วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 16:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2010, 12:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ย. 2010, 20:29
โพสต์: 5111

แนวปฏิบัติ: พิจารณากาย
สิ่งที่ชื่นชอบ: มณีรัตน์,พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ร้วห่อทอง
อายุ: 39

 ข้อมูลส่วนตัว


งงกับ จขกท จัง

นรก-สวรรค์ เปรียบเหมือนคุก(ส่วนสวรรค์เหมือนวิมาน หรืออะไรก็ว่าไป ที่ดีๆ)
ส่วนกฏแห่งกรรม เปรียบเหมือน กฏหมายไม่ใช่หรอ

ในการจะจัีบกุมผู้กระทำผิดสักคนหนึ่ง มีแต่คุกได้หรอ หรือมีแต่กฏหมายอย่างเดียวได้หรอ

มันต้องมีทั้งสองอย่างสิ มันคนละอันกันนิ

.....................................................
"เกิดดับ..เกิดแล้วไม่ดับไม่มี"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2010, 04:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b12: ถามได้ดี..แบบไม่น่าถาม :b32:
redder3 เขียน:
กฎแห่งกรรมมีจริงแสดงว่านรกสวรรค์ไม่มีจริง
ในทางกลับกันถ้านรกสวรรค์มีจิแสดงว่ากฎแห่งกรรมไม่มีจริง ?

เพราะกฎแห่งกรรม..คือกฎแห่งการกระทำ..มีอยู่จริง..นรกสวรรค์จึงมี
ที่นรกสวรรค์มี..เพราะกฎแห่งการกระทำมีจริง
ต่างหากละครับผม..

ตอบได้ดี..แบบไม่น่าตอบ :b10:
ที่ว่ามันมี มันมีอย่างไรล่ะ ไม่เห็นบอกเลย
แบบนี้คนแถวบ้านเรียก กำปั่นทุบดินน่ะ :b10:
กบนอกกะลา เขียน:
อ้างคำพูด:
ถ้ากฎแห่งกรรมมีจริงแล้วจะมีนรกสวรรค์ไว้ทำไม

เพราะมีเหตุ..ผลจึงมี
อ้างคำพูด:
แล้วถ้านรกสวรรค์มีจริงทำไมต้องมีกฎแห่งกรรม

ผลเกิดจากเหตุ

แล้วอะไรเป็นเหตุอะไรเป็นผล ไม่บอกที่มาที่ไปแล้วจะรู้ได้งัย
มันเกิดได้อย่างได้ อธิบายมาซิ :b10:
กบนอกกะลา เขียน:
:
อ้างคำพูด:
แล้วถ้านรกมีจริง นรกมีไว้เพื่ออะไร ในเมื่อ เกิด มาชาติใหม่ ไม่ว่าจะเป็น คน, สัตว์ ก็จำอะไรไม่ได้ แล้วที่ใช้กรรมไปในนรกเพื่ออะไร

ไม่มีใครสร้างนรกเพื่อจะลงโทษใคร..เหมือนอย่างที่เราสร้างคุกเพื่อลงโทษนักโทษหรอก..
ก็เหมือนทะเล..ไม่มีใครสร้าง..น้ำก็ไม่ได้สร้างทะเล..แต่..ทะเลมีน้ำ..มีน้ำจึงเป็นทะเล..ไม่มีน้ำก็ไม่มีทะเล..เช่นใด
นรกไม่มีใครสร้างเพื่ออะไร..สัตว์นรกไม่ได้สร้างนรก..แต่..นรกมีสัตว์นรก..ไม่มีสัตว์นรกก็ไม่มีนรก..
**สัตว์นรกเกิดจากจิตที่เกิดจากการกระทำของตัวเอง**

:b10: อะไรหว่า! มีสัตว์นรก ไม่ได้สร้างนรก มีสัตว์นรก ไม่มีสัตว์นรกก็ไม่มีนรก
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ตอบได้สะใจมาก ไม่รู้เรื่องเลยคร้าบๆๆๆ :b10:
กบนอกกะลา เขียน:
อ้างคำพูด:
ถ้ากฎแห่งกรรมมีจริงก็จะเป็นการจองเวนไม่มีที่สิ้นสุด ชาตินี้ นาย ก. ถูก นาย ข. ฆ่า
ชาติหน้า นาย ค. ถูก นาย ง. ฆ่า............ไม่สิ้นสุด

นี้ก็อีกภัยหนึ่งของวัฎฎะสงสาร..พระพุทธองค์จึงสั่งสอนไม่ให้จองเวน..เวนย่อมระงับด้วยการไม่จองเวน...

ที่ตอบมามันคนละเรื่องกันเลยรู้มั้ย การจองเวรไม่จองเวรมันเป็นเรื่องของบุคคล
แต่กฎแห่งกรรมมันเป็น สัจจธรรมเป็นธรรมชาติไม่อาจหลีกหนีได้ ต่อให้ไม่จองเวร
มันก็หนีกฎแห่งกรรมไม่พ้น
กบนอกกะลา เขียน:
:
อ้างคำพูด:
(ผมเคยอ่านเจอในหนังสือกฎแห่งกรรมเล่มหนึ่งครับ ที่ว่า มีคนนึง เป็นคนขายหมู แล้วแต่ละวัน ก็เชือดคอหมูเพื่อไปขาย วันนึงก็ถูกโจร มาฆ่าโดยการเชือดคอเช่นกัน แล้วไอ้โจรจะไม่บาปเหรอ?)

เขายกมาเป็นอุทาหรณ์..สอนคนให้ทำดี..แต่ที่ต้องมาตายเพราะถูกเชือดคอก็ไม่แน่ว่าเกิดจากกรรมฆ่าหมูขาย...เพราะคนไม่เคยฆ่าสัตว์ตัดชีวิตในชาตินี้ถูกเชือดคอตาย..ก็มี
อีกอย่าง...โจรไปฆ่าเขานะบาปแน่...ก็ไม่เห็นมีใครบงการเจ้าโจรว่า..คนนั้นคนนี้..ทำชั่วอย่างนั้นแล้วให้ฆ่าอย่างนี้..นี้น่า..ที่โจรไปฆ่าเขาเพราะความชั่วในจิตใจตัวเองต่างหากละ..ทำเองก็ต้องรับผลเองซิ

อ้าว!แล้วไม่อธิบายเหตุผลให้จขกทฟังด้วยล่ะ ทำไมคนฆ่าหมูถึงตาย
แล้วคนไม่เคยฆ่าสัตว์ถูกเชือดคอตายเพราะอะไร อันนี้ก็ไม่อธิบาย เล่นยกมา
ซี้ซั่วไม่มีคำอธิบายประกอบ แบบนี้ชาวบ้านเรียก มั่วนิ่มนี่หว่า!
กบนอกกะลา เขียน:
อ้างคำพูด:
ที่มาพูดไม่ได้มีเจตนาอะไรนะครับ แค่สงสัยมานานแล้ว เลยอยากถาม

เมื่อสงสัย..ก็ให้ศึกษาด้วย...อย่าเอาแต่สงสัยอย่างเดียว..พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งความจริง...คนจริงจังจึงรู้จริงได้...ลำพังการอ่านการจำ..ยังเป็นแค่เปลือกของสิ่งที่เรียกว่า..การรู้ของศาสนาแห่งความจริงนี้..ครับผม

อ้าว! มาบอกว่าการอ่านการจำเป็นแค่เปลือก แล้วมาบอกให้เขาศึกษา
แล้วการศึกกษาไม่ใช่การอ่านการจำมาประกอบหรือ
มันต้องบอกเขาว่า ให้ศึกษาและปฏิบัติไปพร้อมกัน

ที่บอกว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งความจริง
ผมยังไม่เห็นคุณบอกความจริงอะไรกับจขกทเลยสักนิด
เห็นมีแต่สำนวนที่วกวน วนเวียนน่าปวดหัว ไม่เชื่อลองถามจขกทดู
เขาเข้าใจเรื่องที่คุณพูดมั้ย :b10:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2010, 05:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


redder3 เขียน:
กฎแห่งกรรมมีจริงแสดงว่านรกสวรรค์ไม่มีจริง
ในทางกลับกันถ้านรกสวรรค์มีจิแสดงว่ากฎแห่งกรรมไม่มีจริง ?

อันที่จริงมันมีทั้งสองเรื่องครับ เพียงแต่มีคนส่วนน้อยที่จะเข้าใจ สิ่งที่คุณกำลังสงสัย
เรื่องกฎแห่งกรรมพอจะอธิบายให้คนเข้าใจได้ แต่เรื่องนรกหรือสวรรค์อธิบายได้ยาก
เพราะมันเป็นเพียงนามธรรม

ถ้าสังเกตุดูเรื่องกฎแห่งกรรม เขาจะกล่าวในเรื่องของการกระทำที่มีกายมาเกี่ยวข้อง
เป็นเรื่องที่เราสามารถมองเห็นหรือเปรียบเทียบได้ อาทิเช่น โขมยของเป็นการกระทำ
สิ่งที่ตามมาคือโดนตำรวจจับ อันนี่เป็นกฎแห่งกรรม
หรือการกระทำตัวเป็นอันธพาลระรานชาวบ้านอันนี้เป็นการกระทำ กฎแห่งกรรมก็คือถูกคนอื่น
เหยียดหยามดูแคลน
เรื่องกฎแห่งกรรมไม่จำเป็นว่า ทำสิ่งใดแล้วจะต้องได้สิ่งที่เหมือนกันตอบแทน เช่นฆ่าคนตาย
อาจแค่ติดคุก หรือโขมยของอาจถูกเจ้าของยิงตายก็ได้
มันขึ้นอยู่ว่ากรรมที่เรากระทำ มันมีคนอื่นมาร่วมในการกระทำนั้นหรือไม่

ส่วนเรื่องนรกสวรรค์มันเป็นเรื่องของจิตใจล้วนๆ มันเป็นเรื่องเฉพาะตัวของจิต
แต่ละคนไป
อันนี้ผมต้องออกตัวก่อนว่าสิ่งที่บอกเป็นเพียงคาดเดาเอา
นรกหรือสวรรค์ มันเป็นเพียงสิ่งที่จิตไปยึดมั่นถือมั่นจนกลายเป็นสัญญาไม่ลืมเลือน
และสิ่งที่จำนั้นมันมีทั้งกุศล อกุศล ถ้าจะเปรียบกุศลก็เหมือนสวรรค์ อกุศลก็เหมือนนรก

redder3 เขียน:
ถ้ากฎแห่งกรรมมีจริงแล้วจะมีนรกสวรรค์ไว้ทำไม
แล้วถ้านรกสวรรค์มีจริงทำไมต้องมีกฎแห่งกรรม

ตามที่บอกไว้ว่า มันมีทั้งคู่ ต่างกันตรงองค์ประกอบ กฎแห่งกรรมจะมีได้ต้องอาศัยรูปหรือกาย
เป็นผู้กระทำหรือถูกกระทำ
ส่วนนรกหรือสวรรค์ เป็นเรื่องของจิตอย่างเดียว ถ้าจิตไปยึดแต่สิ่งดีงามก็เป็นสวรรค์
ถ้ายึดแต่สิ่งเลวร้ายก็เป็นนรก
redder3 เขียน:
แล้วถ้านรกมีจริง นรกมีไว้เพื่ออะไร ในเมื่อ เกิด มาชาติใหม่ ไม่ว่าจะเป็น คน, สัตว์ ก็จำอะไรไม่ได้
แล้วที่ใช้กรรมไปในนรกเพื่ออะไร

นรกหรือสวรรค์ มันไม่มีใครสร้าง มันเป็นสิ่งที่จิตของคนนั้นๆเป็นผู้สร้างขึ้นมาเอง
สร้างเองก็รับเอง จะดีจะร้ายก็อยู่ที่จิตหรือคุณภาพของจิตที่ปฏิบัติ
และในขณะที่จิตอยู่ในสภาวะที่เรียกว่านรก เจ้าตัวย่อมรับรู้ได้เพราะเป็นจิตของตัวเอง
แต่ถ้ามาเกิดในร่างใหม่ ย่อมต้องจำอะไรได้ไม่หมด เพราะธรรมชาติได้สร้างให้มาอยู่ในร่างใหม่
เพื่อให้มาปฏิบัติใหม่ เพื่อให้จิตเป็นจิตที่ดีด้วยตัวของจิตเอง โดยไม่มีอะไรชักจูง
redder3 เขียน:
ถ้ากฎแห่งกรรมมีจริงก็จะเป็นการจองเวนไม่มีที่สิ้นสุด ชาตินี้ นาย ก. ถูก นาย ข. ฆ่า
ชาติหน้า นาย ค. ถูก นาย ง. ฆ่า............ไม่สิ้นสุด (ผมเคยอ่านเจอในหนังสือกฎแห่งกรรมเล่มหนึ่งครับ ที่ว่า มีคนนึง เป็นคนขายหมู แล้วแต่ละวัน ก็เชือดคอหมูเพื่อไปขาย วันนึงก็ถูกโจร มาฆ่าโดยการเชือดคอเช่นกัน แล้วไอ้โจรจะไม่บาปเหรอ?)

กฏแห่งกรรมไม่ได้หมายถึงการจองเวรครับ การจองเวรมันเป็นกรรมใหม่ของคนใหม่
คนๆนั้นก็ต้องรับกรรมไปตามสิ่งที่กระทำ มันไม่จำเป็นต้องคนที่โดนฆ่ากลับมาฆ่า
แบบไม่สิ้นสุด

เรื่องคนขายหมูถูกคนอื่นเชือดคอตาย กฎแห่งกรรมของคนขายหมูก็แค่ผลจากการตายที่โดน
เชือดคอ ฉะนั้นกฎแห่งกรรมของหมูกับพ่อค้าจบตรงนี้ครับ

ส่วนโจรก็เป็นกรรมใหม่ไม่เกี่ยวกับหมู กรรมของโจรกับพ่อค้า เป็นกฎแห่งกรรมอันใหม่
และผลของกรรมที่เป็นโทษสำหรับโจรก็ไม่เกี่ยวกับการจองเวร เพราะพ่อค้าก็ตายไปแล้ว
แต่ผลของกฎแห่งกรรมโจรต้องได้รับอยู่แล้ว มันอาจเป็นถูกตำรวจยิงตาย หรือไม่ก็ติดคุก
หรืออาจถูกเหยื่อรายใหม่ยิงตายก็ได้
redder3 เขียน:
ที่มาพูดไม่ได้มีเจตนาอะไรนะครับ แค่สงสัยมานานแล้ว เลยอยากถาม

ดีแล้วล่ะครับ เมื่อสงสัยก็หมั่นถามเพื่อให้รู้ อาจได้คำตอบที่ไร้สาระมีแต่คำยียวน
เราก็อย่าไปเอามาเป็นอารมณ์ เขาว่าเราเขาดูถูกเรา เขาไม่รู้ตัวหรอกครับว่า
ตัวเขาเองนั้นแหล่ะกำลังเป็นอยู่ เอาเป็นว่าสงสารเห็นใจกลับไปเถอะได้บุญดีครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ย. 2010, 08:00 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


Onion Onion Onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ย. 2010, 01:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 15 ก.ย. 2010, 23:17
โพสต์: 257

แนวปฏิบัติ: ดูจิต
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
สิ่งที่ชื่นชอบ: ประเภทธรรมะ
ชื่อเล่น: หยุย
อายุ: 0
ที่อยู่: ห้วยขวาง

 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าเชื่อในการตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ต้องเชื่อว่า นรกสวรรค์มีจริง บาปบุญมีจริง โลกหน้ามีจริง
ภพหน้ามีจริง บางอย่างถึงเราจะมองไม่เห็นหรือว่าไม่มีอยู่ในโลกนี้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีครับ
เพราะขนาดสิ่งที่อยู่ในโลกนี้เรายังไม่สามารถที่จะมองเห็นทั้งหมดเลยครับ และถ้าทุกคนถามตัวเองว่า
เราเกิดมาทำไม ก็จะได้รู้ถึงเหตุผลหลายๆอย่างแน่นอน แล้วคุณจะรู้ว่าสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้นั้น
เป็นจริงหรือไม่ เพราะธรรมที่พระองค์แสดงนั้นทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัยให้เกิดทั้งสิ้นไม่มีบังเอิญแน่นอนครับ แล้วไม่เช่นนั้นจะมีการทำบุญทำไม ทำทานทำไม รักษาศีลทำไม เอาแค่ถ้าทุกคนในโลกนั้รักษาศีล 5 ได้ครบก็คิดดูก็แล้วกันนะครับว่าจะดีแค่ไหน(อันนี้สมมติเฉยๆ) เพราะถึงเราจะไม่เคยเห็นสวรรค์ซึ่งอยู่ในสุคติภุมิก็ตาม แต่ในโลกมนุษย์นี้ก็ถือได้ว่าเป็นสุคติภูมิเหมือนกัน แต่ก็มีสัตว์ที่อยู่ในทุคติภูมิปนอยู่ด้วย
นั่นก็คือสัตว์เดรัจฉาน เช่น นก หมา แมว หมู ไก่ เป็ด ช้าง ฯลฯ แถมยังมีหลายประเภทและมากมายกว่ามนุษย์อีกหลายพันเท่า แค่นี้ก็เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่า นรก สวรรค์มีอยู่จริง แต่คงไม่ต้องอธิบายเรื่องเกี่ยวกับสัตว์เดรัจฉานนะครับ คุณลองมองที่สัตว์เหล่านั้นดูเองเถิดว่าเขามีความเป็นอยู่เช่นไร ต่างกันกับเรายังไงแล้วคุณก็จะเข้าใจเองถึงผมจะอธิบายไปก็อาจจะยังไม่เข้าใจของแบบนี้ต้องเห็นเองด้วยจิตของแต่ละคนโดยการเห็นและนำมาพิจารณาดูให้เข้าถึงจิต แล้วท่านก็จะได้พบกับ สัมมาทิฐิ เองครับ

.....................................................
สัตว์โลกล้วนเป็นไปตามกรรม
ทุกอย่างไม่ควรยึดถือ
อกุศลน้อยนิด อย่าคิดทำ
กุศลน้อยนิด ให้คิดทำ
ทำกุศลวันละนิด ดีกว่าคิดที่จะทำ

พระพุทธองค์ยังถูกนินทา
ประชาชนธรรมดามีหรือจะหนีพ้น

ไม่อยากทุกข์แต่ก็เป็นทุกข์ ถ้าไม่เรียนรู้ทุกข์ จะพ้นทุกข์ได้อย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ย. 2010, 15:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 เม.ย. 2010, 09:39
โพสต์: 219

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุญาติครับ

หากสวรรค์เป็นชื่อเรียกอันเป็นที่ตั้งอยู่ ของผู้ที่สะสมบุญ กุศลกรรมอันดีงามแล้ว
เมื่อ กุศลกรรมถึงพร้อมแล้ว ตามเหตุปัจจัย ผลแห่งกุศลกรรมนี้
ย่อมนำพาเขาเหล่านั้นไปสู่ ที่อยู่ของผู้มีบุญ กุศลกรรมอันดีงาม

หากนรกเป็นชื่อเรียกอันเป็นที่ตั้งอยู่ ของผู้ที่สะสมบาป อกุศลกรรมอันเป็นความชั่วแล้ว
เมื่อ อกุศลกรรมถึงพร้อมแล้ว ตามเหตุปัจจัย ผลแห่งอกุศลกรรมนี้
ย่อมนำพาเขาไปสู่ ที่อยู่ของผู้มีบาป อกุศลกรรมอันเป็นความชั่วนั้น

และสัตว์ที่จะมาเกิด และมีที่อยู่ชื่อว่าโลกนี้นั้น ย่อมถูกนำพาด้วย กุศลกรรม อกุศลกรรม
ที่ถึงพร้อมแล้ว ตามเหตุปัจจัยเช่นกัน สัตว์โลกจึงมีลักษณะ แตกต่างกันไป
ตามเหตุและผลที่สั่งสมมา

เมื่อสัตว์โลกเกิดมาแล้ว หายอมรับ และใช้หนี้เกิดตามความเป็นจริง มันกลับสร้างหนี้
อันเป็นเหตุแห่งความเกิดทั้งหลาย สัตว์จึงมีกรรมเป็นตัวหมุนรอบ
ให้สัตว์ต้องเกิด ไม่มีที่สิ้นสุด ตามเหตุปัจจัย

สำหรับการจองเวร พยาบาทนั้น ย่อมเป็นการสร้างหนี้กรรมเพิ่มให้เขาเหล่านั้น
จนกว่าเขาเหล่านั้นจะอโหสิกรรมให้กันและกัน และผลจากที่ได้กระทำไว้ก่อนนั้น
จะเบาบางลง หรือ สิ้นสุดลง นั้นก็ตามแต่เหตุปัจจัยเช่นกัน

ขอบคุณครับ

.....................................................
.................................................ธ ทรงครองแผ่นดินโดยทศพิธราชธรรม
........................................................พระปฐมบรมราชโองการว่า
.......................“ เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม “

........................ขอพ่อเจ้าอยู่หัว ทรงพระเจริญ มีพระชนย์มายุ ยิ่งยืนนาน พระพุทธเจ้าข้า


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ย. 2010, 17:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


สังเกตุที่อักษรแดงครับ ทำบาปแล้วได้ขึ้นสวรรค์ในอก มิได้ตกนรกในใจ ซึ่งมีหลายคน
ชอบพูดกันว่าสวรรค์ในอก นรกในใจ
ฆ่าสัตว์แล้วดีอกดีใจ ได้ขึ้นสวรรค์ในใจทันที
ลักทรัพย์แล้วมีความสุข ได้ขึ้นสวรรค์ในใจทันที
ทำบาปแล้วได้ขึ้นสวรรค์ในใจ..........มีปรากฏในพระไตรปิฏกชัด

Quote Tipitaka:
[๕๒๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมสมาทานที่มีทุกข์ในปัจจุบัน และมีทุกข์เป็นวิบาก
ต่อไป เป็นไฉน? ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นคนฆ่าสัตว์ พร้อมด้วยทุกข์บ้าง
พร้อมด้วยโทมนัสบ้าง ย่อมเสวยทุกขโทมนัส เพราะปาณาติบาตเป็นปัจจัย. เป็นคนถือเอาทรัพย์
ที่เขามิได้ให้ พร้อมด้วยทุกข์บ้าง พร้อมด้วยโทมนัสบ้าง ย่อมเสวยทุกขโทมนัส เพราะอทินนา
ทานเป็นปัจจัย เป็นคนประพฤติผิดในกาม พร้อมด้วยทุกข์บ้าง พร้อมด้วยโทมนัสบ้าง ย่อมเสวย
ทุกขโทมนัส เพราะกาเมสุมิจฉาจารเป็นปัจจัย เป็นคนพูดเท็จ พร้อมด้วยทุกข์บ้าง พร้อมด้วย
โทมนัสบ้าง ย่อมเสวยทุกขโทมนัส เพราะมุสาวาทเป็นปัจจัย. เป็นคนมีวาจาส่อเสียด พร้อมด้วย
ทุกข์บ้าง พร้อมด้วยโทมนัสบ้าง ย่อมเสวยทุกขโทมนัส เพราะปิสุณาวาจาเป็นปัจจัย. เป็นคน
มีวาจาหยาบ พร้อมด้วยทุกข์บ้าง พร้อมด้วยโทมนัสบ้าง ย่อมเสวยทุกขโทมนัส เพราะผรุส-
*วาจาเป็นปัจจัย เป็นคนพูดเพ้อเจ้อ พร้อมด้วยทุกข์บ้าง พร้อมด้วยโทมนัสบ้าง ย่อมเสวยทุกข-
*โทมนัส เพราะสัมผัปปลาปะเป็นปัจจัย. เป็นคนมีอภิชฌามาก พร้อมด้วยทุกข์บ้าง พร้อมด้วย
โทมนัสบ้าง ย่อมเสวยทุกขโทมนัส เพราะอภิชฌาเป็นปัจจัย เป็นคนมีจิตพยาบาทพร้อมด้วย
ทุกข์บ้าง พร้อมด้วยโทมนัสบ้าง ย่อมเสวยทุกขโทมนัส เพราะพยาบาทเป็นปัจจัย เป็นคนมี
ความเห็นผิด พร้อมด้วยทุกข์บ้าง พร้อมด้วยโทมนัสบ้าง ย่อมเสวยทุกขโทมนัส เพราะมิจฉาทิฏฐิ
เป็นปัจจัย. เบื้องหน้าแต่ตายเพราะกายแตก เขาย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ดูกร-
*ภิกษุทั้งหลาย ธรรมสมาทานนี้ เรากล่าวว่า มีทุกข์ในปัจจุบัน และมีทุกข์เป็นวิบากต่อไป.
[๕๒๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมสมาทานที่มีสุขในปัจจุบัน แต่มีทุกข์เป็นวิบากต่อไป
เป็นไฉน? ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นคนฆ่าสัตว์ พร้อมด้วยสุขบ้าง
พร้อมด้วยโสมนัสบ้าง ย่อมเสวยสุขโสมนัส เพราะปาณาติบาตเป็นปัจจัย. เป็นคนถือเอาทรัพย์
ที่เขามิได้ให้ พร้อมด้วยสุขบ้าง พร้อมด้วยโสมนัสบ้าง ย่อมเสวยสุขโสมนัส เพราะอทินนาทาน-
*เป็นปัจจัย. เป็นคนประพฤติผิดในกาม พร้อมด้วยสุขบ้าง พร้อมด้วยโสมนัสบ้าง ย่อมเสวยสุข
โสมนัส เพราะกาเมสุมิจฉาจารเป็นปัจจัย. เป็นคนพูดเท็จ พร้อมด้วยสุขบ้าง พร้อมด้วยโสมนัส
บ้าง ย่อมเสวยสุขโสมนัส เพราะมุสาวาทเป็นปัจจัย. เป็นคนมีวาจาส่อเสียด พร้อมด้วยสุขบ้าง
พร้อมด้วยโสมนัสบ้าง ย่อมเสวยสุขโสมนัส เพราะปิสุณาวาจาเป็นปัจจัย. เป็นคนมีวาจาหยาบ
พร้อมด้วยสุขบ้าง พร้อมด้วยโสมนัสบ้าง ย่อมเสวยสุขโสมนัส เพราะผรุสวาจาเป็นปัจจัย. เป็น
คนพูดเพ้อเจ้อ พร้อมด้วยสุขบ้าง พร้อมด้วยโสมนัสบ้าง ย่อมเสวยสุขโสมนัส เพราะสัมผัป-
*ปลาปะเป็นปัจจัย. เป็นคนมีอภิชฌามาก พร้อมด้วยสุขบ้าง พร้อมด้วยโสมนัสบ้าง ย่อมเสวย-
*สุขโสมนัส เพราะอภิชฌาเป็นปัจจัย. เป็นคนมีจิตพยาบาท พร้อมด้วยสุขบ้าง พร้อมด้วยโสมนัส
บ้าง ย่อมเสวยสุขโสมนัส เพราะพยาบาทเป็นปัจจัย
เป็นคนมีความเห็นผิด พร้อมด้วยสุขบ้าง
พร้อมด้วยโสมนัสบ้าง ย่อมเสวยทุกขโทมนัส เพราะมิจฉาทิฏฐิเป็นปัจจัย. เบื้องหน้าแต่ตายเพราะ
กายแตกเขาย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินินาต นรก. ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมสมาทานนี้เรากล่าวว่า
มีสุขในปัจจุบัน แต่มีทุกข์เป็นวิบากต่อไป.

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 54 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร