วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 11:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 01:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


คำสอนของพระพุทธเจ้าผ่านรุ่นสู่รุ่นด้วยการท่องจำสวดพระธรรมของพระเป็นหลัก คนหมู่มากท่องเหมือนกันหากใครท่องแล้วตกหล่นจะรู้ทันทีและสามารถแก้ได้
ผ่านไป600ปีหลังจากสังคายนาพุทธศาสนา มีพระสงฆ์จำนวนมากที่ไม่เข้าใจถี่ถ้วนในพระไตรปิฏกจึงมีพระอรหันต์2รูปคือพุทธโฆษะ และ พระธรรมปาละ ที่มีความแตกฉานในพระธรรมคำสอนร่วมกันขยายความของพระไตรปิฏกให้เข้าใจง่ายขึ้นเรียกว่าพระอรรถกถา
ไม่นานก็มีการขยายความของพระอรรถกถาอีกที่เรียกว่าพระฏีกา
แล้วก็มีการขยายความพระฏีกาอีกทีเรียกว่าพระอนุฏีกา

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แก้ไขล่าสุดโดย student เมื่อ 05 ต.ค. 2010, 01:13, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 18:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 12:54
โพสต์: 22

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอโทษนะท่าน ในฐานะสมาชิกใหม่ขอออกความเห็น ผิดถูกขออภัย เท่าที่อ่านมาน่าจะเป็นเรื่องการมองต่างมุมและความเชื่อ น่ารับฟังไว้อันไหนไม่ดีก็ทิ้งไป อันไหนดีก็เก็บไว้ใช้ ใช้ปัญญาไตร่ตรองคัดกรองเอา ในเวปมีทั้งเรื่องจริงเรื่องเท็จหลากหลาย รู้จริงบ้างไม่จริงบ้างแอบขายของยังมี คนนั้นคิดอย่างนั้นคนนั้นคิดอย่างนี้108พันประการ อยู่ที่สิ่งแวดล้อมของแต่ละคนเกิดอย่างไรสิ่งแวดล้อมอย่างไร ระดับการศึกษาสูงต่ำไม่เท่าเทียม บางคนเกิดท้องนา บางคนเกิดบนกองขยะ บางคนเกิดบนตึก บางคนเกิดในวัง ย่อมมองโลกมองชีวิตต่างกัน ห้ามไม่ได้ การโพสท์กระทู้ข้อความ เพื่อความรู้ ไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ เอาชนะคะคาน ตัวกูของกู ไม่มีประโยชน์ ผู้มีปัญญาเขาก็เบื่อหน่ายละทิ้งพื้นที่ตรงนี้ไป สมาชิกก็น้อยลง ความรู้ก็น้อยตาม โลกทัศน์เราก็แคบลง อยากให้เป็นที่รวมของผู้คนหลากหลายครับ ขอบคุณทุกท่าน ที่อดทนนั่งพิมพ์หลังคดหลังแข็ง เผยแพร่ให้ความรู้ มุมมองต่างๆ จริตใครชอบแบบไหนก็หาเอา แต่จุดหมายเดียวกันคือแสงสว่างแห่งพระธรรม ขอกุศลกรรมเหล่านี้ ดลบันดาลให้ทุกท่านที่สละเวลาเข้ามาเผยแพร่ความรู้สุขภาพแข็งแรงร่ำรวยๆ(จะได้มีเวลาเข้ามามากหน่อย) ขอบคุณครับ...

[color=#0080FF]ส่วนเรื่องหัวข้อกระทู้เห็นด้วยนะ ปกตินิสัยคนมันขี้เกียจ อะไรยากๆไม่อยากทำ ถ้าง่ายๆกล้วยๆจะขอลองหน่อย กระทู้หลอกเด็กโง่และขี้เกียจอย่างผมมาเข้าโรงเรียนพระธรรม..หุหุ[/color]


แก้ไขล่าสุดโดย ศิษย์โง่งม เมื่อ 05 ต.ค. 2010, 18:07, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ต.ค. 2010, 13:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ครับผม ทำไมต้องเข้ามาเวปนี้ตลอด ก็เพราะเข้ามาอยู่ในสังคมของคนไฝ่ธรรมะ
ทุกคนต้องการฝึกตนในเวปนี้ไม่มากก็น้อย เข้ามาก็ไม่เก้อเขิน เปิดเผยในเรื่องที่เกี่ยวกับการพัฒนาตนเอง เข้ามาก็เย็นใจดี ผลดีก็เกิดกับเราเอง เข้ามาก็ไม่ทำให้ศีลด่างพล้อย อยู่ใกล้คนที่ใฝ่ธรรมะทำให้เราได้ระวังตัวเองมากขึ้น ไม่เขียนเรื่องที่กระทบให้คนอื่นไม่สบายใจ ไม่ใช้คำหยาบ
สำหรับผม ธรรมะของพุทธศาสนาเป็นเรื่องไม่ง่าย ต้องฝึกตนให้รักษาศีลให้มั่นคงที่สุด ด่างพล้อยให้น้อยที่สุด ไม่ง่ายเลย การรักษาความมั่นคงในใจต่อการฝึกธรรมะ รักษาการปฏิบัติความเพียรให้สม่ำเสมอไม่ย่อหย่อนนั้นไม่ง่ายเลย ต้องอาศัยปัจจัยทุกอย่างที่เป็นกุศลธรรม ผมต้องการเป็นอีกคนที่เหมือนกับหลายๆท่านในที่นี้ที่สามารถพิจารณาธรรมะของพระพุทธเจ้า เข้าใจ ปฏิบัติ แล้วสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2010, 12:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ย. 2010, 13:40
โพสต์: 38

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณ สหายธรรม ที่ช่วยกันต่อปัญญา เรื่องพระธรรมพระพุทธเจ้าแท้จริงไม่ไช่ของยากที่จะเรียนรู้
ก่อนอื่นต้องตั้งสัตย์สาบานตน จะตั้งมั่นเคารพเชื่อถือพระพุทธองค์เป็นพระบรมครู เชื่อว่าศิษย์โง่จะทำได้อย่างพระประสงค์ของบรมครู เชื่อในวิชชาที่พระพุทธองค์ค้นพบมาเป็นทางที่ถูกต้องดีแล้วชอบแล้ว...
ให้กำลังใจผู้ที่ยังคิดว่าธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องยาก เรื่องไกลตัว ไม่มีบุญเก่าไม่มีทางทำได้ แท้จริงบุญเก่าเรามี รออยู่ในจิตตั้งแต่เราเกิด แต่เรานำมาใช้ไม่ได้เพราะความโง่ที่เรามีมาพร้อมกับเราเกิด นั้นคือความเป็นตัวเรา ความยึดมั่นถือมั่น เราถูกเลี้ยงดูให้ติดสมมุติ จนกลายเป็นอนุสัย สร้างตัวตนของเรามาแต่เด็ก เดินหัวไปโขกโต็ะ ก็ร้องไห้โกรธโต็ะ แม่ก็มาช่วยตีโต็ะเพื่อปลอบให้ลูกหายร้อง แม่ได้ความสบายหูแต่ลูกได้ความโง่ ความเป็นตัวตน มันเพิ่มพูนขึ้นตามอายุขัย ยิ่งแก่อัตตายิ่งกล้าแข็ง เหมือนเหล็กเนื้อดี แช่อยู่ในน้ำสนิมมันก็พอกไปจนหนา ต้องนำมาแคะขูดขัดสนิมถึงเนื้อเหล็ก เฉกเช่นจิตใจที่ถูกกิเลสตัณหาตัวตนห่อหุ้มเป็นเจ้ากรรมนายเวร จิตแท้บุญเก่ามันรับพระธรรมจากเนื้อนาบุญของพระบรมโพธิญาณไม่ได้ เพราะเจ้ากรรมนายเวรมันขัดขวางอยู่ เราจึงต้องยอมให้สาวกของพระพุทธเจ้าคือพระสงฆ์ผู้มีหน้าที่เคาะสนิมใจขัดเกลากิเลสจนใสสะอาดและส่งไปเรียนธรรมกับพระบรมครูพระพุทธเจ้า พระสงฆ์ผู้เป็นทาสผู้รับใช้ใต้เบี้องบาทอันแท้จริงย่อมมีวิธีเคาะสนิมใจตามแบบของท่าน ขอให้หาดูเอา พิจารณาตามกำลังสติปัญญา ตามสามัญสำนึก องค์ไหนทำเพื่อใครก็ดูเอา..
วิธีดู:องค์ไหนถูกใจแต่ไม่ถูกต้องก็ถอยมาหาที่ถูกต้องแต่ไม่ถูกใจ องค์ไหนเทศน์แล้วเราโกรธ โดนจิตโดนใจจิตสะดุ้งเหมือนโดนน้ำร้อนลวก เกิดโมหะต่อต้าน นั้นเป็นผลงานของเจ้ากรรมนายเวรมันดิ้นรนมันไม่ยอม มันกลัวถูกทำลายจะขาดที่สิงสู่ มันสั่งจิตให้ต่อต้านไม่ยอมรับ นั้นแหละเจอบรมครูดีแล้วประเสริฐแล้ว
ลองฝืนจิตยอมให้ท่านเข้ามาขัดจิตกิเลสตัณหา จะเจ็บจะทุกข์ก็ต้องยอม ไม่นานเจ้ากรรมนายเวรจะค่อยๆถอยห่างจนหายไปในที่สุด....หลังจากนั้นจะพบว่า ธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นของกล้วยๆ มีประโยชน์สูงสุดจนประมาณค่ามิได้ เพราะเป็นทางเดียวที่จะช่วยมนุษย์ข้ามสังสารวัฏฏ์ไปถึงแดนสูญญตานังนิพพานนังอย่างพระศาสดา


แก้ไขล่าสุดโดย poorboy เมื่อ 10 ต.ค. 2010, 12:44, แก้ไขแล้ว 4 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2010, 12:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


poorboy เขียน:
ขอบคุณ สหายธรรม ที่ช่วยกันต่อปัญญา เรื่องพระธรรมพระพุทธเจ้าแท้จริงไม่ไช่ของยากที่จะเรียนรู้
ก่อนอื่นต้องตั้งสัตย์สาบานตน จะตั้งมั่นเคารพเชื่อถือพระพุทธองค์เป็นพระบรมครู เชื่อว่าศิษย์โง่จะทำได้อย่างพระประสงค์ของบรมครู เชื่อในวิชชาที่พระพุทธองค์ค้นพบมาเป็นทางที่ถูกต้องดีแล้วชอบแล้ว...
ให้กำลังใจผู้ที่ยังคิดว่าธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นเรื่องยาก เรื่องไกลตัว ไม่มีบุญเก่าไม่มีทางทำได้ แท้จริงบุญเก่าเรามี รออยู่ในจิตตั้งแต่เราเกิด แต่เรานำมาใช้ไม่ได้เพราะความโง่ที่เรามีมาพร้อมกับเราเกิด นั้นคือความเป็นตัวเรา ความยึดมั่นถือมั่น เราถูกเลี้ยงดูให้ติดสมมุติ จนกลายเป็นอนุสัย สร้างตัวตนของเรามาแต่เด็ก เดินหัวไปโขกโต็ะ ก็ร้องไห้โกรธโต็ะ แม่ก็มาช่วยตีโต็ะเพื่อปลอบให้ลูกหายร้อง แม่ได้ความสบายหูแต่ลูกได้ความโง่ ความเป็นตัวตน มันเพิ่มพูนขึ้นตามอายุขัย ยิ่งแก่อัตตายิ่งกล้าแข็ง เหมือนเหล็กเนื้อดี แช่อยู่ในน้ำสนิมมันก็พอกไปจนหนา ต้องนำมาแคะขูดขัดสนิมถึงเนื้อเหล็ก เฉกเช่นจิตใจที่ถูกกิเลสตัณหาตัวตนห่อหุ้มเป็นเจ้ากรรมนายเวร จิตแท้บุญเก่ามันรับพระธรรมจากเนื้อนาบุญของพระบรมโพธิญาณไม่ได้ เพราะเจ้ากรรมนายเวรมันขัดขวางอยู่ เราจึงต้องยอมให้สาวกของพระพุทธเจ้าคือพระสงฆ์ผู้มีหน้าที่เคาะสนิมใจขัดเกลากิเลสจนใสสะอาดและส่งไปเรียนธรรมกับพระบรมครูพระพุทธเจ้า พระสงฆ์ผู้เป็นทาสผู้รับใช้ใต้เบี้องบาทอันแท้จริงย่อมมีวิธีเคาะสนิมใจตามแบบของท่าน ขอให้หาดูเอา พิจารณาตามกำลังสติปัญญา ตามสามัญสำนึก องค์ไหนทำเพื่อใครก็ดูเอา..
วิธีดู:องค์ไหนถูกใจแต่ไม่ถูกต้องก็ถอยมาหาที่ถูกต้องแต่ไม่ถูกใจ องค์ไหนเทศน์แล้วเราโกรธ โดนจิตโดนใจจิตสะดุ้งเหมือนโดนน้ำร้อนลวก เกิดโมหะต่อต้าน นั้นเป็นผลงานของเจ้ากรรมนายเวรมันดิ้นรนมันไม่ยอม มันกลัวถูกทำลายจะขาดที่สิงสู่ มันสั่งจิตให้ต่อต้านไม่ยอมรับ นั้นแหละเจอบรมครูดีแล้วประเสริฐแล้ว
ลองฝืนจิตยอมให้ท่านเข้ามาขัดจิตกิเลสตัณหา จะเจ็บจะทุกข์ก็ต้องยอม ไม่นานเจ้ากรรมนายเวรจะค่อยๆถอยห่างจนหายไปในที่สุด....หลังจากนั้นจะพบว่า ธรรมของพระพุทธเจ้าเป็นของกล้วยๆ มีประโยชน์สูงสุดจนประมาณค่ามิได้ เพราะเป็นทางเดียวที่จะช่วยมนุษย์ข้ามสังสารวัฏฏ์ไปถึงแดนสูญญตานังนิพพานนังอย่างพระศาสดา


:b27: :b27: :b15: :b15:

หุ หุ ดี ดี ท่านผู้มีวาจาน่าดีดไปไกล ๆ :b32: :b32:

:b8: สาธุ...ค่ะ...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2010, 13:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: เราก็พึ่งเข้ามา ตั้วใจจะมาแชร์แนวทางการปฏิบัติที่เคยทำมา อย่างน้อยก็เป็นธรรมทาน แต่ก็รู้สึกแปลกว่าเรื่องธรรมมะนี้มันแปลกไปจากเดิมมากจริงๆ บ้างครั้งรู้สึกเหนื่อยและก็ท้อไม่อยากเข้ามาดู งานที่ทำอยู่ก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว หาเวลาเข้ามาไม่ได้หวังอะไร แต่เจออะไรหลายๆอย่างที่ได้คิด เราไม่รู้จักอาจารย์รุ่นใหม่ คนที่เรานับถือเป็นอาจารย์คือคนที่กล่าวตรงกับพระพุทธเจ้าเท่านั้น ซึ่งที่สุดรองจากพระพุทธเจ่า ก็คือพระพุทธทาส ท่านอื่นก็อ่านบ้าง เช่นอาจารย์ชา หลวงพ่อพุทธ แม่ชีรัญจวน หนังสือที่อ่านมีเยอะ ส่วนใหญ่เกี่ยวกับพระพุทธประวัติจากพระโอษฐ์ หรือพระไตรปิฎกแปลเกือบทั้งสิ้น
หนังสือที่เรามีเป็นหนังสือสอนพระเสียเป็นส่วนใหญ่ และเป็นแนวปฏิบัติ เช่นวิมุติมรรค(คนละเล่มกับวิสุทธิมรรค) หัวใจกรรมฐาน คู่มือมนุษย์ พุทธธรรม ตามรอยพระอรหันต์
......เพือนฝูง พี่น้องก็พยายามแนะนำอาจารย์ไหม่ๆ ทฤษฏีใหม่ให้ตลอด เราก็ได้แต่ยิ้มรับ แต่ไม่ตอบรับ
ยิ่งอาจารย์ที่ดูจิตพึ่งเป็นข่าวเมื่อสักสองอาทิตย์ มีคนเชียร์กันมาก บังเอิญเจอหนังสือที่ว่าใครๆก็อยากได้ ดูเหมือนจะชื่อทางเอก เราก็ขอซื้อมาเล่มหนึ่ง ก็ตั้งใจอ่านดูเพราะท่านนี้ผู้ใต้บังคับบัญชา ของเราเชียร์มาก อ่านไปได้สัก1ใน3ของความหนาแล้วเราก็วางในใจคิดอะไรหลายอย่างแต่ไม่ขอกล่าว ไม่ขอให้ความเห็น
.....คนเราเข้ามาในกระดาน มีจุดมุงหมายต่างกัน ฟังดูอ่านดูก็รู้ ว่าแต่ละคนอัตตาใหญ่เล็กขนาดไหน
ขนาดท่านตั้งกระทู้ว่าธรรมมะของพระพุทธเจ้าเป็นของกล้วยๆ มีคนทนไม่ได้รีบโพสท์มาสั่งสอนตักเตือนท่านทันที ถ้าอัตตามันใหญ่พอๆกัน ก็ต้องรบกันด้วยโวหารต่อไป ใครอัตตาเล็กกว่าเป็นฝ่ายหยุด ความจริงถ้าเรารู้จักกิเลสจริง ไม่ว่าคนหรือพระก็ดูไม่ยาก ขอให้ได้อยู่ใกล้ขอให้ได้พูดคุย กิเลสมันจะไหลออกมาเอง เช่นอาจารย์ที่เราไปบวช ปฏิบัติท่าน ท่านชื่ออาจารย์ สุทัศน์ โกวสโล วัดกระโจมทอง เราอยู่ใกล้ท่าน 3 เดือนสายตาท่านว่างเปล่าจริงๆ ไม่เห็นจริงๆ โลภ โกรธ หลง ใครมาเชิญท่านออกทีวี ท่านไม่ไป ความจริงถ้าอยากออกทีวี อยากเป็นพระเอกในหัวใจโยม มันก็ต้องพิจารณาดูเหมือนกัน...ต่อหน้าถัดไป/เจโตวิมุติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2010, 14:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ส.ค. 2010, 00:17
โพสต์: 255

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: คนเราสติปัญญามันต่างกัน เขาให้มีดมาเล่มเดียวเหมือนกัน คนหนึ่งเอาไปถางหญ้า ตัดต้นไม่กิ่งไม้ เถาวัลย์ที่มันปกคลุมบ้านไม่ให้รก อีกคนได้มีดแล่นไปมุมตึกใครผ่านมาเอามีดจี้เอาเงินทอง มีดเล่มเดียวกันแท้ๆ พระพุทธทาสท่านสอนว่าถ้าเข้าใจหัวใจศาสนาเสียแล้ว พระพุทธรูปทุบทิ้งให้หมดก็ได้ มีคนว่าท่านป็นคอมมิวนิสต์.และยิ่งไปกว่านั้นได้ยินว่าอาจารย์บางท่านสอนเลยเถิดไปถึงไม่ต้องไหว้พระพุทธรูปกันเลย อันนี้ก็เรื่องของปัญญา.....เป็นพระก็เช่นกันถ้าบังเอิญโด่งดังขึ้นมา มันก็ต้องไหลมาเทมานั่นแหละ ลาภ ยศ สรรเสริญ แอร์ ตู้เย็น เครื่องทำน้ำอุ่น แม่แต่รถประจำตำแหน่งเจ้าอาวาส เจ้าคณะซึ่งบางทีหรือส่วนใหญ่ต้องเป็นเบ้นซ์เสียด้วย
.....มีใช้น่ะมีได้แต่มันสมควรกับสัมณะหรือไม่ ในคืนวันตรัสรู้ พระพุทธเจ้าท่านสุบินไปว่า ท่านเดินลุยผ่าน กองอุจจาระและปฏิกูลขนาดใหญ่และยาวมาก แต่ปรากฏว่า เมื่อเดินผ่านไป อุจจระและปฏิกูลนั้นไม่สามารถ ติดเท้า ตัวหรือแม้แต่ผิวกายท่านเลย มันหมายความว่าอย่างไร มันไม่บอกก็ไม่ได้ตรงนี้เป็นหัวใจในการดูพระ สิ่งปฏิกูลนั้น ก็คือลาภ ยศ สรรเสริญ ที่มีคนมาถวาย หรือที่แย่กว่านั้นบางองค์ดิ้นรนที่จะขอจากญาติโยมด้วยซ้ำไป ถ้าเป็นพระที่มุ่งหวังบรรลุมรรคผลนิพพานแล้วท่านต้องไม่ติดมันหรือมันต้องไม่ติดท่าน มองมันเหมือนกองอุจจาระที่เพียงเดินผ่านมันไปเท่านั้น
......อีกนิดสำหรับพระขี้ขอ วันหนึ่งอาจารย์ชา วัดหนองป่าพงษ์ นี่แหละ บิณฑบาตรวันนั้น ไม่ได้อะไรเลย ได้เพียงข้าวเหนียวก้อนเดียว ก็ต้องฉันท์ข้าวต่อหน้าญาติโยม ไม่รู้จะทำอย่างไร ข้าวเหนียวอยู่ในบาตรก้อนเดียว จึงเปิดฝาบาตรหงายออก แล้วเทน้ำใส่ฝาบาตร มือก็ล้วงลงไปในบาตรหยิบข้าวเหนียวขึ้นมาปั้นพอคำ แล้วจุ่มน้ำแล้วฉันท์ คำแล้วคำเล่า ญาติโยมก็แปลกใจทำไมอาจารย์ฉันท์อยู่แต่ข้าวเหนียว กับน้ำเปล่า จึงเอ่ยปากถามว่า อาจารย์ทำไมไม่ฉันท์กับอย่างอื่นบ้างเห็นฉันท์อยู่แต่ข้าวเหนียวกับน้ำ อาจารย์ท่านก็ตอบเรียบๆว่า ก็ในบาตรนี้มีเพียงข้าวเหนียวก้อนเดียว วันนี้อาตมาบิณฑบาตรได้มาเพียงเท่านี้ ถึงตรงนีท่านรู้จักหรือยังธรรมมะ ...เจริญในธรรม/เจโตวิมุติ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2010, 14:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจโตวิมุติ เขียน:
... เช่นอาจารย์ที่เราไปบวช ปฏิบัติท่าน ท่านชื่ออาจารย์ สุทัศน์ โกวสโล วัดกระโจมทอง เราอยู่ใกล้ท่าน 3 เดือนสายตาท่านว่างเปล่าจริงๆ ไม่เห็นจริงๆ โลภ โกรธ หลง


อิ อิ เขาว่ากันว่า...ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ...อิ อิ

ทำไม...นะ

:b20:

ใครรู้ช่วยบอกที...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2010, 20:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 12:54
โพสต์: 22

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอคาระวะท่านเจโตวิมุติ ผู้มองเห็นอัตตาด้วยทิพย์เนตร ท่านpoorboy ผู้เห็นธรรมเป็นสรณะ

ดังปัจฉิมโอวาทตรัสบอกพระอานนท์ว่า "ดูก่อนอานนท์ ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราได้แสดงไว้

บัญญัติไว้ด้วยดี นั่นแหละจักเป็นพระศาสดาของพวกท่านสืบแทนเราตถาคต เมื่อเราล่วงไป

แล้ว" smiley ขอแสดงมุทิตาแก่ท่านทั้งสอง ขอเป็นกำลังใจให้ท่านทั้งสอง อย่าท้อถอย

ศีลเป็นบันได ญาณสมาบัติเป็นศาลาพักผ่อน จุดหมายที่บรมครูพุทธองค์ตั้งไว้ยังอีกไกลหลายขั้น

เข้ามาเรียนรู้แลกเปลี่ยนให้กำลังใจกันทางวิญญาณ ...สาธุ.

เอะ!!เจ้าตุ๊กแกเอรากอน แอบมาดูเขาคุยกัน ยังทำเสียงดังอีก ระวังจะโดนไม้กวาดลานวัด.เคาะหัว.


แก้ไขล่าสุดโดย ศิษย์โง่งม เมื่อ 10 ต.ค. 2010, 20:42, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ต.ค. 2010, 22:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 09:34
โพสต์: 1478

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศิษย์โง่งม เขียน:

.... จุดหมายที่บรมครูพุทธองค์ตั้งไว้ยังอีกไกลหลายขั้น

เข้ามาเรียนรู้แลกเปลี่ยนให้กำลังใจกันทางวิญญาณ ...สาธุ.

เอะ!!เจ้าตุ๊กแกเอรากอน แอบมาดูเขาคุยกัน ยังทำเสียงดังอีก ระวังจะโดนไม้กวาดลานวัด.เคาะหัว.


ก็แหมม๋....แสงมันเข้าตา...อิ อิ...
...ไปก็ได้...

:b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 21:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ต.ค. 2010, 12:54
โพสต์: 22

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ตรัสรู้ เป็นเพียงผู้ตรัสรู้สิ่งนี้ ดังบทบาลีว่า "อภิสมฺพุชฺฌติ อภิสเมติ" ดังนี้

อภิสมฺพุชฺฌติ - รู้พร้อมยิ่ง
อภิสเมติ - เข้าถึงเฉพาะซึ่งสิ่งนี้ (๔๒)

ครั้นเข้าถึงแล้ว ย่อมมีการบอก การแสดง การบัญญัติ การตั้งขึ้นไว้ การเปิดเผย การแจกให้คนอื่นรู้ การทำให้เป็นของง่าย ตามคำบาลี มีดังนี้ -

๑. อาจิกฺขติ - บอก

๒. เทเสติ - แสดง

๓. ปญฺญเปติ - บัญญัติ

๔. ปฏฺฐเปติ - ตั้งขึ้นไว้

๕. วิวรติ - เปิดเผย

๖. วิภชติ - แจกให้คนอื่นรู้

๗. อุตตานี กโรติ - กระทำให้เป็นของเห็นได้ง่าย เหมือนกับหงายของที่คว่ำอยู่

สิ่งที่ตรัสรู้มีมาก เหลือประมาณ แต่นำมาสอน เพียงนิดเดียว เท่าที่จำเป็น แก่การดับทุกข์ เท่านั้น สิ่งที่ตรัสรู้ มีมาก เปรียบใบไม้ในป่า แต่สิ่งที่นำมาสอน เปรียบใบไม้ในกำมือของพระพุทธเจ้า
แต่คนยังบ่นว่ายาก เรียนแทบตายฟังแทบแย่ยังไม่กระดิกหู หูอือ ตาลายเพราะกิเลสบังตา ตัณหาบังหู
ขอไปดูหนังฟังเพลงก่อนนะ ว่าแล้วก็ย้ายก้นไปนอน เป็นแค่คำอ้างของคนขี้เกียจเท่านั้น..


แก้ไขล่าสุดโดย ศิษย์โง่งม เมื่อ 12 ต.ค. 2010, 09:11, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 22 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร