งใหญ่
… เมื่อจิตมีความสงบ ก็สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งชั่วร้ายให้กลับกลายเป็นดี

กระทำตามโอวาท อย่ามีจิตหลงผิด การเน้นปฏิบัติอนัตตธรรม
(อนัตตธรรม = ธรรมชาติที่เป็นความไม่มีตัวตน)
มองเห็นสรรพธรรมเป็นสูญ (สูญ = สูญญตา = ความว่าง)
มองความรุ่งเรืองแห่งลาภยศสรรเสริญเป็นสูญ
มองให้เห็นเป็นเงาลวง ทำจิตใจร่างกายให้หมดจด

พุทธธรรมมีความเสมอภาค อีกทั้งยังอำนวยประโยชน์สุขแก่สัตว์โลก
ผู้ที่มีปัจจัยแห่งบุญย่อมได้รับความสุข
ความคิดคำนึงเกิดมาแต่จิต จิตเป็นใหญ่
จิตเป็นประธานแห่งบุญและบาป

ผู้ปฏิบัติต้องกำจัดความคิดอันเป็นอกุศล ความคิดฟุ้งซ่าน
ระงับความวิตกกังวล เพียรพยายามเสาะหาสัจธรรม
ชำระล้างอายตนะภายในให้สะอาดพิสุทธิ์ ละความห่วงใยใดๆให้สิ้นเชิง
ความมีอิสระทันที

ผู้ปฏิบัติไม่มีเวลาใดที่ไม่เป็นอิสระ คือมีอิสระทุกเมื่อ
การปฏิบัติกระทั่งสำเร็จในวิชชา มีอาสน์ดอกบัวรองรับ
โดยปกติแล้วผู้ที่มีจิตว่าง ก็จะมีความสะอาดทั้งกายและจิต
เมื่อลงมือปฏิบัติแล้วก็สามารถบรรลุมรรคผลได้

และก็จะตั้งอยู่เช่นนั้น ไม่มีวันเสื่อมถอย
การเกิดความคิดปฎิบัติธรรม สามารถบันดาลให้เทพเจ้ามาปกปักรักษา
ผู้ปฏิบัติจะต้องสร้างสมบุญบารมีเพื่อเป็นพื้นฐานในการบรรลุสู่มหามรรค (มรรค-ผล-นิพพาน)
ผู้ปฏิบัติจะต้องยืนให้มั่น ตั้งใจปฏิบัติ

ไม่ลุ่มหลงด้วยพวกเดียรถี มีความแน่วแน่ มีสมาธิ มีความสงบ
มีความบริสุทธิ์อันยิ่งใหญ่ สามารถข้ามพ้นสังสารวัฏได้
พระสัทธรรมอันไพศาล สามารถระงับความเกิดดับแห่งกิเลสได้ ภัยพิบัติต่างๆไม่แผ้วพาน
ทุกคนสามารถสำเร็จเป็นพุทธะได้เหมือนกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2014, 23:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2010, 12:46
โพสต์: 1010

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


… กำจัดความหลงผิด ความเห็นแก่ตัว ปล่อยวางปัจจัยทางโลก
เมื่อปฏิบัติจิตให้มีสภาพเหมือนอากาศอันโปร่งใส
ไร้ละอองธุลีแม้แต่น้อย ก็จะได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นพรหมได้
เมื่อปฏิบัติธรรมเข้าถึงความสมบูรณ์แห่งสภาวะเดิมแล้ว

จะมีความสว่างปรากฏในกายของตน
ความโกรธ ดุ สุรเสียงที่เปล่งออกมาดุจเสียงคำรามของฟ้า
กระหึ่มไปทั่วสารทิศ
… ธรรมเหมือนดังฟ้าร้องคำรามไปทุกสารทิศ

เป็นเสียงแห่งพรหม เมื่อเหล่ามารได้ยินศัพท์สำเนียงนี้
ก็จะเกิดความสะดุ้งกลัว
การกระทำดี สามารถทำลายความกังวลแห่งภยันตรายได้
ธรรมะเป็นสิ่งลึกซึ้ง เข้าใจยาก

และมีความศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถประมาณ หรือคาดคิดได้
เป็นประโยชน์ที่ไม่มีสิ่งใดทัดเทียม
… ผู้ปฏิบัติได้เช่นนี้ ย่อมบรรลุสู่ภูมิแห่งพุทธะ
การชักชวนตามพระศาสนา ทุกสรรพสิ่งให้ดำเนินไปตามธรรมชาติ

… ทุกสิ่งปล่อยให้ดำเนินไปตามเหตุปัจจัยปรุงแต่ง
อย่าฝืนกระทำตามใจชอบ
เป็นมหาสติ มีจิตใจมั่นคง สามารถเข้าสู่มหาปัญญา
.. ผู้ปฏิบัติธรรม มีความสว่างแห่งสติปัญญาอยู่

ถ้าใช้จิตนี้เป็นฐานใช้ธรรมให้เป็นประโยชน์
ก็จะได้รับฐานธาตุที่สดชื่น
แต่หากไม่มีจิตใจมั่นคง กำจัดกิเลสในตนไม่หมด
ก็ไม่มีทางที่จะให้ความว่างแห่งสติปัญญาที่มีอยู่ดั้งเดิมปรากฏออกมาได้เลย.

ความผ่านธรรมไปถึงธรรมราชา มีความอิสระในธรรม
การได้พระธรรมอันบริสุทธิ์ ได้ดวงแก้วแห่งพระรัตนะ
ผู้ที่มีธรรม ตั้งอยู่ในขันติธรรม
ผู้บรรลุธรรม มีความสุขอันแท้จริงยากจะบรรยาย
เป็นการอนุโมทนาตามเหตุตามปัจจัย

… ความสุขที่แท้จริง จะต้องได้จากการปฏิบัติที่ยากลำบาก
ถ้าสามารถอดทนต่อความยากลำบาก ก็จะเข้าถึงความสุขอันยิ่งได้
จะต้องมีความรู้ด้วยตนเอง
ผู้จะบรรลุธรรม หากสามารถละการยึดเกี่ยวเข้าถึงสภาวะดั้งเดิม
ก็จะพบพระพุทธเจ้าได้ทุกพระองค์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2014, 23:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2010, 12:46
โพสต์: 1010

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การประกอบพิธีตามปรารถนา ประกอบพิธีกรรมไม่ละจากตัวตน
การประกอบธรรม โดยปราศจากความคิดคำนึง มีความเป็นอิสระสูง
ผู้ปฏิบัติเพียงแต่มีความมุ่งมั่น
มีความเพียรพยายามอย่างต่อเนื่อง

มีจิตอันเป็นหนึ่งเดียว ก็จะได้เห็นองค์พระโพธิสัตว์
ความเป็นมหามงคลอันสูงสุด สามารถอำนวยประโยชน์
และคุ้มครองสรรพสัตว์โดยไม่ละทิ้ง
น้ำอมฤตทานสามารถอำนวยประโยชน์แก่สัตว์โลกทั้งปวง

การตรัสรู้ธรรม ตรัสรู้ถึงภูมิจิต
ผู้ที่ปฏิบัติจะต้องมีความวิริยะพากเพียรอย่างแรงกล้า
ปฏิบัติทุกวันทุกคืนเสมอต้นเสมอปลายไม่ท้อถอย
เป็นการรู้ในธรรม รู้ในจิต ผู้ปฏิบัติจะต้องถือ “ตัวเขา-ตัวเรา”

เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ไม่เพียงแต่ไม่เห็นลักษณะตัวเขาตัวเรา
แม้สรรพสัตว์ในทุคติ ก็ต้องถือว่าเท่าเทียมกับเรา
มหากรุณา ให้ผู้ปฏิบัติต้องเจริญเมตตากรุณาจิต
เพื่อให้สรรพสัตว์เข้าถึงโพธิมรรค

… รักในตนเองเท่าใด ก็ให้รักผู้อื่นเท่านั้น
นักปราชญ์ผู้รักษาตนเองได้ มีมหากรุณาจิต
… ผู้ปฏิบัติจะต้องเคารพนักปราชญ์
เห็นผู้ทำดีจะต้องช่วยกันรักษา

ผู้ที่เกิดความท้อถอยก็ต้องส่งเสริมให้กำลังใจ
ความคมของวัชระ ให้คนเรามีความมั่นคงในการปฏิบัติธรรม
สุรเสียงก้องไปสิบทิศ เป็นสุรเสียงแห่งความปิติยินดี
ความสำเร็จผล มงคลนิพพาน ระงับภัยเพิ่มพูลประโยชน์

พระสัทธรรมไม่เกิดไม่ดับ เป็นสภาวะอันสงบมาแต่เดิม
ความสำเร็จในธรรมทั้งหลาย
เข้าถึงพระวิสุทธิมรรค ปราศจากขอบเขตอันจำกัด
สรรพสัตว์เพียงแต่ละวางจากลาภยศชื่อเสียง

ก็จะเข้าถึงความหลุดพ้นได้
ผู้ปฏิบัติถ้าเห็นแจ้งในพระสัจธรรมและความหลอกลวง (ไม่แท้)
ก็จะสำเร็จได้ง่าย
ความไพศาลของพระพุทธธรรม

ผู้ใดน้อมนำไปปฏิบัติจะสำเร็จในพระพุทธผล
ทวยเทพเจ้าต่างได้รับความสำเร็จอันเป็นความว่างเปล่า
(สุญญตาธรรม)
ความสำเร็จด้วยความรัก ความเมตตากรุณา การปกปักษ์รักษา

แสดงถึงความเมตตากรุณาของพระโพธิสัตว์
พระโพธิสัตว์มุ่งเน้นให้คนปฏิบัติธรรม
อีกทั้งยังเปิดเผยหัวใจอันลึกซึ้งของมหามรรคนี้
เป็นการแสดงความรักของพระโพธิสัตว์ต่อหมู่ชน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2014, 23:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2010, 12:46
โพสต์: 1010

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนเรานั้นมีโรคทางจิตเป็นภัยคุกคาม
พระธรรมโอสถเท่านั้นที่สามารถรักษาให้หายได้
สัตว์ทุกประเภทมีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน
สามารถบรรลุพระสัมมาสัมโพธิได้เหมือนกัน

สรรพสัตว์มีโอกาสร่วมรับความสุขสบายทั่วถึงกัน
บุคคลมีขันติธรรม ก็จะเข้าถึงธรรมได้ด้วยดี
สามารถสำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณได้ไม่จำกัด
ความเมตตาอันสูงสุด การใช้วชิรธรรมจักร

ปราบเหล่ามารศัตรูได้รับความสำเร็จ
สรรพสัตว์ทั้งหลายล้วนสำเร็จในความบริสุทธิ์ได้
จึงไม่ควรประกอบอกุศลกรรมทั้งหลาย
พุทธธรรมเป็นธรรมที่ไม่มีขอบเขต

จะต้องปฏิบัติเพื่อได้รับความสุขร่วมกัน
ย้ำเตือนให้ผู้ปฏิบัติ จะต้องประกอบด้วยสติปัญญาเพื่อการหลุดพ้น
ละจากกิเลส
ผู้ปฏิบัติไม่ยึดในทางใดทางหนึ่ง

ปฏิบัติโดยการพิจารณา พร้อมทั้งมีหิริโอตตัปปะ
.. มรรคผลนั้นสำเร็จได้ด้วยตนเอง สำเร็จได้ด้วยการพิจารณา
ในทุกขณะจะต้องพิจารณาจิตของตน
รักษาไว้ในทุกเหตุปัจจัย ไม่ให้วิตกจิตเกิดขึ้นได้

รักษาไว้ด้วยความเป็นภัทร (ภัทร = เจริญ,ประเสริฐ)
เถระเพ่งโดยอิสระ
เป็นที่รักของผู้เจริญ เป็นที่รักของพระอริยะ
การปฏิบัติให้ถือเอาสัมมาจิต และความมีสัจเป็นหลัก
คุณธรรมจะสำเร็จได้ ด้วยสภาวะแห่งเมตตาธรรม
หากจิตตั้งอยู่ในอกุศล ก็ย่อมเป็นการยากที่จะสำเร็จพระอนุตตรธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2014, 23:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2010, 12:46
โพสต์: 1010

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระคาถาทั้งหมดแห่งมหากรุณาธารณีสูตรมาไว้ในประโยคนี้
มีนัยบ่งบอกถึงความเมตตากรุณาของพระโพธิสัตว์
เพื่อโปรดเหล่าสรรพสัตว์ทั้งปวงให้ได้รับหิตานุหิตประโยขน์
มีพระสัมมาสัมโพธิเป็นหลักชัย

เน้นย้ำให้พยายามควบคุมกายใจ ไม่ให้ลื่นไหลไปตามอารมณ์ที่มากระทบ
โน้มนำเอาฌานสมาธิ เพ่งการเกิดการดับ
เป็นการสาธยายมนต์สรรเสริญพระอริยะ และกล่าวย้ำถึงการปฏิบัติธรรม
ต้องละความเป็นตัวตน, บุคคล, เรา-เขา

จึงสามารถไม่ให้เกิดความคิดนึกอันเป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์ได้
… ความนึกคิดติดยึดไม่เกิด ความเข้าใจถึงธรรมก็จะเป็นที่หวังได้
พระสัทธรรมไม่มีความสิ้นสุด
บรรดาผู้ปฏิบัติธรรมย่อมมีความบริสุทธิ์เป็นเครื่องอยู่
นำทางสู่แดนสุขาวดี

… มีการเกิดย่อมต้องมีการตาย มีความชนะย่อมต้องมีความพ่ายแพ้ …
แต่ชาวโลกผู้ตกอยู่ภายใต้อวิชชา กลับยินดีต่อการเกิดเกลียดชังความตาย
ท้ายที่สุดก็ต้องตายอยู่นั่นเอง
ฉะนั้นหากต้องการรอดพ้นจากความตาย

จะต้องค้นหาความเป็นในความตายให้ได้เสียก่อน
ผู้ปฏิบัติต้องสำรวมตาเห็นรูป ไม่ปรุงแต่งไปตามรูปที่มองเห็น
สำรวมหูฟังเสียง ไม่ปรุงแต่งไปตามเสียงที่ได้ยิน
สำรวมจมูกดมกลิ่น ไม่ปรุงแต่งไปตามกลิ่นที่จมูกดม

สำรวมลิ้นรับรส ไม่ปรุงแต่งไปตามรสที่ลิ้นรับ
สำรวมกายถูกต้องสัมผัส ไม่ปรุงแต่งไปตามที่ร่างกายถูกต้องสัมผัส
สุดท้ายสำรวมใจรับรู้อารมณ์
ไม่ปรุงแต่งให้เกิดอารมณ์ใดๆที่ใจรับรู้

รวมเรียกว่าสำรวมอินทรีย์ ๖ อันมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
บรรลุเป็นโพธิสัตว์อันบริสุทธิ์
… จงเว้นจากการทำบาป เร่งบำเพ็ญสรรพกุศล
ชำระจิตให้สะอาดหมดจด …
นี่คือพระธรรมของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ธรรมเหล่าใดจะสำเร็จได้ด้วยอาศัยใจเป็นประธาน


รายละเอียดแปลท่อนต่อท่อน ดูได้ที่ ..
http://goo.gl/dKuOxd
http://goo.gl/50KBr3
http://www.gonghoog.com/main/index.php/2012-11-10-06-48-46



แล้วมาต่อในส่วนภาคปฏิบัติจากพระสูตรมหายาน โดยเฉพาะแนวทางวิถีแห่งเซ็นในคราวหน้า :b46: :b47: :b46:

เจริญในธรรมครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ต.ค. 2014, 15:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มี.ค. 2012, 17:36
โพสต์: 210


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: :b8: :b8:

.....................................................
กระบี่อยู่ที่ใจ : เมตตาธรรมค้ำจุนโลก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ย. 2014, 10:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ย. 2014, 20:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ม.ค. 2011, 12:57
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว


ปัจจุบันขณะ มีการพูดถึงกันมาก นัยยะส่วนใหญเป็นนัยยะที่สื่อถึงปัจจุบันขณะที่จิตหรือตัวรู้ไปรู้อารมณ์ที่เกิดจากการหลงไปกับอดีต หรืออนาคต ซึ่งจะไปตัดกระแสเหตุแห่งการเกิดทุกข์ แต่ที่จริงแล้วปัจจุบันขณะมีนัยยะที่กว้างขวางกว่านั้น กาลเป็นที่รวมของความลับต่างๆ ความลับนี้จะเปิดเผยเมื่อเข้าถึงปัจจุบันขณะ ในทางรูปธรรมหรือทางกายภาพ เริ่มต้นสุดก็คือการเกิดของจักรวาล(อดีต) ส่งผลถึงปัจจุบันที่เราพบความเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของจักรวาลอย่างมาก หน่วยเล็กๆอย่างเรารับรู้ถึงเฉพาะปรากฏการณ์ที่ธรรมชาติส่งแวดล้อมในโลกของเราทำการปรับตัวเพื่อรักษาสมดุล เช่น บางพื้นที่หนาว หรือร้อนผิดปกติ ภูเขาไฟประทุหลายแห่งโลกเรานี้เหมือนผู้ป่วยที่ป่วยนานแล้วมีอาการหลายอย่างที่พยายามจะบอกว่าไม่ไหวแล้ว แต่เราไม่สังเกตให้ดียังปล่อยต่อไป ต่อมาภายหลังก็ป่วยเป็นมะเร็งถึงจะไปพบแพทย์เพื่อเริ่มการรักษา ก็จะช้าเกินไป สำหรับปรากฏการณ์ของธรรมชาติที่ผิดปกติเหล่านี้ เป็นตัวชี้วัดถึงปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ในทางนามธรรมจะเกิดคู่กับรูปธรรมเสมอ เมื่อเกิดอย่างสัมพันธ์ การรู้ก็จำเป็นต้องรู้อย่างสัมพันธ์ แต่ต้องไร้เจตนา นี่เป็นความลับอีกอย่างที่จะไข ไปสู่การใช้ตัวรู้ทวนผลย้อนสู่เหตุซึ่งเป็นการดับเหตุของทุกข์ เนื่องจากในทุกวินาทีตัณหาจะสร้างแรงเข้าร้อยรัดปกคลุมจิตดวงนี้ ตัวรู้ที่ทันกับขณะจะคลายแรงตัณหา หากการคลายมีความถี่สูงเร็วกว่าการสร้างแรงของตัณหา ก็จะเข้าถึงจุดต้นกำเนิดซึ่งจุดนี้ จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่าขณะที่เป็นไปเอง(สังขารุเบกขาญาณ) เกิด ดับ เกิด ดับ....สิ้นสุดลง
....ปรากฏภาวะอิสระจากแรงทั้งปวง....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2014, 22:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ม.ค. 2011, 12:57
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว


ทำไมปัจจุบันขณะจึงเปิดความลับของจักรวาล

-ขณะเป็นจุดกำเนิดของกาลเวลา เหตุการณ์ต่างๆบันทึกไว้กับกาลเวลา การดำรงจิตเป็นปัจจุขณะอย่างต่อเนื่องจึงสามารถเผยเหตุการณ์ที่บันทึกไว้
-จิตซึ่งเดิมมีคุณสมบัติสภาพรู้ แต่ถูกบดบัง ห่อหุ้มด้วยตัณหา(เป็นผลจากจิตหลงไปยึดกับอดีตปรุงแต่งสร้างเรื่องราวในอนาคต )
-อยู่กับปัจจุขณะจะตัดกระแสการปรุงแต่ง เกิดสัมมาสมาธิ สมาธิตั้งมั่น จิตกลับสู่สภาพเดิมมีคุณสมบัติรู้
-การอยู่กับปัจจุบันขณะอย่างต่อเนื่อง เป็นการฝึกฝนเรียนรู้สภาพ การคลายออกของเรื่องราวที่เคยหลงยึดไว้(สัญญา) อารมณ์ที่บันทึกพร้อมเรื่องราว พร้อมอาสวะ(ฮอร์โมนที่สมองหลั่งออกมาเป็นกระแสกระแสไหลเวียนในร่างกาย(เวทนาทางใจและกาย)
-การฝึกฝนเรียนรู้ สภาพธรรมที่กล่าวในเบื้องต้นที่แสดงสภาพเป็นจริง เกิด-ดับ คลายออกมาเป็นชุดข้อมูล
-นี้คือญาณปัญญาปรากฏที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนให้ สาวกดำรงให้มากเจริญให้มาก ดุจยาน
-ญาณนี้คือวิปัสสนาญาณ ซึ่งถือเป็นญาณที่ศึกษาจากภายในร่างกายและจิตใจ(ญาณที่รู้ภายใน) นอกจากนี้ยังเกิดญาณที่เป็นผลพลอยได้ที่เรียกว่า ยถาภูตญาณทัสสนะ ที่กล่าวว่าเป็นญาณที่รู้ออกไปภายนอก รู้ถึงชุดข้อมูลที่บันทึกเหตุการณ์ไว้กับกาลเวลา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ธ.ค. 2014, 12:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2010, 12:46
โพสต์: 1010

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




simply nature.jpg
simply nature.jpg [ 104.2 KiB | เปิดดู 4792 ครั้ง ]
.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ธ.ค. 2014, 11:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ส.ค. 2010, 12:46
โพสต์: 1010

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




happiness.jpg
happiness.jpg [ 205.94 KiB | เปิดดู 4765 ครั้ง ]
.
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ธ.ค. 2014, 16:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ธ.ค. 2012, 16:46
โพสต์: 412

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1414 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 65, 66, 67, 68, 69, 70, 71 ... 95  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 34 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร