วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 05:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 83 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2010, 19:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


พระโพธิสัตว์กวนอิม ตอบว่า "ที่นี่ มีพระโพธิสัตว์รูปหนึ่ง
คอยบงการความเป็นไป จะแปลงเป็นชาย ก็เป็นชายทั้งหมด
จะให้แปลงเป็นหญิง ก็เป็นหญิงทั้งหมด ความจริง
ไม่ว่าจะแปลง เป็นหญิงหรือชาย ก็ไม่มีอะไรแตกต่างกัน
เพราะว่า การเปลี่ยนแปลงร่าง เกิดในดอกบัวนั้น
หามีเรือนกาย ที่เป็นเลือดเนื้อไม่ เรือนกายจะเป็นแก้วผลึกสีขาว
โปร่งใสเหมือนแท่งแก้ว แต่มีรูปเป็นคนเท่านั้น ดังนั้น
จริงๆแล้ว หามีแบ่งหญิง แบ่งชายไม่"


อาตมา ลองสำรวจดูร่างกายตัวเอง ก็พบว่า
เป็นดังที่ พระโพธิสัตว์กวนอิมกล่าวจริงๆ ไม่เห็นผิวหนัง
เนื้อ เล็บ กระดูก เลือด เป็นเพียงเรื่อนร่าง
ที่มีสีขาวโปร่งใส ดังแก้วผลึกเท่านั้น

คนที่ไปเกิดในบัวชั้นล่าง ล้วนแล้วแต่ พกกรรมเก่า ติดตัวไปเกิดทั้งสิ้น
มาถึงที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย หลังจากเปลี่ยนร่าง
เกิดในดอกบัวแล้ว ก็จะกลายเป็นเด็ก อายุ 13-14 ปีทั้งหมด
กลับเฒ่าเป็นทารก กลายเป็นคน หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา
น่ารักน่าเอ็นดู ดูภายนอก เหมือนมีหญิงและชาย
แต่โดยความเป็นจริง หามีแบ่งหญิงและชายไม่


อาตมายังไม่หายสงสัย เรียนถามพระโพธิสัตว์กวนอิมต่อไปว่า
"เหตุใดเวไนยสัตว์ ที่มาเกิดที่นี่ จึงเปลี่ยนเป็นพิมพ์เดียวกันหมดและ
อายุเท่ากันหมดล่ะครับ"

ท่านตอบว่า "ทั้งนี้เพราะว่า พุทธภาพนั้นเสมอภาคกัน
พุทธานุภาพ ของพระอมิตาภะพุทธเจ้า ชักนำพวกเขา
มาเลี่ยนร่างเกิด ในดอกบัว ทุกคนจะได้รับการปฏิบัติเหมือนกันหมด

ไม่ว่าพวกเขา ขณะอยู่สัพพะโลก จะเป็นพ่อเฒ่า แม่เฒ่า วัยกลางคน
วัยฉกรรจ์ก็ตาม แต่หลังจากเปลี่ยนร่าง เกิดในดอกบัวแล้ว
จะออกมาเป็นคนอายุ 10 กว่าปีทั้งหมด
ก็ทำนองเดียวกับ ทารกแรกเกิด ในแดนมนุษย์นั่นเอง
ขนาดใหญ่น้อยของร่างกาย จะแตกต่างกันไม่มาก"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2010, 20:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


แดนนี้น่าไปอยู่นะครับ โดยเฉพาะ กลุ่มคน สว.(คนสูงวัย) จะได้เปลี่ยนร่างกลับเป็นวัยรุ่นหนุ่มสาวอีก

หรือเป็น ผญ.เสียใจร้องไห้ เพราะถูก ผช. แอบไปมีกิ๊กมีบ้านเล็กบ้านน้อย ก็แปลงร่างเป็นชายมีเมียเสียบ้าง

กลับกัน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2010, 20:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


สรรเสริญพุทธคุณ พระอมิตาภะ

http://www.youtube.com/watch?v=ihRk-vXK ... re=related

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2010, 20:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


ที่บัวชั้นล่าง ภายหลังเปลี่ยนร่าง เกิดในดอกบัวแล้ว
ก็ใช้ชีวิดอยู่ในเหลียนหัว (ปุณฑริก) วันหนึ่งแบ่งออกเป็น 6 ชั่วโมง
ชั่วโมงหนึ่ง จะเป็นชั่วโมงประชุมศึกษาคัมภีร์

ครั้นถึงเวลาศึกษาคัมภีร์ ระฆังพอดัง คนที่อยู่ในสระบัว หรือพำนักอยู่ในห้องหอ
ก็จะกลาย เป็นเด็กผู้หญิงทั้งหมด หรือเด็กผู้ชายทั้งหมด
พวกเขา จะมีรูปร่างหน้าตา และการแต่งกาย เหมือนกันหมด
โดยการควบคุม ของพุทธานุภาพ หรือพระโพธิสัตว์

พุทธานุภาพ ต้องการให้แปลงเป็นชาย ก็เป็นชาย ต้องการให้แปลงเป็นหญิง
ก็เป็นปญิง การแต่งการก็เช่นกัน จะให้แดงก็แดง จะให้เขียวก็เขียว
จะให้เหลืองก็เหลือง

เวไนยสัตว์ในบัวชั้นล่าง กลางวันจะออกจากดอกบัว ออกมาวิ่งเล่น
บ้างร้องเพลง บ้างร่ายรำ บ้างบำเพ็ญภาวนา บ้างสวดพุทธยะ
บ้างสวดมนต์ บ้างทำการเล่น หรือกิจกรรมอื่น ๆ ถึงเวลาพัก
ต่างคน ก็ต่างกลับ ไปยังดอกบัวของตน


สรุปแล้วก็คือ ตอนกลางวันบัวคลี่ กลางคืนบัวหุบ ขณะพักผ่อนอยู่ในดอกบัว
บางคน จะนั่งสวดมนต์ภาวนา บางคน
ก็มีความฝัน อันบรรเจิดต่าง ๆ นานา (เนื่องจากพกกรรมเก่า
ติดตัวไปเกิดในสุคติภพ จึงหนีไม่พ้น ที่จะมีภาพสะท้อนของกิเลสมาร)

พระโพธิสัตว์กวนอิม กล่าวกับอาตมาว่า
"เอาล่ะ ทีนี้ อาตมาจะพาท่านไ ปเที่ยวชมจัตตุรัสดอกบัว"

ไปถึง บริเวณจัตตุรัสดอกบัว ชั้นแรกเราเห็นดรุณี 10 ถึง 20 คน
แต่ต่อจากนั้น ก็เห็นเพิ่มขึ้น เป็นลำดับอย่างรวดเร็ว เป็นร้อยเท่าพันทวี
ไม่ต่ำกว่าหลายหมื่นคน ชั่วพริบตาเดียว ทั้งจัตตุรัส
ก็เนืองแน่น ไปด้วยเด็กผู้หญิง รูปร่างหน้าตา และการแต่งกาย
เป็นพิมพ์เดียวกันหมด พวกเธอมาชุมนุม เพื่อให้เราชมดู
กล่าวสำหรับพวกเธอแล้ว เป็นเรื่องง่ายดายดังพลิกฝ่ามือ
ชั่วประเดี๋ยวเดียว ก็รวมคนนับหมื่นคน ไม่เหมือนโลกมนุษย์เรา
จะรวบรวมคน หลายพันหลายหมื่นคนได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2010, 21:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ จำต้องใช้เวลามากมาย ไปตระเตรียมจึงสำเร็จได้
ชั่วครู่ เราก็มาถึงสระบัว เห็นน้ำในสระพิเศษ พิสดารมากเหมือนก๊าซ
ต่างกับน้ำ ในสัพพะโลกของเรา ที่เป็นของเหลว

พระโพธิสัตว์กวนอิม กล่าวกับอาตมาว่า "ท่านลงไปอาบน้ำหน่อยซี"
อาตมากล่าวว่า "เดี๋ยวเสื้อผ้าเปียกหมดจะทำอย่างไร"
"ไม่เปียกหรอก ไม่ใช่สระน้ำในสัพพะโลกนี่นา ลงไถึงได้ทำให้เสื้อผ้าเปียก" ท่านตอบ

อาตมาปฏิบัติตามงก ๆ เงิ่น ๆ ลงไปอาบน้ำในสระ จริงด้วยเสื้อผ้าไม่เปียก สักนิด
ที่ประหลาดยิ่งกว่าก็คือ ความจริงอาตมาว่ายน้ำไม่เป็น กลัวจมลงใต้น้ำ
แต่ที่ไหนได้ อาบน้ำในสระบัว กลับบังคับได้ตามอำเภอใจ จะลอยตัวก็ลอยตัว
จะลดตัวก็ลดตัว นึกจะไปซ้ายก็ซ้าย นึกจะไปขวาก็ขวา
คือสามารถควบคุม ด้วยจิตของเราเอง โดยสิ้นเชิง


อาตมาว่ายเล่น อยู่ในสระรอบแล้วรอบเล่า รู้สึกสนุกอย่าบอกใครเชียว
ด้วยความอยากรู้อยากเห็น อาตมาลองควักน้ำในสระ ดื่มลงคออีกหนึ่ง
ปรากฏว่าหวานเย็นชุ่มฉ่ำ ดังนั้น อาตมาจึงดื่มไปหลายอึก อย่างกระหาย
ยิ่งดื่ม จิตใจก็ยิ่งกระชุ่มกระชวย ตัวเบาโหวงเหวง เหมือจะเหาะขึ้นมาได้

อาตมาลองคลำดูเสื้อผ้าบนกาย ปรากฏว่าไม่เปียกน้ำ แม้แต่หยดเดียว
ครั้นอาตมาว่ายไป ยังใจกลางสระบัว ก็เห็น ดอกบัวสวยงามมากมาย
กำลังคลี่กลีบ ดอกบานสะพรั่ง งามวิจิตรเพริดแพร้ว


มีคนนั่งขัดสมาธิ สวดมนต์ภาวนาอยู่บนดอกบัว ก็เห็นบางดอก กำลังเหี่ยวเฉาโรยรา
บางดอกหักสะบั้น กระทั่งเฉาตายไปแล้วก็มี น้ำในสระบัวคือ
น้ำในสระบัวก็คือน้ำ “อัฐกุศล” ที่กล่าวถึงใน สักวาเวติเวยูฮาสูตร นั่นเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2010, 21:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


ภาพสะท้อนกิเลสมารของผู้ไปเกิดในบัวชั้นล่าง

ผู้ไปเกิดยังระดับล่าง ของบัวชั้นล่าง ก็คือ เวไนยสัตว์ ในสัพพะโลกของเรา
นี่เสาะแสวง ใคร่ได้เกิดในวิสุทธิภูมิ โดยการสวดมนต์ภาวนา
แล้วพกกรรมติดตัว ไปเกิดยังสุขคติภพนั่นเอง

“ พกกรรมติดตัวไปเกิด ” นั้นหมายความว่าอย่างไร

หมายความว่า เวไนยสัตว์เหล่านี้ ขณะอยู่ในสัพพะโลก
เคยประกอบกรรมชั่ว ต่างๆ นานา เป็นต้นว่า
ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ลักทรัพย์ หลอกลวง หมิ่นประมาท ปรักปรำใส่ร้ายผู้อื่น
ลิ้นสองแฉก ประพฤติผิดในกาม ฯลฯ

แต่ว่า ในขณะ ก่อนที่เขาจะถึงแก่กรรม บังเอิญมีวาสนา
ได้พบพาน ผู้มีบุญกุศล สอนสวดมนต์ภาวนา
สวดนามพระอมิตาภะพุทธเจ้า ตั้งจิตตั้งใจไม่หันเห
(ผู้ที่ทำได้ถึงขั้นตั้งจิต ตั้งใจไม่หันเหนั้น ล้วนได้ปลูกฝังกุศลมูลไว้)
บวกกับพร ของพระอมิตาภะพุทธเจ้า
ชักนำเข้าไปสู่สุคติภพ แปลงร่างเกิดในบัวชั้นล่าง

แต่ทว่า ในบัว 9 ชั้น ถ้าจะบำเพ็ญศีลภาวนา จากบัวชั้นล่างสุด
ถึงบัวชั้นสูงสุด จะต้องใช้เวลานานถึง 12 กัลป์
กัลป์หนึ่งเท่ากับ 16 ล้าน 7 แสน 9 หมื่น 8 พันปี
ดังนั้น คนที่จะไปเกิดในบัวชั้นล่าง

กว่าจะบำเพ็ญศีล ให้ตัวเองขึ้นถึงบัวชั้นสูงสุดนั้น
ต้องใช้เวลา 201 ล้าน 5 แสน 7หมื่น 6 พันปี
จึงจะสำเร็จเป็นพุทธได้ แต่ถ้าเขามีการตัดสินใจ แน่วแน่ในสัพพะโลก
ยืนหยัดวัตรปฏิบัติ บำเพ็ญศีลภาวนา อย่างคร่ำเคร่งมานะบากบั่นแล้ว
ก็อาจใช้เวลา 3 ปีหรือ 5 ปี ก็จะได้ไปเกิด
ยังบัวชั้นกลาง หรือบัวชั้นสูงได้


หรือ อาจจะสำเร็จมรรคผล ในชั่วอายุขัยนี้ก็เป็นได้ ฉะนั้นเราต้องถนอมรัก
“สังขารมนุษย์ที่ได้มาโดยยาก” นี้ ยืนหยัดในวัตรปฏิบัติ
บำเพ็ญศีลภาวนาอย่างมุมานะ อาจประสบความสำเร็จ
ได้ไปเกิดยังบัวชั้นสูง พอดอกบาน ก็ได้เห็นพระพุทธเจ้า

ดังเช่นตัวอย่าง พระธรรมาจารย์ยิ่งกวง กับพระธรรมมาจารย์หงอี
ก็เป็นตัวอย่างอันมีชีวิตชีวา ประเด็นนี้
จะได้กล่าวถึงในโอกาสต่อไป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2010, 21:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


แต่จะว่าไปแล้ว เวไนยสัตว์ ในสัพพะโลกของเรา
ก็มีทุกขเวทนา สารพัด ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยง อันได้แก่การ เกิด แก่ เจ็บ ตาย
ไม่ได้ในสิ่งที่หวัง โกรธทุกข์ หลงทุกข์ ขันธ์ 5 เปี่ยมทุกข์

แต่ในสุขคติภพ แม้จะเกิดในระดับล่าง ของบัวชั้นล่าง ก็ไม่มีทุกข์ดังกล่าวข้างต้น
แม้ว่า เวไนยในระดับล่าง ของบัวชั้นล่าง จะต้องใช้เวลานานถึง 12 กัลป์
ไปบำเพ็ญก็ตาม แต่มีหลักประกัน จะเลื่อนขึ้นทีละชั้น
จนกระทั่งดอกบาน เห็นพระพุทธเจ้าได้
ระหว่างทาง จะไม่หวนกลับคืนสู่ไตรวัฏ (กิเลสวัฏ กรรมวัฏ วิบากวัฏ )
และจตุรภพ (กามภพ รูปภพ อรูปภพ) อย่างเด็ดขาด
และ กระบวนการทั้งหมด ในการบำเพ็ญนั้น ก็อยู่ในสภาวะ “สุขารมณ์” ตั้งแต่ต้นจนจบ

ดอกบัวในบัวชั้นล่าง ต่างกับดอกบัวในโลกมนุษย์เรา
ดอกใหญ่ขนาด 1 ถึง 3 กิโลเมตร สูงขนาดตึก 3-4 ชั้น
ดอกบัวทุกดอก ล้วนมีแสงในตัว

คนที่เกิดในนี้ ถ้าว่าอยู่ในดอกบัว เกิดความคิดฝันเฟื่อง ต่างๆ
สีสันของดอกบัว จะซีดจางไร้ประกาย ตรงกันข้าม
ถ้าไม่มีความคิดฝันเฟื่อง จิตบริสุทธิ์ว่างเปล่า
ดอกบัวจะเปล่งประกายเจิดจ้า เสียดแทงนัยน์ตา
ต่อไปนี้ คือตัวอย่างเป็นๆ สองตัวอย่าง ที่เห็นมา

พระโพธิสัตว์กวนอิมกล่าวว่า “ชาติต่างๆ ของเวไนยสัตว์
ได้ประกอบกรรม ที่แตกต่างกันนานาประการ ดังนั้น
คนที่พกกรรมติดตัว ไปยังสุคติภพ นั้น
ภาพสะท้อนกิเลสมาร ก็แตกต่างกัน ผู้ที่เกิด
ในระดับล่างของบัวชั้นล่าง กิเลสมารค่อนข้างหนา
แน่ล่ะก็มีหนักเบาต่างกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2010, 09:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

ขออนุญาตถาม จขกท.หน่อยนะครับ :b8:

รูปเจ้าแม่กวนอิมเรียกว่าปางอะไร มีที่มายังไงครับ

http://www.stock2morrow.com/forums/show ... php?t=9910

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 20 มิ.ย. 2010, 09:27, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2010, 11:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ขออนุญาตถาม จขกท.หน่อยนะครับ :b8:

รูปเจ้าแม่กวนอิมเรียกว่าปางอะไร มีที่มายังไงครับ


ต้องขอโทษ คุณกรัชกายจริงๆเลยค่ะ ไม่ทราบเลยค่ะ :b1:
เรามีเข้าเว๊บไปดู แต่เขียนเป็นภาษาจีนทั้งหมด
ต้องขอคำตอบ จากคุณอมิตตาพุทธล่ะค่ะ

ดีใจค่ะที่มีเพื่อนคุย เรื่องพระโพธิสัตว์กวรอิม เพิ่มมาอีก1ท่าน
เราศรัทธาและสนใจ เรื่องท่านมากเลยค่ะ
แต่เห็นในเว๊บนี้ ไม่ค่อยมีใครคุยถึงท่าน
ก็เลยไม่กล้าถาม ก็เลยไปหาตามเว๊บ
ของประเทศจีน กับใต้หวันดูเอาเองค่ะ :b1:

คุณกรัชกายพอจะรู้มั๊ยค่ะ รูปปั้นของท่านรูปนี้ อยู่ี่ประเทศอะไรค่ะ (เพลงเพราะมากเลยน่ะค่ะ)
วันหลังๆ เราจะคุยเรื่องอานิสงฆ์ (ไม่รู้ว่าพูดถูกหรือปล่าวน่ะค่ะ) เรื่องการฟังคำสวด
ให้ฟังน่ะค่ะ

ขอฝาก! ถ้าผู้ใดพบคุณอมิตาพุทธ
ช่วยบอกคุณอมิตาพุทธด้วยน่ะค่ะ :b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2010, 11:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ในระดับล่างของบัวชั้นล่าง กิเลสมารค่อนข้างหนา
แน่ล่ะก็มีหนักเบาต่างกัน



ดังนั้น ในบัวชั้นล่าง ก็ยังแบ่งออกเป็นระดับล่าง
ระดับกลาง ระดับสูง คนส่วนใหญ่ จะยังไม่อาจลืมความรัก
ความอาลัยในโลกมนุษย์

เป็นต้นว่า อาลัยรักในพ่อแม่ พี่น้อง ญาติมิตร ตลอดจนมีความใคร่
ความปรารถนา ในวัตถุโภคทรัพย์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้
จะสะท้อนภาพ ออกมาเป็นฉากๆ
เปรียบดังมนุษย์ในโลก นอนหลับฝันฉันใดก็ฉันนั้น
เอาละ อาตมาจะพาเจ้าไป
ดูของจริงจาก ภาพ สะท้อนของกิเลสมาร”


เราเดินเลี้ยวโค้งหลายโค้ง ในที่สุด ก็มาเห็นดอกบัวดอกหนึ่ง
ซึ่งมี สีซีดจางไร้ประกาย ครั้นเราก้าวเท้าเข้าไปดู
ก็พบคฤหาสน์ หลังใหญ่โอ่อ่า โอฬาร ราวกับปราสาทราชวัง
สวนบุปผชาติ สวยงามยิ่ง ศิลปวัตถุ เพชรนิลจินดา

ในคฤหาสน์ ล้วนมีค่าควรเมืองทั้งสิ้น การประดับตกแต่ง
ล้วนแล้วแต่สวยงาม มีรสนิยมสูง ไม่ต่างกับ
คฤหาสน์ ของอัครเสนาบดี ในแดนมนุษย์ ผู้คนในคฤหาสน์
มีทั้งหญิงและชาย รวมหลายสิบคน การแต่งกาย
เหมือนคนในโลกมนุษย์ หรูหรางดงาม เห็นคน เข้าๆ ออกๆ
คึกคักมาก

ดูลักษณะ คล้าย กำลัง มีงาน ศุภมงคลอะไรซักอย่าง
อาตมาถาม พระโพธิสัตว์กวนอิมว่า ” เหตุใดในสุคติภพ ยังมีวิถี
ชีวิตแบบเดียวกับครอบครัว ในโลกมนุษย์ด้วยล่ะครับ”

ท่านตอบว่า “คนผู้นี้ ถึงแม้ว่าก่อนตาย จะเป็นคนพิสุทธิ์ผุดผ่อง
พกกรรมติดตัว ไปเกิดยังสุคติภพ แต่ว่า ยังมีกิเลสหนา
ตัดขาดโลกีย์วิสัยไม่ได้ คนหลายสิบคน ที่เราเห็น
ล้วนเป็นญาติสนิท สมัยที่เขายังมีชีวิตอยู่
เช่น พ่อแม่ ลูกเมีย คนรัก พี่ชายน้องชาย
พี่สาวน้องสาว สะใภ้ ญาติโกโหติกาทั้งหลาย
ยังมีความรักความอาลัย ยากจะแยกจากกันได้
ฉะนั้น ทุกครั้งที่เขากลับมา พักผ่อนยังดอกบัว
ก็มักจะคิดถึงคนึงหา ถึง บุคคลและสรรพสิ่งเหล่านี้ พอฝันเฟื่องว่า
อยากจะอยู่ด้วย พวกเขาก็จะปรากฎออกมา
เพราะว่าแดนสุขาวดี นั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2010, 11:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


มีแต่สุข ไม่มี ทุกข์ พอคิดถึงพ่อแม่ พ่อแม่ก็ปรากฏ
คิดถึงลูกเมีย ลูกเมียก็มาปรากฏ คิดถึงคฤหาสน์
คฤหาสน์ก็มาปรากฏ คิดถึงอาหารเลิศรส ก็มาปรากฏ

ภาพที่ปรากฏออกมา ก็ดุจเดียว กับภาพความฝัน ในสัพพะโลกนั่นเอง
ในฝัน จะรู้สึกเหมือนอยู่กับของจริง ครั้นตื่นขึ้นมา
ก็เหลือแต่ความว่างเปล่า

นั่นคือ ภาพสะท้อน ของกิเลสมารนั่นเอง มันเป็นเพียงภาพลวงตาอย่างหนึ่ง
ญาติโยมที่อยู่ในแดนมนุษย์ หาได้มีส่วนรู้เห็นไม่”

ปิยวาจา ของพระโพธิสัตว์กวนอิม เป็นอุทาหรณ์พึงสังวรความจริง
ชีวิตในโลกมนุษย์ มีเรื่องใดบ้าง ที่มิใช่ความฝัน
เมื่อใดวิญญาณออกจากร่าง ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ท่านเคยเป็นเจ้าของอยู่
ก็ไม่มีปัญญาพกติดตัวไปได้ ไม่ได้เป็นของท่าน อีกต่อไปแล้ว
ก็เหมือนดังความฝัน ที่ผันเปลี่ยนไปมา
ในที่สุดยังคงเป็นความว่างเปล่า


พระโพธิสัตว์กวนอิม ยังอธิบายต่อไปอีกว่า
“ ว่าที่จริง คนที่พกกรรมติดตัวมาเกิดในนี้ ความคิดฝันเฟื่อง
ของพวกเขา มีมากกว่าความใคร่ ความปรารถนา ของมนุษย์ในโลกเสียอีก

เพราะว่า สัพพะโลกนั้น เป็นวัตถุ มีสิ่งกีดขวางมากมาย
(วัตถุ เหมือนกั้นด้วยแผ่นกระดาษ มองไม่เห็นตัว วัตถุเองจะรุ
เก่ารับใหม่ เวียนว่ายตายเกิดตลอดเวลา)

ฉะนั้น มีของมากมาย ที่มักต้องเจอกับ “ ทุกข์ที่อยากจะได้ แต่ไม่ได้ ”
แต่ในสุคติภพต่างกัน เพราะไม่ใช่วัตถุ เพียงแต่ท่านนึกถึงมัน (ฝันเฟื่อง)
อยากได้สิ่งใด สิ่งนั้นก็จะมาปรากฏอยู่ต่อหน้า
ให้ท่านได้ส้องเสพ ได้อย่างเต็มที่

สุคติภพ มีลักษณะเป็นศูนยภาพ เป็นภพที่เปี่ยมด้วยธรรมะ
ส่วนวิมานแมน มีลักษณะเทวภาพ ถึงแม้ว่า
จะมีเบญจพลก็ตาม บางครั้ง ก็ยังมีปรากฏการณ์
ที่ไม่ได้ ในสิ่ง ที่อยากจะได้เช่นกัน
ส่วนโลกมนุษย์นั้น มีลักษณะวัตถุ มีสิ่งกีดขวาง ชั้นแล้วชั้นเล่า
สิ่งที่อยากจะได้ จึงยากยิ่งจะเป็นจริง ”

อาตมาเรียนถาม ท่านโพธิสัตว์กวนอิมต่อไปว่า
“ภาพฝันเฟื่อง” มีข้อแตกต่างกับภาพจริง
ของพิสุทธิภูมิยูไลหรือไม่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2010, 11:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านตอบว่า “ภาพจริง นั้น เป็นนิจนิรันดร์
เที่ยงแท้แน่นอน ไม่ดับไม่สูญ จะเปล่งสัพรังสีตลอดกาล
แต่ ภาพฝันเฟื่อง นั้น เป็นอนิจจัง ไม่เที่ยงแท้แน่นอน
ไม่สามารถ เปล่งรังสีใดๆ ออกมาทั้งสิ้น

ฉะนั้น ครั้นเมื่อตื่น จากภวังค์ความฝันเฟื่องแล้ว ก็จะเหลือแต่ความว่างเปล่า
ก็เหมือนที่ คนเรานอนหลับฝันไป ฉันใดฉันนั้น ตัวบุคคล
ภูเขาลำเนาไพร คฤหาสน์ ตลอดจนตึกรามบ้านช่อง
ที่เราเห็นในฝันนั้น ครั้นเมื่อตื่นขึ้นแล้ว ก็ไม่คงอยู่อีกต่อไป

เวไนยสัตว์ในสัพพะโลก ไม่เสียดาย ที่จะทุ่มเท ทั้งชีวิตจิตใจ ไปชิงดีชิงเด่น
ชิงผลประโยขน์ลาภยศ สู้กันจนตายไปข้างหนึ่ง
แต่ว่าถึงที่สุดแล้ว ตายไป ก็นำอะไร ติดตัวไปไม่ได้แม้แต่ชิ้นเดียว
วิญญาณ ตกสู่วัฏฏสงสารของ 6 ภูมิ เ
วียนว่ายตายเกิด ตามกฎแห่งกรรม ถูกกรรมตามสนอง
ทนทุกข์เวทนาสารพัด ฉะนั้นจะหลุดพ้นห้วงทุกข์
ก็จะต้องรีบละ เลิกจากความลุ่มหลงมัวเมา หันหลังกลับก็คือ ปารคู ”



เจ้าของคฤหาสน์ ที่เห็นเมื่อครู่ ได้พกกรรมติดตัว
ไปเกิดยังสุคติภพ ตามที่ท่านพระโพธิสัตว์เล่าให้ฟัง
เขาเป็นคนบ้านเดียวกับอาตมา (อำเภอผูเถียน มณฑลฝูเจี้ยน)
สามารถส่งภาษากันรู้เรื่อง ท่านแนะให้อาตมา ลองเข้าไปดูในคฤหาสน์

เราก้าวเข้าไป ในคฤหาสน์โอ่อ่าหลังนั้น เห็นภายใน
กำลังตั้งโต๊ะกินเลี้ยง กันอย่างขนานใหญ่ บนโต๊ะอาหาร
เต็มไปด้วย อาหารที่ทำจากของทะเล และของป่าที่หายาก
มีคนอยู่ 60-70 คน กำลังดื่มกินกันอย่างไม่อั้น
ดูยิ่งใหญ่ฟู่ฟ่ามาก มีชายชราคนหนึ่งอายุประมาณ 70 ปี

ดูท่าทางภูมิฐาน เหมือนคนร่ำรวยในโลกมนุษย์ คงจะเป็นเจ้าภาพจัดงาน
ครั้นเห็นพวกเราเข้ามา ก็เข้าทักทาย ต้อนรับด้วยมารยาทอันงาม
“พวกท่านมาแต่ไหนครับ” เขาถาม

อาตมา ตอบด้วยภาษาจีน สำเนียงฝูเจี้ยนว่า
“อาตมามาจาก ผูเถียนมณฑลฝูเจี้ยน เป็นคนบ้านเดียวกันกับท่านครับ”
เมื่อเขาได้ยินว่า “คนบ้านเดียวกัน” รู้สึกตื่นเต้นดีใจมาก
ผงกศรีษะกล่าวว่า “โอ ประเสริฐ ประเสริฐ”
พร้อมกับเชื้อเชิญพวกเรา ร่วมโต๊ะกินเลี้ยงด้วยกัน
อาตมาถือโอกาส ถามไปว่า “ท่านจัดงานเลี้ยงใหญ่โต มีงานมงคลอะไรหรือครับ”

เขายิ้มกลับ ย้อนถามว่า “แล้วท่านล่ะมาถึงที่นี่ได้อย่างไร”
อาตมา ชี้มือไปยังพระภิกษุหยวนกวน ซึ่งยืนอยู่นอกประตูว่า
“ท่านพระโพธิสัตว์กวนอิม ท่านพาอาตมามาที่นี่ เพื่อทัศนาจรครับ”


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2010, 12:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


วาจาพอกล่าวออกไป ภาพต่างๆ ที่เคยมีอยู่ พลันเกิดการเปลี่ยนแปลง
ชายชราผู้นั้น พอได้ยินชื่อ
พระโพธิสัตว์กวนอิมเท่านั้น ร่างกายพลันสั่นสะท้านคราหนึ่ง
สีหน้าปรากฏ แววละอายใจ

ทันใด คฤหาสน์หลังงาม ผู้คน 6-70 คน รวมทั้งงานเลี้ยงทั้งหมด
พลันอันตรธานในชั่วพริบตา คนชราก็คืนสู่วัย 13-14 ปี
นั่งขัดสมาธิอยู่บนดอกบัว ทั่วสารพางค์กาย เป็นแก้วผลึกสีขาวโปร่งใส
สวยงามมาก การเปลี่ยนแปลง อย่างฉับพลัน ของสภาพเบื้องหน้า

ก็เป็นดังที่ พระโพธิสัตว์กวนอิมกล่าวไว้เมื่อครู่ ภาพเหล่านั้น
เกิดจากความฝันเฟื่อง เมื่อความคิดฝันเฟื่องดับ ภาพก็ดับไปด้วย

ที่แท้ คนผู้นี้ ขณะมีชีวิต อยู่ในสัพพะโลก เป็นพ่อค้าร่ำรวยคนหนึ่ง
ความฝันเฟื่อง ต่างๆนานา สมัยยังมีชีวิตอยู่
ความเคยชิน ที่ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยหรูหรา ยังติดตัว
ยากจะตัดไปในทันใด จึงชอบจัดงาน เชิญแขกกินเลี้ยง
ความเคยชินนี้ มักจะปรากฏออกมา เป็นครั้งคราว
จึงกลายเป็นภาพที่เราเห็นอยู่เมื่อครู่นี้

หลังจากนั้น เขาก็แนะนำตัวเองว่า “ผมเป็นคนหมู่บ้าน ตอโถวตำบลหานเจียง
อำเภอผูเถียน มณฑลฝูเจี้ยน ชื่อหลินเต้าอี ครอบครัวร่ำรวย
เป็นตระกูลเชื้อสายผู้ดี ในหมู่บ้านตอโถว

ก่อนตาย ได้ผู้มีกุศลญาณชี้แนะ จึงได้ไปเกิดในสุคติภพ
แต่เป็นที่หน้าละอายใจยิ่ง ความฝันเฟื่อง จากกิเลสมารมีมากเหลือเกิน
ขจัดไม่ได้เสียที ยังลุ่มหลง อาลัยอาวรณ์ ต่อสิ่งเก่าๆ
จึงมักคิดฟุ้งซ่าน ทำให้เกิดภาพลวงต่างๆนานา

ท่านโพธิสัตว์กวนอิม เคยขานชื่อ ชี้แนะทางสว่างแก่ผม 2 ครั้ง
ให้ผมแก้ไข แต่โรคเก่า ผมยังคงกำเริบอยู่เรื่อย แก้ไม่ตกซักที”

ก่อนจาก เขายังฝากอาตมา ส่งข่าวคราวถึงลูกชายเขา
เขามีลูกชายคนหนึ่ง อยู่สิงคโปร์ชื่ออาว่าง บอกว่า
ถ้าอาตมากลับถึงโลกมนุษย์แล้ว มีโอกาส ให้ช่วยบอกลูกเขาว่า
คุณพ่อได้ไปบังเกิด ยังวิสุทธิภูมิประจิมแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2010, 12:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


พระโพธิสัตว์กวนอิม แนะให้คน ที่พกกรรมติตัวมาเกิดเหล่านั้น
จงหมั่นลงไปอาบ “น้ำอัฐกุศล” ในสระบัว
เพื่อชำระ ล้างกิเลสในใจ ทำให้จิตกลับสู่ภาวะบริสุทธิ์

อาตมากับพระโพธิสัตว์กวนอิม ได้เดินทาง มาถึงเขาผาชันแห่งหนึ่ง
ยามนั้น อาตมาก็เห็นภาพพิสดาร อีกภาพหนึ่ง เห็นหญิงสาว
อายุประมาณ 20 ปี นางหนึ่ง เธอสวมใส่ชุด แบบเดียวกับที่
สวมใส่กันในโลกมนุษย์ กำลังนั่งร้องไห้ ปิ่มว่าจะขาดใจ
อยู่ใต้ผาสูง อาตมารู้สึกประหลาดใจมาก

เพราะว่าที่สุคติภพนั้น ไม่มีทุกข์ เหตุใดจึง ยังมีคนโสกาอาดูร
สาหัสสากรรจ์ถึงเพียงนั้น

ท่านโพธิสัตว์กวนอิม คล้ายจะมอง ทะลุใจอาตมา ว่ามีข้อกังขา
จึงให้อาตมา เข้าไปสอบถามเธอดู เดี๋ยวก็รู้ความนัย

ดังนั้น อาตมาจึงเดินเข้าไปหาเธอ พนมมือคารวะ พร้อมถามว่า
“โพธิสัตว์สีกา เศร้าเสียใจด้วยเหตุอันใดหรือ ถึงได้มาร้องไห้อยู่ที่นี่”

เธอเงยหน้าขึ้นมอง ไม่เพียงแต่ไม่ร้องไห้แล้ว กลับเผยอยิ้ม
กล่าวกับอาตมาว่า “ฉันควบคุมใจตัวเองไม่ได้ ฝันเฟื่องตระหนกไป”
กล่าวจบ เธอก็กลับไปยังสระบัว นั่งขัดสมาธิบนดอกบัว
กลายเป็นหญิงสาวอายุ 13-14 ปี ทั่วสรรพางค์กาย เป็นแก้วผลึกโปร่งใส
หน้าผาสูงชัน ก็อันตรธานหายไป

เธอเอื้อนเอ่ยวาจา แนะนำตัวเองว่า “ฉันเป็นคนอำเภอ ซุ่นชังมณฑลฝูเจี้ยน ชื่อ...
ปีนี้อายุ 21 ปี เป็นสีกาถือพุทธ ปี 2503 ฉันตัดสินใจสละเพศฆราวาส
เข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ แต่ถูกคนขัดขวาง นานัปการ ไม่ยอมให้ฉันบวชท่าเดียว
จนในที่สุด บีบคั้น จนฉันต้องกระโดดหน้าผา ฆ่าตัวตาย
ความจริงเป็นการตาย ที่จัดจำพวก 1 ใน 10 บาป
ไม่สามารถผุดเกิดได้ แต่ว่า ท่านโพธิสัตว์กวนอิม
ท่านเมตตามหาการุณย์ เห็นแก่ทมี่ฉันมีความจริงใจบริสุทธิ์ใจ

จึงได้ ชักนำฉัน ไปเกิดยังวิสุทธิภูมิ ด้วยเหตุที่ฉัน เพิ่งมาเกิดได้ไม่นาน
กิเลสมารยังตัดไม่ขาด ดังนั้น จึงมักควบคุมตัวเองไม่ได้
ฝันเฟื่องตระหนกเป็นครั้งคราว สะท้อนภาพกิเลสมารออกมา
ปรากฏการณ์ดังกล่าว ก็เหมือนคนนอนหลับ
ฝันร้ายในโลกมนุษย์ มักมีภาวะตกใจ กลัวเกิดขึ้นในดวงจิต
แม้ว่าจะได้รับ ธรรมเทศนา จากพระโพธิสัตว์กวนอิม
แต่ก็ยังไม่สามารถขจัดได้”


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2010, 12:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bbby เขียน:
อ้างคำพูด:
ต้องขอโทษ คุณกรัชกายจริงๆเลยค่ะ ไม่ทราบเลยค่ะ

ดีใจค่ะที่มีเพื่อนคุย เรื่องพระโพธิสัตว์กวรอิม เพิ่มมาอีก1ท่าน
เราศรัทธาและสนใจ เรื่องท่านมากเลยค่ะ

คุณกรัชกายพอจะรู้มั๊ยค่ะ รูปปั้นของท่านรูปนี้ อยู่ี่ประเทศอะไรค่ะ (เพลงเพราะมากเลยน่ะค่ะ)
วันหลังๆ เราจะคุยเรื่องอานิสงฆ์ (ไม่รู้ว่าพูดถูกหรือปล่าวน่ะค่ะ) เรื่องการฟังคำสวด
ให้ฟังน่ะค่ะ


รูปปั้นนี้อยู่ที่ไหน ?

เข้าไปดูที่นี่มีบอกไว้ครับ

http://fws.cc/whatisnippana/index.php?topic=118.0

และมีอีกหลายศาสนา หลายความเชื่อครับ

อ่าน (ศึกษา)หลายๆศาสนาหลายแง่มุมบางทีอาจเข้าใจศาสนา (พุทธ) ที่ตนนับถือมากขึ้น และถูกทาง

ขึ้นก็เป็นได้

มีเหตุการณ์อะไรหรือครับ คุณจึงสนใจและศรัทธาเจ้าแม่กวนอิม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 83 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 58 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron